ตอนหก การพนันใหญ่

ในบัดนี้ได้คิดการกันไว้พร้อมแล้ว, และทุรโยธน์ก็เข้าเฝ้าพระราชาเฒ่าผู้ชนกนาถ, กราบลงแทบฝ่ายุคลบาท, แล้วทรงกันแสงไห้ อัสสุชลหลั่งไหลลงอาบพักตร์. พระราชบิดาทราบอาการพระลูกรักดังนั้นก็ไต่ถามถึงเหตุผล

“พระทูลกระหม่อมเจ้าข้า, ความสวยงามแห่งราชสำนักของยุธิษฐิรดีกว่า ของกรงหัสตินาปุรซึ่งลือนามมาแต่ไหนแต่ไร. ท้องพระคลังของเขาเต็มไปด้วยทองและแก้วแหวนอันมีค่า; รัฐสิมาเปี่ยมด้วยความปราสาทสวรรค์อันชะลอลง ณ แผ่นดิน คู่แข่งขันซึ่งเราได้อปโลกน์ขึ้น มาดูหมิ่นวางสง่าข้ามหน้าเราเสียแล้ว. อ้า, เทว! เกล้ากระหม่อมฉันช้ำใจอยากจะตายเสีย, เป็นความจริง, เกล้ากระหม่อมคงจะไม่ได้ครองชีวิตไว้กราบทูลความเรื่องนี้ให้ทรงทราบตระหนัก, หากศกุนิมาตุลที่ข้าได้ช่วยบรรเทาทุกข์เกล้ากระหม่อมไว้, แกแสดงกลอุบายอย่างเอกที่จะหักราญคู่แข่งขันของเรา, และเลศข้อนั้นให้เกล้ากระหม่อมประติบัติดังนี้, เชิญยุธิษฐิรมาเล่นการพนัน, เราเตรียมการไว้แล้วที่จะให้เขาพ่ายแพ้เราทุกกระดาน, เสียเดิมพันทุกคราวไป, กว่าเกล้ากระหม่อมจะได้ของที่เสียไปกลับคืนมา หมายความว่า กึ่งพระราชอาณาจักรที่ได้พระราชทานแบ่งแก่เขา. โดยโชคจะวิบัติเกล้ากระหม่อมให้เสียทีเขาก็ทำเนา, เกล้ากระหม่อมจะรับเอาบาปเคราะห์นั้นโดยดุษณีเทียวพระเจ้าข้า, ให้เขาเป็นพระราชาแต่องค์เดียวแทนที่เกล้ากระหม่อมเถิด, หากมิฉะนั้นก็ให้เกล้ากระหม่อมครองราชอาณาจักรโดยสมบูรณ์ภาค ไม่พักสรรปันครึ่งแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง, แต่ที่จะให้เป็นใหญ่ทั้งสองเจ้า, ดาวสองดวงจะทรงไว้ซึ่งอาการเคลื่อนที่ในราศีอันเดียวกันไม่ได้ละ พระเจ้าข้า.”

ธฤตราษฎร์ตรัสตอบ “ลูกรักของพ่อ เจ้าโศกเพราะโทสะ, และโทสะนั้นมันได้แก่ความคลั่งประเดี๋ยวหนึ่งเท่านั้น. ทำไมเจ้าปล่อยให้เพลิงพิโรธเข้าเผาดวงหทัยของเจ้า ? ทำไมเจ้าจึงมาคิดการจะย่ำยีพี่น้องของเจ้าอีก ? เขาได้ลำบากยากแค้นมาพอแล้ว: ให้เขาอยู่เป็นสุขบ้างซี แส่หาภัยต่อราชศัตรูผู้มีอำนาจเท่ากับปลุกสีหราชหลับให้ตื่นขึ้น. และไอ้เรื่องการพนัน ! อย่าได้มาออกชื่อต่อหน้าพ่อ, พ่อชังสำเนียงเสียงชื่อมัน, มันบอกแต่ความฉิบหายและเคราะห์ร้าย. พ่อขนพองสยองเกล้าเมื่อมานึกถึงการที่จะอนุญาตให้เจ้าเล่นกีฬาอันร้ายนี้. จงถามวิทุรดูที เขาจะมีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้.”

