กลอนสุภาพ ความรัก

สหายเอ๋ยเคยบ้างหรือยังหนอ ท่านร่ำเรียนวิทยานับว่าพอ โปรดชี้ข้อ ‘ความรักสักอึดใจ แข็งหรือเหลวหรือเป็นเช่นอากาศ มันเป็นธาตุปนแท้แน่ไฉน เคยแยกธาตุดูบ้างหรืออย่างไร มีธาตุใดเจือปนระคนกัน ข้าพเจ้าออกตัวว่ามัวเขลา มิได้เอาจิตต์ใจมาใฝ่ฝัน เคยได้ยินชินหูอยู่เหมือนกัน ครูท่านบรรยายสอนตอนเล่าเรียน รักกษัตริย์ศาสนาประชาชาติ พ่อแม่ญาติรักมิตรสถิตเสถียร เป็นมงคลล้นล้ำอยู่จำเนียร ให้พากเพียรเพิ่มรักสามัคคี รักแม่พ่อพอรู้อยู่ทุกท่าน รักอาจารย์พวกพ้องรักน้องพี่ เราเคยรักมาทุกคนได้ผลดี สมคำที่ครูท่านบรรยาย รักเหล่านี้ก่อนเราเข้าศึกษา เคยรักมาแม้นเหมือนเพื่อนทั้งหลาย เพียงเท่านี้มีแบบไม่แยบคาย อันความรักจักขยายนี้แปลกกัน

เสร็จเล่าเรียนเปลี่ยนไปเข้าวัยหนุ่ม สังขารชุ่มชูแรงยิ่งแข็งขัน ชอบสวยงามธรรมดาสารพัน ซึ่งสร้างสรรค์ส่งเสริมเพิ่มฤดี รูปเสียงกลิ่นรสของต้องสัมผัสส์ น้อมมนัสปลื้มเปรมเกษมศรี งามแสงจันทร์แจ่มฟ้าหมดราคี งามพื้นที่ถิ่นฐานตระการตา งามลำเนาเขาป่าชลาลัย งามหมู่ไม้ใบชื่นยื่นสาขา งามดอกผลกล่นกลาดดาษดา พระพายพากลิ่นฟุ้งจรุงใจ เสียงปักษีมี่ขานสำราญโสต ปรุงปราโมทย์มานัสจรัสใส งามเหล่านี้มีมาพาฤทัย เกิดรักใคร่ความงามขึ้นตามกัน.

ความรักใหม่นี่แหละนายสหายเอ๋ย ยิ่งคุ้นเคยครองใจยิ่งใฝ่ฝัน ขอแถลงแจ้งเรื่องแต่เบื้องบรรพ์ จะสำคัญเป็นไฉนเชิญไตร่ตรอง มีลูกสาวเพื่อนบ้านในย่านใกล้ เคยได้ไปถิ่นฐานถึงบ้านช่อง เดิมยังเด็กอยู่มากไม่อยากมอง นัยน์ตาพองผมยุ่งและพุงโร ขี้มูกเลอะเกรอะกรังกะทั่งแก้ม กระมอมกระแมมผิวพรรณหน้าฟันโหล ปากเหมือนม้าหน้ากะดูกจมูกโต พูดอ้อมแอ้มแก้มโบ๋โย้ลูกคาง บัดนี้เสร็จศึกษากลับมาเห็น ดูเหมือนเป็นคนละคนพ้นที่อ้าง ผิวที่มอมยอมผ่องอ่องสะอาง ผมก็สางสิ้นยุ่งจรุงตา เนตรดังเนตรเนื้อทองพองที่ไหน โอษฐ์ละไมยิ้มเยื้อนไม่เหมือนม้า แก้มก็กลายหายโบ๋กลับโสภา ทรงนาสาสมพักตรไม่ยักโต หน้ากระดูกกลับเหมือนยังเดือนฉาย ฟันก็ราบเรียบดีไม่มีโหล ลำตัว กลมสมกายพุงหายโร พูดไม่โย้ย้ายคางเหมือนอย่างเดิม สารพัตรงามถ้วนช่างยวนเนตร ดังเทเวศนิรมิตประดิษฐเสริม พิศยิ่งทุ่มรักถมระดมเติม รักยิ่งเพิ่มพิศนางไม่วางตา พอสบเนตรวนิดามารศรี แรงฤดีดาลเล่ห์เสน่หา ดังต้องศรซ่านพิษด้วยฤทธิ์ยา