เดือน ๖ จุลศักราช ๑๒๕๘

วัน ๗ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๘ เมษายน รัตนโกสินทร๒๘ศก ๑๑๕

เวลายามเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาราชเสนากระทรวงมหาดไทย นำบอกพระวิจิตรราชสาสน์ ฃ้าหลวงวิเศษจัดราชการเมืองสงขลา ขึ้นอ่านกราบบังคมทูลพระกรุณาฉบับ ๑ ว่าได้พร้อมกับพระยาวิเชียรคีรี จัดข้อบังคับสำหรับผู้รักษาถนนตลาดไว้

แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ ทุติยจุลจอมเกล้าฯ แก่พระยาวิชยาธิบดี (หวาด) ผู้ว่าราชการเมืองจันทบุรี แลเหรียญจักรพรรดิมาลา แลพานทองกลมใหญ่เครื่องในพร้อม ๑ คนโททอง ๑ กระโถนทอง ๑ แล้วมีพระราชดำรัสด้วยพระยาวิชยาธิบดีว่า ทรงเชื่อแน่ต่อความอดทนในราชการของพระยาวิชยาธิบดี แล้วดำรัสกับพระยาสุรศักดิ์มนตรี ว่า แรกนาแล้วฝนยังไม่ตกเลย ดูร้อนจัดขึ้นทุกเวลา

แล้วพระยาจ่าแสนบดี กระทรวงมหาดไทย นำพระยาวิชยาธิบดีผู้ว่าราชการเมืองจันทบุรี กราบถวายบังคับลาออกไปรับราชการบ้านเมือง ดำรัสถามกรมหมื่นดำรง ว่าจะไปเมื่อไร กรมหมื่นดำรงกราบบังคมทูลว่า จะต้องจัดเอาเรือนฤเบศร์ออกไปส่ง เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๑ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๙ เมษายน รัตนโกสินทร๒๘ศก ๑๑๕

ไม่เสด็จออก ไม่มีราชการอไร

วัน ๒ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๐ เมษายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทมุกข์กระสันตวันออก พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรกระทรวงวัง นำแมกฟาแลนด์ ๑ ยอดแมกฟาแลนด์ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชดำรัสไต่ถามตามสมควร พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร นำแมกฟาแลนด์ ยอดแมกฟาแลนด์ ออกจากที่เฝ้า แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ ทรงนำ เอซีกาเตอร์ ๑ นายนกยุง ๑ ซึ่งเปนครูสอนหนังสือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ แลพระเจ้าลูกเธอที่โรงเรียนราชกุมาร เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชดำรัสไต่ถามตามสมควร พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ นำครูทั้งสองออกจากที่เฝ้า แล้วเสด็จขึ้น

เวลายามเศษ เสด็จออกฃุนนาง นำพระยาราชเสนากระทรวงมหาดไทย นำพระยาณรงค์เรืองฤทธิ ๑ พระยาขจรศักดาเดช ๑ เมืองพระตะบอง กราบถวายบังคมลากลับออกไปรักษาราชการบ้านเมือง โปรดเกล้าฯ พระราชทานโต๊ะทองคนโททองผ้าพรรณนุ่งห่ม แก่พระยาณรงค์เรืองฤทธิ แล้วมีพระราชดำรัสแก่พระยาณรงค์เรืองฤทธิ ออกไปขอให้ได้ทำการโดยพร้อมเพรียงกัน แล้วดำรัสถามต่อไปว่า มารดาจะออกไปด้วยฤๅไม่ พระยาณรงค์เรืองฤทธิ์ กราบบังคมทูลว่าจะออกไปด้วย

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๓ ๑๐ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๑ เมษายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลายามเศษเสด็จออกฃุนนาง พระยาราชเสนากระทรวงมหาดไทย นำบอกขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเมืองนครศรีธรรมราช ฃอเครื่องแต่งตัวโปลิศแลฃออนุญาตนายโปลิศไปฝึกหัดโปลิศที่เมืองนครศรีธรรมราช

ฉบับ ๒ บอกพระวิจิตรราชสาสน์ ข้าหลวงวิเศษจัดราชการเมืองสงขลา ฃออนุญาตตั้งคนเดินไปรสนีย์ในเมืองสงขลา ซึ่งต่อติดกับเมืองนครศรีธรรมราช แลเมืองตรัง แลเมืองพัทลุง

