๓๑

ฝ่ายเกาเหลงอุยโท้วนึกว่าธรรมดาจะจัดการศึกก็ต้องให้รู้ในกระบวนของข้าศึกก่อน จึงจะได้คิดกลอุบายแก่ข้าศึกรบพุ่งเอาชัยชนะได้ นึกดังนั้นแล้วก็ชวนลูเบงอ๋องเดินไปบนเขาสูง เกาเหลงอุยโท้วเห็นแล้วเอาแซ่ม้าชี้ตรงไปที่ค่ายหลีทำ บอกกับลูเบงอ๋องว่า ซึ่งค่ายของหลีทำนั้นเป็นกลปักโก๋ตี้นข้างทิศตะวันออก ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้าหลีทำกับน้องชายทั้งแปดก็พาทหารขึ้นม้าออกไปหน้าค่าย

ฝ่ายลูเบงอ๋องกับเจ้าน้องทั้งแปด ก็ขึ้นม้าพาทหารออกไปหน้าค่ายคอยต่อสู้พวกหลีทำ ในขณะนั้นลูเบงอ๋องเห็นพวกหลีทำขึ้นม้าขับรวดเร็วนักก็โก่งเกาทัณฑ์ หลีทำเห็นดังนั้นจึงร้องห้ามว่าอย่าเพิ่งยิงเกาทัณฑ์ ขอเชิญท่านแม่ทัพออกมาพูดจาด้วยเราก่อน ลูเบงอ๋องได้ยินดังนั้นก็ชักม้าออกมาหน้าทหาร เกาเหลงอุยโท้วก็ตามไปด้วย ลูเบงอ๋องจึงร้องถามว่าท่านนี้หรือคือพวกแซ่หลีพี่น้องเก้าคนใช่หรือไม่ หลีทำตอบว่าคือพวกเราเจ้าจะว่ากระไร เกาเหลงอุยโท้วจึงว่า พวกเจ้าก็เป็นคนมีชาติมีตระกูลอันดี ทำไมจึงไม่อยู่ในยุติธรรม เที่ยวตีบ้านเล็กเมืองน้อยทำให้ราษฎรได้ความเดือดร้อนดังนี้เห็นดีแล้วหรือ เมื่อครั้งพระเจ้ากิมเต๊กอ๋องฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่นั้น ก็ได้รับสั่งใช้ให้เราคุมพวกจูเฮ้าเจ้าเมืองเก้าเมืองยกกองทัพมาล้อมเมืองเจ้า ๆ ก็เสียทีหนีเข้าเมืองได้เห็นฝีมือเราครั้งหนึ่งแล้ว เราเลิกทัพกลับไปทูลพระเจ้ากิมเต๊กอ๋องฮ่องเต้ ๆ มีพระทัยเมตตากรุณาแก่พวกเจ้า จึงมิได้ยกทัพมาปราบปรามอีก เจ้ายังไม่คิดถึงพระเดชพระคุณของพระเจ้ากิมเต๊กอ๋องฮ่องเต้ ครั้นพระเจ้ากิมเต๊กอ๋องฮ่องเต้สวรรคตแล้ว พระเจ้าจวนยกตี่ฮ่องเต้ได้ครองราชสมบัติ แล้วท่านก็ตั้งอยู่ในยุติธรรม ไม่ได้เบียดเบียนไพร่บ้านพลเมืองให้ได้ความเดือดร้อน และมิได้มากระทำย่ำยีพวกเจ้า ๆ ก็มิได้คิดเจียมตัว และมิได้คิดถึงพระเดชพระคุณพระเจ้าจวนยกตี่ฮ่องเต้ กลับพากันกำเริบคิดทรยศเป็นกบฏประทุษร้ายต่อพระเจ้าจวนยกตี่ฮ่องเต้อีก พระเจ้าจวนยกตี่ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้พระราชบุตรกับเรามาปราบปรามพวกเจ้าซึ่งเป็นศัตรูเสี้ยนหนามแผ่นดิน พวกเจ้าจงได้คิดกลับใจพากันจัดเครื่องราชบรรณาการไปถวายจึงจะควร หลีทำได้ฟังดังนั้นก็มีความโกรธ แสร้งทำเป็นหัวเราะแล้วตอบว่า ครั้งก่อนพวกเจ้ากับพวกจูเฮ้าเก้าเมืองยกกองทัพมานั้น เพราะเรามีประมาท เจ้าจึงได้เข้าล้อมเมืองได้ ซึ่งเจ้าอวดตัวว่าเจ้ากับพวกจูเฮ้ามีฝีมือและสติปัญญานั้น ทำไมเจ้าจึงไม่ตีเอาบ้านเมืองเราให้ได้ในครั้งนั้น ประการหนึ่งกิมเต๊กอ๋องฮ่องเต้ก็ตายแล้ว ตัวเจ้าก็เป็นขุนนางผู้ใหญ่ก็รู้อยู่ว่าเราเป็นเชื้อวงศ์พระเจ้ายี่นอ่องสีฮ่องเต้ ควรจะให้เราครองราชสมบัติ เหตุใดเจ้าจึงยกกอเอียงสีขึ้นเป็นกษัตริย์ พากันยกกองทัพเข้ามาในเขตแดนของเราดังนี้เห็นชอบอยู่แล้วหรือ ถ้าเจ้ายอมให้เราเป็นกษัตริย์แล้ว ซึ่งเจ้าได้ยกกองทัพมาทำแก่เรานั้น เราจะยกโทษให้แล้วเจ้าก็จะได้มีความชอบไว้แก่เรา ลูเบงอ๋องได้ฟังดังนั้นก็มีความโกรธจึงตอบว่า เจ้าพูดอวดฝีมือนั้นจงออกมารบด้วยเราตัวต่อตัว ว่าแล้วก็ขับม้าออกรบด้วยหลีทำ ๆ จึงบอกแก่น้องชายว่า พี่จะออกไปรบให้เห็นฝีมือลูเบงอ๋อง ว่าแล้วก็ขับม้าออกไปรบด้วยลูเบงอ๋องได้ห้าสิบเพลงไม่แพ้ไม่ชนะกัน ซังซูอ๋องน้องชายลูเบงอ๋องเห็นว่าลูเบงอ๋องจะต้านทานกำลังเอาชัยชนะหลีทำไม่ได้ก็ขับม้าออกไปช่วย

