ตี่อ่องสีนั้นแปลว่าฮ่องเต้เจ้าแผ่นดินเมื่อจะมาบังเกิดนั้นมีดอกบัวดอกหนึ่ง ฝักนั้นมีสิบเอ็ดช่องตกลงมาแต่อากาศ จึงได้บังเกิดเป็นคนสิบเอ็ดคน ก็นับว่าเป็นพี่น้องกัน แต่ตี่อ่องสีฮ่องเต้เป็นพี่ใหญ่ ตี่อ่องสีฮ่องเต้นั้นสูงสามตึ่งสี่เชียคือยี่สิบเอ็ดศอกหกนิ้ว หน้าสีดำจักษุมีแสงสว่างเหมือนไฟ แล้วพี่น้องสิบเอ็ดคนปรึกษากันว่า เทียนอ่องสีฮ่องเต้นั้นคิดกระทำขึ้นไว้ได้แต่ชื่อปีและศก ยังหามีกำหนดกลางวันกลางคืนไม่ เดือนตะวันก็ยังไม่มี เดี๋ยวนี้มนุษย์เกิดขึ้นก็มากแล้วอากาศยังมืดอยู่ อาศัยแต่รัศมีพระและเทวดาก็ไม่สว่างแจ่มแจ้งอยู่เป็นนิจ จะต้องคิดกระทำให้เป็นตะวันและเดือนเดินจักรราศี จะได้แบ่งเป็นกลางวันและกลางคืนและเป็นเดือน และข้างขึ้นข้างแรม มนุษย์จะได้เป็นที่สังเกต น้องชายได้ฟังพี่ชายว่าดังนั้นก็มีความยินดี ยกมือขึ้นคำนับแล้วว่า ขอให้ท่านคิดกระทำโดยเร็ว จะได้เป็นที่พึ่งแก่มนุษย์ทั้งหลาย ตี่อ่องสีฮ่องเต้จึงว่า บัดนี้เราจะตั้งให้มีแซ่และชื่อขึ้นก่อน แล้วจะได้กระทำให้เป็นกลางวันกลางคืนต่อไป น้องชายจึงถามว่าจะตั้งแซ่ตั้งชื่อนั้น ตัวพี่จะให้เรียกเป็นอย่างไร ตี่อ่องสีฮ่องเต้จึงตอบว่า แซ่นั้นจะให้ตั้งเป็นแซ่เดียวกันกับเรา แต่ชื่อนั้นจะให้ต่าง ๆ กัน น้องที่หนึ่งนั้นตั้งชื่อว่าเตฉัง น้องที่สองชื่อเตจี๋ น้องที่สามชื่อเตจู น้องที่สี่ชื่อเตสิน น้องที่ห้าชื่อเตฮวบ น้องที่หกชื่อเตหยง น้องที่เจ็ดชื่อเตสุย น้องที่แปดชื่อเตเฮี้ยน น้องที่เก้าชื่อเตนั้น น้องที่สิบชื่อเตสี บรรดาน้องชายได้ชื่อแล้ว ก็คำนับลาไปที่อยู่แห่งตน ตี่อ่องสีฮ่องเต้จึงมาคิดรำพึงแต่ผู้เดียวว่า จะต้องเที่ยวหาเดือนหาตะวันให้สว่างเสียก่อน แล้วจะจัดให้มีดาวเป็นตำบลขึ้นจึงจะแบ่งปันให้เป็นกลางวันกลางคืนได้ คิดแล้วจึงให้หาน้องที่สี่ชื่อเตสินเข้ามาแล้วว่า เราได้ยินอยู่ว่าเดือนตะวันสองคนนี้อยู่ตำบลฮ่ำตึ่ ไม่มาเดินราศีอยู่ด้วยการรักใคร่กัน ครั้นจะให้ผู้ใดไปหาตัวก็เห็นจะไม่มา ท่านจงลงไปหา เตสินจึงคำนับรับคำสั่งแล้วลาไป

ฝ่ายพระอาทิตย์นั้นแซ่ชึ่งชื่อคัย ยี่ห้อจือจิ้นเป็นรูปชาย พระจันทร์นั้นแซ่ถังชื่อบี้ ยี่ห้อเทียนเหียนเป็นรูปหญิง ตั้งแต่ครั้งยังไม่ได้ตั้งฟ้าตั้งดินนั้น พระอาทิตย์พระจันทร์นั้นเป็นสามีภรรยากัน พากันซ่อนเร้นอยู่ที่ตำบลฮ่ำตึ่นั้น มิได้เคลื่อนคลาดที่จะไปแห่งใด ฮ่ำตึ่นั้นแปลว่าเป็นถ้ำใหญ่อยู่ใต้แผ่นดินที่โลกใดโลกหนึ่ง