จึ่งดำรัสถามกรมหมื่นดำรงราชานุภาพว่า การที่จะตั้งคนเดินไปรสนีย์นี้ จะใช้ทางเรือฤๅทางบก กรมหมื่นดำรงกราบบังคมทูลว่า จะต้องใช้ทางเรือบ้างทางบกบ้าง

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๑๑ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๒ เมษายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลายามเศษเสด็จออกขุนนาง ราชการในกระลาโหมมหาดไทยไม่มี ประทับอยู่ประมาณ ๑๕ มินิต แล้วเสด็จขึ้น ดำรัสสั่งให้พระยาอภัยรณฤทธิ ไปเฝ้าที่น่าพระทวารกลาง ประทับรับสั่งอยู่จน เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๕ ๑๒ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๓ เมษายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

ไม่เสด็จออก ไม่มีราชการอไร

วัน ๖ ๑๓ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๔ เมษายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระยานรินทรราชเสนี นำบอกกระทรวงกระลาโหม ขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ ว่ามีตราพระคชสีห์โปรดเกล้าฯ ให้หลวงฤทธิจักรกำจร นายร้อยตรี หม่อมราชวงษ์โต นายแพทย์สัตว์ ขึ้นไปจัดซื้อม้าในแขวงเมืองลพบุรี อ่างทอง พรหม อิน ไชยนาท นครสวรรค์ ได้มา ๖๒ ม้า แล้วพระยานรินทรราชเสนี นำหลวงฤทธิจักรกำจร นายร้อยตรี หม่อมราชวงษ์โต เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีดำรัสถามหม่อมราชวงษ์โตว่า ซื้อตัวละเท่าไร หม่อมราชวงษ์โตกราบบังคมทูลว่า อย่างต่ำที่สุดตัวละ ๖๐ บาท อย่างสูงสุด ๑๕๐ บาท แล้วดำรัสถาม สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมพระภาณุพันธุวรเดช ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ว่าม้านั้นสีไรมาก สมเด็จกรมพระกราบบังคมทูลว่า เฃาเรียกว่าแดงงัวแลมาก ดำรัสว่าเอามาถึงพร้อมแล้วจะทรงทอดพระเนตร แล้วสมเด็จกรมพระกราบบังคมทูลว่า บางทีจะเปนม้าขึ้นระวางได้บ้าง แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ๑. ให้ฃุนภักดีวิจารณ์ เปนฃุนศรีเนาวรัตน มีตำแหน่งราชการในกรมท่าขวา ถือศักดิ์นา ๔๐๐ ๒. ให้ฃุนวิชิตภักดี เปนฃุนศรีวรฃ่าน มีตำแหน่งราชการในกรมท่าขวา ถือศักดิ์นา ๔๐๐ ๓. ให้นายเชยหลานพระยาจุฬาราชมนตรี เปนฃุนสุนสุนทรภักดี มีตำแหน่งราชการ ในกรมท่าขวา ถือศักดิ์นา ๔๐๐

วัน ๗ ๑๔ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๕ เมษายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาราชเสนากระทรวงมหาดไทย นำบอกเมืองกลันตัน ขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ ว่ารายาประรำปะวันมารดา พระยาพิพิธภักดีป่วยเปนไข้จับมาตั้งแต่เมษายน ศก ๑๑๕ ถึงวันที่ ๙ เมษายน ศก ๑๑๕ ยาราประรำปะวันถึงแก่อสัญกรรม ญาติพี่น้องพร้อมเพรียงได้ยกศพไปฝังตามอย่างธรรมเนียมแล้ว

กับพระยาพิพิธภักดี ได้ตลับทองคำ เฟื้อง ๑ กลม ๑ } รวม ๒ ตลับ ทองคำหนักเก้าตำลึงแขก คิดเปนทองคำหนัก { ๒๓ บาท ๒ สลึง มอบให้วันมัด วันจะสัวเล้ห์ } มาฃอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวาย แล้ว

แล้วเสด็จขึ้นจากพระแท่น มาประทับที่น่าพระทวารกลาง พอฃุนนางออกจากเฝ้าแล้ว เสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับที่วังพระสัมพันธวงษ์เธอ กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ ทรงสรงน้ำพระศพแล้ว

วัน ๑ ๑๕ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๖ เมษายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

