วันพุธเดือนแปด อุตราสารทขึ้นค่ำหนึ่งปีฉลูนพศกศักราช ๑๒๓๙ ท่านเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ซึ่งสำเร็จราชการกรมท่ามีบัญชาให้หลวงพิพิธภัณฑพิจารณ์แปลหนังสือพงศาวดารจีนชื่อไคเภ็กแต่ปฐมเหตุสร้างโลกเป็นหนังสือนักปราชญ์แต่งไว้เป็นลำดับกษัตริย์แต่เห็นว่าเป็นความไม่จริงมาก เพราะว่าครั้งนั้นอักษรที่จะจดจำเหตุการณ์สิ่งใดก็ยังไม่มี เป็นแต่ขอดเชือกไว้เป็นสำคัญ ด้ายและไหมก็ยังไม่มี คนคราวนั้นเอาใบไม้เปลือกไม้มาปิดบังป้องกันความละอาย การซึ่งจะหาสิ่งใดบริโภค ก็มีแต่ของดิบและเนื้อสัตว์ดิบกับผลไม้ต่าง ๆ ศักราชปีเดือนคืนวันนับประมาณก็ยังไม่เป็น คนเกิดมาก็หารู้ว่าอายุของตัวมากน้อยเท่าใด เหตุเช่นนี้จึงเห็นความว่าหนังสือไคเภ็กนี้เป็นต้นพงศาวดารจีน ซึ่งต่อลงมาอีกนั้นพิสดารมีแจ้งอยู่ในหนังสือฮองสิน ความในหนังสือไคเภ็กนี้เป็นสำนวนขันๆ พรรณนาไว้หลายอย่าง

เดิมมีพระองค์หนึ่งเป็นใหญ่อยู่ในโลก ทรงพระนามว่าเซกเกียมองนี่ฮุด เห็นว่าในโลกนี้มีสี่ทวีป แต่ทวีปทิศใต้นั้นเป็นหมอกมัวมืดคลุ้มอยู่ ครั้นพระองค์เห็นอย่างนั้นแล้วก็มีความกรุณาแก่สัตว์ทั้งหลายเป็นอันมาก จึงตรัสถามศิษย์องค์หนึ่งซึ่งมีนามว่าพระออนั้นว่า ท่านได้รู้เห็นหรือไม่ว่าในโลกนี้มีสี่ทวีป พระออนั้นจึงกราบทูลว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเขลาปัญญา ไม่ทราบว่าสี่ทวีปจะเป็นของอันใด พระจึงตรัสถามศิษย์ทั้งปวงต่อไป ศิษย์ทั้งปวงก็ตอบว่าหารู้จักว่าจะเป็นอยู่อย่างไรไม่ พระจึงตรัสว่าในโลกนี้มีสี่ทวีป แต่เราอยู่ในทวีปนี้เป็นทิศตะวันตก มีนามเรียกว่าไซหงอฮอจิว ฝ่ายทวีปทิศตะวันออกนั้นมีนามว่าตังแสงสินจิว ฝ่ายทวีปทิศเหนือมีนามเรียกว่าปักโคลูจิว แต่ทวีปทิศใต้มีนามเรียกว่าน่ำเจียงโปจิวนั้นเป็นหมอกมัวมืดคลุ้มอยู่

ขณะนั้นยังมีศิษย์องค์หนึ่งชื่อกวนนิมไต้สือทูลว่า ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดจัดแจงให้เป็นฟ้าเป็นดินขึ้นจึงจะได้ พระจึงตรัสว่า ท่านกล่าวเช่นนี้ก็ชอบอยู่สมควรแล้ว แต่ทว่าการที่จะเปิดฟ้าเปิดดินนั้นเป็นการใหญ่หลวงนัก ด้วยจะสืบไปภายหน้าช้านานไปถึงพันกัลป์หมื่นกัลป์ เหตุฉะนั้นเราจึงมีความปริวิตกเป็นอันมาก ด้วยจะได้ผู้ใดไปรับอาสาภารธุระไปกระทำการไว้ ด้วยเป็นการแรกเริ่มจะคิดสร้างก็คงจะมีความลำบากยากนัก ขณะนั้นคุณต่อเป็งชาน้าเฝ้าอยู่ที่นั้นได้ยินพระตรัสดังนั้นก็ยกมือขึ้นนมัสการแล้วหัวร่อ พระทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็รับสั่งแก่คุณต่อเป็งชาน้าว่า เราจะใช้ให้ท่านไปเปิดโลกให้มีฟ้าและดินนั้น ท่านจะไปกระทำให้สำเร็จได้หรือไม่ คุณต่อเป็งชาน้าจึงทูลว่า ซึ่งพระองค์จะใช้ให้ข้าพเจ้าไปเปิดฟ้าและดินนั้น ข้าพเจ้าจะอุตส่าห์รับไปกระทำให้สำเร็จธุระได้ แต่ในดวงจิตของข้าพเจ้านั้นจะหน่วงเหนี่ยวให้อยู่เสมอนั้นเกลือกว่าจะเผอเรอไป ถ้าข้าพเจ้าไปถึงพิภพอันเป็นวิมานสวรรค์ จิตข้าพเจ้าก็จะเคลิบเคลิ้มหลงใหลอยู่ในพิภพนั้นช้านานจะหาผู้ที่จะช่วยมิได้ พระจึงตรัสว่าเราให้ท่านไปแต่ผู้เดียว การที่จะคิดเปิดฟ้าเปิดดินในครั้งนี้เป็นการใหญ่ จะได้เป็นที่พึ่งแก่มนุษย์ทั้งหลายเป็นอันมาก ถ้าแม้นฟ้าและดินสร้างขึ้นเป็นอันสำเร็จได้แล้ว ธาตุทั้งสี่ก็จะบริบูรณ์จะได้เป็นที่พึ่งแก่มนุษย์ทั้งปวง ซึ่งท่านมีจิตคิดกลัวว่าดวงจิตท่านจะเคลิบเคลิ้มไปนั้น ถ้าท่านกระทำการสำเร็จแล้ว เราจึงจะช่วยให้ท่านกลับมาอยู่เหมือนดังเก่า ท่านจงรีบลงไปเถิด คุณต่อเป็งชาน้ารับคำแล้วคำนับลาเหาะไปถึงทิศใต้ จึงร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังแล้วเนรมิตกายให้กลมเหมือนผลโถ ผลโถนั้นเมล็ดในมีสัณฐานเหมือนรูปเด็ก คุณต่อเป็งชาน้าครั้นเนรมิตกายดังนั้นแล้วตกลงกลิ้งหมุนไป ๔๙ ครั้ง แล้วร่างกายเป็นมนุษย์สูง ๓ ตึ่ง ๖ เชีย คือ ๒๓ ศอกคืบ ศีรษะมีเขาคิ้วและดวงตาใหญ่มีเขี้ยวยื่นออกมานอกปาก ขนมีเต็มไปทั้งตัว มือซ้ายถือสิ่ว มือขวาถือขวานใหญ่ เจาะด้วยกำลังฤทธิในสิ่งที่กำบังที่มืดมัวนั้นแตกออกไปเป็นสองส่วน ที่ใสสะอาดนั้นเป็นฟ้า ส่วนซึ่งขุ่นข้นนั้นตกลงมาเป็นแผ่นดิน ตั้งแต่นั้นมาก็เกิดมีฟ้าและแผ่นดินขึ้น แล้วคุณต่อเป็งชาน้าจึงเอาศิลาก้อนหนึ่ง ศิลานี้เป็นของวิเศษดุจดังแก้วก็ว่าได้ ยาว ๓ ตึ่ง กว้าง ๙ เชีย คือยาว ๑๘ ศอกคืบ ๖ นิ้ว กว้างศอกคืบ ๕ นิ้ว จารึกอักษร ๒๐ ตัวมีความว่า ตัวข้าพเจ้าชื่อพนโกสีย์ ได้มาสร้างฟ้าและดินตามรับสั่งก็สำเร็จแล้ว

ฝ่ายพระผู้เป็นใหญ่ในโลกเห็นว่า คุณต่อเป็งชาน้าไปช้านาน กระทำการก็สำเร็จได้แล้ว เห็นจะเพลิดเพลินหลงอยู่ที่นั้นจึงไม่ได้มา คิดเห็นว่าเป็นดังนั้นแล้ว จึงรับสั่งแก่กวนนิมไต้สือว่า ท่านจงรับธุระเอากำโล้จุยนี้เป็นน้ำทิพย์ใส่ในปั้นลงไปรดคุณต่อเป็งชาน้า จิตที่เคลิบเคลิ้มอยู่นั้นให้สิ้นมลทินไป คุณต่อเป็งชาน้าจึงจะกลับคืนขึ้นมาได้ กวนนิมไต้สือก็คำนับรับเอาปั้นน้ำกำโล้จุยนมัสการลาพระแล้วเหาะไป จึงจำแลงกายให้สูง ๔ ตึ่ง คือ ๒๕ ศอก มือถือปั้นใส่น้ำกำโล้จุยไปยืนอยู่บนก้อนศิลาที่พนโกสีย์เขียนอักษรปักไว้ พนโกสีย์เห็นแล้วจึงถามว่าท่านนี้คือผู้ใดชื่อไร ถือปั้นใส่น้ำกำโล้จุยมาทำไม ท่านมาที่นี่จะประสงค์สิ่งใด กวนนิมไต้สือจึงตอบว่า พระรับสั่งว่าท่านมาช้านานแล้วไม่กลับไป จึงให้เราเอาน้ำกำโล้จุยอันใสบริสุทธิ์มารดชำระให้ท่านสิ้นความหลง และพนโกสีย์นี้เป็นผู้วิเศษอยู่แต่ก่อน พอได้ยินกวนนิมไต้สือว่าดังนั้นก็คิดขึ้นได้ ใจที่เคลิบเคลิ้มหลงใหลอยู่นั้นก็เป็นปกติดีดังเก่า