- คำนำ
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๗
- เดือน ๖ จุลศักราช ๑๒๕๘
- เดือน ๗ จุลศักราช ๑๒๕๘
- เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๕๘
- เดือน ๘๘ จุลศักราช ๑๒๕๘
- เดือน ๙ จุลศักราช ๑๒๕๘
- เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๕๘
- เดือน ๓ จุลศักราช ๑๒๕๘
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๘
- เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๕๙
- เดือน ๓ จุลศักราช ๑๒๕๙
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๙
- เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๖๐
- เดือน ๖ จุลศักราช ๑๒๖๐
- เดือน ๗ จุลศักราช ๑๒๖๐
- เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๖๐
เดือน ๖ จุลศักราช ๑๒๖๐
วัน ๔ ๑ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๒๐ เมษายน รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกขุนนาง ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย พระยาราชเสนากระทรวงมหาดไทย อ่านบอกกราบบังคมทูลพระกรุณา ๒ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกพระยาสุขุมนัยวินิต ฃ้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลนครศรีธรรมราชว่า ได้รับรายงานจากกรมการอำเภอทุกๆ แขวงว่าเฃ้าในมณฑลนี้บริบูรณดีกว่า ร,ศก ๑๑๕ มีความยินดีเปนล้นเกล้า ฯ พอจะได้เปนกำลังของราษฎรที่เฃ้าเสียไปแล้วได้ดีขึ้น
ฉบับ ๒ บอกพระยาอุตรกิจพิจารณ์แทนฃ้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลพิศณุโลกว่า ได้รับรายงานหลวงสำเริงนฤปการฉบับ ๑ ว่า เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ร,ศก ๑๑๖ หลวงสำเริงนฤปการได้จัดตั้งพลตระเวนรักษาพระแท่นศิลาอาศน์แลบริเวณพระแท่นนั้นเปน ๔ กองๆ ๑ มีพลตระเวน ๙ กรมการพิเศษ ๒ ให้ตรวจอยู่ที่ลานพระแท่นศิลาอาศน์ ๑ ที่ถนนทางไปเมืองลับแล ๑ ทางไปหาดเสี้ยว ๑ ต้นทางบนเนินพระยืน ๑ รวม ๔ กอง วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ เปนวันสัปรุษย์ชายหญิงพระสงฆ์สามเณรประชุมนมัสการประมาณ ๓๕๐๐๐ เศษ วันที่ ๖ มีนาคมเลิกการประชุมนมัสการแล้ว หลวงสำเริงนฤประการได้พร้อมด้วยกรมการเมืองทุ่งยั้งกับพระสงฆ์ เปิดบัลลังก์พระแท่นได้เงิน ๔๐๙ บาท ๕๙ อัฐ ทองคำนาครูปภัณฑ์ ๓ บาท ๒ สลึงกับ ๘ หุน ผ้าแพรสีต่างๆ ๑๘ ผืน ได้มอบให้ข้าหลวงผู้ว่าราชการเมืองพิไชยเก็บรักษาไว้ปฏิสังขรณ์พระแท่นศิลาอาศน์ต่อไป
เวลาเกือบย่ำค่ำ ทรงพระดำเนินออกพระทวารทิศตวันตกแห่งพระที่นั่งนั้น แลออกพระทวารเทเวศรักษามาสนามหญ้าน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเหรียญราชรุจิ แก่ข้าราชการกรมมหาดเล็ก คือเหรียญก้าไหล่ทอง ๗ นาย
ขุนศักดิดรุณจิตร (ทอง) สารวัดใหญ่เวรศักดิ์ ฃุนสิทธิดรุณเชฐ (จีน) สารวัดใหญ่เวรสิทธิ ขุนฤทธิดรุณเสรฐ (เดช) สารวัดใหญ่เวรฤทธิ ขุนเดชดรุณรักษ์ (โต) สารวัตดหญ่เวรเดช นายทอง นายน้อย สารวัดเวรศักดิ์ นายสินสารวัดเวรเดช
เหรียญเงิน ๙ นาย นายวอน นายอิน นายเอี่ยมสารวัดเวรเดช นายสุด นายเปี่ยม นายสอน นายจัน สารวัดเวรฤทธิ์ นายอิ่มสารวัดเวรสิทธิ์ นายทศ สารวัดเวรศักดิ์ เวลาค่ำเสด็จขึ้น
วันนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานเชิญพระลองในทรงพระศพ พระสัมพันธวงษ์เธอ กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์๑ขึ้นยานมาศ ๓ คาน แล้วประกอบพระโกษไม้ ๑๒ ที่วังพระสัมพันธวงษ์เธอพระองค์นั้นแล้ว แห่ไปตามถนนน่าวัดพระเชตุพนไปเลี้ยวถนนบำรุงเมือง ไปเข้าพระเมรุที่วัดษะเกษ ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระเมรุไว้แต่ก่อนนั้นแล้ว เชิญขึ้นตั้งบนเว่นฟ้า ๓ ชั้น แวดล้อมด้วยเครื่องสูงตามพระเกียรติยศ แลมีการมหอรศพต่อไป กับพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม ๔ สร้าง
แลเมื่อแห่โกษพระศพ พระสัมพันธวงษ์เธอพระองค์นั้นไปสู่พระเมรุแล้ว เจ้าพนักงานได้ยกหีบศพหม่อมอบเชย มารดาพระสัมพันธวงษ์เธอ กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ แลหีบศพหม่อมราชวงษ์ลดามาศ ในพระสัมพันธวงษ์เธอพระองค์นั้นไปเข้าเมรุนั้นด้วย
กระบวนแห่พระศพนั้น มีกองมลายู, มณฑปเพลิง, พิณพาทย์ไทย ตำรวจถือโคมบัว ๑๐๐, คู่แห่ ๑๐๐, เสลี่ยงกงพระนั่งดูพระอภิธรรม เสลี่ยงกงโปรยแลโยง คู่เคียงอินพรหม ยานมาศพระโกษ ภูษามาลาประคองพระโกษ แวดล้อมด้วยเครื่องสูง ๕ ชั้น ๗ ชั้น บังแซก พระกรด พัดโบก กลองชะนะ จ่าปี่ จ่ากลอง แตรสังข์ นายเวร ชาววังคุมเครื่อง พระแสงหว่างเครื่อง สนมพลเรือนเชิญเครื่องหอมพร้อมด้วยนาลิวัล ข้าหลวงขอเฝ้าตามโคมบัว ๑๐๐, พิณพาทยจีนสุดกระบวน
วัน ๕ ๒ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๒๑ เมษายน รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
ได้มีการมหรศพ ในการพระศพพระสัมพันธวงษ์เธอ กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม ๔ สร้าง เหมือนวันก่อนมา
วัน ๖ ๓ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๒๒ เมษายน รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาบ่าย เจ้าพนักงานได้เชิญพระโกษพระศพ พระสัมพันธวงษ์เธอ กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ ลงเปลื้องเครื่องพระศพแล้ว ยกพระลองในขึ้นตั้งบนจิตกาธารอันประกอบด้วยดอกไม้สดภายในฉากบังเพลิง ที่เมรุผ้าขาวเล็กในระหว่างคดด้านตวันตกของเมรุใหญ่ แลได้จัดการยกหีบศพหม่อมอบเชย แลหีบศพหม่อมราชวงษ์ลดามาศลงเปลื้องเครื่องแล้ว ยกขึ้นตั้งบนตรางเหนือถานที่พระราชทานเพลิงในฌาปนสถานประกอบด้วยเครื่องสดแวดวงด้วยม่าน
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท พระราชดำเนินโดยกระบวนรถพระที่นั่ง พร้อมด้วยราชองค์รักษ์ตำรวจทหารขี่ม้าแห่นำตามเสด็จ ไปประทับพลับพลาที่พระเมรุวัดสะเกษแล้ว ทรงพระดำเนินสู่พระเมรุทรงทอดผ้าไตรสดัปกรณ์ แล้วพระราชทานเพลิง พระบรมวงษานุวงษ์แลฃ้าทูลลอองธุลีพระบาทฝ่ายน่าฝ่ายใน } ได้ประทานเพลิงแลถวายเพลิงต่อไป เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์กลองชะนะ เวลาพระราชทานเพลิงตามธรรมเนียม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดฝักแคพระราชทานเพลิงศพในฌาปนสถานทั้ง ๒ ศพ แล้วเสด็จมาประทับพลับพลา ทรงโปรยผลกัลปพฤกษ์พระราชทาน พระบรมวงษานุวงษ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทแล้วทรงจุดดอกไม้เพลิง เวลาเกือบทุ่มเสด็จกลับสู่พระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานได้สุมพระอัฐิไว้พระสงฆ์สวดพระอภิธรรมอีกคืนหนึ่ง