ไม่เสด็จออกขุนนาง

วัน ๒ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๗ เมษายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกฃุนนาง พระยาราชเสนานำบอกพระยาทรงสุรเดชฃ้าหลวงเมืองลาวเฉียงฉบับ ๑ ในกระทรวงมหาดไทยความต้องกันว่า เจ้าอนันต์วรฤทธิเดช เจ้านครลำปาง ป่วยเป็นโรคหืดมานาน ถึงวันที่ ๓๐ มีนาคม เจ้าอนันต์วรฤทธิเดช เจ้านครลำปาง ถึงแก่พิลาไลย

จึงดำรัสด้วยกรมหมื่นดำรงราชานุภาพว่า เสียดายเจ้าอนันต์ฤทธิเดชเป็นคนดี อาการที่เปนหืดเท่านั้นไม่ควรจะตาย แล้วดำรัสถามกรมหมื่นมหิศรราชหฤไทย ว่าโกษนั้นจะทำอย่างไร กรมหมื่นมหิศรราชหฤไทย กราบบังคมทูลว่า จะต้องให้เจ้าพนักงานคุมขึ้นไป

แล้วดำรัสถามกรมหลวงพิชิตปรีชากร ว่าความเดี๋ยวนี้เปนอย่างไร กรมหลวงพิชิตกราบบังคมทูลว่า เดือนเมษายนนี้อ่อนแอไป อธิบดีผู้พิพากษาป่วยเสียหลายนาย พระยาธรรมสารเนติก็ป่วยมาก หมอไปตรวจว่าเป็นวรรณโรคภายใน แล้วดำรัสต่อไปกับกรมหลวงพิชิตว่า ศาลต่างประเทศติดอยู่ข้างคุยกันมาก ไม่ใช่ราชการฉันก็ได้ฟ้องเธอไปทีหนึ่งแล้ว การก็ยังไม่หยุดกันได้ แล้วสารบบความผัดว่าจะส่งในเดือนเมษายนนี้ก็ยังไม่ส่ง แล้วดำรัสถามพระยาจุฬาราชมนตรี ว่าทำไมศาลต่างประเทศถึงติดคุยกันมาก พระยาจุฬากราบบังคมทูลว่าพระราชอาญาเปนล้นเกล้า ฯ การที่คุยกันนอกราชการนั้นไม่มีเลย

เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๓ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๘ เมษายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลายามเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาราชเสนากระทรวงมหาดไทยนำบอกพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพัฒน์ ฃ้าหลวงเทศาภิบาลมณฑล สำเร็จราชการกรุงเก่า ขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ ว่าพระยาวิสุทธิธรรมธาดา ผู้ว่าราชการเมืองลพบุรี ว่ามีผู้กล่าวหาว่าอ้ายส้อยยิงนายเกิดตาย แล้วอ้ายส้อยอพยพหลบหนีไป สืบจับได้ตัวอ้ายส้อย แล้วพวกเพื่อนอ้ายส้อยพากันกลับมาแย่งชิงอ้ายส้อยแลยิงอ้ายส้อยตาย

แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตร ๑. ให้ขุนมหาวิสูตร เปนหลวงนรินทราภรณ์ เจ้ากรมช่างทอง ถือศักดินา ๖๐๐ ๒. ให้นายฉายมหาดเล็ก บุตรหลวงพลโยธานุโยค เป็นขุนราชรถยาน ปลัดกรมรถ ถือศักดิ์นา ๖๐๐ ๓. ให้นายมงคลมหาดเล็ก บุตรพระยาราชโยธา เปนจ่าใจสุรแกว่น กรมพระตำรวจใหญ่ขวาฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดิ์นา ๔๐๐

วัน ๔ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๙ เมษายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทมุกข์ตวันออก พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษ์วโรประการ เสนาบดีกระทรวงว่าการต่างประเทศ แลพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรกระทรวงวัง นำเซนยอร์โยเสมาเรีย เดอซูซา ฮอร์ตา เอ คอสตา อรรคราชทูตวิเศษ ผู้มีอำนาจเต็มของพระเจ้ากรุงโปรตุแคลในกรุงจีน แลกรุงสยาม ๑ เซนยอร์ อันโตนิโอ โยคิม บัศโต เลขานุการ ๑ เลบเตอร์แนนต์ อันโตนิโอ ปีนเยโร ซิลวาโน อัตตัชเชของอรรคราชทูตกรุงโปรตุแคล ๑ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ถวายพระราชสาสน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสด้วยตามสมควร แล้วราชทูตกลับจากที่เฝ้า เสด็จขึ้น

