จดหมายถึงนายประเสริฐสุวัฒน์ ฉบับที่ ๑

เรือ “โอยามะ มะรู”

เดินในทเลแดง

วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖-

ถึงพ่อประเสริฐเพื่อนรัก.

เพื่อนคงนึกเคืองฉันอยู่แล้วละสิที่ฉันยังไม่ได้เขียนจดหมายมาถึงเพื่อนก่อนนี้ ที่จริงฉันอยากเขียนมานานแล้ว แต่มันทำใจไม่ลงว่าจะเขียนว่ากระไร. จึงรี ๆ รอ ๆ มาจนถึงเวลานี้. นี่ไม่ใช่เพราะไม่ คิดถึงเพื่อนหามิได้, แต่ตรงกันฃ้าม ฉันคิดถึงเหลือเกินจนไม่รู้จะเขียนไปอย่างไรถูก. ตั้งแต่จากกันมาแล้วฉันคิดถึงเพื่อนทุกวัน, จริง ๆ นะ ไม่แกล้งพูดเลย. และฉันออกนึกฤศยาเพื่อนพิลึกด้วย. นึกถึงตัวฉันเองที่มาตกอยู่ในที่อย่างไร, และพ่อประเสริฐตกอยู่ในที่อย่างไร จะไม่ให้ฉันฤศยาอย่างไรได้? ส่วนฉันสิมาตกอยู่บนเรือซึ่งกำลังแล่นอยู่ในทเลแดง, ร้อนแทบสิ้นสติ, และเดินห่างออกมาจากที่ถิ่นที่เคยได้รับความสุข แลดูไปฃ้างหน้าก็หวังได้ แต่จะได้เห็นความคับแคบและอึดอัดใจ อย่าเฃ้าใจผิดว่าฉันไม่รักกรุงสยามหรือชาติไทย, ชาติบ้านเมืองของฉันทำไมฉันจะไม่รู้จักรัก แต่เปนธรรมดาคนเราต้องมีความรักหลายอย่าง, เช่นรักพ่อแม่หรือญาติพี่น้องก็ผิดกับการรักลูกรักเมียจริงไหม? การรักเมืองไทยเปรียบเหมือนรักพ่อแม่, แต่การรักเมืองอังกฤษเหมือนรักเมีย, แล้วก็เมื่อต้องจากเมืองอังกฤษมาเมืองไทย จะไม่ให้ฉันอาไลยได้หรือ? คนเราที่ไม่เคยพ้นจากอกพ่อแม่ก็รู้สึกพอใจอยู่แล้ว ในการที่อยู่บ้านพ่อบ้านแม่, แต่พอได้เคยออกไปเห็นสิ่งงาม ๆ และพบคนอื่น ๆ นอกบ้านแล้ว คงต้องรู้สึกว่าบ้านพ่อแม่เปนที่คับแคบอึดอัดอยู่บ้าง, ทั้งการคุยกับคนแก่ครึ อย่างพ่อแม่ก็คงไม่ออกรสเท่าคุยกับหนุ่ม ๆ สาว ๆ, จริงไหม?

