เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๕๘

วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๑ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเย็นเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรชนแกะ ที่สนามตรงน่าบ้าระเด่นอธิบดี มีพลับพลาที่ประทับทอดพระเนตร เสด็จกลับค่ำ เวลายามเศษเสด็จพระราชดำเนินที่คลับชื่อ เองตรามองเตส พวกที่คลับมีการคอนเสิดถวาย มีคนดีดหีบเพลงแลขับร้อง เสด็จกลับ ๕ ทุ่มเศษ

วัน ๖ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๒ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่ายเสด็จพระราชดำเนินตำบลบะคันคิด ระยะทาง ๘ บาล (บาลหนึ่งประมาณ ๓๘ เส้น ๑๓ วา) ที่นั้นมีบึงใหญ่แลมีเกาะมีเนินเขาเปนที่งดงาม เสด็จลงเรือขนานเปนแพมีหลังคาพายไปในบึง แล้วเสด็จขึ้นประทับทอดพระเนตรภูมิลำเนาบึงที่บนเนิน เสด็จกลับจากที่นั้นถึงที่ประทับเวลาทุ่มเศษ

วัน ๗ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๓ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเย็นทรงรถประพาศบ้านเมืองแลทอดพระเนตรบ้านราษฎรเสด็จกลับค่ำ เวลายามเศษเสด็จพระราชดำเนินที่คลับเองตรามองเตสคลับมีการเต้นรำ เสด็จกลับ ๕ ทุ่ม

วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๕ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๒ โมงเสด็จทรงม้าพระที่นั่งจากที่ประทับแรมตำบลจิสุรูปัน ไปตามระยะทาง เปนหนทางขึ้นเฃาชันฃ้ามเฃาลดเลี้ยวเลียบไปตามเฃาขึ้นไปทอดพระเนตรเขาไฟถึงที่เฃาไฟมีที่ประทับร้อน ระยะทางเสด็จประมาณ ๒ ชั่วโมง ที่นั้นเปนหว่างเขา สูงจากพื้นทะเล ๗๐๐๐ ฟิต มีปล่องควันไฟพลุ่งขึ้นหลายแห่ง ควันพ่นขึ้นเปนกลิ่นกำมถัน แลมีกำมถันจับเต็มไปทั้งนั้น มีลำธารเล็กๆ มีน้ำไหลที่ควันพลุ่งมีหลายแห่ง แห่งหนึ่งเปนหลืบเขาใหญ่ มีควันพลุ่งขึ้นมาก แต่เข้าดูใกล้ไม่ได้ อีกแห่งหนึ่งเปนช่องเล็กควันเป่าแรงดังเหมือนเปิดสติมเรือไฟ แลมีที่ขึ้นเล็กๆ น้อยๆ อีกหลายแห่ง ที่ช่องเล็กแห่งหนึ่งเอากรวดเล็กๆ วางลง ควันก็เข้ากรวดปลิวหมดไม่ตั้งอยู่ได้ บางแห่งก็พุขึ้นในทางน้ำไหล ทำให้น้ำนั้นร้อนแลเดือดคลักๆเป็นที่ปลาตน่าดูน่าเห็นยิ่งนัก เสด็จทอดพระเนตรทั่วแล้ว ประทับฉายพระรูปแลเสวยเครื่องว่างที่นั้น บ่ายโมงเศษเสด็จกลับตามทางเดิม ระยะทางขาลงชั่วโมงเศษ ถึงที่ประทับตำบลจิสุรูปัน ประทับพักอยู่จนเวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จจากที่นั้นโดยรถพระที่นั่งถึงโฮเตนแวนฮอก ที่ประทับแรมเมืองคารุตเวลาค่ำ

วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๖ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เสด็จประทับพักอยู่โฮเตลแวนฮอก ไม่ได้เสด็จประพาศแห่งใด

วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๗ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้าโมงครึ่ง เสด็จพระราชดำเนินโดยทางรถไฟจากเมืองคารุต ย้อนทางที่เสด็จมาแล้วกลับขึ้นมาหยุดพักตามสเตชั่นสองสามแห่งๆละเล็กๆน้อย ตามระยะทางรถเหมือนเมื่อเสด็จเมืองคารุต เวลาเช้า ๔ โมง ๒๕ นาทีถึงสเตชันรถไฟเมืองบันดุงไนยหนึ่งเรียกว่าบานดอง มีเรสิเดนต์ แอสสิสเตนต์ เรสิเดนต์ แลริเยนต์แขกแลเจ้าพนักงานต่างๆรับเสด็จอยู่ที่นั้น เสด็จทรงรถพระที่นั่งมาประทับที่โฮเต็ลชื่อโฮมานน์