แต่ไม่ใช่โลกนี้ เวลาวันหนึ่งพระอาทิตย์พระจันทร์ได้ยินว่าตี่อ่องสีฮ่องเต้รับสั่งให้มาหาตัว ก็ออกต้อนรับเชื้อเชิญให้เข้าไปนั่ง แล้วพระอาทิตย์จึงถามว่า ท่านมาที่อันนี้ธุระสิ่งใด เตสินจึงบอกว่ามีรับสั่งฮ่องเต้ให้เรามาว่า คือท่านทั้งสองไม่ออกไปเดินส่องโลกให้มีแสงสว่างขึ้น บัดนี้ทวีปที่มนุษย์อาศัยอยู่นั้นก็มืดมัวเป็นหมอกไปหาเป็นกลางวันกลางคืนไม่ บัดนี้ตี่อ่องสีฮ่องเต้รับสั่งให้เรามาหาท่านทั้งสองไปส่องโลก จะได้ช่วยมนุษย์ในโลกให้เห็นความสว่าง พระอาทิตย์พระจันทร์จึงตอบว่า ข้าพเจ้าสองคนอยู่ตำบลที่อันนี้มาช้านานแล้ว มีความสุขสบายมากไม่อยากจะไปให้จากกัน ถ้าจะไปเดินส่องโลกก็จะต้องแยกกันกว่าจะได้พบกันก็นานๆ แต่ละครั้ง ท่านจงช่วยไปทูลตี่อ่องสีฮ่องเต้เถิด เห็นจะรับธุระไม่ได้ เตสินจึงว่าท่านทั้งสองนี้ไม่ไปเดินส่องโลกให้สว่าง มนุษย์ในจักรวาลอันนี้ก็จะประกอบไปด้วยความมืดมัว ท่านทั้งสองจงมีเมตตาอย่าได้หลีกเลี่ยงเลย พระอาทิตย์พระจันทร์ทั้งสองจึงตอบว่า ที่จะให้เราทั้งสองแยกย้ายกันไปนั้น เรารับธุระหาได้ไม่ ว่าแล้วก็พากันเข้าไปในฮ่ำตึ่ ครั้นพระอาทิตย์พระจันทร์เข้าไปในถ้ำใหญ่ฮ่ำตึ่แล้ว เตสินจึงกลับมาทูลแก่ตี่อ่องสีฮ่องเต้ตามถ้อยคำที่ได้พูดจาโต้ตอบด้วยพระอาทิตย์พระจันทร์ทุกประการ ตี่อ่องสีฮ่องเต้หัวเราะแล้วว่า เรารู้อยู่ว่าพระอาทิตย์พระจันทร์ได้ความสุขอยู่ด้วยกันมาช้านานแล้ว ซึ่งจะให้มาโดยดีนั้นที่ไหนจะมา เทวดาทั้งสองนี้เขาไม่คิดว่าธรรมดาเกิดมาเป็นรูปเป็นกายแล้วจะไม่พลัดพรากจากกันบ้างไม่มีเลย ท่านจงกลับไปก่อนเถิดเราจึงจะคิดอ่านต่อไป แต่ตี่อ่องสีฮ่องเต้นั้นเป็นคนเกิดมาแต่ทิศตะวันตกจึงได้ไปอาบน้ำชำระกายให้บริสุทธิ์แล้วเหาะไปเฝ้าพระ พระจึงตรัสถามว่าท่านมาธุระสิ่งอันใด ตี่อ่องสีฮ่องเต้ทูลว่าข้าพเจ้านี้จะคิดให้มีกลางวันกลางคืน และมีเดือนมีตะวันมีดาวขึ้น ข้าพเจ้าจึงสั่งให้ไปหาชึ่งคัยถังบี้ ให้มาเดินจักรราศีก็ไม่ฟังบังคับ ขอให้พระองค์มีเมตตากรุณาแก่มนุษย์ที่ต้องทนความมืด พระจึงตรัสว่า แต่ก่อนเราก็ได้ให้คุณต่อเป็งชาน้าลงไปเกิดเป็นพนโกสีย์ตั้งฟ้าและดิน เราก็รู้อยู่แล้วว่าเดือนตะวันและดาวยังหามีไม่ บัดนี้จะให้คุณต่อเป็งชาน้ากลับลงไปใหม่อีก คุณต่อเป็งชาน้าได้ยินพระตรัสดังนั้นจึงทูลว่า ครั้งก่อนพระองค์โปรดให้ข้าพเจ้าไปตั้งฟ้าและดินเป็นการส่วนธุระในข้าพเจ้าเสร็จแล้ว