เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๕๘

วัน ๕ ๑๑ ๒ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๘ มกราคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลายามเศษ เสด็จออกฃุนนาง พระยานรินทราชเสนี กระทรวงกลาโหม นำหลวงฤทธิ์จักรกำจร กราบถวายบังคมลาออกไปเลือกจัดซื้อม้าไทยตามหัวเมืองฝ่ายทเลตวันออก

แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้หลวงสง่างำเมืองกรรมการ เปนหลวงประชากรบริรักษ์ ปลัดเมืองอินทบุรี ถือศักดินา ๖๐๐

แล้วดำรัสถามกรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ว่า วันนี้มีการประชุมกันฤๅ กรมหมื่นสมมตกราบบังคมทูลว่ามีการประชุม แล้วดำรัสถามต่อไปว่า ประชุมเรื่องอะไร กรมหมื่นพิทยกราบบังคมทูลว่า จะว่าด้วยเรื่องทางรถไฟ

แล้วเสด็จขึ้น

วัน ๖ ๑๒ ๒ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๒๙ มกราคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทมุกข์ตะวันออก พระเจ้าลูกเธอ พระองคเจ้าประวิตวัฒโนดมแทนเสนาบดีกระทรวงวัง นำวาเลนไตล์ชิรอล ราชทูตอังกฤษ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชปฏิสันฐานด้วยตามสมควร แล้วพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าประวิตวัฒโนดม นำวาเลนไตล์ ซิรอล ราชฑูตอังกฤษ ออกจากที่เฝ้าจึงเสด็จพระราชดำเนินมาประทับน่าพระทวารกลาง พระยาสฤษพจนกร กระทรวงมหาดไทย นำพระยาคธาธรธรนินทร์ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ถวายม้าสีหมอกเปนม้าพระที่นั่งตัวหนึ่ง จึงเสด็จพระราชดำเนินลงมาประทับที่น่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท พระอมรวิไสยสุรเดช นำพวกญวนเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทถวายของตรุดจีน แล้วเสด็จมาทอดพระเนตรม้าที่พระยาคธาธรธรนินทร์ถวาย โปรดเกล้า ฯ ให้พระยาเทเวศร์วงษ์วิวัฒน์ ผูกม้าขึ้นลองขี่น่าพระที่นั่ง แล้วดำรัสด้วยพระยาเทเวศร์วงษ์วิวัฒน์ว่า ให้เปนม้าขึ้นระวาง แล้วดำรัสด้วยพระยาคธาธรธรนินทร์ว่า ที่ถวายม้าพระที่นั่งนี้ ดีถวายม้าพระที่นั่งนี้ ดีถวายนินทร์เมดหนึ่งอีก

เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น

เวลาค่ำวันมี้มีการประชุมกรรมสัมปาทิก ที่หอพระสมุดวชิรญาณ

เวลายามเศษ เสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทเสด็จทรงพระราชยานแต่เกยน่าพระที่นั่งนั้นมาประทับที่หอพระสมุดวชิรญาณ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประวิตวัฒโนดม สภานายกหอสมุดวชิรญาณ อ่านคำนำกราบบังคมทูลพระกรุณา โดยที่บำรุงหอพระสมุดวชิรญาณ แล้วมีพระราชดำรัสตอบก็เหมือนปีที่กล่าวมาแล้ว แล้วสมาชิกเรียงตัวกันเฝ้า แล้วเสด็จประทับโต๊ะเสวย เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จกลับ

วัน ๗ ๑๓ ๒ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๓๐ มกราคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลา ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทมุกข์ตวันออก พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษ์วโรประการ นำราชทูตเยียระมัน เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชดำรัสไต่ถามด้วยตามสมควร แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษ์วโรประการ ก็นำ (ราชทูตเยียระมัน) ออกมาจากที่เฝ้าแล้วเสด็จขึ้น

วัน ๑ ๑๔ ๒ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๓๑ มกราคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เวลายามเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาราชเสนา กระทรวงมหาดไทย นำบอกพระเสนีณรงค์ฤทธิ รายามุดาเมืองไทรบุรี ขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ ความว่าอาการของเจ้าพระยาไทรบุรีที่ป่วยทุเบาขึ้นมากแล้วเกือบจะหายได้ จึงมีพระราชดำรัสกับพระยาราชเสนาว่าให้ตอบออกไปว่าเรามีความยินดีมาก