ฝ่ายหลีกือน้องชายหลีทำที่สองนั้นก็ขับม้าออกไปรบด้วยซังซูอ๋อง แล้วกุยไข่อ๋องน้องลูเบงอ๋องที่สาม และหลีลอกน้องที่สามนั้นก็ขับม้าออกไปรบกันเป็นคู่ ๆ จนเวลาค่ำได้กว่าร้อยเพลงยังไม่แพ้ไม่ชนะกัน เกาเหลงอุยโท้วคิดว่าพระราชโอรสนั้นยังอ่อนศึก จะสู้แก่พวกหลีทำไม่ได้ จึงให้ตีม้าล่อเลิกทัพกลับเข้าค่าย

ฝ่ายลูเบงอ๋องกลับเข้ามาถึงในค่ายแล้วจึงว่าแก่เกาเหลงอุยโท้วว่า ข้าพเจ้านี้จะรบด้วยหลีทำให้ถึงแพ้และชนะในเวลาวันนี้ด้วยกำลังข้าพเจ้ายังมีอยู่มาก เหตุใดจีนแสจึงให้ตีม้าล่อสัญญาให้หยุดรบกันเสีย เกาเหลงอุยโท้วจึงว่า ข้าพเจ้าเห็นว่าข้าศึกรบพุ่งเข้มแข็งท่านจะต้านทานไม่ได้ แล้วก็เป็นเวลาค่ำมืดจึงให้ตีม้าล่อหยุดรบ ซึ่งท่านออกรบด้วยหลีทำนั้นดูแข็งแรงว่องไว สมควรที่ท่านเป็นเชื้อกษัตริย์ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่ควรเข้ารบขับเคี่ยวแก่หลีทำคนอันธพาลให้เสียเกียรติยศ เปรียบเสมือนหนึ่งเอาทองคำไปลู่กระเบื้อง แล้วข้าพเจ้าจะจับตัวหลีทำให้ได้โดยอุบายปัญญาของข้าพเจ้าเอง ครั้นพูดกันแล้วเกาเหลงอุยโท้วสั่งกำชับพวกทหารนายทัพนายกองให้รักษาหน้าที่ไว้ให้มั่นคง

