๕๐

ครั้นมาวันหนึ่งตรัสประภาษว่าเครื่องมโหรีที่ดีดสีตีเป่าอยู่ทุกวันนี้ เราเห็นว่าเป็นของกำเริบใจจะให้มัวเมาไปด้วยสตรี เราคิดจะให้เลิกเครื่องมโหรีนั้นเสีย จะให้กระทำขิมกระทำเซ็กเครื่องดีดสีตีเป่าใหม่มิให้กำเริบใจ เป็นแต่สร้างไว้สำหรับแผ่นดินเท่านั้น ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด แล้วผู้ใดจะมีสติปัญญาช่วยคิดอ่านในการเรื่องนี้บ้าง พวกขุนนางจึงพากันทูลว่า ถ้าทำขึ้นได้ดังพระราชดำริดังนี้ก็จะมีคุณแก่แผ่นดิน จะได้อยู่เย็นเป็นสุขเพราะด้วยเทพยดาชอบใจฟังเสียงเครื่องสาย ก็จะคุ้มครองรักษาเหมือนเมื่อครั้งแผ่นดินพระเจ้าฮอกฮีสีฮ่องเต้ เกิดลมพายุพัดจัดฝนก็แล้งไข้เจ็บก็ชุกชุมจึงรับสั่งให้ช่างทำขิมห้าสายขึ้นแล้วก็แจกจ่ายกันไปให้หัดดีดทุกบ้านทุกเมือง เสียงขิมนั้นไพเราะก็บำบัดเสียซึ่งลมพายุใหญ่ก็เบาบางลงทุกที ฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล ไข้เจ็บก็เสื่อมคลายหายสิ้นทุกตำบล ราษฎรก็อยู่เย็นเป็นสุขทุกอาณาจักร

ขณะนั้นมีขุนนางผู้หนึ่งชื่อท่องลี้เป็นคนชำนาญในการมโหรีจึงทูลว่า การเรื่องนี้ข้าพเจ้าจะขอรับอาสาฉลองพระเดชพระคุณให้สมดังพระราชประสงค์ พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังดังนั้นก็ดีพระทัย จึงตรัสปรึกษาการซึ่งจะทำขิมทำเซ็กและเครื่องสายอีกหลายอย่าง ท่องลี้ก็ทูลถูกต้องตามพระทัยพระองค์ พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้ท่องลี้ทำขิมมีสายดีดได้ห้าสาย ทำเซ็กมีสายดีดยี่สิบห้าสาย กับทำเครื่องดีดสีตีเป่าอีกแปดอย่าง

ฝ่ายท่องลี้คิดทำเครื่องดีดสีตีเป่าเสร็จแล้วก็นำเข้าไปถวาย พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ก็พระราชทานบำเหน็จรางวัลให้แก่ท่องลี้ แล้วพระองค์ก็ฝึกสอนให้พวกขุนนางดีดสีตีเป่าเสียงไพเราะไปทั้งบ้านทั้งเมือง ถ้าขึ้นทำที่หอสูง ๆ ก็ดังไปประมาณสิบลี้ตั้งแต่พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ให้คิดทำขิมทำเซ็กขึ้นดีดสีแล้ว หงส์และราชสีห์และกิเลนก็พากันมาเที่ยวหากินในแขวงเมืองหลวงมิได้ทำร้ายแก่มนุษย์ พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จึงประทานขิมประทานเซ็กและเครื่องดีดสีตีเป่านั้นไปให้พวกจูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งปวงเป็นตัวอย่าง และขิมซึ่งพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ทรงสร้างขึ้นห้าสายนี้ เมื่อครั้งแผ่นดินพระเจ้าจิวบู๋อ๋องรับสั่งให้เพิ่มสายขิมขึ้นอีก