วิทุรมิทันรอให้ตรัสถาม, ยืนขึ้นแสดงความเห็นของเขา, กล่าวพิธีขอพระราชวโรกาสแล้ว, กราบทลพระกรุณาว่า: “พระองค์ทรงทราบอยู่แล้ว, เทว, ว่าข้าพระเจ้าไม่เคยเป็นคนสอพลอ ตรงกันข้าม คารมคมคายของข้าพระเจ้ามันตกร้ายแก่ข้าพระเจ้าเนืองๆ ครั้งนี้ก็อีกนั่นแหละ, ข้าพระเจ้าต้องขอกล่าวความเห็นของข้าพระเจ้าว่า โลภจิตของเจ้านายเราที่จะแย่งยื้อเอาทรัพย์สมบัติของพระญาติเรียงพี่เรียงน้องมาเป็นของพระองค์นั้น ก็จะพาให้ท่านฉิบหายไปเอง. เลศของท้าวเธอย่อมเต็มไปด้วยผลร้ายน่ากลัวนักหนา, ข้าพระเจ้ารู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของข้าพระเจ้าต้องทูลเตือนพระสติฝ่าพระบาท.”

ความไม่เต็มหฤทัยของพระราชาและคำคัดค้านของวิทุร มีแต่จะเพิ่มพูนเร่งเร้าความริษยาและยังความดื้อของทุรโยธน์ให้แก่กล้าขึ้น. ฝ่ายยุธิษฐิรผู้อุดมด้วยคุณสมบัติต่างๆนั้น ยังอ่อนแออยู่อย่างหนึ่งคือพอหฤทัยเล่นสกา, ข้อนี้แลเป็นพญามารซึ่งหฤทัยอันป้ำของท้าวเธอไม่สามารถต่อสู้ได้, ทรงทราบว่ามีการพนันสกาที่ไหน เป็นต้องเสด็จไปทอดพระเนตรหรือเล่นกับเขา, เพราะฉะนั้นเมื่อทุรโยธน์เชิญไปเล่นการพนัน, ท้าวเธอทรงเห็นว่าเป็นเกียรติยศอันหนึ่งที่จะพึงทรงรับการท้าขันกับเขา. ท้าวเธอเสด็จจากอินทรปรัสถ์เพื่อไปเล่นพนันสกา, พาไม่แต่พระภราดาทั้งสี่, ยังได้หอบหิ้วเอาพระชนนีผู้ชราและกันยาเท๎ราปทีไปด้วย.

การแข่งขันพนันสกาได้ตั้งต้น. กระดานต้นยุธิษฐิรเสียเดิมพัน, ที่จริงท้าวเธอรองเขาทุกกระดานในวันเคราะห์ไม่ดีนั้น. วันรุ่งขึ้นท้าวเธอทรงอีกก็แพ้เขาอีก, ทุกๆ กระดานที่แพ้เขามันเร้าความกระหายของท้าวจัดขึ้นทุกที. ทอง, เพชรพลอย, ม้า, รถ, คชสาร, เอาลงวางเป็นเดิมพันขันพนันกับเขาและแพ้สารพัด, หลุดลอยไปจากหัตถ์ราวกับเหรียญทองของเทพดาฉะนั้น. ต่อนั้นท้าวเธอเอาสมบัติในท้องพระคลังลงกองเป็นเดิมพัน, และต่อจากนั้น, พระราชอาณาจักร, และทั้งสองสิ่งนี้เล่าก็เนาในทางอันเดียวกัน, หลุดมือไปเหมือนกัน. ถึงกระนั้นความกระหายก็มิได้เหือดลง, ท้าวเธอเอาอนุภราดาทั้งสี่องค์ลงเป็นเดิมพัน, เอาตัวพระองค์เอง, และในที่สุดเอาเท๎ราปที, เป็นที่อัปยศอดสูแก่ผู้ที่นั่งดูอยู่พร้อมหน้า, และได้เสียภราดาและน้องสะใภ้แก่เขา. ภีษ๎ม โท๎รณ และวิทุร นั่งดูอยู่ด้วยใจอันเศร้าสลด, ฝ่าย ‘กรรณ’ ทุหศาสน, และผู้คิดคดทรยศอีกหลายคน นั่งอมยิ้มอยู่ด้วยร่าเริงใจ