วัน ๕ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๓๐ เมษายน รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่าย ๕ โมงโทษ เสด็จทรงรถพระที่นั่งไปตามถนนบำรุงเมือง เลี้ยวลงตามถนนอ้อมรอบพระนคร เลี้ยวลงถนนสนามกระบือ เลี้ยวลงถนนฃ้ามคลองผดุงกรุงเกษม มาถึงวัดนรนารถ เลี้ยวเฃ้าถนนบางลำภู เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

เวลายามเศษเสด็จออกขุนนาง ราชการในกระทรวงมหาดไทย กระลาโหมหามีไม่ มีดำรัสถามกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา ว่าการที่จะเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ การประชุมขอให้มีเสมอไปอย่างน้อยวันละชั่วโมงได้เปนดี ตามแต่จะไปคิดกัน จะเปนกลางวันฤๅกลางคืนก็ตาม แล้วดำรัสถึงกรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ ว่าให้มีหนังสือส่งไปเสีย ว่าเสด็จไม่อยู่ให้มาประชุมวันละชั่วโมงฤๅชั่วทุ่มแล้วแต่ความพร้อมเพรียง แล้วดำรัสด้วยสมเด็จ กรมพระองค์ใหญ่ ว่าท่านกลางมักมีความป่วยไข้มาก ถ้าเสด็จไม่อยู่แล้วฃอให้เปนหัวน่านำประชุมให้ด้วย แล้วดำรัสกับพระยาสุรศักดิ์มนตรีว่าพระยาสุรศักดิ์เปนการป่วยไข้บ่อยๆเหมือนกัน จะต้องตักเตือนไว้ผู้ที่บอกป่วยมากๆ

แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้หลวงวิชิตชลไชย เปนหลวงวิชิตสุรไกร มีตำแหน่งราชการในกระทรวงมหาดไทย ถือศักดิ์นา ๖๐๐

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๖ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จออกฉายพระบรมรูปที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยแล้ว เสด็จพระราชดำเนินออกจากประตูพิมานไชยศรี วิเศษไชยศรี ไปประทับที่ศาลสถิตย์ยุติธรรม เสด็จพระราชดำเนินทั่วทุกห้องแล้ว เวลาเช้า ๔ โมงเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

เวลายามเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาราชเสนากระทรวงมหาดไทย นำบอกผู้ว่าราชการเมืองนครไชยศรีขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ ว่าได้กราบถวายบังคมลาออกจากกรุงเทพฯ ในเดือนมีนาคม ๑๑๔ ครั้นมาถึงบ้านเมืองแล้วได้แต่งให้กรมการออกสืบจับผู้ร้ายแขวงเมืองนครไชยศรี ผู้ร้ายปล้นบ้านเรือนแลแย่งชิงกระบือก็บางเบาลงหามีไม่

จึงดำรัสกับ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพว่า เจ้านี่พอจะจัดการเรียบร้อยได้ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพกราบบังคมทูลว่าคนๆ นี้ให้ตรึกตรองจัดราชการแล้วคงเรียบร้อยได้ แล้วดำรัสก็บกรมหมื่นดำรงราชานุภาพต่อไปว่า อยากจะให้มหาดเล็กแลตำรวจออกไปสืบราชการมณฑลเศลาภิบาล๑๐ ๗ กอง ฉันยอมให้สองพันบาทเปนค่าใช้สอย แต่ตราที่จะทำนำนั้นให้เปนดำเนินพระบรมราชโองการ ไม่ต้องไปวางที่บ้านไหนเมืองไหน ถ้าฃ้ดข้องก็เอาท้องตราออกให้ผู้ว่าราชการเมืองกรมการดู แลให้มีข้อบังคับสำหรับผู้ที่จะขึ้นไปตรวจหัวเมืองให้ทำอย่างนั้นๆ ไม่ต้องเกรงใจผู้ว่าราชการเมืองกรมการ แล้วดำรัสกับพระยาอภัยรณฤทธิ์ พระยาเทเวศร์วงษ์วิวัฒน์ว่าให้ไปคิดกับกรมหมื่นดำรง ผู้ที่จะขึ้นไปนั้นให้เลือกเอาตำรวจคนหนึ่งมหาดเล็กคนหนึ่ง ที่ไม่ได้เกี่ยวเปนญาติพี่น้องกับผู้ว่าราชการเมืองกรมการ เพราะเหตุดังนั้นแลให้กรมหมื่นดำรง พระยาอภัยรณฤทธิ์ พระยาเทเวศร์ คิดกันดูให้ดี