ฝ่ายจูเฮ้าเจ้าเมืองที่ไม่ได้ขึ้นแก่พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้นั้น แจ้งความว่าหงส์และราชสีห์และกิเลนเข้ามาเที่ยวอยู่ในแขวงเมืองหลวง ด้วยบุญบารมีของพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้เผื่อแผ่ไป ก็พากันมาจิ้มก้องเป็นเมืองขึ้นแก่พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ทั้งสิ้น ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ตรัสแก่พวกขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงว่า บัดนี้เรามีความชรามาเบียดเบียนมาก สติปัญญาก็ฟั่นเฟือนไปไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว เราจะให้อู๋ครองราชสมบัติแทนตัวเรานั้น ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด พวกขุนนางจึงทูลว่า ข้าพเจ้าทั้งปวงก็เห็นชอบด้วยแล้ว ๆ พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ตรัสว่า บัดนี้อู๋ออกไปอยู่ที่ตำบลเอียงเสียแขวงเมืองฮ่อนำ ครั้นจะให้มีหนังสือไปหาตัวเข้ามาก็ดูหาควรไม่ เหตุว่าพระเจ้าแผ่นดินก่อน ๆ ที่ท่านตั้งอยู่ในยุติธรรมนั้น ท่านพิจารณาเห็นว่าพระองค์ทรงพระชราแล้ว ก็ทรงพระอุตส่าห์เสด็จพระราชดำเนินไปหาท่านผู้มีสติปัญญาเชิญมาครอบครองสมบัติแทนพระองค์ให้มีความสุข เหมือนเมื่อพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ทรงพระอุตส่าห์เสด็จพระราชดำเนินไปหาเช่าฮู้เค้าอิ้วฉะนั้น ก็ปรากฏอยู่แล้วด้วยกลัวว่าเขาจะมีความเสียใจเกลือกว่าจะไม่รับครองราชสมบัติ เพราะดังนั้นเราจะต้องออกไปหาอู๋เองจึงจะชอบ ตรัสดังนั้นแล้วจึงรับสั่งให้เจ้าพนักงานตระเตรียมการที่จะเสด็จออกไปรับอู๋ ครั้นเจ้าพนักงานเตรียมเสร็จแล้ว พระองค์ก็ทรงพระอุตส่าห์เสด็จพระราชดำเนินไปพร้อมด้วยขุนนางข้าราชการทั้งปวง เสด็จมาถึงตำบลชังหงอแขวงเมืองหูก๋อง พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ก็ทรงพระประชวรลงที่ตำบลชังหงอนั้น พวกขุนนางข้าราชการทั้งปวงก็พากันปลูกพระตำหนักพิทักษ์รักษาพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้อยู่ที่ตำบลนั้น แล้วพวกข้าราชการขุนนางตำแหน่งเฝ้าทั้งปวง ซึ่งยังอยู่ในเมืองหลวงมิได้ตามเสด็จไปนั้นทราบแล้ว ก็พากันไปเฝ้าที่ตำบลชังหงอพร้อมกันเหมือนอย่างธรรมเนียมในพระราชวังมิได้ขาด พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้นั้นก็ทรงพระประชวรหนักลงอาการนั้นไม่คลาย พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้ขุนนางออกไปหาอู๋ และให้เข้าไปรับนางงอหอง นางเองหนึงซึ่งเป็นฮองเฮามาเฝ้า ครั้นอู๋กับนางฮองเฮาทั้งสองมาเฝ้าพร้อมกันแล้ว พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จึงตรัสแก่นางฮองเฮาทั้งสองว่า พระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ได้มอบราชสมบัติให้แก่เรา ๆ ก็ได้ทะนุบำรุงราษฎรมีความสุขมาได้หกสิบเอ็ดปีแล้ว ครั้งนี้เราป่วยมากเห็นอาการจะไม่รอดจากความตาย เราจะยกราชสมบัติให้แก่อู๋ทันเรามีชีวิตอยู่นั้น นางทั้งสองจะเห็นเป็นประการใด นางฮองเฮาทั้งสองจึงทูลว่าอู๋นี้เป็นคนดีมีสติปัญญาตั้งอยู่ในสุจริตธรรม แล้วก็ได้ทำการขุดคลองปิดน้ำมีความชอบในแผ่นดินหลายครั้ง ซึ่งพระองค์จะมอบราชสมบัติให้แก่อู๋นั้น ข้าพเจ้าทั้งสองเห็นสมควรแล้ว พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังนางฮองเฮาทั้งสองทูลดังนั้นก็ทรงพระโสมนัส จึงรับสั่งให้อู๋เข้ามาใกล้พระองค์แล้วตรัสว่า เรามาครั้งนี้หวังจะรับท่านเข้าไปครองราชสมบัติแทนเรา ๆ ก็มาป่วยลงกลางทาง จึงได้ให้แต่ขุนนางออกไปรับท่านเข้ามา ท่านอย่าได้มีความน้อยใจแก่เราเลย การซึ่งเราได้มอบราชสมบัติให้แก่ท่านนั้น เราได้ปรึกษานางงอหอง นางเองหนึงทั้งสองและขุนนางทั้งปวงเห็นดีพร้อมกันแล้ว ถ้าเราหาชีวิตไม่ท่านจงได้ครองราชสมบัติเป็นกษัตริย์ทะนบำรุงให้ไพร่บ้านพลเมืองมีความสุขแทนเราเถิด อู๋ได้ฟังคำรับสั่งดังนั้น ครั้นจะทูลบ่ายเบี่ยงประการใดก็กลัวพระโรคพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จะกำเริบมากขึ้น อู๋คิดดังนั้นแล้วจึงคุกเข่าลงถวายคำนับรับพระกระแสรับสั่ง พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ก็สิ้นพระชนม์ พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้เสวยราชสมบัติได้หกสิบเอ็ดปี พระชนม์ได้ร้อยสิบปีจึงสิ้นพระชนม์ นางงอหองนางเองหนึงฮองเฮาทั้งสองกับอู๋ และพวกขุนนางทั้งปวงก็พากันเชิญพระศพพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ใส่ในหีบไม้หอม ตั้งกระบวนแห่ไปฝังไว้ที่เขากีงีซันแขวงเมืองหลวง และเมื่อกำลังฝังพระศพพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้นั้น นางงอหองนางเองหนึงทั้งสองทรงพระกรรแสงน้ำพระเนตรร่วงตกถูกกอไม้ไผ่ที่เขากีงีซันเป็นแต้มติดอยู่ ไม้ไผ่นั้นเป็นลายมาจนทุกวันนี้

