คำกาพย์ เรื่องพระศิวประติมา

สุรางคนาง ๒๘

ข้าขอยอหัตถ์ นบไหว้ไตรรัตน์ อวยอรรถอู่บุญ นบชนกชนนี ผู้มีพระคุณ ครูผู้การุญ อุดหนุนวิทยา.

บังคมบรมบาท- เรณูภูวนาถ สยามราษฎร์ราชา พระคุณอุ่นเกล้า ปวงเหล่าไพร่ฟ้า เสพสันติ์หรรษา ทั่วหน้านิจจกาล.

ขอเฉลยเผยพจน์ ลำนำกำหนด รจนาตำนาน ฉันกรรณาภรณ์ ตัดทอนรำคาญ เพื่อนำสำราญ เบิกบานกมล.

ปางในสมัยองค์ มุนินทร์ชินวงค์ ผู้ทรงทศพล อุบัติตรัสรู้ โปรดหมู่ชาวชน ข่าวอุทโฆษโจษจน สากลย์จักรวาล

อ่าพระภควันต์ ผู้พระอรหันต์ สัมพุทธ์สุทธญาณ พระตรัสสัทธรรม เลิศล้ำโอฬาร หวานล้ำน้ำหวาน ปานบรมพรหมสร.

สัทธรรม์บรรยาย ต้นกลางข้างปลาย พริ้งพรายทุกตอน งามอรรถชัดความ งามลักษณ์อักษร ทุกข้อบวร สั่งสอนเวไนย.

เทพเจ้าเนาสวรรค์ นับประถมพรหมัน ทั่วชั้นภพตรัย กษัตริย์พราหมณ์หลามล้น คนแพศย์ศูทรไพร่ ปรีดีมีใจ เลื่อมใสศรัทธา.

คาบหนึ่งจึ่งองค์ สัมพุทธ์สุทธพงศ์ ทรงนั่งเทศนา บริษัทยัดเยียด เบียดเสียดสภา เทพเจ้าชาวฟ้า ต่างมาประชุม.

ล้อมอาสน์ศาสดา เยียดยัดอัดหล้า เป็นมหาชุมนุม ต่างแสร้งแปลงองค์ ลงเล็กสุขุม แทรกซุกทุกมุม สุมแน่นแผ่นภู.

ลืมชมสมบัติ ทิพยาสน์ดาษรัตน์ จำรัสดำรู ลืมสวาทนาฏสวรรค์ กำนัลนงพธู ต่างจรัลผันจู่ สู่พุทธสมาคม.

นิราศขาดคลา สู่เทวสภา ณมหาบรม ไกลาสพิมาน เป็นสถานบังคม เฝ้าเบื้องบาทสม เด็จสยมภูวินทร์.