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๗ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท แล้วเสด็จพระราชดำเนินมาประทับที่สนามหญ้าน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ทอดพระเนตรม้าที่นายพันตรีหลวงฤทธิจักรกำจร นายร้อยตรี หม่อมราชวงษ์โต จัดซื้อมาเปนม้าหลวง เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรทั่วแล้ว เสด็จทรงรถพระที่นั่งออกประตูพิมานไชยศรี วิเศษไชยศรี เลี้ยวป้อมพเด็จดัศกรลงถนนบำรุงเมือง ออกประตูสามยอดไปถึงวัดเทพศิรินทร เลี้ยวมาถนนเจริญกรุง

เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

เวลายามเศษเสด็จออกขุนนาง ราชการมหาดไทยกระลาโหมไม่มี จึงดำรัสถามพระยาอภัยรณฤทธิว่า ตำรวจจัดเลือกตัวแล้วฤๅยัง เพราะมหาดเล็กเฃาจัดเลือกตัวแล้ว พระยาอภัยรณฤทธิกราบบังคมทูลว่า ได้จัดเลือกตัวแล้วเหมือนกัน แล้วดำรัสถามต่อไปว่าได้จัดคู่แล้วฤๅยัง พระยาอภัยรณฤทธิกราบบังคมทูลว่า ได้จัดเปนคู่ตกลงแล้ว

แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้พระโทรเลขบุรานุรักษ์ เปนพระบริรักษ์จัตุรงค์๑๑ ในกระทรวงกระลาโหม ถือศักดิ์นา๑๒

วัน ๑ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๓ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลายามเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาราชเสนากระทรวงมหาดไทย นำบอกพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพัฒน์ ฃ้าหลวงเทศาภิบาล สำเร็จราชการมณฑลกรุงเก่า ฉบับ ๑ ขึ้นอ่านกราบบังคมทูล พลตระเวณที่จะใช้ในแฃวงกรุงเก่า ๑๘ คนนั้นหาพอไม่ ขออนุญาตเติมอีก ๕๓ คน นายร้อยคนหนึ่งเดือนละ ๔๘ บาท นายสิบ ๔ คนๆละ ๑๘ บาท ไพร่ ๔๘ คนๆละ ๑๕ บาท รวมเปนเงินเดือนๆละ ๘๔๐ บาท

จึงดำรัสกับกรมหมื่นดำรงราชานุภาพว่า ควรจะอนุญาตให้ตั้ง แล้วดำรัสกับกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา ว่าคนในวังร้องว่าน้ำในวังไม่มีจะใช้ เพราะจะจ้างเขาหาบคอนเหมือนแต่ก่อนก็ไม่มีคนมารับจ้าง แล้วคนจ้างก็เรียกเอาราคาแพงเหลือเกิน ก๊อกน้ำนั้นวันหนึ่งเดินครึ่งชั่วโมงบ้าง ขอให้กรมหมื่นพิทยตรวจดูว่ามันจะฃัดข้องที่ไหนบ้าง แต่ครั้งพระยานรรัตนได้ให้ตรวจคราวหนึ่งแล้ว ว่าท่อเสียจะต้องออกเงินอีกถึงพันชั่งฉันจึงได้นิ่ง น้ำเดี๋ยวนี้ก็ได้อาไศรยอยู่ที่ไชยยันต์บันทุกลากเข้าไปส่ง ถึงกระนั้นก็ไม่พอ แล้วกรมหมื่นพิทยกราบบังคมทูลว่า เดิมได้ให้กรมหมื่นสรรพสาตร๑๓ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ ได้ช่วยกันตรวจครั้งหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่ทราบว่าอะไรจะเสีย ครั้งนี้จะต้องตรวจดูอีก

แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้พระประชาชีพ เป็นพระยาประชาชีพ๑๔ ปลัดทูลฉลองกระทรวงเกษตรพานิชการ ถือศักดิ์นา ๑๐๐๐

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๒ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๔ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

ไม่เสด็จออก ไม่มีราชการอไร

วัน ๓ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๕ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

ไม่เสด็จออก ไม่มีราชการอไร

วัน ๔ ๑๐ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๖ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

วันนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการเลี้ยงโต๊ะดินเนอร์ ณ พระที่นั่งมูลสถานบรมอาศน์ เพื่อเปนพระเกียรติยศแก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ๑๕ ในการที่จะเสด็จไปศึกษาวิชา ณ ประเทศยุโรป เจ้าพนักงานได้จัดการที่พระที่นั่งจักรกรีเปนที่พักก่อนเลี้ยง แลเปนที่ฟังดนตรี พระที่นั่งมูลสถานบรมอาศน์ เปนที่เลี้ยงกระทรวงวังได้ออกการด์เชิญเสด็จพระบรมวงษานุวงษ์ เชิญข้าราชการแลผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ แลภรรยามาประชุม ณ ที่กล่าวมาแล้วนั้น เวลา ๒ ทุ่ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรกรี มีพระราชดำรัสทักทายผู้ที่มาตามสมควร แล้วประทับโต๊ะเสวยครั้นเสร็จแล้ว เสด็จออกข้างนอกพร้อมกับผู้ที่ได้รับฟังดนตรีอย่างฝรั่งแล้วเสวยเครื่องว่าง พร้อมด้วยท่านทั้งปวงที่พระที่นั่งจักรกรีองค์ตวันตก

เวลา ๒ ยามเสด็จขึ้น

 

วัน ๕ ๑๑ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๗ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลายามเศษ เสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ตรงมุกข์เด็ดน่าพระทวารกลาง เปนการฝนตกหามีขุนนางเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทไม่ ประทับอยู่ประมาณสักสิบมินิตเสด็จขึ้น

วัน ๖ ๑๒ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๘ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เจ้าพนักงาน ได้จัดในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เบื้องปัจจิมทิศตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระไชยวัฒน์ ประจำรัชกาลปัตยุบันนี้ แลพระไชยเนาวโลหะเก่าใหม่ทั้ง ๒ พระองค์๑๖ แลตั้งพระเต้าต่างๆ สำหรับสรงพระมุรธาภิเศกอย่างน้อยเช่นทุกคราวมา