วัน ๗ ๔ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๒๓ เมษายน รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาเช้า เจ้าพนักงานได้แจงพระรูปเก็บพระอัฐิรวมพระอังคาร พระสัมพันธวงษ์เธอ กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ แลเวียนสามหาบ พระสงฆ์สดัปกรณ์แล้ว เจ้าพนักงานได้ตั้งกระบวนแห่เชิญพระอัฐิมาหอพระนาคเปนเสร็จการ
ของหลวงพระราชทานในการพระศพที่ได้กล่าวมานั้นแปนการพระราชกุศล ผ้าไตร ๓๐ ไตร ผ้าขาว ๖๐ พับ สบงดอกไม้ ๑๐๐, ย่าม ๑๐๐, เครื่องสามหาบ ผลกัลปพฤกษ์ ๒ วัน วันละ ๔ ต้นๆ ละ ๒๐ บาท ทรงโปรยวันละ ๘๐ บาท ในการมหรศพนั้น โขน ๑ โรง หุ่น ๑ โรง หนัง ๒ โรง มอญรำ ๑ โรง ดอกไม้เพลิง ไม้ลอย ญวนหก สิงโต มังกร รำโคม
วันนี้ เวลค่ำ เจ้าพนักงานได้เชิญลองในทรงพระศพ พระวงษ์เธอพระองค์เจ้ายี่เข่ง แลหม่อมเจ้าภาณุมาศ ไปเฃ้าพระเมรุที่วัดสะเกษ แล้วเชิญขึ้นตั้งบนแว่นฟ้าสองชั้น ประกอบพระโกษอย่างพระองค์เจ้าตั้ง แวดล้อมด้วยเครื่องสูงตามพระเกียรติยศ แลมีพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม ๒ สร้าง มีการมหรศพต่อไป
วัน ๑ ๕ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๒๔ เมษายน รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาประสาท ประทับพระราชยานเสด็จพระราชดำเนินออกประตูศรีสุนทร ไปประทับเรือพระที่นั่งกลไฟประทีปทัศนาการ แต่ท่าราชวรดิฐไปเทียบท่าน่าบ้านเจ้าพระยารัตนบดินทร์แล้ว ทรงพระดำเนินขึ้นบนหอนั่งพระราชทานน้ำอาบศพ เจ้าพระยารัตนบดินทร (บุญรอด)๒ ที่สมุหนายก ซึ่งป่วยเปนโรคชรามาช้านาญถึงแก่อสรรญกรรมเมื่อเวลาวานนี้นั้น แล้วพระบรมวงษานุวงษ์ได้รดน้ำศพต่อไป เจ้าพนักงานได้แต่งศพแล้วยกลองใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสรวมลำพอกพระราชทานเจ้าพนักงานได้ยกลองในศพขึ้นตั้งบนแว่นฟ้า ๒ ชั้นแล้ว พระราชทานผ้าไตร ๑๕ ไตร พระสงฆ์บังสุกุลแลถวายอนุโมทนาแลอติเรกแล้ว เสด็จกลับพระบรมมหาราชวังแล้ว เจ้าพนักงานได้ประกอบโกษไม้ ๑๒ แลตั้งเครื่องสูง ๓ ชั้น แวดล้อมศพตามเกียรติยศ พระราชทานเครื่องประโคมศพ เมื่อเวลาอาบน้ำศพนั้นกลองชะนะ ๑๐ คู่ จ่าปี่ ๑ แลประจำอยู่สามเวลา ต่อไปพระราชทานกลองชะนะ ๕ คู่ จ่าปี่ ๑ พระสงฆ์สวดพระอภิธรรมตามธรรมเนียม
อนึ่งการพระศพพระวงษ์เธอ พระองค์เจ้ายี่เข่ง๓ แลหม่อมเจ้าภาณุมาศนั้น วันนี้เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้เชิญพระโกษลงเปลื้องเครื่องพระศพแล้ว ยกพระลองในตั้งบนจิตกาธาร อันประกอบด้วยดอกไม้สดภายใสฉากบังเพลิงแล้วเสร็จ
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จโดยกระบวนรถพระที่นั่ง ไปประทับพลับพลาพระเมรุวัดสะเกษ โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ ทรงทอดผ้าไตรสดัปกรณ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดฝักแคพระราชทานเพลิงทั้งสองพระศพแล้ว ทรงโปรยผลกัลปพฤกษ์พระราชทานพระบรมวงษานุวงษ์ ข้าทูลลอองธุลีพระบาทแล้ว เวลาเกือบทุ่มเสด็จกลับสู่พระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานได้สุมพระอัฐิไว้ พระสงฆ์สวดพระยภิธรรมอีกคืนหนึ่ง
วัน ๒ ๖ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๒๕ เมษายน รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาเช้า เจ้าพนักงานได้แจงพระรูปแล้ว เก็บพระอัฐิรวมพระอังคาร พระวงษ์เธอพระองค์เจ้ายี่เข่ง แลหม่อมเจ้าภาณุมาศนั้น แล้วเวียนสามหาบแล้ว พระสงฆ์สดัปกรณ์แล้วเสร็จ ได้ตั้งกระบวนแห่เชิญพระอัฐิกลับส่งวังเปนเสร็จการ
ของหลวงพระราชทานในการพระราชกุศล รวม ๒ พระศพ ผ้าไตร ๑๐ ไตร ผ้าขาว ๒๐ พับ เครื่องสามหาบ ผลกัลปพฤกษ์ ๒ ต้นๆ ละ ๒๐ บาท ทรงโปรย ๔๐ บาทในการมหรศพนั้น โขน ๑ โรง หนัง ๑ โรง หุ่น ๑ โรง ดอกไม้เพลิงตามธรรมเนียม
เวลา ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกขุนนาง ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระยาราชเสนากระทรวงมหาดไทย อ่านบอกพระยาคธาธรธรณินทร์ ผู้สำเร็จราชการเมืองพระตะบองฉบับ ๑ บอกพระยารัษฎานุประดิฐผู้สำเร็จราชการเมืองตรังฉบับ ๑ รวม ๒ ฉบับ กราบบังคมทูลพระกรุณา
บอกพระยาคธาธรธรณินทร์ว่า ได้รับสารตราพระราชสีห์ส่งซองบุรี๔ หนังสือเหลืองนีพระเกี้ยวยอดแลมีอักษรพระปรมาภิธัย ที่ได้ทำมาแต่ประเทศยุโรป ซึ่งทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเปนของฝาก ให้แก่พระยาคธาธรธรณินทร์นั้น ได้รับไว้แล้ว
บอกพระยารัษฎาณุประดิฐว่า ได้กราบถวายบังคมลาไปถึงเมืองตรังแล้ว ได้ตรวจตูแลไต่ถามกรมการอำเภอกำนันในการที่น้ำท่วม ตามที่ได้มีบอกเข้ามาแต่ก่อนนั้นว่าในศก ๑๑๖ นี้ ราษฎรทำนาได้มากกว่าศก ๑๑๕ ในศก ๑๑๗ เฃ้าคงพอรับพระราชทานทั่วกัน แล้วพระยาเพชรพิไชยกระทรวงวัง กราบบังคมทูลนำพระยาชลบุรานุรักษ์กราบถวายบังคมลาออกไปเปนพระอภิบาล สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารท ณ ประเทศรุซเซีย
หลวงเดชนายเวรนำ นายบัวมหาดเล็ก ๑ นายบำ ๑ กราบถวายบังคมลาไปศึกษาวิชาการ ณ ประเทศยุโรป มีพระราชดำรัสด้วยพระยาชลบุรานุรักษ์แลนักเรียน ๒ นายตามสมควร
แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้นายอยู่เปนขุนสกลเลขกิจ มีตำแหน่งราชการในกระทรวงว่าการต่างประเทศ ถือศักดิ์นา ๔๐๐
เวลาย่ำค่ำแล้ว ทรงพระดำเนินออกพระทวารของพระที่นั่งนั้นทิศตวันตก แลออกพระทวารเทเวศรักษา มีพระราชดำรัสด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ว่า ให้คิดชื่อพระยาชลบุรานุรักษ์นั้นใหม่ให้ขึ้นในกระทรวงวัง แล้วทรงพระดำเนินมาทางชาลาน่ากระทรวงวัง มีพระราชดำรัสด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมพระภาณุพันธุวงษ์วรเดช กับพระยาสฤษดิ์พจนกรตามสมควรแล้ว ทรงพระดำเนินมาประทับพระเก้าอี้ที่สนามหญ้าน่าพระที่นั่งจักรกรี มีพระบรมราชโองการให้หา พระยาชลบุรานุรักษ์มาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระราชดำรัสอยู่จนเวลาเกือบ ๒ ทุ่มเสด็จขึ้น