แต่ซึ่งจะให้ตั้งพระอาทิตย์พระจันทร์นั้นเป็นธุระของที่อ่องสีฮ่องเต้ พระจึงตรัสว่า แต่ก่อนท่านได้ลงไปตั้งฟ้าและดินควรจะต้องให้มีพระอาทิตย์พระจันทร์สำหรับโลก ท่านอย่าได้มีความรังเกียจเลย จงลงไปจัดแจงเสียให้สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง คุณต่อเป็งชาน้าไม่อาจขัดรับสั่งก็ทูลว่า ข้าพเจ้าไปครั้งนี้จะให้ไปทำอย่างไรจึงจะได้พระอาทิตย์พระจันทร์มาโดยง่าย พระจึงตรัสว่าให้จารึกในฝ่ามือขวาเป็นอักษรว่ายิด ยิดนั้นแปลว่าตะวัน ให้จารึกฝ่ามือซ้ายนั้นเป็นอักษรว่าง้วย ง้วยนั้นแปลว่าเดือน พระตรัสแล้วก็บอกคาถาให้ว่า ท่านไปถึงตำบลถ้ำใหญ่ฮ่ำตึ่ อ่านเวทมนต์อันนี้แล้วแบมือซ้ายมือขวาออกไป แล้วให้อ่านมนต์นี้ขึ้นอีกเจ็ดครั้ง ชึ่งคัยถังบี้ทนอยู่มิได้ก็จะต้องแยกย้ายกันไป คุณต่อเป็งชาน้าจึงทูลว่า ถ้าและพระอาทิตย์พระจันทร์นั้นไปเดินส่องโลกแล้ว ก็ดาวนั้นจะคิดประการใด ขอพระองค์ได้สั่งให้เสร็จ พระจึงตรัสว่าดาวนั้นก็คอยอยู่ ครั้นเดือนตะวันไม่มาส่องโลกก็มืดคลุ้ม ดาวนั้นพลอยมืดไปหมด เดี๋ยวนี้ดาวนั้นไปประชุมกันอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ คุณต่อเป็งชาน้าจึงทูลว่าจะทำประการใดจึงจะได้มาโดยง่าย พระจึงตรัสว่าดาวนี้มีดาวสำคัญอยู่เจ็ดดวง อยู่ทิศเหนือควรจะต้องตั้งเป็นที่หนึ่งก่อน ดาวเหงาตี่เชียงแชนั้นควรจะต้องตั้งแต่งยกขึ้นเป็นดาวที่สอง ดาวเทียนอิด ดาวใช้อิด ดาวซำซือ ดาวโห้วฮุย เลื่อนไปที่สาม ดาวบุ้นเชียง ดาวเหี้ยนบู๊ ดาวซำโท้ ดาวโป๊จ๊อ เลื่อนไปที่สี่ ดาวชิกโกวแช เลื่อนขึ้นไปที่ห้า แล้วยังดาวยี่สิบแปดดวง เลื่อนไปที่หก และดาวธาตุทั้งห้า เลื่อนไปประจำอยู่ที่เจ็ด และยังดาวสิบสองดวง เลื่อนไปที่แปด ดาวชื่อว่าไถจื้อชูจื้อ เลื่อนไปประจำอยู่ที่เก้า ดาวชื่อว่าฬ่อเกา กับดาวชื่อว่าเคยโตว เลื่อนไปประจำอยู่ที่สิบ และดาวนอกนั้นก็คงจะมาตั้งขึ้นตามตำแหน่ง คุณต่อเป็งชาน้าจึงทูลถามพระว่า จะทำอย่างไรดาวทั้งหลายนั้นจึงจะเลื่อนขึ้นไปได้ พระจึงตรัสว่าให้อ่านคาถาซึ่งเรียกว่าชิมเก็ง แล้วดาวทั้งหลายนั้นก็จะตั้งขึ้นและเลื่อนขึ้นไปได้สำเร็จดังความคิด ท่านจงรีบลงไปเถิด คุณต่อเป็งชาน้าได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี ถวายบังคมลาไปด้วยตี่อ่องสีฮ่องเต้ถึงตำบลฮ่ำตึ่ถ้ำใหญ่ ที่ชึ่งคัยถังบี้อยู่แล้วก็ทำตามคำพระรับสั่งมา