๒๗

ขณะนั้นพอม้าใช้แจ้งความว่าพระเจ้ากิมเต๊กอ๋องฮ่องเต้ให้เกาเหลงเป็นแม่ทัพ พวกจูเฮ้าเจ้าเมืองยกพลทหารมาเป็นอันมากตั้งค่ายอยู่ริมเขตแดน ขอท่านจงคิดอ่านตระเตรียมพลทหารไปสู้รบกับเกาเหลง หลีทำได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่น้องชายทั้งแปดว่า เราคิดจะยกกองทัพไปตีเมืองกิมเต๊กอ๋องฮ่องเต้ก็ยังไม่ทันจะยกไป กิมเต๊กอ๋องฮ่องเต้ให้เกาเหลงเป็นแม่ทัพ คุมพวกจูเฮ้ากับพลทหารยกมาตีเมืองเรา กิมเต๊กอ๋องฮ่องเต้มีเมืองขึ้นถึงแปดสิบเอ็ดหัวเมือง และจูเฮ้าซึ่งยกมานี้จะเป็นจูเฮ้าเมืองใดก็ยังไม่ทราบ จะมีฝีมือและสติปัญญาความคิดอย่างไรเราก็ยังไม่รู้ ถ้าเรารู้แล้วก็จะได้คิดอ่านต่อสู้ให้ถูกต้องตามฝีมือและสติปัญญาพวกจูเฮ้าได้ หลีลอกน้องชายที่สามจึงว่า จูเฮ้ายกมาครั้งนี้ท่านอย่าได้มีความวิตกเลย ซึ่งจะมาต้านทานฝีมือเราพี่น้องเห็นจะสู้เราไม่ได้ หลีทำว่าเกาเหลงกับพวกจูเฮ้ายกมากระทำศึกครั้งนี้เป็นศึกใหญ่เราจะประมาทมิได้ ด้วยเรากระทำสงครามมาแต่ก่อน ๆ นั้นก็เป็นแต่ไปตีบ้านเล็กเมืองน้อย ไม่เหมือนข้าศึกครั้งนี้ จะต้องช่วยกันตรึกตรองให้จงดี หลีลอกจึงว่ากับพี่น้องเก้าคน จะยกกองทัพไปตั้งมั่นอยู่ที่ตำบลพรมแดนของเรา แล้วข้าพเจ้าจะคิดตั้งค่ายเป็นกลสลับกัน กลนั้นเรียกว่าชิดแฉตี้นแปลว่าดาวเจ็ดดวง เป็นค่ายเจ็ดค่าย แล้วให้หลีฮูน้องที่แปด หลีปิดน้องที่เก้าไปตั้งค่ายกางปีกกาปิดไว้อีกสองค่ายรวมกันเก้าค่าย เรียกว่า กิ๋วเกงปักข่วยตี้น แปลว่าค่ายแปดทิศ ถ้ากองทัพเกาเหลงยกมาถึง ให้ทแกล้วทหารออกท้าทายว่ากล่าวเป็นข้อหยาบช้าต่าง ๆ ให้พวกเกาเหลงมีใจโกรธก็คงตีค่ายเจ็ดค่ายก่อน เราจึงขับทหารค่ายปีกกาสองค่ายยกเข้าตีกระหนาบตัดกลางกองทัพเกาเหลงให้แตกเป็นสองตอน แล้วให้ทหารเจ็ดค่ายยกอ้อมหลังออกมาช่วยระดมตีให้พร้อมกัน ถ้าทหารเก้าค่ายเข้ากลุ้มรุมกันรบให้เต็มกำลังก็จะได้ชัยชนะโดยง่าย หลีทำก็เห็นชอบด้วย จึงสั่งหลีลอกกับน้องชายทั้งเจ็ดให้ไปตั้งค่ายตามคำหลีลอก