ครั้นเวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโรงเรียนฝึกหัดนักเรียนเปนอาจารย์ สอนภาษามลายู ภาษาชะวา แล้วเสด็จทอดพระเนตรโรงเรียนอีกแห่งหนึ่ง สอนพวกบุตรผู้มีบรรดาศักดิ์ สอนหนังสือวิลันดาด้วย นักเรียนทั้งสองแห่งนี้เปนแขกทั้งนั้น เมื่อเวลาเสด็จถึงโรงเรียน ผู้จัดการโรงเรียนก็มารับเสด็จแลทอดพระเนตรทั่วแล้วเสด็จกลับ ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่ศาลาสูงที่สนามแข่งม้า ทอดพระเนตรพวกแขกวิ่งม้าแข่งกันหลายเที่ยว แล้วมีชนแกะหลายสิบคู่ เลิกแล้วเสด็จทรงรถประพาศทอดพระเนตรพื้นภูมิบ้านเมือง พอเวลาค่ำเสด็จประทับที่บ้านริเยนต์แขก ครั้นเสด็จประทับแล้ววิเยนต์รำฟ้อนถวายไชยอย่างระเด่นอธิบดีเมืองคารุตรำถวายมาแล้ว แลมีลครวายังวองเล่นเรื่องภาระตะ เปนลครของระเด่นอธิบดีเมืองมนุญชะยะ ตัวมารับเสด็จที่นี้ด้วย ทอดพระเนตรอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเสด็จกลับ

วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๘ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโรงงานทำเครื่องรถไฟแลตัวรถไฟ รถพ่วง ใช้เครื่องจักรทำการไม้การตีเหล็ก หล่อเหล็ก หล่อทองเหลืองสรรพเครื่องรถไฟทั้งปวง เสด็จกลับจากที่นั้นมาประทับที่คลับ ชื่อคองคอเดียอยู่ริมที่ประทับ ทอดพระเนตรห้องต่างๆ ในคลับนั้นจนเวลาบ่ายโมงเสด็จกลับ เวลา ๕ โมงเสด็จพระราชดำเนินไปประพาศไร่ชาของบริษัทเมืองปัตเตเวีย มิสเตอ อีวัน คนอังกฤษซึ่งเปนผู้จัดการรับธุระของบริษัทมาตั้งปลูกอยู่ที่เนินตำบล ปสิระมุนติง ประทับที่เรือนของผู้ดูการ มิสเตอ อีวัน จัดการรับเสด็จแล้วทอดพระเนตรโรงทำชา คือ ที่ผึ่ง ที่นึ่ง แลร่อนคัดใบใหญ่เล็กแลคลึงใช้เครื่องจักรแรงน้ำแลทอดพระเนตรเลือกก้านชาแลที่บรรจุชา แล้วทอดพระเนตรต้นชาในไร่ เสด็จกลับย่ำค่ำเศษเวลายามหนึ่ง มีลครวายังวองที่ที่ประทับ ลครของระเด่นอธิบดีเมืองมนุญชะยะที่เล่นคืนนี้มาเล่นเรื่องปันหยี เลิก ๒ ยามเศษ

วัน ๖ ๑๐ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๙ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่ายโมงเศษ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประวิตรวัฒโนดม ซึ่งเสด็จกลับจากประเทศยุโรปแล้ว แลตามเสด็จมาเฝ้าที่เฝ้ายาวานั้น เสด็จมาถึงที่ประทับนี้เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท โปรดเกล้า ฯ ให้อยู่ตามเสด็จพระราชดำเนินประพาศต่อไปตลอดเวลาเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรน้ำตกตำบลตาโคะ เปนทางรถม้าไปจนถึงที่พักใกล้น้ำตกแล้ว ทรงม้าเสด็จไปตามทางลงในหว่างเขา ทางอีกประมาณ ๑๕ มินิตถึงที่น้ำตก ประทับทอดพระเนตรแล้วเสด็จกลับตามทางเดิมมาประทับแรมที่โฮเตลโฮมานน์

วัน ๗ ๑๑ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๐ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๕ โมง เสด็จทรงรถม้าพระที่นั่งไปประทับที่สะเตชันรถไฟ เวลาเช้า ๕ โมง ๒๐ นาที ออกจากเมืองบันดุงมาตามระยะทางประมาณ ๒๐ ชั่วโมงถึงเมืองจิอันยูร์ แอสสีสเตนต์เรสิเดนต์ แลระเด่นอธิบดีเมืองนั้นรับเสด็จอยู่ที่สะเตชั่น เสด็จทรงรถไปประทับบ้านระเด่นอธิบดี เสวยกลางวันที่นั้นแล้วเสด็จทรงรถทอดพระเนตรบ้านเมืองแล้วเสด็จประทับสเตชันรถไฟ ออกจากเมืองจิอันด์ยูร บ่าย ๔ โมงระเด่นอธิบดีตามเสด็จด้วย เพราะเปนผู้ว่าการเมืองศุขภูมิที่จะเสด็จด้วย เวลาบ่าย ๕ โมง ๒๐ นาทีถึงสะเตชันเมืองศุขภูมิ แอสสิสเตนต์เรสิเดนต์รับเสด็จอยู่ที่นี้ เสด็จทรงรถพระที่นั่งมีเจ้าพนักงานขี่ม้านำเสด็จ แลมีผู้คนมารับเสด็จเปนอันมาก เสด็จถึงที่บ้านไปรเวตของมิสสิสคาวาลาร์ ซึ่งผู้มีทรัพย์ผู้หนึ่งในเมืองนี้จัดถวายเปนที่ประทับ แล้วเสด็จทรงรถทอดพระเนตรบ้านเมืองจนเวลาค่ำเสด็จกลับ เรสิเดนต์เกาะบาลิสิ ซึ่งมาเที่ยวที่เมืองนี้มาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาเสวยแล้วระเด่นอธิบดีรำ แลพวกพนักงานผู้ใหญ่รำอีกหลายคน กันตันจีนเมืองนี้จัดคนแต่งตัวอย่างงิ้วยืนบนคานหามแลจุดไต้ไฟแห่มา เปนการแสดงความยินดีถวายไชย แลจุดดอกไม้เพลิงด้วย