ชึ่งคัยถังบี้ทั้งสองทนอยู่มิได้ต้องออกมาแผ่รัศมีสว่าง คุณต่อเป็งชาน้าตี่อ่องสีฮ่องเต้เห็นชึ่งคัยถังบี้มีรัศมีสว่างแล้วจึงร้องว่า ท่านทั้งสองนี้ขัดรับสั่งพระ ๆ ก็หาเอาโทษไม่ ท่านจงเร่งรีบไปเดินส่องโลกให้สว่าง คุณต่อเป็งชาน้าจึงแบมือขวาเรียกว่าชึ่งคัยมาให้เร็ว พอว่าขึ้นดังนั้น พระอาทิตย์ก็วิ่งเข้าในฝ่ามือ แล้วจึงแบมือซ้ายยื่นออกไป แล้วเรียกว่าถังบี้มาให้เร็ว พระจันทร์นั้นก็วิ่งเข้าในฝ่ามือ คุณต่อเป็งชาน้าก็อ่านมนต์ขึ้นเจ็ดครั้ง และประกาศว่าท่านทั้งสองจงไปเดินส่องโลก อย่าได้ขัดรับสั่งพระเลย ชึ่งคัยถังบี้ก็เหาะขึ้นไปในกลีบเมฆ เดินส่องโลกอยู่ตามจักรราศี คุณต่อเป็งชาน้ากับตี่อ่องสีฮ่องเต้มีความยินดี ตี่อ่องสีฮ่องเต้จึงว่าเดี๋ยวนี้ตะวันก็สว่างแล้ว แต่กลางคืนนั้นยังหาเห็นไม่ คุณต่อเป็งชาน้าจึงว่าถังบี้นั้นยังมีความอาลัยถึงชึ่งคัยมากนัก เราจะต้องคอยตักเตือนให้ออกเดินส่องโลก ตี่อ่องสีฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็พากันคอยอยู่ ขึงคัยถังบี้ก็ออกเดินปกติตามที่พระรับสั่งมา แล้วคุณต่อเป็งชาน้าก็อ่านคาถาซึ่งเรียก ชิมเก็ง ดาวทั้งหลาย นั้นก็บริบูรณ์เต็มตามตำแหน่งที่ คุณต่อเป็งชาน้าจึงว่ากับตี่อ่องสีฮ่องเต้ว่า ชึ่งคัยถังบี้สองคนนี้อยู่ตำบลฮ่ำตึ่ถ้ำใหญ่มาช้านาน มีความรักใคร่กันมาก นานไปกลัวจะเดินไม่เป็นปกติ ตี่อ่องสีฮ่องเต้จึงถามว่าจะทำเป็นประการใด คุณต่อเป็งชาน้าจึงว่า ถ้าพระอาทิตย์เดินเร็วทันพระจันทร์เข้าแล้ว คนในโลกก็เรียกว่าจันทรคราส ถ้าเดือนเดินเร็วทันตะวัน ก็พากันตกใจเรียกว่าสุริยคราสก็จะมืดครึ้มไป จะต้องให้มนุษย์ตีกลองม้าล่อ พระอาทิตย์ พระจันทร์ตกใจก็จะเลี่ยงหลีกกันไป แสงรัศมีนั้นก็จะสว่างเป็นปกติ แต่การอันนี้ปีหนึ่งก็จะเป็นสักครั้งหนึ่งหรือสองครั้ง ทั้งสองพูดกันแล้วก็ต่างคนต่างไป แต่ตี่อ่องสีฮ่องเต้นั้นมาถึงที่อยู่แล้ว จึงให้หาน้องชายทั้งสิบคนมาบอกว่า ครั้งนี้ก็มีพระอาทิตย์พระจันทร์และดาว ว่าเดี๋ยวนี้จะต้องให้มีข้างขึ้นข้างแรมบ้าง ถ้าวันได้สามร้อยหกสิบห้า วันจะให้เป็นปีหนึ่งแล้วจะต้องให้มีปีหนึ่งเป็นสี่ฤดู น้องชายทั้งสิบคนได้ยินพี่ชายว่าดังนั้น น้องชายสิบคนพร้อมกันตอบว่า ถ้าท่านคิดได้ดังนั้นท่านคงมีคุณในแผ่นดินหนักหนา ว่าแล้วต่างคนก็กลับไปที่อยู่รักษาแผ่นดินได้ประมาณหมื่นแปดพันปีจึงจะสิ้นอายุ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