----------------------------

ฉะบัง ๑๖

อันว่านิเวศน์เทวินทร์ อิศวรศูลิน
ณถิ่นไกลาสโอฬาร  
อันเลิศเพริศพราวขาวปาน เงินยวงช่วงฉาน
พิมานมาศตั้งหลังผา  
ล้วนผ่องผองรัตน์นานา ส่องแสงแจ้งฟ้า
ดังว่ากลางวันบันดาล  
บรรดาสรรพสิ่งศฤงคาร ฤทธิ์แม้นนิรมาน
เทิดฐานถิ่นแมนแดนสรวง  
แดนสวนพฤกษ์หลามงามพวง ผลพันลอกดวง
ช่อช่วงชูชันหลั่นไป  
ลมปัดดอกดวงร่วงไสว กลิ่นรื่นชื่นใจ
อบในทุกแหล่งแห่งหน  
หึ่ง ! หึ่ง ! ผึ้งภู่จู่วน หมู่นกอนนต์
งามขนงามเสียงเพียงพิณ  
ภาคพื้นดื่นผลูปูหิน สนามลาดดาดติณ
กลบดินดังดาดลาดพรม  
ล้วนพฤกษ์เป็นพุ่มกลุ่มกลม ดอกดื่นรื่นรมย์
ส่งฉมชูจิตต์นิจจกาล  
นางกำนัลไท้ในสถาน เคยมาเก็บมาลย์
ก่อการณ์กับผู้ดูแล  
ดอกลักโลมล้อตอแย ถูกสาปสรรค์แปร
เพศแลทุเรศหลายราย  
ลำรางทางลาดหาดทราย เกาะแซงแก่งราย
งามสายชลเชี่ยวเลี้ยวไหล  
หลั่งล้นพ่นฟุ้งพลุ่งไป กะเซ็นเย็นใส
หมู่ไม้น้ำหลากมากสี  
มีสระจตุรัสรูจี งามท่าวารี
เต็มปรี่โปร่งจิตต์พิศดู  
เพ็ญด้วยบัวออกดอกชู พืชผักอักขู
มีหมู่ปลาว่ายหลายพรรณ  
หลืบผาแลผ่องช่องชั้น แพรวเพริศเฉิดฉัน
ด้วยวรรณนพรัตน์เรืองรอง  
ร่มรุกข์รายอาสน์เอี่ยมอ่อง แท่นแก้วกุก่อง
เงินทองสลับสับกัน  
ส่วนกลางสร้างรัตน์โรงคัล เพื่อทวยเทวัน
มาสันนิบาตบังคม  
บ่อเคยขาดเฝ้าพระสยม ภูวนาถบรม
และสมเด็จองค์อุมา  
อันหมู่แมนเฝ้าเจ้าหล้า แออัดสภา
แล้วมาอุทยานบานใจ  
บ้างจรจรัลครรไล ชมนกชมไม้
บ้างไปเที่ยวยลบนเขา  
บางคาบพระผู้เป็นเจ้า ล้อมด้วยทวยเหล่า
เทพเจ้านางฟ้าอ่าศรี  
ออกทรงชมสวนมวลมี กาหลดนตรี
อึงมี่ฟ้อนรำจำเรียง  
จำรัสอัดแอแซ่เสียง ครึกครื้นรื่นเวียง
พร้อมเพรียงอมรก่อนมา  
กาลเมื่อพระบาทศาสดา สำแดงเทศนา
เทพดามาจนล้นหลาม  
แลโล่งไกลาสขาดงาม เหลือเหล่าเฝ้ายาม
หมดความครึกครื้นรื่นรมย์.  