วัน ๑ ๑๒ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๑ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๒ โมงครึ่ง เสด็จทรงรถทอดพระเนตรบ้านเมืองอีกคราวหนึ่ง แล้วเสด็จประทับที่สะเตชันรถไฟ เวลาเช้า ๓ โมง ๕๑ นาที ออกจากศุขภูมิมาตามระยะทางถึงเมืองคารุต เวลาบ่าย ๓ โมงครึ่ง เสด็จประทับแรมโฮเตลแวนฮอกที่เดิม

วัน ๒ ๑๓ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๒ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่าย ๓ โมง เสด็จทรงรถพระที่นั่งมาถึงตำบลวะละนัดโช เสด็จประทับทอดพระเนตรโรงเรียนครู่หนึ่งแล้วทรงรถต่อมาถึงตำบลปะนะเสดะ ทางต่อนี้ไปรถเดินไม่ได้ เสด็จลงจากรถทรงม้าพระที่นั่งต่อมา เปนทางขึ้นเนินเขา ถึงที่ประทับแรมตำบลปะเงนโจงัน เสด็จประทับแรมที่นี้ เวลาค่ำมีการขับร้องเต้นรำเหมือนคราวก่อน ระเด่นอธิบดีแลเจ้าพนักงานต่างๆ รำถวายไชยอย่างเคยมีมาแล้ว แลมีหนังแขกด้วย

วัน ๓ ๑๔ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๓ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๔ โมง เสด็จทรงม้าพระที่นั่งออกจากที่ประทับแรมไปตามทาง ขึ้นเขาต่อไป ทางตัดไหล่เขาไป แลเห็นที่พื้นต่ำงดงาม แลมีที่ชันแปนแห่งๆ ระยะทางประมาณชั่วโมงเศษ ถึงบึงบนเขา ชื่อ ตะละกาโบคา มีที่ประทับที่บนนั้น ที่บึงนี้รูปกลมรี โดยรอบประมาณ ๕๐ เส้นมีเขารอบ น้ำในบึงแลดูเปนสีขาว กลิ่นเปนกำมถัน มีที่เดือดบางแห่ง พื้นโคลนในนั้นแหมือนปูนฃาวสีมัว ๆ หน่อย เสด็จประทับทอดพระเนตรแลทรงฉายพระรูป ประทับอยู่จนเวลาบ่ายโมงหนึ่งเสด็จกลับตามทางเดิม มาประทับที่ตำบลปะเงนโจงันซึ่งเปนที่ประทับแรมเมื่อคืนนี้ จนเวลาบ่าย ๔ โมงเสด็จทรงม้าจากที่นั้นมาถึงที่ซึ่งรถเดินได้ เสด็จกลับมาถึงโฮเตลแวนฮอกค์ เวลาค่ำ

วัน ๔ ๑๕ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๔ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรตลาดนัดที่แขวงเมืองคารุต ราษฎรนัดกันมาขายของวันอังคารครั้งหนึ่ง วันเสาร์ครั้งหนึ่ง เสด็จประพาศอยู่จนย่ำเที่ยงเศษเสด็จกลับ เวลาค่ำโปรดเกล้าฯ ให้แอสสิสเตนต์เรสิเดนต์แลภรรยา ระเด่นอธิบดี แลระเด่นอายูภรรยามารับพระราชทานเลี้ยงพร้อมกับเวลาเสวยๆ แล้วเสด็จพระราชดำเนินบ้านปาเตะมีการมงคลสุนัด มีการรำฟ้อนอย่างเคยมี เสด็จกลับ ๒ ยามเศษ

วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๕ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๕ โมง เสด็จพระราชดำเนินขึ้นรถไฟออกจากเมืองคารุต ถึงสะเตชั่นตำบลจิปาดูแยกทางรถไฟ ทางต่อไปนี้ก็เลียบเขา เหมือนอย่างทางมาจากเมืองบาเตเวีย หยุดตามระยะสะเตชัน เวลาบ่ายโมง ๔๕ นาที ถึงสะเตชันเมืองมานุญชะยะ แขวงศุขภูมิแอสสิสเตนต์ เรสิเดนต์แลระเด่นอธิบดีเมืองนั้นรับเสด็จอยู่ที่นั้น เสด็จทรงรถไปประทับบ้านระเด่นอธิบดีๆ คนนี้ที่พาลครไปเล่นถวายที่เมืองบันดง ประทับอยู่ที่นั้นตามสมควรจวนจะถึงเวลารถไฟออกเสด็จทรงรถจากบ้านนั้นมาขึ้นรถไฟออกจากที่นั้นบ่าย ๒ โมงครึ่ง ระยะทางตอนนี้เปนป่าดงทึบบ้างเปนทุ่งบ้างทางลงจากเนินเขาเปนที่ราบ ระยะทางเสด็จตั้งแต่บาเตเวียมาคารุตเปนทางมาตามไหล่เขา สองข้างทางเปนนาเปนสวนมีคนอยู่ตลอดมา ไม่มีป่าทางระยะนี้เปนป่า ไม่มีผู้คน นานๆมีบ้านหมู่หนึ่ง ทางผ่านป่าประมาณ ๔๐ กิโลเมเตอฤๅ ๑๐๐๐ เส้น มีแม่น้ำสองสามแห่ง แต่เปนแม่น้ำเล็กๆ มีใหญ่แห่งเดียวแต่ก็ไม่ใหญ่มากนั้น พ้นป่าออกมาเปนทุ่งนาพื้นราบเหมือนในกรุงสยาม รถไฟมาถึงสะเตชันตำบลเมาล์เวลาบ่าย ๔ โมง ๑๘ มินิต เรสีเดนต์มณฑลบันยุมาศ และแอสสิสแตนต์เรสิเดนต์เมืองจิละจับ แลระเด่นอธิบดีเมืองนั้นมาคอยรับเสด็จอยู่ที่สเตชัน เสด็จพระราชดำเนินประทับแรม ณ โฮเต็ลเมาล์ซึ่งตั้งอยู่ตรงหลังสะเตชันเข้ามา ที่ตำบลเมาล์นี้ขึ้นแขวงเมืองจิละจับ ตั้งอยู่กลางทุ่งแจ้งใกล้ทเลข้างใต้คือมหาสมุทอินเดียน ระยะทาง ๑๐๐ เส้นเศษ ได้ยินเสียงคลื่นในทเล แลทีนี้เปนที่สำหรับระยะทางรถไฟ ไม่เปนบ้านเมืองใหญ่โตอันใด

วัน ๖ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๖ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า โมงครึ่งเสด็จทางรถไฟจากสะเตชันตำบลเมาล์ กลับมาทางเดิมหน่อยหนึ่งแล้วแยกทางไปประมาณชั่วโมงหนึ่งถึงสะเตชันเมืองจิละจับ แอสสิสเตนต์เรสิเดนต์แลระเด่นอธิบดีซึ่งมารับเสด็จที่ตำบลเมาล์นั้นตามเสด็จไปด้วย เสด็จทรงรถพระที่นั่งประพาศทอดพระเนตรภูมิฐานบ้านเมือง ที่นี้ถนนใหญ่แลต้นไม้สองข้างถนนใหญ่มาก ผู้คนไม่สู้คับคั่งนัก เมืองนี้เปนเมืองท่าลงทเลด้านใต้เกาะยะวา คือมหาสมุทอินเดียนเสด็จทอดพระเนตรที่ท่าเรือเปนช่องมีเกาะบังแลไม่เห็นทเล เกาะนั้นชื่อนูชากัมบังงัน แล้วเสด็จจากที่นั้นเลียบชายทเล แลเห็นมหาสมุท แล้วเสด็จกลับมาประทับเสวยเข้าที่โฮเตลไลยยอน เวลาเช้า ๔ โมง ๒๐ นาที เสด็จจากเมืองจิละจับ ทางรถไฟถึงสะเตชันเมาล์ ๕ โมงเศษเสด็จประทับรอเวลารถไฟอยู่ที่โฮเตลจนเวลาเที่ยง ๒ นาที ทรงรถไฟออกจากตำบลเมาล์มาตามระยะทางหยุดพักตามสะเตชันใหญ่ เติมน้ำหม้อสติมแลผ่านรถหลายแห่ง ระยะทางที่เสด็จวันนี้เปนพื้นราบ ค่อยขึ้นที่สูงทีละน้อย ทางตัดเขาก็น้อย นาสองข้างเปนนาราบมีไร่อ้อยบ้าง มีเจ้าของอีกแห่งหนึ่งรถเดินในที่มืดประมาณ ๓ มินิต เวลาบ่าย ๕ โมง ๑๘ นาที ถึงสะเตชันเมืองยกยาการตา เปนเมืองใหญ่อยู่ในอาณาเขตมณฑลยกยา มีสุลต่านครองเมือง เรสิเดนต์มณฑลนี้ แลแอสสีสเตนต์เรสิเตนต์เมืองนี้ แลขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายแขกมารับเสด็จ ที่สะเตชัน เสด็จทรงรถมาประทับโฮเตลตูคู ซึ่งจัดเปนที่ประทับแรม แลเจ้าปักกุอาลัมซึ่งมีอำนาจรองสุละต่าน (ทำนองวังน่า) มาเฝ้าที่โฮเตลที่ประทับด้วย