ฝ่ายเกาเหลงแม่ทัพกับจูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งเก้าตั้งค่ายมั่นลงไว้แล้ว เจ้าเมืองทั้งเก้าจึงพูดกันว่า เรายกทัพมาครั้งนี้พวกกีวหลีจะรู้หรือยังไม่รู้ประการใดก็ยังไม่แจ้ง ถ้าหากว่าพวกกีวหลีรู้ความแล้ว จะพากันมาสามิภักดิ์กับเราโดยดี ก็จะไม่ต้องสู้รบกันให้ได้ความเหน็ดเหนื่อยแก่พวกพลทหารของเรา เกาเหลงแม่ทัพใหญ่จึงว่า พวกกีวหลีพี่น้องทั้งเก้าคนนี้ เขาถือตัวอยู่ว่าชำนิชำนาญในการสงคราม และมีกำลังและสติปัญญามาก อีกประการหนึ่งในกระบวนเพลงอาวุธต่าง ๆ ก็ว่องไว มิได้กลัวเกรงผู้ใด ด้วยคิดทะนงตัวผู้ใดไม่อาจสามารถที่จะต้านทานฝีมือและกำลังสติปัญญาได้ ถึงมาตรว่ารู้ความชัดว่าเรายกกองทัพมาถึงตำบลนี้เป็นอันมาก ไหนเลยพวกชาวเมืองกีวหลีจะเป็นใจง่าย ๆ ถึงพวกกีวหลีมีทหารน้อยก็คงจะตั้งค่ายมั่นขึ้นอยู่ ถึงไม่ยกมาต่อสู้ก็คงจะไม่สามิภักดิ์แก่เรา จำจะต้องสู้รบกันเป็นศึกใหญ่ให้เห็นกำลังและฝีมือสติปัญญาพวกเราบ้างสักครั้งหนึ่ง ถึงไม่ถึงแก่ชีวิตก็จะคิดระอาอิดโรยลงทุกที ด้วยทหารพวกกีวหลีน้อยกว่าทหารเรา เห็นจะต้านทานทนทหารเราไม่ได้เป็นแน่ จูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งเก้าจึงถามเกาเหลงว่า พวกกีวหลีนั้นโดยรู้ว่าเรายกกองทัพมาถึงตำบลนี้แล้ว และจะมิได้ออกมาสามิภักดิ์โดยดี ก็จะคิดตั้งค่ายขึงนิ่งอยู่ดังว่าหรือ ๆ จะมีกลอุบายคิดอ่านประการใดที่ในค่ายบ้าง ขอท่านแม่ทัพได้บอกให้ข้าพเจ้าทราบ เกาเหลงจึงบอกแก่จูเฮ้าทั้งเก้าเมืองว่า พวกกีวหลีชำนาญตั้งค่ายเรียกว่าชิดแฉตี้น ๆ นั้นสลับเกี่ยวกันทั้งเจ็ดค่าย ถ้าผู้ใดไม่ศึกษาให้รู้พิชัยสงครามแล้วก็เสียทีแก่พวกกีวหลี พอหลีทำยกกองทัพออกมาตั้งค่ายมั่นลงอยู่ที่เขตแดน เกาเหลงแม่ทัพจึงพูดกับจูเฮ้าทั้งเก้าเมืองว่า เราจะต้องไปดูให้เห็นว่าพวกกีวหลีตั้งค่ายอย่างไรให้แน่นอนก่อน แล้วจึงจะบอกให้ท่านรู้ต่อภายหลัง ครั้นพูดจาปรึกษากันแล้ว รุ่งขึ้นเวลาเช้าเกาเหลงก็พาพวกจูเฮ้าและนายทัพนายกองไปดูเห็นค่ายเจ็ดค่ายตั้งสลับเกี่ยวกันแล้วมีค่ายปีกกาอีกสองค่าย เกาเหลงแม่ทัพใหญ่เห็นทัพกีวหลีตั้งดังนั้นก็ตบมือหัวเราะ พวกจูเฮ้าจึงถามว่าท่านหัวเราะด้วยเหตุอันใด เกาเหลงจึงบอกแก่จูเฮ้าและนายทัพนายกองว่า พวกกีวหลีตั้งค่ายชิดแฉตี้นมีแต่ค่ายเปิดหามีค่ายปิดไม่ ถ้าเรายกเข้าตีค่ายเจ็ดค่ายก่อน และค่ายปีกกาสองค่ายก็จะยกเข้าตีตัดกองทัพเราให้แตกเป็นสองตอน ค่ายเจ็ดค่ายก็จะเข้าระดมรบแก่เรา เห็นว่ากีวหลีตั้งค่ายเป็นกลชิดแฉตี้นนั้นเราอย่าเพิ่งเข้ารบก่อน ต้องตั้งค่ายมั่นช้าไว้สักสิบวัน คอยดูให้พวกกีวหลีเข้ารบเราก่อน ด้วยพวกกีวหลีพี่น้องเก้าคนนั้นมีความคิดต่าง ๆ กัน