----------------------------

ยานี ๑๑

จอมเจ้าเขาไกลาส ตื่นจากอาสน์เทพประทม
นางแมนแสนสนม ต่างระดมชัยประโคม
ดนตรีมี่สนั่น บันลือลั่นครั่นครื้นโครม
บรรเลงเพลงบรรโลม ประนังโน้มกำหนัดชม
เข้าที่ศรีสนาน สุคนธ์ธารประทิ่นฉม
โปรยปรายสุหร่ายพรม ระรื่นรมย์สราญองค์
เสร็จการสนานกิจ พระภูษิตหนังเสือทรง
เปล่งปลั่งสังวาลวง ล้วนภุชงค์ทรงประจำ
กระหมวดกวดเมาลี ดังฤษีประพฤติธรรม
พระกัณฐ์อันสีดำ สวมประคำกะโหลกผี
อ่าองค์ทรงตรีศูล เรืองจำรูญรัศมี
พาพระภัควดี และนารีสรวงสุรางค์
ยาตราจากปราสาท ยังปรางค์มาศสภากลาง
เคยแน่นแมนขุนนาง เห็นเบาบางหลากพระทัย
จึงเยื้อนเทพยุบล ถามพระนนทิการไป
“เทวดาคลาหนใด ซึ่งบางนัยนากู”
ฟังยุบล, นนทิการ จึงตอบสารสยมภู
ว่าแมนแน่นหนาจู่ จรลงสู่แผ่นดินดล
ชุมนั่งฟังโอวาท แห่งสิทธารถผู้ตั้งตน
เป็นครูผู้ทศพล สอนมรรคผลชาวประชา
ลบหลู่ตู่พระเวท ไม่เกรงเดชพระเจ้าหล้า
พวกเขลาเบาปัญญา หลงศรัทธาสิ้นทั้งผอง
พระองค์ทรงฟังสาร นนทิการทูลสนอง
กริ้วกราดตวาดก้อง สะเทือนท้องพิมานแมน
“เหม่ ! สิทธารถบังอาจนัก ไม่รู้จักผู้เจ้าแดน
มักใหญ่ใฝ่สูงแสน มาคูแคลนผู้สร้างสรรค์”
เดิมมาคราเกิดเหตุ จอมเทเวศร์ไม่ผายผัน
บัญชานารายณ์พลัน ปราบอาธรรม์เป็นอาจิณ
ครานี้มีประสงค์ จะใคร่ลงสู่แดนดิน
เพื่อให้ได้ยลยิน เพื่อทราบสิ้นสิ่งสงกา
“รีบร้นนนทิการ ไปสถานสิทธารถหวา !”
เรียกอนงค์องค์อุมา “เร็ว!น้องยาไปด้วยกัน”
สององค์ทรงโคต้น คือพระนนทิการผัน
เป็นพระโคโตมหันต์ พาเจ้าสวรรค์เสด็จจร
เนืองแน่นแมนบ่าวสาว ประดุจดาวล้อมจันทร
ล่องฟ้ามาสลอน แสงอาภรณ์ผ่องนภา
ลอยลงตรงสถาน หน้าวิหารพระศาสดา
กำลังนั่งเทศนา ชาวประชาประชุมกัน
ด้วยเดชพิเศษสุด พระสัมพุทธภควันต์
ผู้นั่งฟังสัทธรรม์ ไม่ไหวหวั่นต่อเหตุการณ์
ลืมคร้ามขามพระเดช แห่งมเหศวร์มโหฬา
เพลินนั่งฟังธรรมสาร จิตต์ซาบซ่านด้วยศรัทธา
ป่างพระศิวะเจ้า พร้อมด้วยเหล่าเทวดา
มาถึงอึงเอิกหล้า โอภาสอาภรณ์อำไพ
สยมภูดูประชา ฟังเทศนาด้วยเลื่อมใส
เคารพสงบใจ ไม่ห่วงใยรับพระองค์
ทรงเห็นเป็นประหลาด ที่กริ้วกราดกลับเสื่อมลง
เอ็นดูหมู่สัตว์หลง ลืมพระองค์ผู้สร้างสรรค์
เคลิ้มเขลาเบาวิจารณ์ ด้วยสันดานมืดโมหันธ์
ประสงค์จะทรงบรร- เทาโมหันธ์ให้ห่างไกล
สำแดงแผลงพระฤทธิ์ นีรมิตสภาใหญ่
แพรวเพริศเลิศวิไล ณที่ใกล้พุทธสภา
จึงองค์คงคาธร ให้นิกรเทพดา
พร้อมสุรางค์นางกัลยา เล่นกีฬาระบำบรรพ์
ดนตรีมี่ตระลบ เต้นตาณฑพระบำสวรรค์
จับคู่อยู่พัลวัน สลับกับแลตระการ
เจ้าหล้าอุมาเจ้า ออกหน้าเหล่าบริวาร
รำรับขับประสาน นนทิการตีตะโพน
ซัดแขนแอ่นอุระ ป๊ะเท่งป๊ะจังหวะโทน
เยื้องกรายส่ายเอวโอน อ่อนแขนโยนยะยรรยง
ศิวะเจ้ารำเล้าโลม อุมาโน้มน้อมอรองค์
อายเอียงเมียงม่ายทรง เบือนพักตร์บงองค์ภูบาล
แซ่เสียงจำเรียงร้อง สนั่นห้องก้องกังวาน
เฉื่อยฉ่ำสำเนียงหวาน ซ้องประสานกับดนตรี
งามทรงองค์อมร เอี่ยมอาภรณ์สำอางศรี
งามสภาอ่ารูจี แจ่มรัศมีมณีฉัน
อำนาจพระศาสดา เป็นมหาอัศจรรย์
เทวฤทธิ์รังสฤษฎิ์สรรค์ อันมหันต์มโหฬาร
ไท่กลบลบพระฤทธิ์ พระมุนิศวราจารย์
รังสีที่บรรดาล ไม่แผ่ซ่านถึงสภา
ทิพย์สำเนียงเสียงสนั่น ก็ไม่ลั่นตลอดมา
รูปร่างสำอางตา มิได้ปรากฏแก่ใคร
ต่างนั่งฟังสัทธรรม ไม่ระส่ำระสายใจ
สำราญบานฤทัย ด้วยเลื่อมใสศรัทธาธาร