ครั้นเวลาค่ำเสด็จทรงรถทอดพระเนตรภูมิฐานบ้านเมือง เข้าในกำแพงกราตอน (ทำนองเหมือนในพระนคร) เปนอาณาเฃตรที่สุละต่านอยู่ ภูมิพื้นในกำแพงเปนอย่างแฃก แรกเข้าไปมีสนามใหญ่เรียกว่า อลูนอลูน (ทำนองน่าพระลาน) แลมีต้นไทรใหญ่ศักดิสิทธิ์ว่าเปนของสุละต่านคนแรกได้ปลูกไว้ ตัดยอดรูปเหมือนร่มอยู่กลางพระลานนั้นสองต้น แลมีขอบลานอีกเปนอันมาก เสด็จทรงรถอ้อมรอบในกราตอนแล้ว เสด็จออกนอกกำแพงทางประตูต่อโค้งยาว แล้วประพาศตามถนนหลายสายประมาณชั่วทุ่มหนึ่งเสด็จกลับ

วัน ๗ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๗ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องเต็มยศอย่างจอมพลทหาร เสด็จออกเวลา ๔ โมงเช้า เรสิเดนต์กับภรรยาผู้บังคับการทหารกับภรรยาแอสสิสเตนต์เรสิเตนต์เจ้าปักกุอาลัมมาเฝ้า ครั้น ๔ โมง ๑๕ มินิต สุละต่านเมืองนี้กับระตู (คือมเหษี) แต่งเต็มยศตามเพศบ้านเมือง มาเฝ้าที่ที่ประทับพร้อมด้วยวงษานุวงษ์แลราชบริพาร คือโอรศผู้สืบราชสมบัติแลอนุชา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แลสมเด็จพระนางเจ้าพระอรรคราชเทวีทรงรับรอง แล้วมีพระราชปฏิสันฐารตามสมควร แล้วทูลลากลับไป

ครั้นเวลาเช้า ๕ โมงครึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องดังกล่าวมาแล้วพร้อมด้วยราชบริพารที่ตามเสด็จ ทรงรถพระที่นั่งไปเยี่ยมตอบสุละต่านที่วังในกราตอน ประทับที่ศาลาใหญ่เปนท้องพระโรง มีนางเชื้อพระวงษ์สูละต่าน ๔ คนมารับถวาย เรียกว่าสะเรมปี มีพิณพาทย์แลร้อง (ทำนองจับระบำ) เป็นการน่าดูน่าชมมากแล้วเสด็จทอดพระเนตรเครื่องอาวุธแลเครื่องอุปโภคต่างๆ ของสุละต่าน ประทับอยู่จนบ่าย ๒ โมงเสด็จกลับ

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงเครื่องครึ่งยศทหาร เสด็จเยี่ยมตอบเรสิเดนต์ที่บ้านแล้วทอดพระเนตรรูปศิลาต่างๆ ที่เอามาจากโบโรบุโด คือพระเจดีย์พระพุทธรูปๆ พระโพธิสัตว์แลเทวรูปแลรูปยักษ์ รูปสัตวต่างๆ แล้วเสด็จไปบ้านเจ้าปักคุอาลัม มีการรำดาบรำกฤช ๓ สำรับๆ ละ ๔ คน แล้วทอดพระเนตรในเรือนเจ้าปักกุอาลัม เสด็จกลับเวลา ๒ ทุ่ม

ครั้นเวลายามเศษเสด็จพระราชดำเนินที่คลับ ชื่อเคยเวรีนีคิง

ทรงเครื่องอิวนิงเดรส มีคนยุโรปทั้งชายหญิงเปนอันมาก สุละต่านก็มาด้วยแต่งอย่างทหาร ประทับที่พระที่นั่งซึ่งเขาจัดรับเสด็จ พวกที่มาประชุมทั้งชายหญิงร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ถวายไชยมงคลในภาษาฮอลันด์ เขาซักซ้อมเรียบร้อยดี แล้วมีการเต้นรำต่อไป เสด็จกลับ ๒ ยามเศษ

วัน ๑ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๘ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๓ โมงครึ่ง เสด็จทรงรถไฟจากสเตชันยกยาการตา ไปทางประมาณ ๑๕ มิติ หยุดรถไฟที่สะเตชันกะลาซัน ทรงรถพระที่นั่งต่อไปอีกครั้งหนึ่ง ถึงพระปรางเทวะสถานชื่อกาสิเบนิง เปนพระปรางใหญ่ชำรุดทำด้วยสิลา ทอดพระเนตรทั่วแล้วทรงรถไปอีก ถึงที่ตึกแห่งหนึ่งชื่อจันทสารีวิหา เปนเรือนศิลา ๓ ห้องสองชั้น ทอดพระเนตรแล้วเสด็จต่อไปอีกถึงเทวะสถานปรำบานัน มีปรางใหญ่เปนเทวะสถาน พระอิศวรอยู่กลาง พระนรายน์อยู่ซ้าย พระพรหมอยู่ขวา แลมีปรางเล็กตรงปรางใหญ่อีก ๓ เสด็จขึ้นทอดพระเนตรเทวะสถานพระอิศวร แลประทับเสวยกลางวันที่ที่พักในที่นั้น พวกอาชิโอโลยิกัล โซไซเอติ ตรวจของโบราณ ถวายแอดเดรสแลประกาศนิยบัตรให้ทรงเปนสมาชิกช่วยบำรุงการของเขา แล้วเสด็จทอดพระเนตรเทวะสถานอื่นๆต่อไป จนบ่าย ๓ โมงเสด็จทรงรถไฟที่สเตชั่นปรำบานัน กลับมายังเมืองยกยาการตา ประทับแรม

วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๙ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จทรงรถไฟทอดพระเนตรวังกลางน้ำของสุละต่านในกราตอน เปนวังร้างทำลายแล้ว ตั้งอยู่กลางสระ แต่สระนั้นก็แห้งไม่มีน้ำ แล้วมีทางเข้าเปนอุโมง ทอดพระเนตรทั่วแล้ว เสด็จประทับสนามหลังวังสุละต่านๆ แลระตูแลเรสิเดนต์ แลพวกปะเงรัน (คือพระวงษ์ของสุละต่าน) รับเสด็จอยู่ที่นั้น มีการเดินกระบวนทหารอย่างแรก คนประมาณราว ๑๐๐๐ ทอดพระเนตรจนเวลาค่ำเสด็จกลับ

เวลายามเศษเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรลครวายังวอง ที่วังสุละต่าน ลครนี้เปเงรันโอรสของสุละต่านเข้าเปนตัวละครอย่างสูงมิได้แต่เวลาสุละต่านแรกครองราชสมบัติ ฤๅตั้งผู้สืบราชสมบัติ ลครเล่นเรื่องมหาภารตระ ในเวลามีลครมีการเลี้ยงไปพลางด้วย เสด็จกลับ ๗ ทุ่ม

วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๓๐ มิถุนายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่าย ๒ โมงครึ่ง เสด็จทรงรถม้าจากที่ประทับแรมเมืองยกยาการตา พักตามระยะทางพักรถ ๓ แห่ง ออกจากแขวงยกยาการตาเข้าแขวงเกดู ถึงที่ประทับแรมโบโรบุโด๑๐ เวลาทุ่มเศษ ประทับแรม

วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑ กรกฎาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้าเสด็จขึ้นทอดพระเนตรโบโรบุโด ซึ่งตั้งอยูชิดกับที่ประทับ คือเปนเจดีย์สถาน ที่ตั้งพระสถูปมีชั้นทักษิณชั้นล่าง เปนลานไม่มีพนัก ต่อขึ้นไปมีพนักเปนซุ้มพระพุทธรูป ๕ ชั้น สี่เหลียมมีบันไดขึ้น ๔ ด้าน ต่อขึ้นไปอีก ๓ ชั้น กลมมีพระเจดียโปร่งครอบพระพุทธรูป ชั้นบนเปนพระเจดียใหญ่ ที่เหล่านี้ทำด้วยศิลาทั้งสิ้น พนักทั้ง ๕ ชั้น สลักลายภาพเรื่องปฐมสมโพธิ แลเครื่องชาฎก ที่องค์พระเจดียใหญ่ มีช่องศิลาเปนคูหา มีพระพุทธรูปศิลาในนั้นองค์หนึ่ง แลมีซุ้มประตูท่อน้ำเปนรูปนาคแลสิงห์ ข้างบันไดล้วนทำด้วยศิลาทั้งสิ้น เปนที่วิจิตรงดงามมาก เสด็จกลับจากที่นั้นเที่ยงเศษ

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จทรงรถจากที่ประทับแรมตำบลโบโรบุโดไปเมืองมะเคลลัง เสด็จประทับทอดพระเนตรโรงพยาบาลทหารแล้ว เสด็จทอดพระเนตรแบแรกทหาร แล้วเสด็จประทับบ้านเรสิเดนต์ เสด็จกลับถึงที่ประทับแรมโบโรบุโดเวลาทุ่มเศษ มีลครวายังวองมาจากมเคลลังมาเล่นถวายทอดพระเนตรด้วย

วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒ กรกฎาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า เสด็จขึ้นทอดพระเนตรโบโรบุโดอย่างวันก่อน ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จทอดพระเนตรวนอีก ๒ แห่ง ทางไกลจากที่ประทับแรมไม่สู้มากนัก คือจันดิมันดุดเปนมณฑปศิลามีชานทักษิณชั้นหนึ่ง มีพระพุทธรูปใหญ่ในมณฑปองค์ ๑ แลรูปกษัตริย์ ๒ รูป มณฑปแลรูปทั้งปวงนี้ทำด้วยศิลาวิจิตรงามทั้งสิ้น แล้วเสด็จทอดพระเนตรจันดิปาเวนอีกแห่งหนึ่งเปนมณฑปศิลาเล็ก เสด็จกลับย่ำค่ำเศษ

วัน ๖ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๓ กรกฎาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จทรงพระที่นั่งออกจากที่ประทับตำบลโบโรบุโด พักตามระยะทางพักรถผลัดม้าเหมือนเมื่อขามา เวลาบ่ายโมงเศษถึงโฮเตลตูคูเมืองยกยาการตา

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรที่ฝังศพสุลต่านก่อนๆมาระยะทาง ๓ ปาล๑๑ เสด็จกลับทุ่ม ๑