เวลายามเสศเสด็จออก โปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะผู้ใหญ่ ๑๐ รูป เข้าไปในที่พระราชพิธีนั้นแล้ว ทรงจุดเทียนนมัสการ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสถวายศีลแล้ว ทรงจุดเทียนครอบพระกริ่งแล้ว ทรงประเคนแด่กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์สัตปริตครั้นจบแล้ว ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับออกมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับตรัสอยู่ด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการ จนเวลา ๒ ยามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๗ ๑๓ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๙ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาเช้า เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ ๑๐ รูปนั้น เข้าไปในพระที่นั่งบรมราชถิตยมโหฬาร ครั้นเวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก ทรงจุดเทียนนมัสการ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสถวายศีลแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถซึ่งจะเสด็จออกไปทรงเล่าเรียนวิชา ณ ประเทศยุโรปนั้น ทรงจุดเทียนนมัสการแล้ว ทรงกล่าวคำแสดงพระองค์เปนอุบาสก เฉภาะหน้าสงฆ์ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสถวายเบญจางคิกนิจศีลแลถวายโอวาทในอุบาสกปฏิบัติแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงษ์๑๗ ทรงกล่าวคำแสดงพระองค์เปนอุบาสก กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสประทานศีลแลโอวาทเหมือนครั้งก่อนแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒน์พงษ์ เข้าไปเฝ้าฉเภาะน่าพระที่นั่ง พระราชทานพระบรมราโชวาทแล้ว พระราชทานพระไชยวัฒน์มงคลวราภรณ์๑๘ ให้สรวมพระศอแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นข้างใน ครั้งได้พระฤกษ์เวลาเช้า ๓ โมง ๔๑ นาที เสด็จสู่ที่สรงพระมุรธาภิเศกสนาน เจ้าพนักงานประโคมแตรสังพิณพาทย์พร้อมกัน พระสงฆ์สวดคาถาถวายไชยมงคลจนสรงเสร็จ เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ไปคอยส่งเสด็จ ณ พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทขึ้นทรงพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนินไปประทับท่าราชวรดิฐ ตรัสกับพระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการที่มาส่งเสด็จอยู่ในที่นั้น แล้วเสด็จพระราชดำเนินลงสู่เรือพระที่นั่งมหาจักรกรี พระสงฆ์ถวายไชยมงคลพร้อมกัน อนึ่ง ราชทูตผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในเรือพระที่นั่งทุกนาย ทั้งพระบรมวงษานุวงษ์ทั้งปวง แลข้าราชการบางท่านก็ตามเสด็จพระราชดำเนินลงสู่เรือพระที่นั่ง ทั้งผู้ที่จะไปตามเสด็จพระราชดำเนิน แลผู้ที่จะไปส่ง เสด็จถึงเมืองสมุทปราการนั้น ครั้นเวลาเช้า ๔ โมงเศษ ออกเรือพระที่นั่งขึ้นไปกลับลำที่น่าวัดเทวะราชกุญชร แล่นล่องลงไปตามลำแม่น้ำ เวลาเที่ยงโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงษานุวงษ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ กับราชทูตที่ตามลงไปส่งเสด็จนั้น รับพระราชทานอาหารที่โต๊ะเสวยพร้อมกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับโต๊ะเสวยด้วย ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมงเศษถึงเมืองสมุทปราการ ทอดสมอเรือพระที่นั่งตรงป้อมผีเสื้อสมุท ที่ป้อมนั้นยิงปืนใหญ่ถวายคำนับ ๒๑ นัดแล้ว พระราชทานเครื่องสักการให้เจ้าพนักงานไปนมัสการพระสมุทรเจดีย์แล้ว เสด็จพระราชดำเนินลงเรือพระที่นั่งกลไฟลำเล็กไปเทียบท่าน่าบ้านพระยาสมุทบุรานุรักษ์๑๙ ผู้ว่าราชการเมืองสมุทปราการ เสด็จขึ้นประทับบนเรือนซึ่งจัดไว้รับเสด็จ ประดับด้วยธงสีต่างๆงดงาม ประทับตรัสกับพระบรมวงษานุวงษ์ ราชทูต แลข้าราชการทั้งปวงอยู่ครู่หนึ่ง พระยาสมุทบุรานุรักษ์ เชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แลพระบรมวงษานุวงษ์ ผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ แลข้าราชการที่ตามเสด็จพระราชดำเนินไปนั้น เข้าสู่ห้องเลี้ยงซึ่งจัดไว้ ประทับโต๊ะเสวยอยู่จนเวลาจวนบ่าย ๓ โมงครึ่ง เปนเวลาจวนรถไฟจะออกกลับมากรุงเทพฯ พระบรมวงษานุวงษ์ ข้าราชการ แลชาวต่างประเทศที่ลงไปส่งเสด็จนั้นกราบถวายบังคมลา แลต่างๆ ก็แสดงอาการยินดีถวายไชยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ แลพระเจ้าลูกเธอ ซึ่งจะเสด็จออกไปประเทศยุโรปทั่วกันแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงเรือพระที่นั่งกลไฟเล็ก เสด็จกลับสู่เรือพระที่นามหาจักรกรี ซึ่งทอดอยู่น่าเมืองสมุทปราการนั้น ส่วนท่านที่ลงไปส่งเสด็จพระราชดำเนินทั้งปวงนั้น ก็กลับขึ้นมากรุงเทพฯ โดยรถไฟพร้อมกัน ครั้นเสด็จกลับถึงเรือพระที่นั่งมหาจักรกรีแล้ว เวลาบ่าย ๓ โมงห้าสิบนาที ถอนสมอออกเรือพระที่นั่งแต่น่าเมืองสมุทปราการ ไปประมาณชั่วโมงหนึ่งถึงร่องที่ฦก ทอดสมอเรือพระที่นั่งรอน้ำอยู่จนเวลา ๘ ทุ่ม จึ่งถอนสมอเรือพระที่นั่งข้ามสันดอนตัดไปฝั่งตวันตก

วัน ๑ ๑๔ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๐ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลารุ่งเช้าเรือพระที่นั่งตรงแฃวงเมืองประจวบคีรีฃันธ์ เดินพอแลเห็นเขาบนฝั่ง คลื่นเรียบตลอดทั้งวัน แล้วเรือพระที่นั่งเดินตัดออกฦกแลไม่เห็นฝั่ง๒๐

วัน ๒ ๑๕ ๖ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑๑ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลารุ่งเช้าเรือพระที่นั่งตรงแขวงเมืองชุมพร เวลาบ่ายมีคลื่นลมบ้าง เวลาค่ำเรือพระที่นั่งตรงแขวงเมืองตานี แลเห็นเขาบนฝั่งตั้งแต่ตอนเย็นมา แล้วตัดเดินเข้าใกล้ฝั่ง