หลีทำพี่ชายใหญ่พูดกับน้องชายทั้งแปดคนว่า เกาเหลงกับพวกจูเฮ้าคุมทหารยกมาพักทัพอยู่ช้าหลายเวลาแล้วก็หาเห็นจัดทหารออกรบไม่ เราพากันขึ้นม้านำทหารออกไปนอกค่าย ถ้าพบเกาเหลงแล้วเห็นควรรบก็ต้องรบกัน ปรึกษากับน้องแปดคนแล้วก็พากันขึ้นม้าเดินออกไปที่ตำบลตั้งค่ายของเกาเหลง เห็นเกาเหลงขี่ม้ายืนอยู่กับพวกจูเฮ้า หลีทำจึงว่าแก่เกาเหลงและพวกจูเฮ้าว่าเจ้าไม่รักษาเขตแดนของตัว พากันทะนงใจหมิ่นประมาทบังอาจยกกองทัพล่วงเขตแดนเราเข้ามาดังนี้ พวกเจ้ามีความผิดหรือไม่ จูเฮ้าเจ้าเมืองผู้หนึ่งชื่อเกียงเลียดจึงตอบว่า พวกเจ้ามีใจกำเริบซ่องสุมผู้คนเที่ยวตีบ้านเล็กเมืองน้อยทำการดังโจรป่า ราษฎรได้ความเดือดร้อนเป็นอันมาก จนทราบถึงพระเจ้ากิมเต๊กอ๋องฮ่องเต้ ๆ รับสั่งให้เรายกมาปราบปรามให้ราบคาบ เจ้ายังมาพูดจาล่วงเกินแก่เราหารู้ว่าจะถึงแก่ความตายไม่ ไปเสียให้พ้นแผ่นดินเถิด หลีทำจึงตอบว่าเรานี้ไม่อาศัยแผ่นดินของผู้ใด ต่างคนต่างก็ตั้งตัวเป็นเจ้าแผ่นดินอยู่เหมือนกันจะว่าเป็นแผ่นดินของใครก็ไม่ได้ ใครมาสร้างขึ้นให้ ซึ่งพวกเจ้าพากันยกกองทัพล่วงเข้ามาในเขตแดนเรานั้น เห็นจะตายในคราวนี้เป็นแน่ เกาเหลงได้ฟังดังนั้นก็โกรธตวาดด้วยเสียงอันดังตอบว่า มึงเป็นพวกโจรอย่าพูดให้เหลิงเจิ้งนัก ธรรมดาจะเป็นกษัตริย์ก็ย่อมมีขุนนางทั้งปวงยกขึ้นแล้ว จึงจะเป็นฮ่องเต้ได้ นี่มึงนึกจะเป็นฮ่องเต้เอง ไหนเลยพวกจูเฮ้าทั้งแปดทิศที่เขาจะยอมให้มึงเป็นฮ่องเต้นั้นอย่าคิดเลย หลีทำตอบว่าอย่าพูดให้เสียเวลาใครดีก็มารบกันเถิด ถ้าพวกเจ้ากลัวฝีมือเราแล้วก็ให้พากันเลิกทัพกลับไปเสียโดยเร็ว ว่าแล้วก็ชักม้าทำทีล่าถอยจะให้เกาเหลงกับพวกจูเฮ้าไล่ติดตามไป

ฝ่ายจูเฮ้าได้ฟังพวกหลีทำว่าดังนั้นก็โกรธ จะขับม้าไล่ติดตามไป เกาเหลงแม่ทัพใหญ่จึงห้ามไว้ว่าหลีทำออกมาว่ากล่าวท้าทายเราทั้งนี้ แล้วทำทีชักม้าล่าถอยไปนั้นเป็นกลอุบายสติปัญญาพวกหลีทำ ปรารถนาจะให้พวกเรามีความโกรธไล่ติดตามก็จะเสียทีแก่พวกหลีทำ ท่านทั้งหลายจงงดไว้อย่าไล่ถลำเข้าไป จูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งหลายก็เชื่อฟังคำเกาเหลง มิได้มีผู้ใดไล่ติดตามพวกหลีทำไป

