ฉบับที่ ๑๒

บ้านเลขที่ ๐๐ ถนนสี่พระยา

วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖-

ถึงพ่อประเสริฐเพื่อนรัก.

ฉันได้กล่าวเปรย ๆ มาบ้างแล้วในจดหมายฉบับก่อน ๆ นี้ ว่าฉันมองไปในอนาคตแลเห็นแต่เมฆหมอก, และในจดหมายฉบับสุดท้ายของพ่อประเสริฐเพื่อนได้กล่าวเตือนฉันมาว่า อย่าให้ลืมสุภาษิตอังกฤษที่กล่าวว่า: “เมฆทุกก้อนมีซับในเปนเงิน,” ซึ่งฉันเฃ้าใจว่าพ่อประเสริฐคงตั้งใจว่า หวังใจว่าในไม่ช้าฉันกับแม่อุไรจะปรองดองกันได้, ถูกไหม? ถ้าเพื่อนนึกและหวังเช่นนั้นละก็ต้องเสียใจละเพื่อน, เพราะความเปนจริงมิได้เปนเช่นนั้นเลย. นับจำเดิมแต่เวลาที่แม่อุไรได้แท้งลูกแล้ว (เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม), พอหล่อนหายเจ็บกิริยาอาการของหล่อนก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเปนลำดับ, และในไม่ช้าหล่อนก็ได้ทำให้ฉันแลเห็นได้โดยชัดเจนทีเดียวว่าหล่อนสิ้นรักฉันเสียแล้ว. แน่ทีเดียวเมื่อฉันรู้สึกเช่นนั้นฉันมีความเสียใจมาก, แต่เพราะยังมิได้มีเหตุอะไรมาทำให้ฉันรู้สึกว่าจะอยู่ไปด้วยกันไม่ได้แท้ ๆ, ฉันจึงสู้นิ่งทนอยู่กับหล่อนไปทั้ง ๆ ที่รู้แล้วโดยแน่ใจว่าแม่อุไรเท่ากับไม่ใช่เมียฉันแล้ว ทั้งนี้ก็เพราะฉันเปนคนที่กลัวคนนินทาเสียจริง ๆ, จึ่งตั้งใจว่าเมื่อเปนกรรมของฉันแล้วก็จะก้มหน้าทนกรรมไปจนถึงที่สุด, นึกเสียว่าเท่ากับอุทิศตัวเปนพรหมจรรย์เสียชาติหนึ่งทีเดียว.

แต่อยู่มาไม่ช้าก็ได้เกิดมีเหตุการณ์ขึ้นเปนลำดับดังฉันจะขอเล่าให้ฟังโดยย่อพอเปนสังเขป, จำเดิมแต่เมื่อแม่อุไรแท้งลูกและหายเจ็บแล้ว หล่อนชอบเที่ยวเสมอ ๆ, และชอบไปคนเดียว, ไม่ไปกับฉัน, และฉันจะถามบ้างว่า ไปแห่งใดก็โกรธฉุนเฉียวทุกคราว จนฉันต้องงดถามเพื่อรักษาสันติภาพภายในบ้าน. แต่ในไม่ช้าฉันก็จำเปนต้องพูดเตือนเรื่องเที่ยวของหล่อน, เพราะห้างและร้านต่าง ๆ เริ่มส่งใบทวงเงินมามาก, ในเดือนหนึ่งแม่อุไรไปเที่ยวทำหนี้ไว้ตั้งพันบาท, แต่เงินเดือนของฉันก็เพียง ๒๐๐ บาทเท่านั้น, ฉันจึ่งต้องเตือน. แต่การเตือนกลับเปนผลตรงกันฃ้าม, เพราะในเดือนต่อมาหล่อนไปทำหนี้ไว้อีกตั้งพันห้าร้อยบาท! ฉันต่อว่าเฃ้าหล่อนก็กลับตอบว่า: เมื่อก่อนคุณจะมาแต่งงานกับดิฉันทำไมคุณไม่สืบสวนให้ได้ความเสียก่อนว่าดิฉันต้องใช้จ่ายอย่างไร. ดิฉันจะยอมเปลี่ยนแปลงความสำราญเช่นที่เคยมาแต่ก่อนเพื่อความพอใจของคุณไม่ได้.” ในที่สุดตกลงฉันต้องไปขอเงินจากคุณพ่อมาใช้หนี้ของแม่อุไร.

