ฉบับที่ ๑๖

สโมสรเสือป่ากองเสนาหลวง ร.อ.

พระราชวังสนามจันทร์

วันที่ ๓๑ มกราคม, พ.ศ. ๒๔๖-

ถึงพ่อประเสริฐเพื่อนรัก.

หมู่นี้ฉันมีอะไร ๆ ที่ทำให้เพลิดเพลินมากอย่างน่าประหลาด. ที่ฉันกล่าวว่าน่าประหลาดเช่นนี้ เพราะมานึกขึ้นว่าผู้ที่เปนพลเรือนแท้ ๆ คือที่ไม่ได้เปนทหารโดยอาชีพ หรือไม่ได้เปนเสือป่าที่ตั้งใจทำน่าที่อย่างทหาร, คงจะนึกไม่ได้เลยว่าการที่มาถูกระดมอยู่กับกองเพื่อทำการฝึกซ้อมวิธียุทธอย่างเช่นที่เสือป่ากองเสนาหลวงรักษาพระองค์มาทำอยู่ในเวลานี้อาจจะเห็นเปนความเพลิดเพลินได้ ส่วนฉันเองได้เคยอยู่ในกองฝึกหัดนายทหารที่อ๊อกซฟอร์ดมาแล้ว ก็ได้เคยรู้จักความสนุกของการอยู่ค่ายและซ้อมรบบ้างแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เหมือนในครั้งนี้เลย. เท่าที่ได้เคยมาแล้วเปนแต่เปรียบเหมือนลองชิมรสดูนิดหน่อยเท่านั้น แต่มาคราวนี้ได้ต้องมาทำการจริง ๆ และต้องทำเปนการประจำอยู่นานด้วยจึงผิดกันมาก กิจการที่ฉันต้องกระทำในส่วนน่าที่ผู้บังคับหมวดเปนงานประจำ, กับมีการซ้อมรบบ้างบางวัน, เปนของที่ไม่แปลกประหลาดพอที่จะเล่ามาให้ฟังในจดหมาย, และถึงจะเล่ามาก็คงไม่สนุกอะไร เพราะเปนของ “อินเตอเรสต์” แต่สำหรับผู้ที่ปฏิบัติเท่านั้น.

นอกจากการงานที่ทำประจำอยู่นี้ มีสิ่งที่ทำให้เพลิดเพลินและรู้สึก ว่าเปนประโยชน์แก่ตัวฉัน, คือการสมาคม, ได้พบปะพูดจาอยู่ร่วมกับคนมากที่เปนเพื่อนร่วมราชการ, ทำให้มีโอกาศได้รู้อกรู้ใจรู้ความคิดความเห็นของคนมากได้กว้างขวางขึ้นกว่าที่จะมีโอกาศในเวลาอยู่โดยปรกติ เพราะในเวลาอยู่ในกรุงเทพ ฯ ต่างคนต่างมีราชการไปทำที่ออฟฟิซ, และพอหมดเวลาแล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป, ไม่ใคร่จะได้พบปะสมาคมกัน จริงอยู่ในเวลานี้มีสโมสรตั้งขึ้นใหม่หลายแห่งแล้ว แต่พูดกันตรงๆ ดูไม่เห็นค่อยจะสำเร็จได้เลย โดยมากมักจะฮือกันแต่เวลาแรกๆ พัก ๑ เท่านั้น แล้วต่อ ๆ มาก็พากันเบื่อและสมาชิกไปกันน้อยลงทุกที จนลงท้ายก็มักจะเลยละลายหายไปเฉยๆ ที่จริงเรื่องสโมสรนี้ไม่เห็นมีคนชาติใดตั้งได้ยั่งยืน และใช้กันจริงจังอย่างอังกฤษเลยสักชาติเดียว, ซึ่งเปนของอัศจรรย์อยู่ ในกรุงเทพ ฯ มีสโมสรที่ยังคงตั้งติดอยู่ก็แต่สโมสรที่มีสมาชิกเปนอังกฤษอยู่มาก และกรรมการเปนอังกฤษ เช่น ราชกรีฑาสโมสร. หรือเปนสโมสรของอังกฤษแท้ ๆ เช่นบริติชคลับ เปนต้น, ฝรั่งเศสมีสมาคมเรียกว่า “อัลลิยองส๎ ฟรังเซส”, แต่ก็ไม่เห็นมีสโมสรสถานเปนหลักแหล่งอะไร, เปนแต่ปี ๑ เฃาก็มีลครเชิญคนดูครั้ง ๑ เท่านั้น เมื่อก่อนสงครามมีสโมสรเยอรมันอยู่ที่ถนนสุริวงศ์แห่ง ๑, ซึ่งพวกเยอรมันเฃ้าเปนสมาชิกด้วยความมุ่งหมายทางการเมืองมากกว่าทางการสมาคม, คือเปนที่ประชุมชนชาติเยอรมัน สำหรับคิดการเพื่อประโยชน์ของพวกเฃา, หรือพูดกันตรง ๆ ก็คือเปนซ่องอั้งยี่กลาย ๆ นั้นเอง. ส่วนสโมสรจีนต่าง ๆ ฉันบอกไม่ได้ว่าเปนอย่างไร เพราะไม่เคยเฃ้าไปพบไปเห็นของเฃา, เปนแต่เคยได้ยินเฃาโจทกันว่า ถ้าไม่เปนบ่อนลับ ก็เปนเทือกซ่องอั้งยี่ แต่ฉันไม่รับรองว่ามีความจริงแค่ใด, ส่วนสโมสรไทยที่ตั้งยั่งยืนมาได้นานที่สุดก็คือสามัคยาจารย์สมาคม, ซึ่งออกจะผิดกับสโมสรธรรมดาอยู่หน่อย, โดยเปนของสำหรับจำเภาะข้าราชการกระทรวงเดียว และราชการกระทรวงนั้นหนุนหลังอยู่จึงตั้งยืดอยู่ได้.