วัน ๓ ๗ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๒๖ เมษายน รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาบ่าย ๔ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทองค์ตวันออก เจ้าพนักงานกระทรวงต่างประเทศกระทรวงวัง นำมิศเตอร์บาแรต ราชทูตกรุงยุไนเตตสะเตตเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ถวายอักษรสาสน์เรียกทูตแห่งประธานาธิบดีกรุงยุไนเตตสะเตต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับอักษรสาสน์ แลมีพระราชปฏิสันฐานด้วยตามสมควรแล้ว มิศเตอร์ยอน บาแรตถวายคำนับกลับจากที่เฝ้า แล้วเจ้าพนักงานนำ มิศเตอร์ ฮามิลตัน กิง เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ถวายอักษรสาสน์ที่ประธานาธิบดีกรุงยุไนเตตสเตตตั้งมาเปนราชทูตสืบไป มีพระราชปฏิสันฐานด้วยแล้ว มิศเตอร์ ฮามิลตัน กิง ถวายคำนับกลับจากที่เฝ้าแล้ว เจ้าพนักงานนำ มิศเตอร์ เออี โอลารอฟสกี เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ถวายพระราชสาสน์ ซึ่งพระเจ้ากรุงรัซเซียทรงตั้งมาเปนอุปทุตประจำกรุงสยาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับพระราชสาสน์ แลมีพระราชปฏิสันฐานโดยสมควร แก่ทางพระราชไมตรีแล้ว มิศเตอร์ เออี โอลารอฟสกี ถวายคำนับกลับจากที่เฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท จะเสด็จพระราชดำเนินวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานสัญญาบัตร ให้พระยาชลบุรานุรักษ์ เปนพระยามหิบาลบริรักษ์ มีตำแหน่งราชการในกระทรวงวัง ถือศักดินา ๓๐๐๐ แล้วเสด็จประทับรถพระที่นั่งออกประตูวิเศษไชยศรี ไปถนนน่าวัดมหาธาตุ ข้ามสพานเสี้ยวเลี้ยวถนนตรอกเข้าสาร ไปออกถนนเฟื่องนครแล้ว เลี้ยวข้ามสพานน่าวัดมหรรณ เลยไป ๔ แยกถนนเจริญกรุงแล้วเลี้ยวไปหยุดรถพระที่นั่งที่น่าตึกแถวมุม ๔ แยกสพานถ่าน ทอดพระเนตรแลตึกแถว ๒ ฟากนั้น เสด็จไปทางถนนบ้านญวนออกถนนพาหุรัตแล้วเลี้ยวไปตวันออกถึงประตูยอดสพานหันเลี้ยวไปถนนรอบพระนครน่าวังบูรพาภิรมย์ เลยไปข้ามสพานน่าวัดเทพธิดาไปประทับวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงพระราชดำเนินเฃ้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธชินสีห์แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยูรพันธ์๕ ซึ่งจะเสด็จไปศึกษาวิชาการ ณ ประเทศยุโรปนั้น ทรงกล่าวคำแสดงพระองค์เปนอุบาสกจำเพาะหน้าพระสงฆ์ ซึ่งได้มาประชุมคอยรับเสด็จอยู่ ณ ที่นั้น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ประทานเบญจางคิกนิจศีล แลโอวาทในอุบาสกปฏิบัติเสร็จแล้ว เวลาเกือบทุ่มพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับสู่บรมมหาราชวัง
วัน ๔ ๘ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๒๗ เมษายน รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาค่ำ เจ้าพนักงานได้เชิญโกษลุ้งทรงพระศพ พระบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าโอภาสไพศาลรัศมี แต่วังพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นราชศักดิสโมสร ไปสู่เมรุปูนวัดสระเกษแล้ว เชิญขึ้นตั้งบนแว่นฟ้า พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม ๒ สร้าง มีการมหรศพต่อไป
วัน ๕ ๙ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๒๘ เมษายน รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธ์ เสด็จออกไปทรงศึกษาวิชาการ ณ ประเทศยุโรป พร้อมด้วยหม่อมเจ้าประสพประสงค์ ในพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ กับนายบัวมหาดเล็ก ๑ นายบ๋า ๑ แลโปรดเกล้า ฯ ให้พระยามหิบาลบริรักษ์ ซึ่งจะออกไปเปนพระอภิบาลสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษภูวนาท ณ ประเทศรัซเซียนั้น เปนผู้เชิญเสด็จออกไป
ครั้นแวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทองค์ตวันออก พระราชดำรัสให้หาพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธ์ เฃ้าไปน่าพระที่นั่งทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์พระราชทานแลทรงเจิมแล้ว พระราชทานพระไชยวัฒทองคำองค์เล็ก แก่พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์นั้น แลพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ทรงเจิม หม่อมเจ้าประสบประสงค์แล้ว ทรงพระดำเนินขึ้นไปประทับรถพระที่นั่งพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนารถ แต่น่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท เสด็จพระราชดำเนินออกประตูวิเศษไชยศรีไปถนนเจริญกรุง เทียบรถพระที่นั่งที่สเตชั่นรถไฟตำบลถนนวัวลำพองแล้ว ทรงพระดำเนินขึ้นไปประทับรถไฟพระที่นั่ง พระบรมวงษานุวงษ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาท ก็ตามเสด็จพระราชดำเนินขึ้นรถไฟต่อๆ ไป รถไฟพระที่นั่งใช้จักรออกจากสเตชั่น เวลาบ่าย ๓ โมง ๓๕ นาที ถึงสเตชั่นเมืองสมุทรปราการ เวลาบ่าย ๔ โมง ๒๐ นาที ทรงพระดำเนินลงจากรถไฟพระที่นั่งขึ้นประทับพลับพลา มีพระราชดำรัสด้วยพระบรมวงษานุวงษ์จนเวลาบ่าย ๕ โมง ๕ นาที รถไฟพระที่นั่งใช้จักรกลับจากสเตชั่นเมืองสมุทรปราการ ถึงสเตชั่นตำบลวัวลำพอง เปลี่ยนรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับมาประทับที่บ้านกงซุลเยอรมันแล้ว เสด็จกลับสู่พระบรมมหาราชวัง ประทับที่มุขอัฒจันท์พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท พระราชดำรัสด้วยพระบรมวงษานุวงษ์จนเวลาเกือบ ๒ ทุ่มเสด็จขึ้น
วันนี้ เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้จัดการยกโกษลุ้งทรงพระศพ พระบรมวงษ์เธอพระองค์เจ้าโอภาศไพศาสรัศมี ลงเปลื้องเครื่องแล้วเชิญพระศพขึ้นตั้งในเมรุผ้าขาวเล็กบนถานที่พระราชทานเพลิง พระบรมวงษานุวงษ์บางองค์ประทานเพลิงแล้ว เจ้าพนักงานได้สุมพระอัฐิไว้ พระสงฆ์สวดพระอภิธรรมอีกคืนหนึ่ง
วัน ๖ ๑๐ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๒๙ เมษายน รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาเช้าเจ้าพนักงานได้แปรพระรูปรวมอังคารเก็บพระอัฐิ พระบรมวงษ์เธอ พระองค์เจ้าโอภาสไพศาลรัศมี แลเวียนสามหาบแล้ว พระสงฆ์สดัปกรณ์แล้ว ตั้งกระบวนแห่พระอัฐิไปส่งวัง ของหลวงพระราชทานในการพระราชกุศล ไตร ๑๐ ไตร ผ้าขาว ๒๐ พับ สบงดอกไม้ ๑๐๐ ย่าม ๑๐๐ เครื่องสามหาบ ผลกัลปพฤกษ์ ๒ ต้นๆ ละ ๒๐ บาท ในการมหรศพ โขน ๑ โรง หนัง ๑ โรง ดอกไม้เพลิง
เวลาเกือบย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาททรงพระดำเนินลงที่สนามหญ้า มีพระราชดำรัสด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ ที่ได้มาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณ ที่นั้นแล้ว ทรงพระดำเนินไปทางชาลาน่ากระทรวงวังทิศตวันออกแลผ่านไปฉนวนที่ออกวัดพระแก้ว ทอดพระเนตรตำหนักที่หลังใหม่ (ซึ่งจะเปนพระตำหนักสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช) ทอดพระเนตรชั้นล่างแล้วทรงพระราชดำเนินขึ้นชั้นบน ทอดพระเนตรตามห้องใหญ่เล็กทั่วแล้ว เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับสู่ภายในพระบรมมหาราชวัง