ฝ่ายหลีทำกลับเข้าในค่ายแล้ว จึงว่าแก่น้องชายทั้งแปดว่า บุตรจวนยกตี่ฮ่องเต้นี้มีฝีมือทั้งสามคน ก็ยังอีกหกคนนั้นถ้ามีฝีมือดีดังนี้แล้ว ที่ไหนเราจะได้ชัยชนะ ซึ่งเราคิดจะชิงเอาราชสมบัติของจวนยกตี่ฮ่องเต้นั้นก็เห็นจะคิดเสียเปล่า เห็นจะไม่สำเร็จความปรารถนา เราจงเข้าตั้งมั่นนิ่งอยู่ในค่ายปักโก๋ตี้น ให้ข้าศึกสิ้นเสบียงอาหารเลิกทัพกลับไปแล้วจึงรักษาเขตแดนของเราไว้ เราอย่าได้ไปตีเมืองชิงเอาสมบัติของเขาเลย น้องชายหลีทำทั้งหกคนซึ่งยังไม่ได้ออกรบนั้นจึงว่าบุตรจวนยกตี่ฮ่องเต้อีกหกคนนั้นฝีมือจะดีชั่วประการใดเรายังไม่รู้ ซึ่งพี่จะมาคิดท้อถอยกลัวไปก่อนนั้นไม่ควร ข้าพเจ้าทั้งหกจะขอออกไปสู้รบให้เห็นฝีมือบุตรจวนยกตี่ฮ่องเต้นั้นก่อน ถ้าบุตรจวนยกตี่ฮ่องเต้มีฝีมือดีทั้งเก้าคนแล้ว ถึงโดยเราจะคิดอุบายหรือจะท้อถอยประการใดก็คิดไม่ช้า ที่จะมาด่วนคิดล่วงหน้าไปก่อนดังนี้อายแก่ทแกล้วทหารทั้งปวง หลีทำจึงว่าถ้าเจ้าอยากจะดูฝีมือบุตรจวนยกตี่ฮ่องเต้นั้น จงรั้งรอดูเวลาพรุ่งนี้เขาจะคิดประการใด ครั้นปรึกษากันแล้ว รุ่งขึ้นเวลาเช้าน้องชายหลีทำทั้งหกแต่งตัวถืออาวุธแล้วเข้าไปบอกแก่หลีทำพี่ชายว่า ข้าพเจ้าจะขอออกไปรบแก่ข้าศึก หลีทำพี่ชายใหญ่จึงกำชับว่าให้ระมัดระวังตัวจงดี อย่ามีความประมาทให้เสียทีแก่ข้าศึกได้ น้องชายทั้งหกได้ฟังดังนั้นก็พากันคำนับหลีทำ ๆ ก็ตามออกไปดูอยู่หน้าค่าย ม้าใช้ก็เข้าไปแจ้งความแก่ลูเบงอ๋อง ๆ จึงให้เชิญเกาเหลงอุยโท้วมาปรึกษา เกาเหลงอุยโท้วจึงว่าผู้ที่ออกรบเวลาวานนี้คือหลีทำ หลีกือ หลีลอกพี่น้อง บัดนี้พวกหลีทำจะออกรบอีกนั้น เห็นจะเป็นน้องชายหลีทำหกคนยังไม่เห็นฝีมือเราจึงมีทิฐิมานะแข็งแรง ถ้าและน้องชายหลีทำออกรบทั้งหกแล้ว การศึกครั้งนี้ก็จะเสร็จโดยเร็ว และการศึกสงครามนี้แม้นผู้ใดกระทำโดยโทโส ใจไม่หนักแน่นก็มักจะเสียท่วงที ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าน้องชายหลีทำหกคนนี้มีทิฐิมาก จะคิดการสิ่งใดก็มักจักวุ่นวายไปต่าง ๆ ใจไม่แน่นอน เจ้าน้องลูเบงอ๋องหกองค์ได้ฟังดังนั้นจึงว่า พี่ข้าพเจ้าออกรบเวลาวานนี้ก็ไม่เสียทีแก่ข้าศึก บัดนี้ข้าพเจ้าพี่น้องหกคนจะออกไปรบนั้น ถ้าเสียทีแก่ข้าศึกมาแล้วท่านจงทำโทษเถิด ลูเบงอ๋องจึงว่าน้องข้าพเจ้านี้มีฝีมือดีทั้งหกคน ขอให้ได้ออกไปรบให้ปรากฏไว้ในแผ่นดิน เกาเหลงอุยโท้วก็อนุญาตให้ไถจู๊ทั้งหกองค์ออกรบแก่พวกหลีทำ เจ้าน้องลูเบงอ๋องทั้งหกองค์ได้ฟังก็คำนับลาลูเบงอ๋องและเกาเหลงอุยโท้ว ออกมาแต่งตัวถืออาวุธขึ้นม้าออกไปนอกค่ายแล้ว ลูเบงอ๋องพี่น้องสามองค์กับเกาเหลงอุยโท้วนั้นก็ตามออกมาดูอยู่ด้วย เกาเหลงอุยโท้วสั่งกำชับไถจู๊ทั้งหกองค์ว่า ถ้าได้ยินเสียงม้าล่อสัญญาแล้วก็ให้หยุดรบกลับเข้าในค่าย จะได้คิดการเอาชัยชนะต่อไป ไถจู๊หกองค์ได้ฟังดังนั้นก็ชักม้าออกไปยืนเรียงกันอยู่หน้าค่ายฝ่ายทิศตะวันออกทั้งหกองค์

