ฉบับที่ ๑๗

บ้านเลขที่ ๐๐ ถนนสี่พระยา

วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖-

ถึงพ่อประเสริฐเพื่อนรัก.

ตลอดเวลาเดือนก่อนนี้ฉันได้เขียนจดหมายมาถึงเพื่อนได้แต่ฉบับเล็ก ๆ และเล่าแต่เรื่องซ้อมรบ, ซึ่งน่ากลัวจะได้ทำให้เพื่อนเบื่อมากกระมัง? ถ้าเช่นนั้นก็ขอโทษเถิด, แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ฉันหาเรื่องอะไรเล่ามาให้ไม่ได้จริง ๆ, เพราะเปนเวลาที่ไปอยู่ค่ายที่บ้านโป่งและออกเดินกองพักแรมในสนาม, ที่เปนธรรมดาอยู่เองที่ฉันจะหาเรื่องอะไรเล่ามาให้ฟังไม่ได้นอกจากเรื่องกิจการของฉันในน่าที่เสือป่า, ที่กระทำอยู่เปนการประจำ. ฉันมีความยินดีที่ฉันได้เลื่อนยศเปนนายหมู่ใหญ่ขึ้นแล้ว, นับว่าได้ขึ้นเร็วเกินกว่าที่ตัวฉันเองคาดหมาย,

พอฉันกลับมาถึงบ้านนี้ได้ไม่กี่วันก็ได้รับแขกอย่างผิดความคาดหมาย, คือแม่อุไร! แปลกไหม?ค่ำวันนั้นฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่ คนใช้มาบอกว่าแม่อุไรมาหา, ในชั้นต้นฉันไม่เชื่อ, ฉันถามมันไปว่า “อุไรไหน?” คนใช้มันทำหน้าเลิกลั้กแล้วตอบว่า : “ก็คุณอุไรน่ะสิขอรับ.” ฉันทราบแน่ว่าคือเมียเก่าของฉันนั้นเอง, แล้วฉันก็ลุกออกไปหาที่ห้องรับแขก หล่อนแต่งตัวเรี่ยม, เสื้อแพรสีชมพูบาง ๆ, นุ่งผ้าสิ้นไหมชมพู, ประดับเครื่องเพชรพลอยน้อย ๆ พองาม, แต่ผัดหน้ามากไปสักหน่อย. พอหล่อนเห็นฉันเฃ้าไปในห้องรับแขกหล่อนก็ลุกขึ้นยืน, ท่าทางออกจะไม่สู้สบายนักแต่ฝืนยิ้ม. ฉันคำนับอย่างหน้าเฉย ๆ, เชิญให้หล่อนนั่ง, และนั่งลงในที่ไม่ห่างเกินไป, แล้วถามว่าหล่อนมีความประสงค์อะไร หล่อนเอ่ยขึ้นว่า: “พูดยากนัก –!” แล้วก็นิ่งอึ้ง; ฉันก็นั่งนิ่งรอฟังอยู่ เฉย ๆ. สักครู่หนึ่งหล่อนพูดต่อไปว่า: “คุณไม่ช่วยดิฉันบ้างเลยนี่คะ.” ฉันตอบว่าฉันเสียใจ, ไม่ทราบว่าจะช่วยหล่อนได้อย่างไร. หล่อนนิ่งอยู่อีกครู่ใหญ่ ๆ แล้วจึ่งพูด: “ดิฉันผิดไปแล้ว, ผิดมากแต่ต้นจนปลาย, ดิฉันได้ทำให้คุณหลวงต้องรับความเดือดร้อนรำคาญมาแล้วมากมาย, และคุณหลวงควรที่จะเกลียดดิฉันจริง ๆ แต่ถึงคุณหลวงจะเกลียดฉันสักปานใดก็คงไม่มากเท่าดิฉันชังตัวเองเปนแน่.” พูดดังนี้แล้วหล่อนก็ควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา.

ฉันก็นั่งนิ่งอยู่ จะให้ฉันตอบว่ากระไรได้.