วัน ๗ ๑๑ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๓๐ เมษายน รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้มีการเลี้ยงของหลวงพระราชทานเปนเกียรติยศแก่ราชทูตอเมริกันแลอุปทูตรัซเซีย ซึ่งเฃ้ามาประจำอยู่ ณ กรุงสยาม เจ้าพนักงานได้จัดการตกแต่งที่พระที่นั่งมูลสถานบรมอาศน์ แลพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท โปรดเกล้า ฯ ให้เสนาบดีกระทรวงวังออกหมายเชิญพระบรมวงษานุวงษ์ราชทูตานุทูตกับภรรยา แลฃ้าทูลลอองธุลีพระบาทบางท่านรวม ๓๘ ท่าน มาประชุมรับพระราชทานอาหาร ครั้นเวลาทุ่มเศษ ท่านผู้ที่ได้รับเชิญได้มาพร้อมกันอยู่ที่มุขกระสัน พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทองค์ตวันออก
เวลาทุ่มครึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แลสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ เสด็จออกที่มุขกระสัน มีพระราชปฏิสันถานด้วยราชทูตานุทูตพอสมควรแล้ว ทรงพระดำเนินเข้าทางพระทวารด้านตวันออกไปพระที่นั่งมูลสถานบรมอาศน์ ประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยท่านผู้ที่รับเชิญ ครั้นเสวยเสร็จแล้วเสด็จมาประทับที่พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปัติ มีพระราชดำรัสด้วยผู้ที่รับพระราชทานแล้วนั้น
ในการนี้ โปรดเกล้า ฯ ให้คนชาติเบลเยี่ยมซึ่งเปนฝีมือสีซอดีมาสีซอถวายทอดพระเนตรที่มุขกระสัน พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทองค์ตวันตก แลโปรดเกล้าฯ ให้เชิญชาวต่างประเทศ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทมาฟัง ครั้นเวลายามครึ่ง ท่านผู้ที่ได้รับเชิญ ได้มาพร้อมกัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แลสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนารถ เสด็จออกที่มุขกระสันพระที่นั่งนั้น มีพระราชดำรัสด้วยผู้ที่ได้รับเชิญในตอนดึกนั้นพอสมควรแล้ว ประทับพระราชอาศน์ทอดพระเนตรแลสดัปเสียงคนสีซอแล้ว เสด็จประทับโต๊ะเสวยสัปเปอที่มุขกระสันพระที่นั่งนั้นองค์ตวันออก พร้อมพระบรมวงษานุวงษ์ทูตานุทุตซ้าทูลลอองธุลีพระบาทเสร็จแล้ว เวลา ๒ ยามเสด็จขึ้น
วันนี้ เวลาค่าเจ้าพนักงานได้ยกโกษลุ้งทรงพระกพ พระบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าไชยรัตนวโรภาศ๖แต่วัง แลพระบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าธิดาจำรัสแสงศรี๗ แต่วัดบวรสถานไปลงเรือศรีที่ท่าช้างพระราชวังบวร ไปสู่เมรุปูนวัดสระเกษ เชิญขึ้นตั้งบนชั้นแว่นฟ้า ได้ยกหีบศพหม่อมเจ้าไชยโชติมุข กับหม่อมราชวงษ์ประภา ในพระบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าไชยรัตนวโรภาศ ลงเรือม่านไปเข้าเมรุนั้นด้วย มีพระสวดพระอภิธรรมสองสร้าง แลมีการมหรศพต่อไป
วัน ๑ ๑๒ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๑ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
ไม่เสด็จออก
วัน ๒ ๑๓ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๒ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท เจ้าพระยาอภัยราชา๘ ได้เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชดำรัสด้วยข้อราชการต่างๆ แล้ว เจ้าพระยาอภัยราชาถวายคำนับกลับจากที่เฝ้า
เวลาเกือบทุ่ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับพระราชยานแต่เกยน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท พระราชดำเนินไปประทับโรงพระราชพิธีพืชน์มงคลที่ท้องสนามหลวงแล้ว ทรงประเคนไตรแก่พระสงฆ์ ๑๑ รูป มีหม่อมเจ้าพระสังวรวรประสาทน์๙เปนประธาน พระสงฆ์ครองไตรมานั่ง ณ อาศน์แล้วทรงจุดเทียนนมัศการ ทรงศีลแล้ว ทรงจุดเทียนที่เคียงมณฑลทรงนมัสการ พระคันธารราษฎ์แลพระไชยวัฒน์ที่เจ้าพนักงานได้แห่มาประดิษฐานไว้เมื่อเวลาบ่ายวันนี้นั้น หลวงประสิทธิอักษรสาตร กรมพระอาลักษณ์ อ่านประกาศเทวดาเรื่องตำนานวรพิมพ์พุทธคันธารราษฎ์แล้ว พระสงฆ์จำเริญพระพุทธมนต์จบแล้ว ทรงเจิมพระราชทานแก่เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ผู้ที่จะได้แรกนาขวัญกับเถ้าแก่ทั้ง ๔ ซึ่งสมมติว่านางเทพีนั้นด้วย ขณะนั้นพระสงฆ์สวดชะยันโตพราหมณ์เป่าสังข์ เจ้าพนักงานประโคมดุริยดนตรีแล้ว พระสงฆ์ถวายอติเรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับสู่พระบรมมหาราชวัง การพระราชพิธีจรดพระนังคัลนั้น วันนี้เวลาบ่ายพราหมณ์ได้แห่เทวะรูปไปประดิษฐานที่โรงพระราชพิธีทุ่งศาลาแดง ดังเช่นเคยมาทุกปี
เวลาบ่ายวันนี้เจ้าพนักงานได้เชิญโกษลุ้งทรงพระศพ พระบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าไชยรัตนวโรภาศ กับพระบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าธิดาจำรัสแสงศรี ลงเปลื้องเครื่องแล้ว เชิญพระศพขึ้นตั้งในพระเมรุผ้าขาวเล็ก บนสถานที่พระราชทานเพลิง แลได้ยกหีบศพหม่อมเจ้าไชยโชติมุข หม่อมราชวงษ์ประภา ลงเปลื้องเครื่องเสร็จแล้วเชิญขึ้นตั้งบนฌาปนสถานที่พระราชทานเพลิง แล้วพระราชทานเพลิงเหมือนพระศพก่อนๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น
วัน ๓ ๑๔ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๓ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาเช้า เจ้าพนักงานได้แปรพระรูปแลรวมพระอังคารเก็บพระอัฐิ พระบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าธิดาจำรัสแสงศรี กับพระองค์เจ้าไชยรัตนวโรภาศ เวียนสามหาบแล้วพระสงฆ์สดัปกรณ์ แล้วได้แห่พระอัฐิไปส่งวังเปนเสร็จการ
ของหลวงพระราชทานในการพระราชกุศล รวมผ้าไตร ๒ พระคพ ๒๐ ไตร ผ้าขาว ๔๐ พับ สบงดอกไม้ ๑๐๐ ย่าม ๑๐๐ เครื่องสามหาบ ผลกัลปพฤกษ์ ๒ ต้นๆ ละ ๒๐ บาท
ในการมหรศพ โขน ๑ โรง หุ่น ๑ โรง หนัง ๑ โรง ดอกไม้เพลิงตามธรรมเนียม
ส่วนพระราชพิธีพืชมงคลที่ท้องสนามหลวงนั้น เวลาเช้าไม่มีการเลี้ยงพระสงฆ์ เจ้าพนักงานได้แห่พระพุทธรูปแลเทวรูปกลับประดิษฐานยังที่เดิมเปนเสร็จการ
ในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลนั้น วันนี้เวลาเช้า ๔ โมง เจ้าพนักงานได้แห่เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีผู้ที่จะได้แรกนาขวัญ แต่ที่พักศาลาแดงไปสู่โรงพระราชพิธี ครั้นได้ศุภฤกษ์ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีจุดธูปเทียนบูชาเทวรูปแลตั้งสัตยาธิฐานแล้ว จับได้ผ้าห้าคืบนุ่งแล้ว ออกจากโรงพระราชพิธีพร้อมด้วยท่านเถ้าแก่ทั้ง ๔ แลราชบัณฑิตย์พราหมณ์ได้เจิมพระโคแลไถแล้ว เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีจรดไถ ๆ ดะแลไถแปรครบสามรอบแล้ว หว่านเฃ้าเปลือกพร้อมด้วยท่านเถ้าแก่ซึ่งสมมติว่าเปนนางเทพีนั้น ครั้นไถกลบแล้วเจ้าพนักงานปลดพระโคออกกินเลี้ยงของเสี่ยงทาย ๗ สิ่งเช่นทุกปี พระโคกินหญ้ากินเฃ้าโภชเฃ้าเปลือก
วันนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้มีการพระราชกุศลวิสาขบูชาที่พระพุทธรัตนสถาน แลที่วัดพระศรีรัตนสาศดารามเช่นเคยทุกปีมา เวลาค่ำโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ เสด็จออกที่พระพุทธรัตนสถาน ทรงจุดเทียนนมัสการ แลเทียนต่างๆ ทรงเจิมเทียนแล้ว เสด็จออกวัดพระศรีรัตนสาสดารามทรงจุดเทียนนมัสการแล้ว พระเทพโมฬีวัดโสมมนัศวิหาร๑๐ ถวายเทศนาชาติคาถา ๑ กัณฑ์แล้ว ทรงจุดดอกไม้เพลิง พระเจ้าลูกยาเธอเสด็จกลับ
วัน ๔ ๑๕ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๔ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ประทับพระราชยานเสด็จพระราชดำเนินวัดพระศรีรัตนสาศดาราม ทรงพระดำเนินสู่ภายในพระอุโบสถทรงจุดเทียนนมัสการแล้ว เสด็จออกน่าพระอุโบสถ โปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทเดินเทียน ๓ รอบพระอุโบสถแล้ว เสด็จประทับพระราชอาศน์ในพระอุโบสถทรงจุดเทียนนมัสการทรงธรรม พระธรรมไตรโลกาจารณ์วัดพิไชยญาติการาม ถวายเทศนาอภิสัมโพธิกถา ๑ กัณฑ์จบแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทรงจุดดอกไม้เพลิง เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับสู่ภายในพระบรมมหาราชวัง
ส่วนที่พระพุทธรัตนสถานนั้น โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักดิ์ เสด็จออกทรงจุดเทียนแลดำเนินเวียนเทียนเช่นเคยมา
วัน ๕ ๑ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๕ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาค่ำ โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักดิ์ เสด็จออกวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดเทียนแลมีการเดินเทียนแลทรงธรรม พระราชกระวี วัดมงกุฎกระษัตริยาราม๑๑ ถวายเทศนาปรินิพพานกถา ๑ กันฑ์แล้ว ทรงจุดดอกไม้เพลิง
ที่พระพุทธรัตนสถานนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุธาธุชธราดิลก๑๒เสด็จออก
ส่วนการวิสาขบูชาตามพระอารามหลวง บางพระอารามได้พระราชทานธงตะขาบเทียนรุ่งเทียนรายเทียนประจำกัณฑ์เช่นปีก่อนมา
อนึ่งวันนี้ เปนวันสดัปกรณ์กาลานุกาล เจ้าพนักงานได้จัดการที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แลได้เชิญพระบรมอัฐิพระอัฐิ แต่ภายในพระบรมมหาราชวัง มาประดิษฐานที่พระที่นั่งเสวตรฉัตรแลที่โต๊ะจีน เวลาย่ำค่ำโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ เสด็จออกทรงทอดผ้า พระสงฆ์สดัปกรณ์โดยวิธีที่จัดอนุโลกในพระบรมอัฐิพระอัฐิแล้ว มีสดัปกรณ์รายร้อย แลส่งไปพระราชวังบวรแลหอพระนาคเช่นทุกปีมา แล้วเจ้าพนักงานเชิญพระบรมอัฐิพระอัฐิกลับประดิษฐานตามเดิม
วัน ๖ ๒ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๖ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
ไม่เสด็จออก
วัน ๗ ๓ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๗ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกขุนนาง ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย พระยาราชเสนากระทรวงมหาดไทย อ่านบอกพระยาสุขุมนัยวินิต ข้าหลวงเทศาภิบาล สำเร็จราชการมณฑลนครศรีธรรมราช กราบบังคมทูลพระกรุณา ๒ ฉบับ
ฉบับ ๑ ว่าได้รับใบบอกหลวงพรหมภักดี ข้าหลวงรักษาราชการแทนพระเสนีพิทักษ์ ส่งรายงานหลวงนาวัง ผู้พิพากษาศาลเมืองหนองจิกว่า เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ร, ศก ๑๑๖ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ ฝนตกมากน้ำท่วมทั่วทั้งเมือง จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม น้ำจึงลดถอยลง ทรัพย์สิ่งของๆ ราษฎรในเมืองเปนอันตราย แลสัตวล้มตายด้วยน้ำท่วมนั้น ช้างพัง ๑ โค ๑๔๙๖ กระบือ ๒๕ สุกร ๒๘ แพะ ๓๖ เรือนหักพัง ๒๑ เฃ้าในท้องนาเสียไปประมาณ ๒ ส่วน ได้สัก ๑ ส่วน
ฉบับ ๒ ว่า ได้รับใบบอกพระยาศรีธรรมราช ผู้สำเร็จราชการเมืองนครศรีธรรมราชว่า เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ร, ศก ๑๑๖ เวลา ๒ ยามเศษ เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่เรือนอำแดงบัวทอง บ้านสวนหลวง ในหมู่บ้านนายทองบุญผู้ใหญ่บ้าน กำนันหมื่นศักดิภักดี เพลิงไหม้เรือนสิ้น ๒ หลัง อำแดงเสมอายุ ๘๕ ปี เสียจักษุสองฃ้างเพลิงไหม้ตาย กำนันได้ไต่สวนเจ้าของเรือนให้การว่า เพลิงเกิดขึ้นในครัวไฟหาได้มีผู้ใดเอามาทิ้งไม่
อีกราย ๑ เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ร, ศก ๑๑๖ เวลา ๓ ยามเศษ เกิดเพลิงไหม้เรียนนายเดชบ้านกระพุด ในหมู่บ้านนายเกิดผู้ใหญ่บ้าน กำนันหมื่นอินทร์ เหตุที่เกิดเพลิงขึ้นนั้น นายเดชเจ้าของเรือนจุดเพลิงส่องดูยุงที่ริมฝาเรือน เพลิงติดขึ้นดับหาทันไม่ เพลิงไหม้เรือน ๒ หลัง
แล้วพระยาราชวรานุกูล ปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย นำหลวงมงคลรัตน กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กราบถวายบังคมลาไปรับราชการตำแหน่งฃ้าหลวงคลังมณฑลนครราชสีหมา แลได้นำพระยาวิชิตภักดี ผู้ว่าราชการเมืองไชยา กับพระยาจรูญราชโภคากร ผู้ว่าราชการเมืองหลังสวน เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชดำรัสด้วยผู้กราบถวายบังคมลาแลผู้มาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพอสมควร
แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรแก่ข้าราชการ ๓ นาย ให้นายฉัน (ว่อง) มหาดเล็กหุ้มแพร เปนพระไชยสุรินทร์ ถือศักดิ์นา ๘๐๐
ให้ขุนศรีรัตนนารถ (พร) เปนหมื่นราชภัณฑารักษ์ปลัด กรมพระคลังในซ้าย ถือศักดินา ๘๐๐ ให้หมื่นภรณภักดี (บุตร) เป็นจมื่นรัตนโกษาปลัด กรมพระคลังศุภรัตถือศักดิ์ ๘๐๐
เวลาย่ำค่ำเศษ ทรงพระดำเนินออกทางพระทวารเทเวศรักษา ไปทางชาลาน่ากระทรวงวัง มีพระราชดำรัสด้วยพระยาสฤษดิพจนกร แลพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ กับพระยาวิชิตภักดีพระยาจรูญราชโภคากรแล้ว พระราชทานซองบุหรี่หนัง ที่ได้ทำมาแต่ประเทศยุโรป แก่พระยาวิชิตภักดี พระยาจรูญโรจโภคากรแล้ว ทรงพระดำเนินมาประทับพระเก้าอี้ที่สนามหญ้าน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท มีพระราชดำรัสด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ จนเวลา ๒ ทุ่ม ๑๐ นาทีเสด็จขึ้น