ฝ่ายน้องชายหลีทำทั้งหกคนนั้น ก็ชักม้าออกหน้าทหารเรียงกันอยู่หน้าค่ายทิศตะวันตก เตาอิ้นอ๋องน้องชายลูเบงอ๋องที่ห้าจึงว่าแก่น้องชายหลีทำว่า ซึ่งจะรบกันนั้นจงได้บอกชื่อให้รู้จักกันก่อน แล้วก็ให้เข้ารบกันเป็นคู่ ๆ ให้พวกทหารดูเล่นเป็นขวัญตา น้องชายหลีทำจึงตอบว่า ซึ่งจะรบให้เป็นคู่ ๆ ดูฝีมือกันนั้นดีแล้วเราชอบใจนัก ว่าแล้วต่างคนก็ชักม้าเข้ารบกันเป็นคู่ ๆ ฟังดูได้ยินเสียงอาวุธที่รับรองกันนั้น เสียงสนั่นฉาดฉานได้จังหวะกับเสียงกลองซึ่งตีอยู่ในค่าย ทั้งทีหนีทีไล่ก็รวดเร็วว่องไวดุจดังปลาไล่โลดเวียนอยู่ในน้ำ จนเวลาค่ำยังไม่แพ้ไม่ชนะกัน

ฝ่ายเกาเหลงอุยโท้วนั้น ครั้นเห็นเวลาพลบค่ำแล้วก็ให้ตีม้าล่อสัญญาหยุดรบกลับเข้าค่าย ตั้งแต่นั้นราษฎรทั้งหลายพากันเรียกที่ตำบลรบนั้นว่า สนามรบพระราชโอรสพระเจ้าจวนยกตี่ฮ่องเต้ปราบพวกหลีทำพี่น้องเก้าคน ฝ่ายน้องชายลูเบงอ๋องและน้องชายหลีทำต่างคนหยุดรบกลับเข้าในค่ายแล้ว ก็สรรเสริญชมฝีมือกันทั้งสองฝ่าย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