แล้วจึงนมัสการลาพระแล้วสรรเสริญบุญคุณที่ได้ให้กวนนิมไต้สือเอาน้ำมนต์กำโล้จุยมาจะรดให้สิ้นความเคลิบเคลิ้มหลงใหล พนโกสีย์มีความยินดีตอบว่า เชิญท่านเอาน้ำทิพย์กำโล้จุยมารดอาบให้ข้าพเจ้าโดยเร็วเถิด กวนนิมไต้สือเห็นว่าพนโกสีย์พูดดังนั้นแล้ว ก็เอาน้ำกำโล้จุยในปั้นรดพนโกสีย์แล้วว่าแก่พนโกสีย์ว่า แต่ก่อนนั้นท่านยกมือขึ้นคำนับแล้วหัวร่อต่อหน้าที่นั่งพระ จึงต้องมาทรมานกายอยู่ถึงสองหมื่นปีเศษ บัดนี้การฟ้าและดินจัดสร้างก็สำเร็จแล้ว ควรจะกลับคืนขึ้นไปดังเก่า พนโกสีย์ได้ฟังดังนั้นก็ร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง แล้วกายนั้นก็กลับเป็นผลโถไปดังเก่า กวนนิมไต้สือจึงหยิบผลโถนั้นใส่ลงในปั้นแล้วนำผลโถเข้าไปถวายพระ ๆ จึงตรัสว่าท่านไปทำการครั้งนี้เสร็จแล้วจงเป็นรูปกายขึ้นเถิด คุณต่อเป็งชาน้าได้ยินพระตรัสดังนั้น ก็กลับคืนเป็นรูปกายขึ้นดังเก่า กวนนิมไต้สือนั้นก็ทูลพระว่าฟ้าและดินก็เป็นขึ้นบริบูรณ์แล้ว การข้างหน้านั้นจะทำอย่างไรต่อไป พระจึงตรัสว่าของที่เบาคือของอายที่สะอาดซึ่งแบ่งเป็นฟ้านั้นจะเป็นรูปชาย ของที่ขุ่นข้นคือของอายที่ไม่สะอาดซึ่งแบ่งเป็นดินนั้นเป็นรูปหญิง ของอายทั้งสองสิ่งนี้กระทบกันเข้าแล้วจะเกิดเป็นพืชพันธุ์ คือมนุษย์และสัตว์ต่าง ๆ สืบไปเมื่อหน้า ถ้าผู้ใดเกิดเจือด้วยของอายที่สะอาดบริสุทธิ์ ถึงเป็นผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ดี ก็จะเป็นคนมีกตัญญูต่อกันสืบไปชั่วฟ้าและดิน และบิดามารดาเป็นคนใจกุศล มิได้กระทำการอันเป็นบาป จะมีใจสะอาดปริสุทธิ์ ถ้าผู้ใดเกิดเจือด้วยของอายเป็นส่วนที่สะอาดบ้าง และมิได้สะอาดบ้าง ถึงเป็นผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ดีก็จะมีใจเป็นท่ามกลางประพฤติเสมอในสิ่งทั้งสอง คือทั้งสิ่งที่ดีและชั่ว ถ้าผู้ใดเกิดเจือด้วยของอายอันเป็นส่วนไม่สะอาดขุ่นข้นนั้น ถึงจะเป็นผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ดี ก็จะเป็นผู้มีจิตประกอบไปด้วยอกุศล และมิได้มีความกตัญญูกตเวทีต่อแผ่นดินและบิดามารดาไม่ มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายซึ่งเกิดไปภายหน้านั้นมิได้พ้นจากของอายทั้งสาม คือสะอาด คือท่ามกลาง คือขุ่นข้นข้อนี้เลย เหตุฉะนั้นมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายจึงไม่เหมือนกันมิได้เที่ยงแท้เลย มนุษย์ตายแล้วเกิดเป็นสัตว์ สัตว์ตายแล้วเกิดเป็นมนุษย์ เพราะจิตนั้นบริสุทธิ์บ้างไม่บริสุทธิ์บ้าง ซึ่งคนดีมีกุศลนั้นนำไปสู่แห่งสวรรค์ ที่คนอกุศลนั้นก็ต้องอยู่ในนรก ครั้นมนุษย์และสัตว์ต่าง ๆ เกิดมากขึ้นแล้วจึงจะมีกษัตริย์ผู้วิเศษสามองค์ ชื่อเทียนอ่องสีองค์หนึ่ง ชื่อตี่อ่องสีองค์หนึ่ง ชื่อยี่นอ่องสีองค์หนึ่ง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