ครั้นเวลายามเศษเสด็จบ้านเรสิเดนต์ มีการเต้นรำ เสด็จกลับ ๒ ยามเศษ

วัน ๗ ๑๐ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๔ กรกฎาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่ายเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรทำผ้าส้าโหร่ง ที่บ้านหญิงเศรษฐีชาววิลันดาแห่งหนึ่ง หญิงเจ้าของบ้านนำเสด็จทอดการทำผ้าส้าโหร่ง คือการเขียนลายด้วยขี้ผึ้ง แลการย้อมการขูดขี้ผึ้งเปนต้น แล้วเสด็จไปประทับที่สนามแข่งม้าทอดพระเนตรการวิ่งม้ามีแต่โดยสังเขป เพราะมิใช่ฤดูที่แข่งกัน

เวลาค่ำเสด็จในกราตอน สุลต่านรับเสด็จเหมือนคราวก่อนๆ มีการเล่นนางรำ ๙ คน เรียกว่ารำมะโดโย แล้วต่อไปมีลครเรียกว่ารางันดริโย ลครนี้ใช้นั่งใช้คลานไม่มียืนเลย๑๒ เลิกเวลา ๓ ทุ่มเสศ

วัน ๑ ๑๑ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๕ กรกฎาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๕ โมงเสด็จบ้านอินเยอเนีย ทอดพระเนตรแผนที่ทางน้ำ เวลาบ่าย ๒ โมง ๑๕ นาที เสด็จสเตชันรถไฟ สุลต่านแลรตูกับเงรัน อธิบดี อริโยปะกุอลัม กับเรสิเดนต์ ทั้งเจ้าแขกแลคนราชการฝรั่งมาส่งเสด็จเปนอันมาก เวลาบ่าย ๒ โมงครึ่ง รถไฟพิเสษออกจากสเตชันเมืองยกยาการตา ไปถึงสเตชันแมืองโซโล มณฑลสุรการตา เวลาบ่าย ๓ โมง ๔๕ นาที เรสิเดนต์มณฑล สุรการตา มารับเสด็จถึงที่นี้ เสด็จด้วยรถพระที่นั่งไปประทับโฮเตล สเลีย เวลาย่ำค่ำเสด็จรถประพาศบ้านเมือง แอสสิสเตนต์ เรสิเดนต์มาคอยตามเสด็จไปที่ต่างๆ เหมือนดังอื่นๆ อันล่วงมาแล้ว

วัน ๒ ๑๒ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๖ กรกฎาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๔ โมง เรสิเดนต์ กับปเงรัน อธิปติ อริโย มังกุนัคโร (เจ้าเมืองที่ ๒) แต่งเตมยศ มาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาเช้า ๔ โมง ๑๕ นาที สุสุฮูนันเจ้านครสุรการตา กับรตู๑๓ มาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องเต็มยศทหารบก ประดับเครื่องขัตติยราชอิศริยาภรณ์ มหาจักรกรี พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระอรรคราชเทวีเสด็จออก มีพระราชปฏิสัณฐารตามสมควร แลพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ แก่สุสุฮูนันเปนต้น

เวลา ๕ โมงเช้า เสด็จพระราชดำเนินวังสุสุฮูนัน มีระบำสะเรมบี แลมีททหารเดินแถวทอดพระเนตร เวลาบ่าย ๕ โมงครึ่ง เสด็จเยี่ยมตอบเรสิเดนต์ แลปเงรันอธิปติ อริโย มังกุนัคโร๑๔ ที่บ้านมังกุนัคโร มีทหารเดินแถวถวายตัว แลมีลครแขก เวลา ๒ ทุ่ม เสด็จเสวยที่วังสุสุฮูนัน แล้วทอดพระเนตรลคร เวลา ๘ ทุ่มเสด็จกลับ

วัน ๓ ๑๓ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๗ กรกฎาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่าย ๒ โมง สุสุฮูนัน แลปเงรัน อธิปติ อาริโย มังกุนัคโร ให้เจ้าพี่น้องนำของมาทูลเกล้า ฯ ถวาย แลถวายสมเด็จพระนางเจ้าพระอรรคราชเทวี เวลาบ่าย ๕ โมง เสด็จบ้านมังกุนักโร ทอดพระเนตรสวนสัตว์ แลทอดพระเนตรบ้านเรือนห้องต่างๆ แลทอดพระเนตรโรงงานช่างต่างๆ เวลา ๔ ทุ่ม เสด็จบ้านมังกุนัคโรมีลคร สุสุฮูนัน แลเรสิเดนต์ มาประชุมที่นี้ด้วย

วัน ๔ ๑๔ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๘ กรกฎาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จ วังสุสุฮูนัน ทอดพระเนตรที่ต่างๆ เวลาค่ำโปรดให้ข้าราชการนำของไปพระราชทาน สุสุฮูนันแลรตู กับมังกุนัคโร แลเจ้านาย แลผู้อื่นๆ เวลา ๔ ทุ่ม เสด็จวังสุสุฮูนัน มีระบำมะโดโยแลสะเรมปี เวลา ๗ ทุ่มเสด็จกลับ