กระดานที่สุดที่แพ้และชนะกันก็คือเท๎ราปที, และทุรโยธน์ตรัสสั่งวิทุรให้ไปพาเอาตัวนางมาในห้องประชุมรัฐมนตรี; เพราะท้าวเธอตรัส, “ในบัดนี้เจ้าหล่อนมิใช่ราชินี เจ้าหล่อนเป็นทาสี” วิทุรกราบทูลว่า: ขอเสียที, พระเจ้าขา ขออย่าได้ทำให้เจ้าปาณฑวภราดาขัดเคืองดังไฟฟอน. ที่จะให้ไปนำเอาบังอรเท๎ราปทีมานี่จะเป็นการหมิ่นประมาททรามวัย, หมิ่นประมาทซึ่งจะปลุกเร้าโทสะและการกำเริบประทุษร้ายแม้แต่เมล็ดกรวดทรายก้อนหินในเมืองอินทรปรัศถ์.”

ทุรโยธน์กล่าวหยาบช้าต่อวิทุรเป็นอันมาก, รับสั่งใช้ราชบุรุษไปเกาะนางเท๎ราปที. วิทุรผู้สัตย์ซื่อสุจริตถอนใจใหญ่, พลางคิดแต่ในใจว่า: “ทุรโยธน์เสียธรรม จรรยาแล้ว. ความทุจริตเป็นทางอบายสายอันหนึ่งซึ่งทุรโยธน์ตั้งใจจะลงไปทางนั้น,”

เท๎ราปทีกำลังประทับอยู่ในห้องเมื่อข้าใช้ของทุรโยธน์ลอบทะลึ่งเข้าไปในประตู, และทูลประพฤติเหตุนางตามดำรัสของทุรโยธน์, เท๎ราปทีตกหฤทัย, แต่สำรวมสัมปชัญญสติได้โดยพลัน, ตรัสแก่สารัณทูต (ผู้นำข่าวมาทูล) ว่า: “ดูกร พนาย, โสตของฉันได้ฟังคำของแกเป็นดังนั้นแน่หรือ? พระราชสวามินของฉันตรัสแก่ท่านดังนั้นหรือ? ขัตติยาธิบดีแพ้สกาเขา, เสียพระสติไปหรือ? ท้าวเธอไร้สิ่งอื่นแล้วหรือ จึงได้เอาราชินีของท้าวเธอลงวางเป็นเดิมพัน?”

“หามิได้, พระแม่เจ้า, ท้าวยุธิษฐิรได้เสียสารพัดในการปกครองของท้าวเธอ-พระมงกุฎ, พระอนุภราดา, พระราชินี, ฯลฯ ลงวางพนันกับเขาและพ่ายเขาจนหมดสิ้น.”

เท๎ราปทีลุกขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย, ยืดพระกายเต็มที่, ตรัสด้วยโทสะแก่ผู้นำข่าวว่า: ถ้าเทวของฉันเหยียดพระองค์ลงเป็นเดิมพันขันพนันกับเขา เสียแต่ในเบื้องต้นไซร้, ท้าวเธอก็กลายเป็นทาสทันที ท้าวเธอก็ไม่มีสิทธิที่จะเหยียดตัวฉันลงเป็นเดิมพันได้; เพราะเหตุว่าทาสหาทรัพย์สมบัติมิได้ และไม่มีอำนาจที่จะขายอะไรได้. เพราะฉะนั้น แกจงนำคำนี้ไปกราบทูลพระภัสดาของฉันว่า: “ไม่มีใครเคยได้เท๎ราปที.”

คนใช้กลับไปถึงห้องประชุม, นำคำท้าทายของนางกราบทูลยุธิษฐิร. ทุรโยธน์กริ้วโกรธดังไฟไหม้ฟ้า, รับสั่งใช้ทุหศาสนพระอนุชาให้ไปฉุดคร่านางลิ้นกระด้างคางแข็งมาเฝ้าโดยเร็วไว.