----------------------------

ฉะบัง ๑๖

ปางองค์เอกอัครจักรพาล สังเกตเหตุการณ์
ยิ่งดาลมนัสอัศจรรย์  
หยุดการตาณฑพระบำพลัน เยื้องกรายผายผัน
พร้อมสรรพ์แมนหลามตามมา  
ดาษดื่นยืนยั้งข้างหน้า พุทธสภา
เจ้าหล้าจึงเอื้อนโองการ  
“นี่แน่! สิทธารถอาจารย์ สูผู้อวตาร
จากท่านนารายณ์กลายมา  
ตามเราสั่งสรรค์บัญชา สอนเหล่าชาวหล้า
บันดาแพศย์ศูทรทรามพรรณ  
พวกนี้มักใหญ่ใฝ่ฝัน แย่งพราหมณ์ครามครัน
เรียนธรรม์เวทางค์อย่างพราหมณ์  
ไปเกิดเมืองแมนแน่นหลาม เพื่อกันพรรณทราม
ลามปามแปดปนบนสรวง  
เราใช้ให้ท่านเทศน์ลวง แพศย์ศูทรทั้งปวง
หายห่วงพระเวทวิทยา  
จักได้เกิดในจตุรา- บายกันชั้นฟ้า
ไว้ท่าพวกพราหมณ์งามพงศ์  
เหตุใดท่านไม่ซื่อตรง ต่อตูผู้ทรง
เดชยงยิ่งลบภพสาม  
ไม่ลวงแต่พรรณอันทราม ลวงกษัตริย์พราหมณ์
ลวงลามถึงเหล่าชาวสวรรค์  
ให้หลงปลงใจใฝ่ฝัน ในคำรำพัน
แห่งท่านอันอักกตัญญู  
ลืมละพระเวทเดชตู กล่าวกลบลบหลู่
คิดสู้เราผู้สร้างสรรค์  
เรามา,ไม่นบอภิวันท์ ยุให้ไพร่สรรพ์
คิดหันออกหากจากเรา  
สูเชื่อฤทธิ์สูดูเบา ฤทธิ์ตู, ดูเอา
สองเรา, ใครฤทธิ์มหิมา  
ผลัดกันผันจรส้อนหา ใครตันปัญญา
เที่ยวหาไม่เห็นเป็นรอง”  
เพื่อคลายมืดมนท์ชนผอง รู้ฤทธิ์ผู้ครอง
ถิ่นท้องมหาธาตรี  
เมื่อนั้นมุนินทร์ชินศรี ตอบพจน์พจี
ศูลีผู้มาท้าชวน  
“ดูก่อนบพิตรอิศวร ผู้อ้างสร้างมวล
ท่านควรดำริตริไตร  
เราสร้างบารมีไพ- บูลย์สี่อสงไขย
กำไรแสนกัปป์นับมา  
เพราะมีมหากรุณา นำส่ำประชา
ให้คลาจากข่ายงายงม  
อุตส่าห์จนสำเร็จสม- โพธิญาณอุตดม
เป็นบรมสัมพุทธ์พิสิฏฐ์  
อันมารชั้นปรนิมมิต วสวัตดีจิตต์
มุ่งคิดปองร้ายริษยา  
พร้อมด้วยทวยแสนเสนา ผจญอาตมา