แล้วพระยาราชวรานุกูล นำพระพรหมสุรินทร์ข้าหลวงเมืองน่าน เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แล้วนำหม่อมราชวงษ์ตั้ว ๑ นายพร้อม ๑ นายทุ้ย ๑ ข้าหลวงในมณฑลสลาวพวนรวม ๓ นาย พระยาประทุมเทวาธิบาลเจ้าเมือง ๑ ราชบุตร ๑ พระบริบาลภูมิเขตร ๑ รวม ๓ นาย ในมณฑลหนองคาย รวม ๓ นาย พระวิเศษอาฆารกิจ ข้าหลวงว่าราชการเมือง ๑ ท้าวทองศุข ว่าที่ราชบุตร ๑ ในมณฑลเมืองภูเวียง รวม ๒ นาย ว่าที่อุปฮาดเมืองกลาง ๑ ว่าที่ราชบุตร เมืองปาด ๑ ในมณฑลเมืองกุมภวาปี พระจันตะประเทศธานี เจ้าเมืองๆแสน ๑ ท้าวฮงว่าที่ราชบุตร ๑ ในมณฑลเมืองชลบท ท้าวหมูล่า ว่าที่อุปฮาตเมืองขรแก่น ๑ ซึ่งตามเสด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แล้วมีพระราชดำรัสกับพระยาราชวรานุกูลว่า ขึ้นไปเฝ้าแล้วมีพระราชดำรัสถามเรียงตัวทุกคน แล้วดำรัสถามกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมว่า คนเหล่านีได้รับสัญญาบัตรทั่วกันแล้วฤๅยัง กรมหมื่นประจักษ์กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ได้รับไปแล้วบ้างยังไม่ได้รับบ้าง จึงดำรัสต่อกับกรมหมื่นประจักษ์ว่า คนรายที่จะได้รับสัญญาบัตร ให้ทำหนังสือรายชื่อมาส่งกับกรมหมื่นสมมต จะได้รับสัญญาบัตร

แล้วพระยาราชวรานุกูล นำ พระยาวิชยาธิบดี ผู้ว่าราชการเมืองจันทบุรี ๑ พระยาพิพิธพิไชยสุนทรการ ผู้ว่าราชการเมืองตราด ๑ พระพิไชยชลธี ผู้ว่าราชการเมืองประจันตคีรีเขตร ๑ เจ้าสุริย ๑ นายน้อยชื่น ๑ เมืองนครเชียงใหม่ ๒ กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาราชการบ้านเมือง จึงมีพระราชดำรัสกับเจ้าสุริยเมืองนครเชียงใหม่ว่า ให้บอกกับพระเจ้าเชียงใหม่ว่ามีความคิดถึง แต่ไม่เร่งให้ลงมาดอก ครั้นลงมาก็จะมีความเจ็บไข้ ขอให้ดำรงค์ยศอยู่กาลยืนนานเท่านั้น

แล้วดำรัสถาม พระยาอัษฎาเรืองเดชว่าเจ้าไว้ทุกข์ใคร พระยาอัษฎาเรืองเดชทราบบังคมทูลพระกรุณาว่าไว้ทุกข์บิดา จึงดำรัสถามต่อไปว่าตายเสียเมื่อไร พระยาอัษฎาเรืองเดชกราบบังคมทูลว่า ถึงแก่กรรมเสียเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม

แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานหีบทองคำลงยากลางประดับเพชร แก่จมื่นทิพยเสนา (เนียน) แล้วมีพระราชดำรัสว่า หีบนี้ฃ้าได้ให้ตั้งแต่ปู่เจ้าไปทัพได้เอามาคืน ๒ หนแล้ว บัดนี้ฃ้าให้กับเจ้า แล้วพระราชทานต่อพระหัดถ์

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๒ ๑๕ ๒ ค่ำ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘

วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕

เปนวันพระ ไม่เสด็จออก

  1. 1. พระยานรินทราชเสนี (สอน) ปลัดบาญชีกระทรวงกลาโหม

  2. 2. หลวงฤทธิ์จักรกำจร (เป๋า สวัสดิชูโต)

  3. 3. ่าจะเป็นดีกว่าถวายนิลเม็ดหนึ่งอีก

  4. 4. ราชทูตเยอรมัน มิสเตอร์เกมเปอแมนต์ (ราชกิจจาฯ เล่ม ๑๒ หน้า ๔๗๐)

  5. 5. พระยาราชเสนา (วัน) ปลัดทูลฉลองกรมมหาดไทยฝ่ายเหนือ

  6. 6. พระพรหมสุรินทร์ (สวัสดิ์ ภูมิรัตน์) ภายหลังเป็นพระยามหิบาลบริรักษ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