วัน ๑ ๔ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๘ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาเกือบย่ำค่ำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ทรงพระดำเนินออกประตูพิมานไชยศรี (เปนการเสด็จไปรเวต) ไปทางชาลาน่ากระทรวงมหาดไทย แลกระทรวงว่าการต่างประเทศ ออกประตูพิมานเทเวศไปประทับวังพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัติวงษ์ ที่ได้ทรงทำบุญในการแซยิดหม่อมเจ้าพรรณราย๑๓ ซึ่งเปนเจ้าจอมมารดารองพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์นั้น ประทับอยู่จนเวลาทุ่มครึ่ง ทรงพระดำเนินกลับสู่พระบรมมหาราชวัง
วัน ๒ ๕ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๙ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกขุนนาง ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระยาราชเสนาอ่านบอก พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษศิลปาคม ฃ้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลลาวพวนฉบับ ๑ บอกพระยาวุฒาธิคุณจางวางเมืองหนองคายฉบับ ๑ รวม ๒ ฉบับความต้องกันว่า ได้รับตราพระราชสีห์ส่งซองบุหรี่หนังมีตราพระเกี้ยว แลอักษรพระปรมาภิธัยย่อ ๑ กลัก สำหรับสวมไม้ขีดไฟ ๑ กล้องสำหรับบุหรี่ ๑ ที่ทำมาแต่ประเทศยุโรป ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเปนของฝาก แก่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษศิลปาคม กับพระยาวุฒาธิคุณนั้น ได้รับพระราชทานแล้ว
แล้วพระยาราชวรานุกูล กราบบังคมทูลนำ หลวงบรมบาทบำรุง กราบถวายบังคมลาไปรับราชการ ตำแหน่งฃ้าหลวงมหาดไทยมณฑลนครไชยศรี
เวลาย่ำค่ำเศษ ทรงพระดำเนินออกทางพระทวารเทเวศรักษา ไปทางชาลาน่ากระทรวงวัง มีรับสั่งให้พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าประวิตรวัฒโนดม เปิดประตูเทวาพิทักษ์แล้ว ทรงพระดำเนินไปทางชาลาน่ากระทรวงวังทิศตวันออก ผ่านฉนวนวัดพระแก้วไปริมตำหนักที่สร้างใหม่เลยไปออกประตูเทวาพิทักษ์ ทอดพระเนตรวังสราญรมย์ ซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้กระทรวงโยธาทำใหม่แลเสริมต่อของเดิมบ้าง ผินน่าวังมาข้างทิศตวันตก เมื่อเสด็จทอดพระเนตรวันนี้ยังทาสีแลปูพื้นยังไม่แล้วทอดพระเนตรชั้นบนแลชั้นล่างทั่วแล้ว ทรงพระดำเนินออกทางเดิมกลับทางถนนท้องสนามไชย เลี้ยวป้อมเผด็จดัษกรมาเข้าประตูวิเศษไชยศรี มาประทับพระเก้าอี้ที่สนามหญ้าน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท มีพระราชดำรัสด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ จนเวลา ๒ ทุ่มเสด็จขึ้น
วันนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กระทรวงว่าการต่างประเทศ ส่งสัญญาบัตรไปพระราชทาน ให้นายนกยูงมหาดเล็ก เปนหลวงอภิรักษ์ราชฤทธิ์ มีตำแหน่งราชการในกรมมหาดเล็ก ถือศักดิ์นา ๖๐๐
วัน ๓ ๖ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๑๐ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาเกือบย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกขุนนาง ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระยาราชเสนาอ่านบอกกราบบังคมทูลพระกรุณาบอกพระยาวรเดชศักดาวุธ ฃ้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลปราจินบุรีฉบับ ๑ บอกพระยาพิพิธพิไสสุนทรการ ผู้ว่าราชการเมืองกราดฉบับ ๑ รวม ๒ ฉบับ ความต้องกันว่า ได้รับสารตราดำเนินกระแสพระบรมราชโองการ ทรงพระมหากรุณาไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินซึ่งมีความผิดล่วงพระราชอาญา ต้องรับราชฑัณฑ์ตามโทษานุโทษทนทุกข์เวทนาทรมานอยู่ในที่คุมขัง มีพระราชหฤไทยประสงค์จะลดหย่อนแลยกโทษพระราชทานแก่นักโทษจำพวกต่างๆ ตามที่จำแนกไว้ในสารตราเปน ๖ จำพวกนั้น
พระยาวรเดชศักดาวุธ พระยาพิพิธพิไสสุนทรการ มณฑลแลผู้ว่าราชการเมืองนั้น พร้อมด้วยผู้ว่าราชการแลกรมการได้ตรวจ นักโทษที่เมืองปราจินบุรี ๑๒๔ คนปล่อยไปตามพระบรมราชานุญาต ๑๖ คน เมืองนครนายก ๑๙๒ คน ปล่อยไป ๕ คน เมืองฉชิงเทรา ๑๐๐ คน ปล่อยไป ๑๒ คน เมืองกราดนักโทษ ๗ คน ปล่อยไป ๕ คน รวมมณฑลแลหัวเมือง ๓๘ คน
มีพระราชดำรัสว่า การที่ปล่อยนักโทษนั้นได้มีบอกมากี่มณฑลกี่หัวเมือง ขอให้เร่งมีใบบอกเข้ามาเปนการนานแล้ว
แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรแก่ข้าราชการ ๒ นาย ให้นายรองพิจิตรสรรพการ (หม่อมราชวงษ์ชม) เปนนายสนิทมหาดเล็กหุ้มแพรนายยามเวรศักดิ์ ถือศักดิ์นา ๕๐๐
ให้นายเพิ่มมหาดเล็ก บุตรหลวงมงคลรัตน (ช่วง) เปนนายฉันมหาดเล็กหุ้มแพรต้นเชือกเวรศักดิ์ ถือศักดินา ๕๐๐
เวลาย่ำค่ำเศษ ทรงพระดำเนินออกทางพระทวารเทเวศร์รักษามาทางชาลาริมกะถางต้นไม้ดัด พลทหารเรือลงชื่อพร้อมกัน ๒๓ คน มาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทอยู่ที่นั้น ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีการ้องทุกข์ ทรงพระกรุณารับต่อพระหัดถ์แล้วทรงพระดำเนินมาประทับพระเก้าอี้ที่สนามหญ้าน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท มีพระราชดำรัสด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ แลทรงตัดสินความฎีกาซึ่งพวกทหารเรือทูลเกล้า ฯ ถวายนั้นด้วย แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ์ นำเด็กหญิงอายุ ๑๑ ฃวบกับมารดาของเด็กนั้นมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ว่าเด็กคนนั้นรลึกชาติได้แลว่าได้ฝังเงินไว้ที่ลานพระอุโบสถวัดอรุณ เวลานั้นพเอินฝนตก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งจักรกรี มีพระราชดำรัสให้นำเด็กกับมารดาเด็กนั้นขึ้นไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท โปรดเกล้า ฯ ให้ซักถามดู เปนการเลื่อนลอยทรงเห็นว่าญาติพี่น้องหรือมารดาของเด็กนั้นสั่งสอนเด็กนั้นเปนการไม่จริง อย่าให้เชื่อเด็กกับมารดาของเด็กนี้ต่อไป
วัน ๔ ๗ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๑๑ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
ไม่มีการอะไร
วัน ๕ ๘ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๑๒ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
วันนี้ เปนราชพิธีซึ่งตรงกับวันประสูตรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ตามสุริยคติกาล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานจัดการรื่นเริงสำหรับวันประสูตรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ที่เรือพระที่นั่งมหาจักรกรี เจ้าพนักงานกรมทหารเรือได้เทียบเรือพระที่นั่งมหาจักรกรีแทบท่าราชวรดิศฐ์ แลจัดการตกแต่งเรือพระที่นั่งพร้อมเสร็จ