คุณพ่อท่านโกรธมาก, บ่นอะไรต่อมิอะไรมากมาย, แต่ในที่สุดก็ให้เงินนั้นตามที่ขอ, ฉันก็นึกว่าคงจะเปนอันสิ้นเรื่องรำคาญไปพักหนึ่ง. ที่ไหนเล่า, ต่อนั้นมาไม่อีกกี่วันเห็นแจ้งความลงในหนังสือพิมพ์, ความว่าฉันไม่ขอรับผิดชอบในหนี้สินของภรรยาอีกต่อไป และจะยอมใช้ให้แต่ที่ฉันได้ลงชื่อรับรองไว้ด้วยเท่านั้น. แม่อุไรเห็นแจ้งความนี้เฃ้าฉิวใหญ่, และในชั้นต้นฉันก็มิรู้ที่จะเถียงเฃาอย่างไร นอกจากว่าฉันไม่ได้เปนผู้ส่งแจ้งความนั้นไปลง ฉันสบถสาบาลให้เท่าใดหล่อนก็ไม่เชื่อ ฉันจึ่งรับปาก ว่าจะไปสืบให้ได้ความว่าใครส่งแจ้งความนั้นไปลง) แต่แม่อุไรไม่ยอมฟังคำ พูดฉันเสียเลยจนคำเดียว, ยืนยันอยู่คำเดียวแต่ว่าฉันแกล้งประจานหล่อนกลางเมือง, และในบ่ายวันนั้นเองหล่อนขึ้นรถไปอยู่บ้านพ่อของหล่อน. เช้าวันรุ่งขึ้นแม่อุไรก็ไปลงแจ้งความบ้างว่า หล่อนไม่ขอรับผิดชอบในเรื่องหนี้สินของฉัน, และว่าฉันไม่มีอำนาจเกี่ยวข้องในทรัพย์สมบัติของหล่อนอีกต่อไป. ฉันอุส่าห์ไปสืบจนได้ความว่า แจ้งความที่ลงในนามของฉันนั้น หลวงบรรยายนรคดี, ทนายความ, ได้ส่งไปลงโดยคำสั่งของคุณพ่อของฉัน, ฉันก็ไปหาบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ขอให้งดการลงแจ้งความนั้นต่อไป, แล้วฉันก็ตามไปหาแม่อุไรที่บ้านพระนิพิฐ, แต่ได้รับคำตอบจากคนใช้ว่าแม่อุไรไม่สบาย, ลงมาพบกับฉันไม่ได้.

ในคืนวันเดียวกันนั้นเอง คุณหลวงเทพปัญหามาหาฉันที่บ้าน, และเมื่อพูดจากันถึงเรื่องต่าง ๆ พอสมควรแล้ว, คุณหลวงเทพ ฯ จึ่งกล่าวขึ้นว่า บ่ายวันนั้นได้พบแม่อุไรขึ้นรถยนตร์เที่ยวอยู่กับพระยาตระเวนนคร. ฉันได้ฟังเช่นนั้นก็ใจหายวาบ, เพราะทราบชื่อเสียงของเจ้าคุณผู้นี้อยู่ดีแล้วว่าเปนอย่างไร, แต่ฉันก็ตีหน้าเฉยเพื่อไม่ให้หลวงเทพฯ รู้ว่าฃ่าวที่แกเล่านั้นทำให้ฉันสดุ้งใจปานใด. พอหลวงเทพ ฯ ไปพ้นเรือนฉันก็รีบเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงแม่อุไร, เตือนสติในการที่คบสนิธสนมกับคนมีชื่อเสียง เช่นพระยาตระเวนนคร, และในที่สุดอ้อนวอนขอให้หล่อนกลับมาบ้าน, รุ่งขึ้นฉันได้รับซอง ๑ ซอง, ซึ่งเมื่อฉีกผนึกก็มีกระดาษฉีกเปนชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงออกมา; ฉันเทออกแล้วจึ่งจำได้ว่าเปนจดหมายที่ฉันมีไปถึงแม่อุไรนั่นเอง! ขอให้นึกเถิดว่าฉันรู้สึกสดุ้งปานใด. ยิ่งกว่านั้น, ในบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง แม่อุไรได้ขึ้นรถยนตร์กับพระยาตระเวนนครขับผ่านน่าบ้านฉันไป, และเมื่อผ่านบ้านนี้แกล้งขับช้า ๆ เพื่อให้ฉันเห็นถนัด ๆ ด้วย !

ต่อแต่นั้นมาก็มีแต่หนักขึ้นทุกที จนในไม่ช้าก็ลือกันทั่วพระนคร ว่าพระยาตระเวนกับแม่อุไรสนิธสนมกันมาก จนเกือบเท่ากับเปนผัวเมียกันโดยเปิดเผย, การที่เฃาพากันพูดเช่นนั้นก็ออกจะน่าพูดอยู่บ้าง, เพราะผู้หญิงใดที่คบค้ากับพระยาตระเวนแล้วรอดตัวมาได้โดยไม่ด่างพร้อยนั้นหาไม่ได้ทีเดียว. ฉันได้มีจดหมายไปถึงแม่อุไรหลายฉบับ, ชวนให้กลับมาบ้าน, แต่ถูกฉีกเปนชิ้น ๆ ส่งคืนมาทุกฉบับ. ครั้นเมื่อปลายเดือนก่อนนี้ หลวงเทพปัญหามาบอกฉันว่า แม่อุไรได้ไปค้างบ้านพระยาตระเวนแล้ว ฉันก็ปฤกษาหาฤากับหลวงเทพ ฯ และในที่สุดหลวงเทพ ฯ รับธุระไปพูดจากับแม่อุไร, ขออย่าฃาดจากกัน. ในชั้นต้นหล่อนจะไม่ยอม, แต่หลวงเทพ ฯ ชี้แจงว่า ถ้าไม่ยอมอย่าฝ่ายฉันก็ไม่มีทางอื่นนอกจากฟ้องชายชู้, หล่อนไปปฤกษาหาฤากับพระยาตระเวนแล้วจึ่งบอกหลวงเทพ ฯ ว่าเปนอันยอมอย่า. หลวงเทพ ฯ ก็ช่วยเปนธุระทำหนังสือสัญญาอย่าขาดจากสามีภรรยากัน, และได้ลงชื่อกันแล้วเมื่อวานนี้.

ฉนั้นบัดนี้ฉันก็กลับเปนโสดอีกแล้ว, และคงจะไม่รีบร้อนหาคู่โดยด่วนเช่นครั้งก่อนอีกละ ขอให้พ่อประเสริฐจำเรื่องของฉันใส่ใจไว้เถิด.

จากเพื่อนผู้โล่งใจ

ประพันธ์.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