หล่อนซับน้ำตาพลาง, ชำเลืองดูฉันพลาง; ครั้นเห็นฉันนั่งเฉยอยู่ หล่อนจึงพูดต่อไปอีกว่า: “คุณหลวงจะลงโทษดิฉันอย่างไรดิฉันจะยอมรับทุกอย่าง, ขอแต่ให้มีความกรุณาต่อดิฉันผู้เปนสัตว์ผู้ยากเท่านั้น.”

ฉันจึ่งตอบว่า: ฉันแลไม่เห็นว่าฉันจะมีอำนาจลงโทษหล่อนอย่างไร, และยังไม่เฃ้าใจด้วยว่าที่หล่อนขอความกรุณานั้นหมายความอย่างไร.”

แม่อุไรอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ ๆ แล้วจึงพูดว่า: “ดิฉันไม่เห็นที่พึ่งแห่งใดอีกแล้วนอกจากคุณหลวง, และถ้าคุณหลวงเมตตาชุบเลี้ยงดิฉันอีกครั้งหนึ่งแล้ว ดิฉันสาบาลว่าจะปฏิบัติรับใช้คุณหลวงอย่างฃ้าทาสาทีเดียว, ไม่ขอมีนายอื่นนอกจากคุณหลวงเปนอันขาด.”

ฉันจะตอบอย่างไรก็เห็นว่าไม่เหมาะ, จึงถามไปว่าหล่อนมีความคับแค้นอย่างไร, เปนอันได้ความว่า พระยาตระเวนเฃาต้องการบ้านที่ถนนราชประสงค์นั้นสำหรับให้แม่สร้อยเมียรักของเฃาอยู่, เฃาจึงขอให้แม่อุไรย้ายไปอยู่ที่อื่น, ครั้นว่าแม่อุไรจะกลับไปอาศัยบ้านพ่อของตัวก็ยังกลัวเสียรัศมี, เหตุที่ได้พูดไว้แล้วว่าจะไม่พึ่งพาอาศัยพ่ออีกต่อไป. นอกจากการที่จะไม่มีบ้านอยู่, มิหนำซ้ำเงินก็จะไม่มีใช้สรอย, เพราะเงินที่พระยาตระเวนเคยให้อยู่นั้น ก็ลดจำนวนลงทุกที, จนในที่สุดเฃาไม่ได้ส่งไปให้สองเดือนแล้ว ฉันได้ทราบเรื่องราวตลอดแล้วเช่นนั้นฉันก็บอกแม่อุไรโดยตรงว่า ฉันก็เสียใจที่หล่อนต้องรับความลำบากเช่นนั้น, แต่ขอให้หล่อนนึกดูว่า หล่อนได้ขุดอู่ตามใจตนเองแล้ว เมื่อนอนในอู่นั้นไม่สบายจะโทษใครได้. ส่วนการที่หล่อนกับฉันจะกลับดีกันใหม่นั้น, ฉันไม่แลเห็นหนทางที่จะเปนไปได้, และผลที่จะได้ก็จะมีแต่ความร้อนใจไร้สุขด้วยกันทั้งคู่เท่านั้น, ขออย่าให้คิดต่อไปดีกว่า, และในที่สุดฉันแนะนำว่าให้หล่อนกลับไปง้อพ่อของหล่อน และกลับไปอยู่กับพ่อดีกว่า.

เมื่อเห็นว่าจะอยู่ต่อไปไม่เปนประโยชน์แล้ว แม่อุไรก็ลากลับไป, และฉันได้ฃ่าวมาว่าตกลงไปง้อพ่อ, ปรองดองกันแล้ว, ก็เปนการดีสำหรับตัวหล่อน.

ตามที่ฉันได้ประพฤติมาแล้วหวังใจว่าพ่อประเสริฐจะเห็นด้วยว่าฉันได้ทำถูกแล้ว, เพราะไม่มีทางที่จะทำอย่างอื่นได้.

จากเพื่อนที่รัก,

หลวงบริบาลบรมศักดิ์.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