ฉบับที่ ๖

ถนนหัวลำโพง

วันที่ ๑๑ มกราคม, พ.ศ. ๒๔๖-

ถึงพ่อประเสริฐเพื่อนรัก.

ฉันไม่ได้เขียนจดหมายมาถึงเพื่อนตั้งเดือน ๑, ซึ่งฉันไม่มีอะไรที่จะแก้ตัวกับเพื่อนผู้สนิธอย่างเช่นพ่อประเสริฐ, จึ่งขอสารภาพเสียตามตรงว่าฉันมัวเพลิดเพลินเสียเท่านั้น! แต่ถ้าพ่อประเสริฐเปนฉันบ้างก็คงต้องเพลินเช่นเดียวกับฉันเหมือนกัน. เวลานี้พะเอินมีเวลาว่าง, เพราะฉนั้นขอเขียนจดหมายนี้มาเพื่อแก้ตัวและขออภัยด้วย.

ฉันต้องขอบอกว่าประไพเปนน้องสาวที่ดีมาก! เมื่อคืนวันที่ ๒ เดือนนี้ประไพได้จัดการเชิญแม่อุไรให้ไปดูการแต่งไฟทางลำน้ำ, เพราะฉนั้นเราจึ่งได้มีโอกาศได้นั่งไปด้วยกันนานในเรือยนตร์ในที่มืด! แน่ทีเดียวฉันไม่ได้ปล่อยให้โอกาศเช่นนั้นเปลืองเปล่า, และภายในเวลา ๒ ชั่วโมงที่ไปดูไฟนั้นนับว่าฉันกับแม่อุไรได้รู้จักกันดีเกือบเท่ากับคนที่ได้คุ้นเคยกันมาแล้วตลอดชีวิต.

ต่อนั้นมา, ในระหว่างงานฤดูหนาว, ก็ได้พบปะกันมาก, โดยประไพได้เอื้อเฟื้อมากจริง ๆ. จนฉันบอกแก่ประไพตรง ๆ ว่า ถ้าเราเปนฝรั่งฉันจะจูบหล่อนให้ถึงใจทีเดียว เพื่อแสดงความขอบใจในการที่ได้ช่วยอุดหนุนให้สมประสงค์. นึก ๆ ก็น่าประหลาดอยู่ ที่ในเมืองเรานี้พี่น้องจูบกันไม่ได้เหมือนอย่างฝรั่งเฃา; แต่นึกไปอีกทีก็เห็นว่าห้ามไว้ดีกว่า, เพราะประเพณีของเรากับของเฃาผิดกันอยู่. ของฝรั่งเฃาพี่น้องแต่งงานกันไม่ได้, แต่ของเราเปนผัวเมียกันได้เท่ากับไม่ได้เปนญาติกัน !

ในระหว่างงานฤดูหนาวฉันอยู่ฃ้างจะสนุกมาก, และหวังใจว่าแม่อุไรก็ได้รับความพอใจไม่น้อยเหมือนกัน. แต่คงมีคนไม่พอใจอยู่บ้างเหมือนกัน, คือพวกพ่อหนุ่ม ๆ ที่ได้เคยตอมแม่อุไรอยู่แต่ก่อน. ในงานนั้นแหละฉันได้เห็นอย่างแน่นอนว่าหล่อน “ปอปูล่าร์” ปานใด; หล่อนราวกับดวงไฟที่มีตัวแมลงบินตอมว่อนอยู่. แต่ฉันยอตัวฉันว่าแม่อุไรชอบฉันมากกว่าใคร ๆ ในหมู่นั้น. หล่อนได้ยอมให้ฉันพาเที่ยวทุกคืน, และเต้นรำด้วยกัน, กิน “สัปเป้อร์” ด้วยกันทุกคืน. คนอื่น ๆ พากันฤศยาฉันเปนแถวไปหมด, ซึ่งเปนธรรมดาไม่อัศจรรย์อะไร, เพราะถ้าเปนใจฉันบ้างก็ต้องฤศยาเหมือนกัน.

ดูเหมือนฉันยังไม่ได้เคยเล่ามาให้เพื่อนฟังเลย ว่าแม่อุไรนั้นหน้าตารูปร่างเปนอย่างไร. ที่จริงนึกจะเล่าให้ฟังก็เล่าไม่ถูก, เพราะถึงจะชมด้วยถ้อยคำอย่างไรก็ไม่เพียงพอที่จะให้เพื่อนรู้ได้ว่าหล่อนเปนคนสรวยงาม, น่ารัก, น่าพึงใจปานใด. ฉันไม่ใช่จินตะกวี, เพราะฉนั้นขอบอกโดยย่อแต่ว่าหล่อนเปนผู้หญิงที่งามที่สุดที่ฉันได้เคยพบในกรุงสยาม, และไม่ใช่งามแต่รูป, ทั้งกิริยาก็งามยวนใจ, พูดก็ดีและเสียงเพราะราวกับเพลงดนตรี; และที่ดีที่สุดคือหล่อนไม่ทำตัวเปนหอยจุ๊บแจงอย่างผู้หญิงไทย ๆ โดยมาก. พูดกันสั้น ๆ หล่อนคล้ายผู้หญิงฝรั่งมากกว่าผู้หญิงไทย, และนับว่ามี “เอดูเคชั่น” ดีพอใช้; เขียนหนังสือไทยเก่ง, อ่านและพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง, เต้นรำเปน, และแต่งตัวดี, รู้จักใช้เครื่องเพ็ชร์แต่พอควร ไม่รุงรังเปนต้นไม้คริสต์มาส.

กล่าวถึงต้นไม้คริสต์มาสทำให้นึกถึง “ซุนฮูหยิน” ที่คุณพ่ออยากได้เปนลูกสะไภ้นัก. ในงานฤดูหนาวแต่งตัวไปเสียเพียบเพื่อ “โช” คน. ไปนั่งอยู่ที่ร้านเจ้าคุณภักดีพี่เขย, ดูพราวไปทั้งตัวราวกับหุ่นที่เฃาติดของสำหรับฃาย! คืนวันแรกเมื่อเห็นฉันเดินผ่านไปอุส่าห์ร้องเชิญฉันให้แวะเฃ้าไป, แต่ฉันขอตัวว่ามีธุระ-ซึ่งเปนความจริง, เพราะฉันนัดกับแม่อุไรว่าจะไปรับเฃาที่ราชภัตตาคาร. ภายหลังฉันเดินผ่านร้านเจ้าคุณภักดีไปกับแม่อุไร, “ซุนฮูหยิน” ออกฉิว ค้อนเสียสามสี่วง, แล้วเลยไม่พูดกับฉันอีกเลย. ฉันคิดถึงพ่อประเสริฐพิลึก.

แต่เพื่อนที่รัก,

ประพันธ์.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