ขอให้นึกดูเถิดเพื่อนเอ๋ย. ต่อนี้ไปฉันจะไม่มีเวลาได้ไปดูลครอย่างที่เราได้เคยไปด้วยกันบ่อย ๆ ในลอนดอน, จะไม่ได้ไปเที่ยวกินฃ้าวตามเรสตอรังต์ และดูผู้หญิงสวยๆ, และที่ร้ายที่สุด จะไม่ได้เต้นรำ! พ่อประเสริฐก็รู้อยู่แล้วว่าการเต้นรำเกือบจะเปนชีวิตของฉันทีเดียว เมื่อยังอยู่เมืองนอกด้วยกัน, เพื่อนเคยล้อว่าถ้าฉันไม่ได้เต้นรำนาน ๆ ถึงปวดท้อง! นี่ต่อไปฉันจะมิต้องปวดท้องแย่หรือ? แต่พูดกันจริง ๆ นะ, อ้ายการเต้นรำนะมันก็ไม่สู้สำคัญนักดอก; มันสำคัญอีเรื่องที่จะไม่ได้กอดผู้หญิงนั่นแหละ. ถ้าไม่มีเต้นรำกันบ้าง เราจะวิ่งไปกอดเฃาดื้อ ๆ ใครเฃาจะยอม. อีกอย่างหนึ่งในเมืองไทยยังมีคนครึเหลืออยู่มากที่ชอบเก็บลูกสาวไม่ให้พบเห็นผู้ชาย, เพราะฉนั้นดูออกจะหาโอกาศได้ชื่นใจยากอยู่สักหน่อย. ฉันนึก ๆ ไปแทบอยากจะพาเอาลิลี่เฃ้าไปเสียด้วยแล้วเทียว, แต่นึกสงสารหล่อนจะต้องไปตกอยู่ในหมู่คน “อันศิวิไลซ์,” จะทนทานไม่ไหว. ท่านบิดามารดาของฉันนะท่านทำโก้พอใช้จริงอยู่, แต่พื้นของท่าน ไม่ใช่ “ศิวิไลซ์” จริงจังดอกนะเพื่อน.

ฉันได้หวังอยู่ว่าในระหว่างเวลาเดินทางทเลบางทีจะได้มีโอกาศพบปะสมาคมกับผู้หญิงอะไรบ้างสักคนสองคน. พอลงเรือฉันก็ตั้งใจมองหาผู้ที่หน้าตาท่าทางจะพอแก้ขัดได้ และฉันนึกกระหยิ่มใจเมื่อได้เห็นผู้หญิงคน ๑ ซึ่งออกจะพอใช้. เฃาชื่อมิสส์มิลเล่อร์, รูปร่างออกจะคล้าย ๆ ลิลี่, ซึ่งทำให้ฉันคิดถึงลิลี่พิลึก. แต่มีความเสียใจที่จะต้องกล่าวว่า เฃาค่อนฃ้างจะจองหองอยู่หน่อย, เพราะถึงแม้ฉันกับหล่อนนั่งกินฃ้าวอยู่โต๊ะเดียวกันก็จริง หล่อนไม่ใคร่จะยอมพูดกับฉันเลย. หรือจะเปนเพราะหล่อนกลัวตาพ่อของหล่อนก็ไม่ทราบ, เพราะตาพ่อนั้นหน้าตาแกออกจะบ้าระหึ่มอยู่สักหน่อย. แต่เพื่อนก็รู้อยู่แล้วว่าฉันเปนคนที่พยายามปานใด, เพราะฉนั้นในไม่ช้ามิสส์มิลเล่อร์ที่ตกลงต้องพูดกับฉัน ฉันนึกออกยินดีว่าจะได้มีเพื่อนเดินทางที่อาจจะช่วยทำให้ใจค่อยหายเหี่ยวสักหน่อย, แต่ที่ไหนเล่า ในไม่ช้าก็ได้ความว่าหล่อนจะไปเพียงอิยิปต์เท่านั้น, ฉนั้นพอถึงอิยิปต์หล่อนก็ขึ้นจากเรือ. ฉันหวังใจอยู่ว่าจะได้เห็นหล่อนแสดงความเสียใจสักเล็กน้อยในการที่ต้องจากกัน, แต่เปล่าเลย หล่อนมัวแต่โบกผ้าเช็ดหน้าให้ใครคน ๑ ที่มาคอยรับอยู่ที่ท่าเรือ, และซึ่งฉันเฃ้าใจว่าดูเหมือนจะเปน “หวานใจ” ของหล่อน !

จวนถึงเวลาต้องส่งจดหมายแล้ว, เพราะฉนั้นต้องฃอจบที. ถ้าพ่อประเสริฐมีโอกาศขอให้บอกลิลี่ว่าฉันฝากความรักมาถึงหล่อนด้วย.

จากเพื่อนที่รัก,

ประพันธ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