ก็ล่าหลีกลี้หนีไป  
เราตรัสสัทธรรมนำไตร- โลกหลีกหลงใหล
แจ้งในสัจจธรรมนำผล  
ด้วยเดชสัทธรรมอำพน ฤทธิ์ใดผจญ
จำนนฤทธิ์ธรรมอำไพ  
ท่านปองลองฤทธิ์เกรียงไกร ไปก่อนจรไป
ซ่อนให้เรานี้ชี้ตน”  
พระศิวะสดับยุบล แห่งพระทศพล
ฉงนหฤทัยไตร่ตรอง  
เรามีตรีเนตรลำยอง มนุษย์คะนอง
เอื้อมลองฤทธิ์ตูดูเบา  
“ดีแล้ว,สิทธารถจงเนา ณที่นี่เรา
จักเต้าซ่อนองค์จงทาย”  
ตรัสแล้วนิรมิตกาย พระรูปวูบหาย
แล้วกลายเป็นปรมาณู  
แทรกซอนซ่อนองค์คงสู่ ซอกรัตน์ดำรู
ติดอยู่ยอดพรหมพิมาน  
ฝ่ายองค์พระศาสดาจารย์ แจ้งด้วยพระญาณ
บรรหารชี้แหล่งแฝงตน  
ด้วยพระพุทธเดชดำกล ให้ประชุมชน
ต่างยลที่เร้นเห็นองค์  
เมื่อพระจอมสวรรค์ครั้นทรง ทราบว่าพระพงศ์
ศากย์ทรงทราบสิ้นถิ่นแฝง  
ทรงพระอางขนางคลางแคลง ขอซ้ำสำแดง
เดชแปลงองค์ซ่อนสามครา  
ครั้งสองทรงแทรกพสุธา ซ่อนเร้นอาตมา
ในมหาปถพีลี้หาย  
ครั้งสามทรงปลีกหลีกกาย ยังยมโลกผาย
สู่ภายใต้หล้าบาดาล  
ล้วนทราบเสร็จสิ้นชินญาณ ทรงชี้ที่ฐาน
บันดาลแก่ชนกลปฐม  
จึงพระสมณะโคดม ให้พระสยม-
ภูชมบารมีชี้ทาย  
สำแดงพุทธฤทธิ์เร้นกาย เป็นละอองมองหาย
ติดปลายเส้นผมสยมภู  
ปางพระศิวะฤทธิ์ดำรู ทรงจ้องมองดู
ในภูมิจบภพไตร  
ไม่เห็นเร้นแฝงแห่งใด พิศวงทรงไคล-
คลาใฝ่ฝันเล็งเพ่งมอง  
เที่ยวค้นจนจบภพผอง เปล่งรังสีส่อง
ทั่วท้องจักรวาลฉานฉาย  
ไม่พบชินวรซ่อนกาย ทรงฤทธิ์คิดอาย
ทรงผายผันยั้งยังสภา  
ยอมแพ้ฤทธิรุทรพุทธา นุภาพขออา-
ราธนาแนะแห่งแฝงองค์  
จึ่งพระสัมพุทธ์สุทธพงศ์ สำแดงพระองค์
สิงตรงศีรษะพระสยม-  
ภูแผ่โอภาสพึงชม ลอยลงยังบรม
อุตดมพุทธอาสน์โอฬาร  
ชุมชนล้นเหลือประมาณ ซ้องสาธุการ
ด้วยมานมนัสศรัทธา.  