ฝ่ายอู๋นั้นครั้นเชิญพระศพพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ไปฝังเสร็จแล้ว อู๋คิดเกรงกลัวก็หนีพวกขุนนางกลับไปบ้าน แล้วก็พาครอบครัวปรารถนาจะหนีไปอยู่ที่ตำบลเอี้ยงเสง หมายใจว่าจะให้พวกขุนนางยกไถจู๊เซียงกึนพระราชโอรสของพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ขึ้นเป็นกษัตริย์ พวกขุนนางแจ้งความว่าอู๋กลับไป ต่างคนต่างก็พากันไปตามทันอู๋ที่กลางทางแล้วก็เชิญให้อู๋มาครองราชสมบัติ อู๋จึงว่าแก่ขุนนางทั้งปวงว่า พระราชโอรสของพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ก็มีอยู่ ควรจะยกท่านขึ้นเป็นกษัตริย์สืบพระวงศ์ต่อไป ซึ่งท่านทั้งปวงจะให้เราไปครองราชสมบัตินั้นหาควรไม่ เกาเอี้ยวขุนนางผู้ใหญ่จึงทูลว่าแก่อู๋ว่า ถ้าท่านยังจะขืนพูดจาบิดพลิ้วอยู่เช่นนี้ โทษของท่านมีอยู่สามประการ อู๋จึงถามว่าโทษสามประการจะมีแก่เรานั้นด้วยประการใด เกาเอี้ยวขุนนางผู้ใหญ่จึงว่าแก่อู๋ว่าพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ทรงเห็นว่าไถจู๊เซียงกึนเป็นคนเขลาไม่มีสติปัญญา จึงได้มอบราชสมบัติให้แก่ท่าน ๆ ก็ได้รับต่อพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้แล้ว ท่านก็ไม่ถือรับสั่งไว้ให้มั่นคง อนึ่งราษฎรไพร่บ้านพลเมืองและขุนนางทั้งปวงพากันเห็นดีด้วย หมายจะพึ่งบุญท่าน ๆ ก็หาให้คนเหล่านั้นพึ่งไม่ อนึ่งท่านรับ ๆ สั่งของพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ว่าจะเป็นกษัตริย์แล้วก็หาถือรับสั่งไม่ ทำให้ราษฎรมีความเดือดเนื้อร้อนใจจนไม่มีเจ้านายจนทุกวันนี้ ธรรมดาว่าแผ่นดินใหญ่ถ้าไม่มีเจ้านายสักวันหนึ่งแล้วบ้านเมืองก็หาเป็นปกติเรียบร้อยไม่ ท่านจะต้องมีความผิดด้วยเหตุสามประการดังนี้ และเมื่อครั้งพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้รับราชสมบัติต่อพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้นั้น ครั้นทำการฝังพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้แล้ว พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ก็หนีไป ซีงักขุนนางผู้ใหญ่ออกไปว่ากล่าวเชื้อเชิญพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ก็กลับเข้ามาครอบครองราชสมบัติ ครั้งนี้ท่านไม่เมตตาแก่ไพร่บ้านพลเมืองจะให้ไปรับไถจู๊เซียงกึนมาครองราชสมบัตินั้นหาควรไม่ อู๋ได้ฟังเกาเอี้ยวว่ากล่าวดังนั้นจึงตอบว่า ถ้าท่านทั้งปวงเห็นดีพร้อมกันแล้วเราก็ไม่ขัด ขุนนางทั้งปวงได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงเชิญอู๋ขึ้นรถเข้ามาครองราชสมบัติ และอู๋นั้นเป็นวงศ์ของพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ ๆ มีพระราชโอรสชื่อเซียงอี่ ๆ มีบุตรชื่อจวนยก ๆ มีบุตรคนหนึ่งชื่อกุ้น ๆ นั้นมาทำราชการในพระเจ้าเงี่ยวเต้ฮ่องเต้ตั้งให้เป็นชองเปกโห ๆ ได้นางซิวกีแซ่ซินสีเป็นภรรยา และเมื่อนางซิวกีจะมีครรภ์เกิดอู๋นั้น นางฝันว่าดาวลิวแชเข้าในดวงดาวเบ๋าแช ดาวลิวแชนั้นคือดาวที่โลกทุกวันนี้สมมุติเรียกว่าดาวจุติ แล้วนางก็มีครรภ์ได้สิบสองเดือนนางไปเที่ยวเล่นที่ตำบลหนิวชึง นางก็คลอดบุตรชายที่ตำบลนั้น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