ทุหศาสนไปถึงตำหนัก, กรากเข้าห้องเท๎ราปที ทูลความแด่เทพีว่า: “โอ, เจ้าหญิงปัญจาล, เธอถูกเป็นสินเดิมพันและเธอตกเป็นสิทธิแก่ผู้ชนะเสียแล้ว. สมเด็จพระเชษฐาทุรโยธน์มีรับสั่งให้ไปเฝ้าท้าวเธอ ผู้เป็นเจ้านายของนาง, และแต่บัดนี้เป็นต้นไป นางตกเป็นฐานะเป็นบาทบริจาริกาตาแจ๋วของท้าวเธอแล้ว”

เท๎ราปทีได้สดับคำหมิ่นประมาทนี้, พระกายสั่นรัวด้วยความกลัวและความโกรธยิ่งนัก, นางเอาหัตถ์ทั้งสองปัองพักตร์มิให้ทุหศาสนมองเห็นเค้า ปรางของนางผาดเผือดแล้วกลับก่ำเล่าเป็นหลายหน; ดวงกมลเต้นแรงนี่กระไร. ทันใดนั้นนางกระโจนจากที่, พยายามจะหนีออกจากห้องชั้นใน. แต่ทุหศาสนผู้โหดร้ายจิกเกศเจ้าผู้พักตร์เผือดกายสั่นอย่างน่าเวทนา ราวกะใบพฤกษ์อ่อนต้องมหาวาตะก็ปานกัน. นางลงเข่ากล่าวคำวอนทุหศาสนว่า: เออ ท่านอย่ามาแตะต้องกายฉันด้วยมือของท่านซึ่งมีมลทินติด. ท่านก็ย่อมทราบอยู่แล้วว่าผมของสตรีนั้นศักดิ์สิทธิ์. สุภาพสตรีมีเครื่องแต่งกายอย่างสะเพร่า จะเข้าไปหาท่านผู้หลักผู้ใหญ่อย่างไรได้?” แต่ทุหศาสนผู้กักขฬะนิสัยมิได้ฟังคำวิงวอนของกันยา. เขาตอบนางว่า: “จะมีเครื่องหุ้มกายหรือเปลือยกายก็ตาม, นางต้องเดินตามข้าพระเจ้าไป.”

ครานั้นเท๎ราปทีก็จำยอม, มีเครื่องแต่งกายอันหละหลวมเคลื่อนที่ ดวงเนตรชุ่มด้วยอัสสุชลหลั่งไหลโซมพักตร์, เผ้าผมเหยิงยุ่งรุงรังเพราะถูกฉุดคร่า, เท๎ราปทีได้ยืนอยู่ต่อเจ้าใหญ่นายโตทั้งหลาย, นางได้ภิปรายคำษมาโทษว่าดังนี้: “ข้าแต่ท่านผู้อาวุโส, ขอท่านจงให้อภัยแก่ข้าพระเจ้าที่ได้ย่างเข้ามาในที่ประชุมอันโอ่โถงโดยสวมเครื่องนุ่งห่มที่ดูไม่ได้.”

แต่พอเหลือบไปเห็นเท๎ราปที ภีษ๎ม, โท๎รณ และผู้อาวุโสอีกหลายท่านพากันก้มพักตร์ด้วยละอายแก่ใจ. แต่ทุรโยธน์ผู้มีนิสัยขลาดมิได้หวาดไหวด้วยความสมเพชเวทนา, ท้าวเธอร้องสั่งด้วยความบ้าร้ายว่า: “จงเปลื้องผ้านางถึงหนัง, เปลื้องให้ล่อนกายทุหศาสน, ให้พี่เพ่งนัยนาดูโฉมฉวีของหล่อนยามเปลือยกาย.”