ฝ่ายหลีทำเมื่อมิได้เห็นพวกเกาเหลงไล่ติดตามมาก็พาทหารกลับเข้าในค่าย จึงว่าแก่น้องชายทั้งแปดว่า เราออกไปว่ากล่าวท้าทายหมายจะให้เกาเหลงและพวกจูเฮ้ามีความโกรธจะได้ไล่รบเราเข้ามา บัดนี้เกาเหลงกับพวกจูเฮ้านิ่งอยู่ฉะนี้ เห็นจะรู้ในกลอุบายของเราเป็นมั่นคง หลีฮูหลีปิดน้องชายจึงว่า ข้าศึกล่วงเข้ามาถึงเขตแดนจะนิ่งไว้ให้เขาเข้ารบก่อนนั้น หัวเมืองซึ่งอยู่ใกล้เคียงและทแกล้วทหารฝ่ายเราก็จะหมิ่นประมาทได้ ข้าพเจ้าพี่น้องทั้งสองจะขอออกไปรบก่อน โดยข้าศึกจะฟันตายก็ไม่อายแก่คนทั้งปวง ข้าพเจ้าพี่น้องสองคนถ้าเสียทีแก่ข้าศึกแล้วพี่จงออกรบต่อภายหลัง หลีทำกับน้องชายทั้งหกก็ยอมตามคำน้องทั้งสอง แล้วหลีฮูหลีปิดก็คำนับลาพี่ชายคุมพลทหารออกไปรบด้วยเกาเหลง ๆ จึงให้จูเฮ้าแปดนายคุมทหารออกไปรบด้วยหลีฮูหลีปิดแต่ให้แยกกันเป็นสองกอง ครั้นบังคับจูเฮ้าทั้งแปดแล้ว เกาเหลงแม่ทัพกับเกียงเลียดจูเฮ้าหนึ่งนั้นคอยดูอยู่ว่าจูเฮ้าทั้งแปดรบติดพันด้วยข้าศึกแล้ว ถ้าได้ท่วงทีจึงจะยกไปตีค่ายเจ็ดค่ายของหลีทำ

ฝ่ายหลีทำพี่น้องซึ่งอยู่ในค่าย เผลอประมาทตัวอยู่ว่าหลีฮูหลีปิดน้องชายไปรบอยู่แล้วก็เพิกเฉยเสียไม่ตระเตรียมทแกล้วทหารไว้ให้มั่นคง ครั้นเกาเหลงเห็นค่ายของหลีทำระส่ำระสายไม่เป็นปกติ ก็สั่งเกียงเลียดจูเฮ้าว่า ท่านยกทหารเข้าหักตีต้อนกลางลงไปรบถึงค่ายท้าย ข้าพเจ้าจะตีหักค่ายหน้ารบมาถึงค่ายกลาง เกาเหลงแม่ทัพสั่งเกียงเลียดจูเฮ้าแล้ว สองนายก็ยกแยกทัพกันไปคนละทาง ครั้นถึงริมค่ายก็ขับพลทหารตีรบตะลุมบอน ไล่ฆ่าฟันทหารชาวเมืองกีวหลีล้มตาย หลีทำเห็นค่ายหน้าค่ายกลางค่ายหลังพลทหารตายเป็นอันมากก็พากันหนีเข้าเมือง

ฝ่ายหลีฮูหลีปิดกำลังรบกันอยู่ เห็นพี่ชายทั้งเจ็ดพาทหารแตกตื่นหนีเข้าเมือง ก็ล่าทัพกลับตามไปแล้วให้ปิดประตูเมือง เกาเหลงนั้นก็พาทหารไล่ติดตามไปตั้งค่ายล้อมเมืองไว้ แล้วให้ทหารร้องด่าว่าท้าทายพวกหลีทำ คิดจะให้พวกหลีทำมีความโกรธจะได้ออกรบ น้องชายเห็นดังนั้นจะออกรบ หลีทำจึงห้ามน้องชายทั้งแปดว่า การทำศึกสงครามกันนั้นจะแพ้และชนะก็มีเป็นธรรมดา พวกเจ้าพากันระวังรักษาหน้าที่ไว้ให้มั่นคงก่อนอย่าเพิ่งรบเลย คอยให้ได้ท่วงทีแล้วจึงค่อยออกรบ หลีฮูหลีปิดว่าเพราะเรามีความประมาทข้าศึกจึงได้เสียทีแตกมาครั้งนี้ และบัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าเกาเหลงยกมาแต่เมืองไกล จะมีเสบียงอาหารโดยมากก็แต่เพียงครึ่งปี ถ้าโดยน้อยก็มีสักสามเดือน เกาเหลงคงจะคิดด่วนรบเราโดยเร็วเป็นแน่ ที่ไหนจะรอช้าไว้คงจะคิดตั้งความเพียรมีกลอุบายต่าง ๆ รบกับเราให้เห็นฝีมือ ควรที่เราจะให้คนไปสอดแนมดูให้เว่าพวกเกาเหลงจะสิ้นเสบียงอาหารลงเมื่อไร กับจะให้รู้ว่าจะเลิกทัพกลับไปเมื่อใด เราจึงจะยกกองทัพออกไปตีเป็นสี่ด้าน เข้าตะลุมบอนตีให้พร้อมกันทั้งสี่ทิศ หลีทำพี่ชายใหญ่ได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงสั่งให้ทหารระวังรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ให้มั่นคงมิให้ออกรบประมาณเดือนเศษ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