การที่สโมสรตั้งไม่ใคร่ติดได้ในเมืองเราเพราะคนไทยเราโดยมากเปนผู้ที่รักบ้าน; แต่ต้องอย่าเฃ้าใจผิดว่าเปนอย่างเดียวกับที่เรียกว่า “โฮม ไลฟ” ของอังกฤษ, เพราะบ้านของเราไม่ได้แปลว่าอยู่ในท่ามกลางลูกเมียโดยเงียบ ๆ บ้านของเราโดยมากตรงกันฃ้ามกับเงียบ, เมื่อในบ้านเดียวกันมีผู้หญิงที่ร่วมตัวอยู่ด้วยกันหลาย ๆ คน และผู้หญิงนั้น ๆ ต่างคนต่างมีลูก, ซึ่งแก่งแย่งแข่งในระหว่างกันแลกันอยู่เสมอ, มีการหึงส์กันอยู่เสมอไม่มากก็น้อย, จะหาความเงียบที่ไหนมา?

อย่าว่าแต่การมีสโมสรเลย ถึงแม้ในการสมาคมของเราก็ยังไม่ลงระเบียบเรียบร้อยเลย, นับว่ายังอยู่ในระหว่างเวลาเปลี่ยนแปลงโดยแท้ทีเดียว. ตามประเพณีเดิมผู้ชายกับผู้หญิงเฃาไม่เคยให้พบปะสมาคมกันเลย ตามที่พ่อประเสริฐรู้อยู่แล้ว และผลของการห้ามเช่นนั้นก็คือ ทำให้ผู้หญิงนึกว่าผู้ชายเปนเทวดาไปเสียหมด จึงยอมเสียตัวแก่ผู้ชายง่ายเกินไปจนเปนของน่าเกลียด. ในสมัยนี้บิดามารดาปล่อยให้ผู้หญิงฟรีมากขึ้น แต่ผู้หญิงยังไม่รู้จักค่าแท้จริงแห่งเสรีภาพ จึงใช้เสรีภาพในทางที่ผิดจนเสียตัวเสียชื่อ.

ในเวลานี้ได้เกิดมีของเปลี่ยนแปลงใหม่ขึ้นอีกอย่าง ๑, คือการเล่นลครพูดให้ผู้ชายเปนตัวผู้ชาย, ผู้หญิงเปนตัวผู้หญิง ฉันได้ดูมาหลายคราวแล้ว, ดูเปนการเฃ้าทีอยู่ ที่สนามจันทร์นี้พวกเราเสือป่าก็ได้ดูลครพูดของ “คณะลครศรีอยุทธยารม” ซึ่งเล่นดีปานใดพ่อประเสริฐทราบอยู่แล้วไม่ต้องเล่าซ้ำอีกในจดหมายฉบับนี้, ผู้หญิงที่เปนตัวลครในคณะนี้ ที่มีสามีและมีบุตร์แล้วก็มี แต่เฃาก็ยังเรี่ยมๆ อยู่, ซึ่งเปนพยานว่าผู้หญิงไทยที่มีลูกแล้วไม่จำจะต้องเลยแก่จั๊บ ๆ ไปอย่างที่มักว่า ๆ กัน. ที่จริงฉันเห็นว่าการที่ผู้ชายไทย ๆ มีมากที่เมื่อเมียที่มีลูกแล้วนั้น ต้องปรับโทษผู้หญิงเองด้วยเหมือนกัน เพราะมีผู้หญิงหลายคนที่คิดผิดไปว่ามีความจำเปนจะต้องแต่งตัวดี ๆ หรือประจบประแจงตัวแต่เมื่อแรก ๆ ได้กันใหม่ ๆ เท่านั้น, และพอมีลูกสักคนหนึ่งแล้วก็ชอบปล่อยตามบุญตามกรรม แล้วแต่จะเปนไป. แท้จริงไม่ควรลืมว่าผู้ชายนั้น ธรรมดาย่อมเปนสัตว์ที่มีเมียมาก, เช่นเดียวกับสัตว์ตัวผู้ชนิดอื่น ๆ, เพราะฉนั้นถ้าหญิงคนใดอยากจะผูกความรักของตัวไว้ให้แน่น ควรจะต้องแต่งตัวงาม ๆ ให้ยวนตายวนใจ, ควรปฏิบัติให้เปนไปในทางบำรุงความสุขกายสุขใจ, ให้ตัวรู้สึกว่าเปนมิตร์แลที่ปฤกษาด้วย ถ้าทำเช่นนี้ได้แล้วก็จะไม่จำเปนต้องห้ามผัวมิให้มีเมียน้อยเลย เพราะผัวจะรู้สึกว่ามีคนเดียวนั้นพอแก่ความสุขแล้ว, ฉันเองนึก ๆ ขึ้นมาก็เสียใจที่หาเมียเช่นนี้บ้างยังไม่ได้ แต่ฉันก็หวังอยู่ว่าบางทีจะได้ประสบโชคดีบ้างในภายน่ากระมัง.

จากเพื่อนผู้คิดถึง,

หลวงบริบาลบรมศักดิ์.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