โปรดเกล้า ฯ ให้เสนาบดีกระทรวงวัง ออกหมายเชิญพระบรมวงษานุวงษ์แลฃ้าทูลลอองธุลีพระบาท ที่ได้ตามเสด็จพระราชดำเนินประพาศ ณ ที่ต่างๆ บางพระองค์ บางท่านรวม ๖ ท่าน ไปรับพระราชทานอาหารในการนี้ด้วย เวลา ๒ ทุ่ม ท่านผู้ที่ได้รับเชิญได้ไปที่เรือพระที่นั่งมหาจักรกรีพร้อมกัน
ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารพระที่นั่งจักกรีมหาประสาท ประทับพระราชยานพร้อมด้วยกระบวนแห่นำตามเสด็จไปประทับเรือพระที่นั่งมหาจักรกรี แตรวงกรมทหารเรือได้เป่าเพลงสรรเสริญพระบารมีแล้วมีพระราชดำรัสด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ ทรงจับฉลากเครื่องแต่งตัวซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานจัดไว้นั้นพร้อมด้วยท่านผู้ที่ได้รับเชิญ แล้วท่านผู้ที่ได้จับฉลากได้เครื่องแต่งตัวอย่างใดก็แต่งตามที่จับได้นั้น เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วจับฉลากเครื่องแต่งตัวแลที่นั่งอิกครั้งหนึ่งประทับโต๊ะเครื่องหวานต่อไป แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจ ได้กล่าวคำถวายไชยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์นั้นแล้ว แตรวงได้ทำเพลงสรรเสริญพระบารมีแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบขอบใจตามสมควรแล้ว เจ้าพนักงานได้จุดดอกไม้เพลิงต่างๆ ด้วย
ครั้นเสวยเสร็จแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินแจกนายทหารพลทหารที่ประจำอยู่ในเรือพระที่นั่งมหาจักรกรีแล้ว ประทับทอดพระเนตรกลองแขกเครื่องใหญ่อยู่จนเวลาเกือบ ๒ ยามเสด็จขึ้น
วันนี้ ได้มีการพระราชกุศล พระพุทธรัตนสถานแลวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งกำหนดว่าเปนดิถีที่ ๘ แต่วันวิสาขบุณมี โดยนิยมว่าพุทธบริษัทได้จัดการถวายพระเพลิงพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
เวลาค่ำ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช เสด็จลงจุดเทียนนมัสการแลเทียนรุ่งเทียนรายแลมีเดินเทียนด้วย ที่พุทธรัตนสถาน แล้วเสด็จที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดเทียนนมัสการ แลเทียนเถาเทียนรุ่งเทียนราย แลมีเดินเทียนแล้ว มีเทศนาธาตุวิภัชกถา ๑ กัณฑ์ หม่อมเจ้าพระศรีสุคตคัตยานุวัตรเปนผู้ถวาย พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการได้จัดเทียนรุ่งมาจุดบูชาตามสมควร เทียนของหลวงพระราชทานไปตามพระอารามบางแห่งเช่นทุกปีมา
วัน ๖ ๙ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๑๓ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
ไม่เสด็จออก
วัน ๗ ๑๐ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๑๔ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกขุนนาง ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระยาราชเสนาอ่านบอกพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลลาวกาว กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประพาศ ณ ประเทศยุโรป แล้วเสด็จกลับยังกรุงเทพ ฯ โดยสวัสดิภาพ แลสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ ได้ทรงสำเร็จราชการแผ่นดินต่างพระองค์ มีความสุขเรียบร้อยทั่วพระราชอาณาเฃตร์ จึงได้พร้อมกันทำการมหกรรมสมโภชเฉลิมพระบารมี
วันที่ ๓๑ ธันวาคม ร.ศ. ๑๑๖ เวลาเช้าได้มีการเลี้ยงพระสงฆ์แลมีโฃนลครบวงสรวงสังเวยเทวดาอันช่วยพิทักษ์รักษาสยามาณาจักร เวลาบ่ายได้จัดกระบวนแห่สมมติว่าแห่เทวราชา มาถึงหน้าหอพระบรมราชฉายาสาทิศลักษณ์ ซึ่งประดิษฐานพระบรมรูปแลพระรูปแล้ว ได้กล่าวคำถวายไชยมงคล และได้เชิญพระรูปพระบรมรูปขึ้นประดิษฐานอันสมควร เวลาค่ำได้เชิญข้าราชการนายทหารพลเรือน บาทหลวงนั่งโต๊ะรับพระราชทานอาหาร แลได้ชักชวนให้ดื่มถวายไชยมงคลโดยความยินดี
วันที่ ๑ มกราคม เวลาเช้าได้พร้อมกันเลี้ยงพระสงฆ์ เวลาเที่ยงได้ยิงสลุต ๒๑ นัด เวลาบ่ายได้จัดกระบวนแห่สมมติว่าแห่พระรูปเซียนเหมือนเวลาวานนี้ แลได้กล่าวคำถวายไชยมงคล เวลาค่ำได้สวดพระพุทธมนต์ พระสงฆ์ ๕๐๐ รูป เวลา ๒ ทุ่มเศษ ได้เชิญบุตรหญิงแลภรรยาพร้อมด้วยข้าราชการมานั่งโต๊ะรับพระราชทานอาหาร
วันที่ ๒ มกราคม เวลาเช้าได้เลี้ยงพระสงฆ์ เวลาบ่ายได้ประชุมพร้อมกัน ณ ที่ประดิษฐานพระบรมรูป ได้กล่าวคำถวายไชยมงคล แลขับอัญเชิญพระขวัญแลโอมเยินยอ๑๔ แล้วเวียนเทียนจุลเจิมพระบรมรูป แลนักเรียนได้ประชุมร้องคำถวายไชยมงคลแล้วยึงสลุต ๒๑ นัก พระสงฆ์ตามพระอารามได้สวดไชยคาถาถวายไชยมงคล แล้วได้จัดกระบวนแห่สมมุติว่าแห่รูปสุริยาเทพบุตรแลได้กล่าวคำถวายไชยมงคล เวลาค่ำมีการเลี้ยงสมมติว่าบุรุษย์สโมสร จัดเปนสภานายก อุปนายก เลขานุการ ปฏิคม เป็นหัวหน้าผู้จัดการสมาชิกทั้งปวงต่างได้จัดการตั้งที่เลี้ยงโดยรอบหอพระบรมราชฉายาสาทิศลักษณ์ แลได้ติดโบเปนที่หมายมาประชุมรับพระราชทานอาหาร แลเป่าเพลงแตรต่างๆ แล้วกล่าวคำถวายไชยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ แลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช แลได้ให้เป่าเพลงแตรสรรเสริญพระบารมี เมื่อกล่าวคำถวายไชยมงคลจบลงทั้ง ๓ ครั้งแล้ว มีการเลี้ยงต่อไป จนรุ่งสว่างเปนเสร็จการ
แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจ เปนนายพันเอก ในกรมทหารบก
ให้ฃุนศระกะแพทย์ เปนฃุนสิทธิพรหมา ปลัดกรมหมอยาซ้าย ถือศักดินา ๖๐๐
ให้ฃุนประเสริฐโอสถ เปนหลวงวิเศษโอสถ เจ้ากรมหมอยาซ้าย ถือศักดินา ๘๐๐
แล้วพระภักดีวิรัชภาคย์ กระทรวงว่าการต่างประเทศนำ พระไชยสุรินทร์กราบถวายบังคมลาไปรับราชการ ตำแหน่งผู้ช่วยสถานราชทูตสยามกรุงฝรั่งเศษ หลวงประกิจอังกณี กราบถวายบังคมลาไปรับราชการ ตำแหน่งผู้ช่วยสถานราชทูตกรุงอังกฤษ
พระยาราชวรานุกูล นำนายเลื่อนมหาดเล็กเวรเดช บุตรพระยาวิสูตรโกษา กราบถวายบังคมลาไปรับราชการ ตำแหน่งปลัดเมืองสิงหบุรี
เวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น
วัน ๑ ๑๑ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๑๕ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
ไม่เสด็จออก
วัน ๒ ๑๒ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๑๖ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกขุนนาง ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระยาราชเสนาอ่านบอกพระยาประสิทธิศัลการ ฃ้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลนครราชสีห์มา ๑ ฉบับ กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า