  1. 1. พระยาวิชยาธิบดี (หวาด บุนนาค) ภายหลังเป็นพระยาอรรคราชนาถภักดี

  2. 2. พระยาสุรศักดิมนตรี (เจิม แสงชูโต) ภายหลังเป็นเจ้าพระยา

  3. 3. พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (กระจ่าง บุรณศิริ)

  4. 4. ยอร์ช บี. แมคฟาร์แลนด์ รับราชการอยู่โรงพยาบาลศิริราช ที่เข้าเฝ้าครั้งนี้ เข้าใจว่าจะเป็นเรื่องหมอยอร์ช บี. แมคฟาร์แลนด์ จะไปส่งนาย เอส. จี. แมคฟาร์แลนด์ ผู้เป็นบิดากลับไปอเมริกา ต่อมาหมอยอร์ช บี. แมคฟาร์แลนด์ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระอาจวิทยาคม

  5. 5. Mr. A. Cecil Carter, M.A., (Oxon.) เคยเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรอังกฤษในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร, อาจารย์ใหญ่โรงเรียนราชวิทยาลัยคนแรกในสมัยแรกตั้งในปี ร.ศ. ๑๑๖, เป็นเลขาธิการคณะกรรมการจัดการแสดงสินค้านานาชาติสหรัฐอเมริกาใน พ.ศ. ๒๔๔๗ ทำหน้าที่บรรณาธิการหนังสือ The Kingdom of Siam, Min. of Agriculture, Louisiana Purchase Exposition St. Louis U.S.A., 1904. Siamese Section. ตีพิมพ์ที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ๑๙๐๔ ในโอกาสนั้น

  6. 6. นายนกยูง เป็นครูโรงเรียนราชกุมาร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๖ ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอจิรการประสิทธิ์และพระยาสุรินทราชา

  7. 7. โรงเรียนราชกุมารในพระบรมมหาราชวัง เปิดสอนเมื่อวันที่ ๗ มกราคม ร.ศ. ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕)

  8. 8. กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ ในกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ เป็นพระองค์เจ้าหลานเธอในรัชกาลที่ ๓ (พระองค์เจ้าฉายเฉิด)

  9. 9. พระยาจุฬาราชมนตรี (สิน อหมัดจุฬา)

  10. 10. คำนี้น่าจะเป็นมณฑลเทศาภิบาล

  11. 11. พระบริรักษ์จตุรงค์ (พุ่ม บุนนาค) ภายหลังเป็นพระยาไมตรีวิรัชกฤตย์

  12. 12. ศักดินา ๘๐๐ (ราชกิจจาฯ เล่ม ๑๓ หน้า ๖๖)

  13. 13. กรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจ ในรัชกาลที่ ๖ เลื่อนเป็นกรมหลวง ฯ ต้นราชสกุล ทองแถม

  14. 14. พระยาประชาชีพบริบาล (ผึ่ง)

  15. 15. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ ทรงสถาปนาเปนสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนพิษณุโลกประชานาถ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๔ ได้เสด็จไปทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ แล้วเสด็จไปประทับอยู่ในราชสำนักสมเด็จพระเจ้านิโคลัสที่ ๒ เอมเปอเรอรุสเซีย ถึงรัชกาลที่ ๖ เลื่อนเป็นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงฯ และเมื่อเสด็จทิวงคตใน พ.ศ. ๒๔๖๓ ทรงสถาปนาพระเกียงติยศเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช พระราชทานเศวตฉัตร ๕ ชั้น ต้นราชสกุล จักรพงศ์

  16. 16. พระไชยเนาวโลหะเก่าใหม่ทั้ง ๒ พระองค์ คงจะหมายถึงพระไชยเนาวโลหะ รัชกาลที่ ๔ องค์หนึ่ง และพระไชยเนาวโลหะรัชกาลที่ ๕ อีกองค์หนึ่ง

  17. 17. พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ ภายหลังทรงสถาปนาเป็นกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม ต้นราชสกุล เพ็ญพัฒน

  18. 18. มีเรื่องพิสดารในหนังสือ “ตำนานพระชัยวัฒน์” พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมหลวงวงศ์ สุรวงศ์วิวัฒน์ ต.จ. พ.ศ. ๒๕๒๒

  19. 19. พระยาสมุทบุรานุรักษ์ (สิน)

  20. 20. จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันตั้งแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม จนถึงวันที่ ๑๒ สิงหาคม ร.ศ. ๑๑๕ เป็นระยะเวลาระหว่างเสด็จประพาสเกาะชวาครั้งที่ ๒

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