วัน ๕ ๑๕ ๘ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๙ กรกฎาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๓ โมง เสด็จรถไฟพิเศษจากโซโลไปเมืองสุรบายา เรสิเดนต์กับมังกุนัคโรมาส่งเสด็จด้วย เวลาเที่ยงรถไฟ ถึงเมืองมะดยูน หยุดพักชั่วโมงหนึ่ง ประทับเสวยแล้วเสด็จขึ้นรถไฟเดินต่อไป เมื่อเสด็จถึงเมืองมะดยูน สิเกรตารีมณฑลมะดยูนมารับเสด็จ เวลาบ่าย ๕ โมง ถึงเมืองสุรบายา๑๕ เรสิเดนต์มณฑลสุรบายา แลริเยนต์ แขกมารับเสด็จ แล้วเสด็จไปประทับที่โฮเต็ล เอมบองมายัง

  1. 1. ในหนังสือจดหมายเหตุเสด็จประพาสเกาะชะวา ในรัชกาลที่ ๕ ทั้ง ๓ คราว ร.พ. โสภณฯ พ.ศ. ๒๔๖๓ หน้า ๕๒ จดไว้ว่า ๘ ไมล์

  2. 2. พระองค์เจ้าประวิตรวัฒโนดม ทรงสถาปนาเป็นกรมหมื่นปราจีณกิติบดี ถึงรัชกาลที่ ๖ เลื่อนเป็นกรมหลวง ฯ ต้นราชสกุล ประวิตร

  3. 3. คือเกาะบาหลี

  4. 4. ตะละกาโบคา แปลว่า ทะเลขาว

  5. 5. บันยุมาศหรือเบนยะมัด (เบญมาศ)

  6. 6. การเดินรถไฟในเกาะชวาเวลานั้นยังเดินแต่เวลากลางวัน รถไฟเดินตลอดเกาะ ๒ วัน ต้องพักค้างคืนที่ตำบลเมาล์นี้ด้วยใกล้กึ่งทาง

  7. 7. ยกยาการตาหรือด็ยอกยาการตา กล่าวกันว่ามาแต่คำ “อโยธยาเขตร” ปัจจุบันคือนครจาการ์ตา

  8. 8. มินิต

  9. 9. Archaeological Society โบราณคดีสมาคม

  10. 10. โบโรบุโด (วรพุทธะ)

  11. 11. น่าจะเป็น ๓ ไมล์

  12. 12. ละครอย่างนี้ว่าเป็นละครอย่างโบราณสำหรับเล่นถวายในท้องพระโรง จึงหัดให้รำทำท่าแต่กระบวนนั่งแลคลาน มีเท้าลงเหยียบพื้นท้องพระโรง แลชื่อที่เรียกว่า ลางันดริโยนั้น พวกไทยได้ปรารภกันว่าคำ “ลางัน" กับ “ละคร” ในภาษาไทยจะมาแต่ศัพท์เดิมศัพท์เดียวกันเสียดอกกระมัง ยังไม่พบหลักฐานที่จะตัดสินได้ แต่วิธีเล่นละครของชวางแลของไทยเรานี้ มาแต่ครูเดิมครูเดียวกันเป็นแน่แล้ว ไม่มีที่สงสัย

  13. 13. เดิมในเกาะชวาเจ้าเมืองมะดารัมเชื้อสายอโหนา เป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ แล้วราชวงศ์เกิดวิวาทกัน จึงแยกเป็น ๒ ราชธานี มีเจ้าแผ่นดินปกครองด้วยกัน คือเมืองด์ยกยาแห่ง ๑ เมืองโซโลแห่ง ๑ ถือยศเป็นสุลต่านองค์ เป็นสุสุฮูนันองค์ ๑ ต่างถือว่ามีอิสระเสมอกัน

  14. 14. ตำแหน่งมังกุนัคโรนี้ เหมือนกับปักกุอะลำที่เมืองด์ยกยาทำนองเป็นวังหน้า แต่สืบราชวงศ์กันเองเป็นส่วน ๑ หาได้รับราชสมบัติไม่ ได้ยินว่าเกิดขึ้นครั้งฝรั่งแรกได้เมืองชวาเพราะเจ้านายพวก ๑ ชังฝรั่ง พวก ๑ ชอบฝรั่ง เกิดเป็นอริกัน ฝรั่งจึงอุดหนุนเจ้าพวกชอบฝรั่งให้เป็นอิสระอยู่ส่วน ๑ จึงเป็นประเพณีมา นามที่ขนานก็ประหลาดชอบกล เมืองด์ยกยาสุลต่าน ใช้พระนามว่า พระเจ้ามังกุภูมิ วังหน้าใช้นามว่า ปักกุอะลำ ส่วนเมืองโซโล สุสุอูนัน ใช้พระนามว่า ปักกุภูวโน วังหน้าใช้นามว่า มังกุนัคโร จะสังเกตเห็นได้ว่าเป็นแต่ ๒ นามใช้ไขว้กัน

  15. 15. เมืองสุระบายา อยู่สุดท้ายเกาะชวาทางตะวันออก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