----------------------------

สุรางคนาง ๒๘

มุนินทร์ชินศรี พิศดูศูลี ยังมีริษยา ทรงตรัสปรัศรัย จูงใจศรัทธา สรรเพ็ชญ์เทศนา ทานาทิธรรม.

เปลื้องปลิดทิฏฐิ แนะนำดำริ คติบาปกรรม สำแดงแจ้งผล ซึ่งตนกระทำ ความเขลาเนานำ ประจำสันดาน.

“ดูก่อนศิวะ ยึดคร่าห์มานะ เป็นพระประธาน สร้างสิ้นถิ่นภพ สร้างจบจักรพาล ใครสรรค์บรรดาล สร้างท่านขึ้นมา.

นี้คือสังขาร ปรุงจิตต์คิดอ่าน ฟุ้งซ่านนานา เป็นยมพรหมินทร์ เป็นถิ่นเทวดา ล้วนอวิชชา พาจิตต์คิดเดา

ต้นเหตุตัณหา หลงตามอวิชชา ตั้งหน้ามัวเมา อยากได้ให้สม อินทร์พรหมนึกเอา ทำตามความเขลา กำเดาแดดาล.

คิดแย่งแข่งดี รบร้าฆ่าตี ใครมีศฤงคาร ผูกจิตต์ริษยา พาร้อนรำคาญ ก่อโทษโหดการ บันดาลทุกข์ภัย

ผู้มาดปราศทุกข์ เยือกเย็นเป็นสุข ปลุกปลื้มกายใจ ดับตัวตัณหา พาทุกข์อุทัย ด้วยมัคค์อำไพ ยิ่งใหญ่มรรคา.

มัคค์เลิศเกิดทาง ปัญญากว้างขวาง เบาบางอวิชชา ยึดผลค้นเค้า หมดเขลาเดาหา หมดเดาปรารถนา ตัณหาห่างหาย.

แจ้งสภาพทราบแน่ ธรรมดาดาลแปร เกิดแก่เจ็บตาย เห็นในไตรลักษณ์ หาญหักสักกาย- ทิฏฐิถอยคลาย หน่ายสังโยชน์ธรรม.

นี่คือนฤพาน ดับทุกข์สุขดาล หมดมารประจัญ เป็นธรรมนำชน ลุผลอนันต์ เห็นได้ด้วยปัญ- ญาอันอุตดม.”

ป่างพระเจ้าหล้า ฟังธรรมเทศนา พระมหาบรม โลกนาถศาสดา ศรัทธาชื่นชม อ่อนนบอบรม บ่มพระปัญญา

หฤทัยใสสด ตรองความตามพจน์ สุคตเทศนา แจ้งในไตรลักษณ์ ประจักษ์ปรีชา ลุพระมหา โสดาปัตติผล.

ครั้นจบเทศนา ชุมชาวประชา ณสภามณฑล อิ่มเอมเปรมใจ ในธรรมอำพน ประจักษ์มัคค์ผล ตามกุศลสมภาร.

จึ่งพระศิวะเจ้า หัตถ์ประณมก้มเกล้า พร้อมเหล่าบริวาร อภิวาทบาทบงสุ์ องค์ศาสดาจารย์ ทูลขอประทาน โทษฐานลุ่มหลง.

ประกาศอาตมา แก่ชาวประชา เป็นอุบาสกทรง รับไตรสรณะ ต่อพระพุทธองค์ มีพระประสงค์ ทรงประกาศพุทธคุณ

มีเทพโองการ ให้เหล่าบริวาร กอบการเกื้อบุญ เลื่อมใสในองค์ พุทธะทรงการุณย์ ธรรมะอดุล และคุณพระสงฆ์.

“ดูก่อนบริษัท ใครมีมนัส ชื่อสัตย์มั่นคง จักสร้างรูปตู ไว้บูชาจง สร้างรูปพุทธองค์ ลงเหนือเศียรเรา”

เวลาสมควร องค์พระอิศวร ชวนเทพทำเคา- รพพระศาสดา ไคลคลายังเขา ไกลาสอาสน์เนา ดังเก่าก่อนกาล.

----------------------------

ฉะบัง ๑๖

ข้าเจ้ากล่าวร่ำตำนาน อันเป็นนิทาน
ซึ่งท่านผู้เฒ่าเล่าไข  
เป็นอย่างสร้างรูปเทพไท ศิวะเจ้าจอมไก-
ลาส, ได้ทำรูปพุทธองค์  
ไว้เหนือเศียรรูปศิวะทรง สิบหัตถ์ยรรยง
เถลิงมงคลโคโสภณ  
พุทธศาสน์ปราชญ์แทรกไสยปน คลุกคละระคน
เหลือค้นแคะไค้ไตรตรา  
อันว่า “ศิวประติมา” เฉกฉันพรรณนา
ตำรามีแจ้งแห่งใด  
ตูข้าหาสบพบไม่ เป็นแต่แน่ใจ
ว่าได้ฟังกล่าวเล่ากัน  
จึ่งทำลำนำประพันธ์ ตามสติปัญ-
ญากันศูนย์เรื่องเมืองเรา  
ใครสบพบตำรับเนา แห่งใดให้เอา
ตามเค้าคัมภีร์ชี้ไข  
แม้ความขาดรอนตอนใด ตูขออภัย
ที่ได้ลืมจำนำมา  
ใดเกินเชิญจำคำว่า “ปากคนยาวกว่า
ปากกา” อย่าโกรธโทษตู.  

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