ได้รับสารตราดำเนินกระแสพระบรมราชโองการ ทรงพระมหากรุณาไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินซึ่งมีความผิดล่วงพระราชอาญาต้องรับราชทัณฑ์ตามโทษานุโทษ ทนทุกข์ทรมานอยู่ในที่คุมฃัง มีพระราชหฤไทยประสงค์จะลดหย่อนแลยกโทษพระราชทานแก่นักโทษจำพวกต่างๆ นั้นได้พร้อมด้วยผู้ว่าราชการเมืองกรมการตรวจบาญชีนักโทษซึ่งต้องเวรจำอยู่ตรงเมืองนครราชสีห์มารวม ๔๐๒ คน ได้ปล่อยไปตามพระบรมราชประสงค์ ๕๑ คนแล้ว แต่นักโทษซึ่งรับพระราชอาญาจำอยู่ตามหัวเมืองในมณฑลนั้น จะได้ไปตรวจปล่อยนักโทษโดยกระแสพระบรมราชโองการทุกประการ
แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้หมื่นมณีราชาสมุห์บาญชี เปนขุนวิเศษสงคราม ปลัดกรมกลองชะนะขวา ถือศักดินา ๖๐๐
แล้วตรัสถามพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นมรุพงษศิริพัฒน์ว่ามาเมื่อไร กราบบังคมทูลว่า มาเมื่อเวลาบ่ายวันนี้ ดำรัสถามว่าคนขึ้นรถไฟไปมากรุงเก่าเปนอย่างไรมากหรือน้อย กราบทูลว่ามีมากอยู่ฃ้างจะเบียดกัน แต่สกันคล๊าศโดยมาก เปนคนชาวนาเปนต้น ดำรัสว่าถึงประเทศยุโรปก็คล้ายกัน เปนคนสกันคล๊าศโดยมากที่เฟิศคล๊าศนั้นเปนครั้งเปนคราว
แล้วพระยาจุฬาราชมนตรี๑๕ กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายบังคมลาพร้อมด้วยขุนนางในกรมนั้น ไปเฃ้าพิธีทำการเจ้าเซ็น มีพระราชดำรัสว่าถึงพิธีแล้วหรือ กราบบังคมทูลว่าวันที่ ๒๑ เดือนนี้เปนวันทำการ
เวลาย่ำค่ำเศษ ทรงพระดำเนินออกทางพระทวารเทเวศรักษาที่สนามหญ้าน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาประสาทแล้ว ประทับรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินเปนการไปรเวต ออกประตูวิเศษไชยศรีไปถนนบำรุงเมืองถึงสพานช้างโรงสี แล้วเลี้ยวไปถนนริมคลองหลังยุทธนาธิการแล้ว ข้ามสพานไปถนนน่าวัดบุญศิริแลน่าวัดมหรรณแล้ว เลี้ยวมาถนนตึกพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนราธิปประพันธุ์พงษ์ เลี้ยวถนนริมคลองไปประทับบ้านนายจ่ายวด (นพ)๑๖ ทรงพระดำเนินขึ้นประทับบนตึกอยู่ประมาณ ๒๐ นาฑีแล้ว ประทับรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินข้ามสพานน่าวัดบุญศิริ ไปถนนริมคลองหลอดแลถนนรอบพระนครริมกำแพงไปน่าวัดบวรนิเวศ ฃ้ามสพานน่าวัดเทพธิดาแลฃ้ามสพานน่าโรงหวยถึงประตู ๓ ยอดแล้วเลี้ยวถนนเจริญกรุง กลับสู่พระบรมมหาราชวัง ประทับเก้าอี้สนามหญ้าน่าพระที่นจักรกรี มีรับสั่งให้หาพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช มาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลา ๒ ทุ่มเสด็จขึ้น
วัน ๓ ๑๓ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๑๗ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาเกือบย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกขุนนาง ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระยาราชเสนาอ่านบอก พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์สัมเร็จราชการมณฑลลาวกาว กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ได้รับสารตรา ส่งซองบุรีหนังสีขาวมีตราพระเกี้ยวแลอักษรพระปรมาภิธัยย่อ ๑ กลักสำหรับไม้ขีดไฟ ๑ กล้องสำหรับใส่บุรีหนึ่ง ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานเปนฃองฝากมานั้น ได้รับพระราชทานแล้ว
แล้วพระยาราชวรานุกูลกราบบังคมทูลนำ พระยาวิชิตภักดีผู้ว่าราชการเมืองไชยพระยาจรูญราชโภคากร ผู้ว่าราชการเมืองหลังสวน กราบถวายบังคมลากลับไปรับพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพที่เมืองสงขลา กับพระพิทักษ์ฤทธิรงค์ปลัดเมืองสิงหบุรี กราบถวายบังคมลาไปรับราชการ ตำแหน่งที่ผู้รักษาราชการเมืองนครไชยศรี มีพระราชดำรัสด้วยพระยาวิชิตภักดี พระยาจรูญราชโภคากร ว่าขอบใจที่มีความจงรักอุส่าหเข้ามาหานั้นเปนที่ชอบแล้ว เวลาย่ำค่ำเศษทรงพระดำเนินออกทางพระทวารเทเวศรักษามาสนามหญ้าน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ประทับรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินเปนการไปรเวต ไปประทับสวนเจ้าเชตุทอดพพระเนตรในสวนทั่วแล้วเสด็จกลับสู่พระบรมมหาราชวัง เวลา ๑ ทุ่ม
วัน ๔ ๑๔ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๑๘ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกขุนนาง ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระยาราชเสนาอ่านบอกพระยาราชพงษานุรักษ์ฃ้าหลวงเทษาภิบาล สำเร็จราชการมณฑลนครสวรรค์ กราบบังคมทูลพระกรุณาหนึ่งฉบับ ว่าหลวงประชุมพลสินธ์ ได้สร้างสพานในแขวงไชยนาท รวม ๓ สพานแลก่อถนนอิฐโดยยาว ๑๑๘ วา กว้าง ๓ ศอก ๑ ถนน สร้างศาลาขื่อ ๖ ศอก ๕ นิ้ว พื้นกระดานมุงกระเบื้อง ๑ หลัง การที่ได้ทำนี้ขอถวายพระราชกุศล เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น
วัน ๕ ๑๕ฯ ๖ ค่ำ ปีจอสัมฤทธิศก ๑๒๖๐
วันที่ ๑๙ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๓๑ศก ๑๑๗
ไม่มีการอะไร
-
1. เดิมเป็นหม่อมเจ้าฉายเฉิด ในกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ ↩
-
2. เจ้าพระยารัตนบดินทร (บุญรอด กัลยาณมิตร) ↩
-
3. เดิมเป็นหม่อมเจ้ายี่เข่ง ในพระองค์เจ้าเพ็ชหึง ↩
-
4. ซองบุหรี่ อย่างหนึ่งในบรรดาของที่ระลึกต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสั่งทำเป็นพิเศษ คราวเสด็จประพาสยุโรป ใน ร.ศ. ๑๑๖ ↩
-
5. ถึงรัชกาลที่ ๖ ทรงสถาปนาเป็นกรมหมื่นไชยยาศรีสุริโยภาส ต้นราชสกุล สุริยง ↩
-
6. พระโอรสในกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ↩
-
7. พระธิดาในกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ↩
-
8. เจ้าพระยาอภัยราชามหายุติธรรมธร (ม.ร.ว. ลบ สุทัศน์) ↩
-
9. หม่อมเจ้าชัชวาลย์ ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ↩
-
10. ภายหลังเป็นสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ยัง เขมาภิระโต) ↩
-
11. ภายหลังเลื่อนเป็นพระธรรมปาโมกข์ (ถม วราสโย) ↩
-
12. ภายหลังทรงสถาปนาเป็นสมเด็จเจ้าฟ้า กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ต้นราชสกุล จุฑาธุช ↩
-
13. ภายหลังทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ↩
-
14. คำถัดไปในต้นฉบับไม่ชัด ↩
-
15. พระยาจุฬาราชมนตรี (สิน อหมัดจุฬา) ↩
-
16. ภายหลังได้เป็นมหาเสวกเอก พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ ไกรฤกษ์) ↩