การสัปดนไม่มียางอายเช่นนี้ ปั่นป่วนหฤทัยทุกๆ ท่านในที่ประชุมนั้น; บางท่านก็โกรธแค้นมากจนตัวสั่น, ถึงกับคนหนึ่งหรือสองคนในหมู่นั้นเอามือไปแตะด้ามกระบี่, เมื่อดูเหมือนที่ได้ทำดังนี้แล้ว หัวใจที่ขุ่นแค้นค่อยคลายแน่นอึดอัดไปได้บ้าง.

ด้วยน้ำใจหยาบคายไร้เมตตา ทุหศาสนได้ทึ้งและเปลื้องเสื้อผ้าเจ้าหญิงผู้ตัวสั่นทันที เท๎ราปทีร้องว่า: “จงฟังข้าพระเจ้า, จงช่วยข้าพระเจ้าซี, ท่านผู้มีอาวุโส ท่านก็มีภริยาและบุตรีเหมือนกัน. ท่านจะปล่อยใช้สตรีผู้มีพรหมจรรย์ถูกข่มเหงเล่นต่อหน้าต่อตาท่านเช่นนี้ละหรือ? จงช่วยข้าพระเจ้าด้วยเถิด พระผู้เป็นเจ้าเจ้าข้า, จงช่วยข้าพระเจ้าให้พ้นความอายอันนี้ด้วยเถิด.” เงียบสงัดอยู่สักครู่หนึ่ง, แล้วเท๎ราปทีร้องอีกครั้งหนึ่งว่า: “ทำไมจึงเฉยเช่นนี้? จะไม่มีใครแต่สักคนในพวกท่านยกนิ้วขึ้นป้องกันสัมมานศักดิ์ของสตรีผู้หามลทินมิได้ละหรือ? ความบันลือของเกียรติคุณเก่าแก่ของภารัตเสื่อมสูญสิ้นไปเสียแล้วหรือ? กษัตริย์ทั้งหลายเลิกเป็นนักรบละหรือ? พากันแลดูการระยำเล่นเช่นนี้ได้หรือ?”

ภีษ๎มโกรธจนหน้าเขียว; โท๎รณตั้งท่ากำหมัดจะวางมวย; วิทุรโอดครวญเอาใจช่วย; ฝ่ายภีม (อนุชายุธิษฐิร) แกว่งกระบองร้องประกาศคำสาบานว่าจะกินเลือดทุหศาสน และจะฟาดเข่าทุรโยธน์ให้ยุ่ยด้วยกระบองของเขาก่อนวันตาย.

ทุรโยธน์นึกฮึกเหิมด้วยมีชัย, พลางขอโอกาสปราศรัยยุธิษฐิร, ตรัสว่า “เธอจงพูดออกมาซี, เพราะเธอกล่าวคำสัตย์ทุกเวลา, เธอเสียราชอาณาจักร, เสียอนุภราดา, เสียตัวของเธอ, และเสียมเหสีแก่ข้าพระเจ้ามิใช่หรือ?” ยุธิษฐิรมิได้ปริปาก, ฝ่าย “กรรณ” หัวเราะก้าก; แต่ภีษ๎มนั่งน้ำตาไหลอาบหน้า มิได้พูดว่ากระไร.

ท้าวธฤตราษฎร์กำลังนั่งประทับอยู่ในพระราชวังเวลานั้น มิได้ทรงทราบเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในที่ประชุมรัฐมนตรี. พราหมณาจารย์ทั้งหลายกำลังสังวัธยายเวทบทธรรมวัตรเย็น, ทันใดนั้นท้าวเธอได้ยินเสียงสิงคาลหอนที่ไพรทีเป็นลางร้างก็ตกหฤทัยจนกายสั่น; สักครู่หนึ่งวิทุรไปถึงกราบทูลประพฤติเหตุตามที่ทุรโยธน์ได้ก่อขึ้น, กาณราชเจ้าก็ทรงพระกันแสงเมื่อได้สดับเหตุ, ตรัสด้วยสุรเสียงกระสันเศร้าว่า: “ไอ้ลูกเจ้ากรรมมันทำความอับอายขายหน้าให้แก่ราชาทรุบทเสียแล้ว โดยหมิ่นประมาทธิดาของเขาผู้บริสุทธิ์กันยา. ขอคำภาวนาของข้าผู้บิดาตรอมใจจงคุ้มภัยแห่งพระผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ในชั้นฟ้าตามที่ลางร้ายมีมานั้นด้วยเถิด.”

ต่อนั้นมีผู้นำท้าวเธอไปหาเท๎ราปที, ตรัสแก่นางว่า: “ดูกรบุตรีของวิสุทธราชา, เจ้าผู้ยอดสิเนหาดังดวงใจของอา อนิจจา, บุตรของอาทำแค้นเจ้านักหนา. เจ้าจงให้อภัยแก่มันเสียเถิด, และอย่าได้ขอโทสะของพระเจ้าในสวรรค์มาตกต้องเศียรเกล้าของมันเลย, หลานที่รักของอา เจ้าปรารถนาอะไร อาจะให้เจ้าทุกอย่าง.”

เท๎ราปทีกล่าวคำถวายชัยแต่พระราชาผู้ทรงเมตตาคุณ, และทูลขอพระมหากรุณาความช่วยเหลืออุดหนุนไว้ ยุธิษฐิรพระราชสวามินหลุดพันจากความเป็นทาส. ท้าวเธอพระราชทานให้ทันที ธฤตราษฎร์ขอให้เทวีแสดงสิ่งประสงค์อย่างอื่น, นางกราบทูลขอให้ยกโทษอนุภราดาของพระภัสดา. นางทูลว่า, ขอให้เขาได้ม้ารถและอาวุธของเขาคืนมา. ความปรารถนาครั้งที่สองนี้เล่า พระผู้เป็นเจ้าก็พลันพระราชทานให้, และขอให้นางแสดงความปรารถนาครั้งที่สามต่อไป. เท๎ราปทีกราบทูลพระกรุณาว่า: “หม่อมฉันเป็นธิดากษัตริย์: หม่อมฉันไม่ปรารถนาสิ่งอื่นอีกแล้ว, ปรารถนาสองครั้งเป็นอันเพียงพอสำหรับตัวหม่อมฉัน; หม่อมฉันขอจิปาถะอย่างพระคือพราหมณ์นั้นไม่ได้ พระเจ้าข้า.”

เจ้าปาณฑวภราดาได้รับอนุญาตให้กลับไปกรุงอินทรปรัสถ์ได้. แต่พอห้าภราดาออกจากกรุงหัสตินาปุร. ทุรโยธน์ก็เข้าเฝ้าพระราชบิดา, ทูลตัดพ้อท้าวเธอด้วยสีหน้าตึงขึ้งโกรธว่า: “ฝ่าพระบาททรงอนุญาตให้ปาณฑวภราดาทั้งห้าไปเป็นสุข, แต่เขาทุกๆคนคิดมุ่งหมายจะทำสงคราม, เพราะฉะนั้นขอให้หม่อมฉันพนันสกากับเขาอีกสักกระดานหนึ่งเถิด, พระเจ้าข้า, และเดิมพันที่จะเอาลงวางพนันกันนั้นเป็นดังนี้ พวกที่แพ้ต้องถูกเนรเทศไปเดินป่า เป็นเวลา ๑๒ สังวัจฉรกาล, ต่อจากนั้นต้องซ่อนหน้าอยู่ในที่สันโดษอีก ๑ ปี เราอาจเลี่ยงการสงครามอันร้ายกาจได้ด้วยอุบายอย่างนี้เท่านั้น.”

พระราชาผู้ใจอ่อนก็ตามใจราชโอรสผู้ใหญ่, รับสั่งใช้ให้ราชบุรุษไปตามเจ้าปาณฑวเหล่านั้นกลับมา, และการพนันได้ตั้งต้นอีกครั้งหนึ่ง. ยุธิษฐิรนั่งลงพนันกับศกุนิอีกคราว, ศกุนิก็ใช้ลูกสกาหยอดตะกั่วออกเล่นอีกครั้ง. ยุธิษฐิรแพ้เขาอีก, และพระองค์กับอนุภราดาก็กลับเป็นผู้ต้องเนรเทศ หานิเวศนสถานบมิได้ในครั้งที่สุด.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