เข้าตรึงตราตรอมตรมระทมทรวง ตะลึงเล็งเพ่งแลชะแง้พักตร์ จนนงลักษณ์หลีกไปครรไลล่วง ให้เสียวปลาบวาบไหวใจระลวง ประหนึ่งดวงจิตต์ดับเพราะลับนาง ขยับเท้าก้าวตามทรามสวาท รู้สึกอาตม์อายคนกมลหมาง ใคร่จะเผยพจน์เพรียกร้องเรียกนาง ให้เยื้องย่างกลับหลังมาดังใจ แต่ไม่เคยพูดจาวิสสาสะ ไม่รู้จะเรียกร้องทำนองไหน แลจนลับกับตายิ่งอาลัย ร้อนฤทัยแทบว่าประดาตาย หมดหนทางหมางใจครรไลกลับ ผินหลังจับจ้องดูไม่รู้หาย โฉมเจ้าติดตาอยู่ไม่รู้คลาย หูไม่วายหวาดเสียงสำเนียงนาง มาถึงเหย้าเฝ้าใฝ่ฤทัยมาตร หวังสวาทวนิดาไม่ราร้าง ทิ้งสนุกทุกชะนิดคิดระคาง ให้จืดจางผู้คนสนทนา วันหนึ่งนอนร้อนจิตต์พิศวง เหลือจะปลงเปลื้องปลิดปริศนา เรื่องความรักที่เคยรักประจักษ์มา รักบิดามารดรไม่ร้อนรน ถึงรักญาติรักครูรักหมู่มิตร ยิ่งพาจิตต์แจ่มใสอำไพผล รักยิ่งแพร่แผ่สุขไม่ทุกข์ทน เหมือนรักหนนี้เลยไม่เคยเป็น ยิ่งคิดไปใจขุ่นยิ่งมุ่นหมก ตั้งวิตกตรองไปก็ไม่เห็น จนเที่ยงคืนดื่นดึกรู้สึกเย็น ข้อลำเค็ญคลายดับเลยหลับไป ฝันมีเทวดาอาภาผ่อง มายังห้องไสยาแล้วปราศรัย “ดูก่อนนายชายรุ่นดรุณวัย ซึ่งสงสัย ความรักหนักกมล ตูเป็นเจ้าความรักประจักษ์ชื่อ มีนามคือ ‘เมตตา’ มหาผล มีน้องสามตามนัยไขยุบล น้องที่ต้น ‘กรุณา’ รักษาธรรม เป็นเจ้าความเอ็นดูแก่หมู่สัตว์ และน้องถัด ‘มุทิตา’ มีค่าล้ำ เป็นเจ้าความโมทนาสาธุกรรม ‘อุเบกขา’ น้องคำรบสามตู เป็นเจ้าความเป็นกลางทางกุศล รวมสี่ตนน้องพี่เป็นที่อยู่ แห่งองค์พระ ‘มหาพรหม’ สยมภู ยึดสี่ตูเป็นสำนักพักสราญ เพราะเหตุนี้สี่เราเขาจึงเรียก ตามสำเหนียกนามนิยม ‘พรหมวิหาร’ คือ ‘ที่อยู่ของพรหม’ ภิรมฌาน เราขอขานไขชี้หน้าที่เรา ตูผู้ชื่อ ‘เมตตา’ มีหน้าที่ ประสงค์ดีทั่วไปคิดใฝ่เฝ้า ให้ส่ำสัตว์สบสุขสนุกเนา เช่นนี้เขาก็ว่า ‘รัก’ จึงชักนัว รักเช่นนี้มีเท่าใดยิ่งให้ผล เป็นกุศลราศีไม่มีชั่ว รักกษัตริย์ศาสน์ชาติและญาติตัว ย่อมเป็นขั้วเค้าคุณวิบุลอารย์ ‘รัก’ ที่ท่านกลุ้มกลัดอยู่บัดนี้ นอกหน้าที่เราไกลขอไขขาน เขาเรียกว่า ‘กามะ’ มักระราญ เที่ยว รังควานสาวหนุ่มให้กลุ้มใจ เจ้าของเขามีนาม ‘กามเทพ’ ยั่วให้เสพส้องกามตามวิสัย มีความงามทั้งห้าเป็นข้าไทย คืองามในรูปร่างสำอางตา และงามเสียงกลิ่นดมรสสัมผัสส์ เป็นสื่อนัดในเล่ห์เสน่หา มีสหายตัวลือชื่อ ‘ราคา’ เป็นลูกสาวเทวดาพญามาร เป็นเจ้าความปฏิพัทธ์กำหนัดหนัก ทำให้พักตร์มืดมีฤดีสร้าน เป็นน้องนาง ‘ตัณหา’ ชั่วสามานย์ ผู้ทะยานอยากได้ไม่รู้พอ เป็นพี่นาง ‘อรดี’ ขี้ริษยา สมสุดาแต่ง โฉมไปโลมล่อ องค์มุนินทร์ชินศรีให้รีรอ พระทัยท้อทิ้งธรรมที่บำเพ็ญ แต่ก็ไม่สมมาตรปรารถนา ได้แต่มาเหนี่ยวนำกระทำเข็ญ แก่หญิงชายปุถุชนกมลเป็น โลกีย์เช่นสูเจ้าให้เมามาย กามเทพทราบข่าวว่าสาวหนุ่ม ละเลิงลุ่มหลงงามตามที่หมาย ก็แผลงศรบุปผชาติสาดประกาย แม้นถูกชายหญิงใดดังไฟฟอน เจ้าร้อนรุ่มกลุ้มกลัดอยู่บัดนี้ อื่นไกลมีคือพิษถูกฤทธิศร ‘นางราคา’ ช่วยรุมตะลุมบอน เหลือจะผ่อนผันแปรคิดแก้กัน ได้แต่พอบรรเทาปัดเป่าเสก คบ ‘อุเบกขา’ น้องสุดท้องฉัน อุตส่าห์ยั้งตั้งตัวอย่าพัวพัน พอจะบรรเทาบ้างค่อยจางไป รัก ‘เมตตา’ นั้นมียิ่งดีหนัก รัก ‘กามะ’ มีนักชักไถล เอาอุเบกขารั้งประทังใจ อย่าปล่อยให้ครอบงำจะลำเค็ญ กามเทพรู้เรื่องจะเคืองค้อน จะแผลงศรเอาข้าตาทะเล้น อย่าอึงไปให้ฉาวข่าวกะเซ็น เพราะข้าเอ็นดูดอกจึงบอก ความ ขอลาก่อนแล้วนายสหายหนุ่ม” เป็นหมอกกลุ้มหายไปฤทัยหวาม ตื่นขึ้นยังจำเสียงสำเนียงนาม ได้ครบตามที่ท่านพรรณนา จึงเขียนตามความรู้มาสู่ท่าน โปรดอย่าอ่านอื้ออึงคะนึงหนา กามเทพรู้แจ้งแผลงศรมา จะเป็นบ้าเรื่องรักกันดักดาน ข้าพเจ้านำความนี้ถามไต่ เปรียญใหญ่รู้ธรรมกัมมัฏฐาน ท่านชมว่าฝันเก่งเหมือนเล็งญาณ เลยบรรหารเทศนามาอีกกัณฑ์ รัก ‘เมตตา’ ‘กามะ’ มักคละเคล้า ไม่รู้เท่ามักเขวชักเหหัน อำมาตย์หนึ่งพากเพียรร่ำเรียนธรรม์ ในวัดอันห่างบ้านเป็นย่านไกล ตั้งบำเพ็ญภาวนาเมตตาจิตต์ ให้สัตว์สุขทุกทิศน้ำจิตต์ใส แผ่ความรักทั่วหน้าไม่ว่าใคร ตั้งจิตต์ให้สุขทั่วทุกตัวตน ครั้นนึกถึงภริยาสง่าพักตร์ ก็แผ่รักให้นางทางกุศล “ขอให้น้องสบสุขอย่าทุกข์ทน อย่าหมองหม่นมุ่งคอยละห้อยเลย เจ้างามพักตร์ผ่องปลั่งดังบุหลัน เจ้างามถันดังกุมุทพึ่งผุดเผย งามทุกส่วนควรครองตระกองเชย ไม่ควรเลยละเจ้าเยาวมาลย์ พี่ผิดแล้วแก้วตาขมาโทษ เพราะเฉาโฉดหลงธรรมกัมมัฏฐาน” ลุกขึ้นได้ไม่ลาพระอาจารย์ รีบทะยานย่างเหย่ามาเหย้าเรือน เห็นคนเงียบเหยียบยันอยู่งันงก ก้าวพลาดตกนอกชานกะดานเลื่อน เลยขาหักรักษาอยู่กว่าเดือน นี่เพราะเชือนแชข้างมาทางกาม พอจบเทศท่านเปรียญตั้งเวียนสั่ง อย่าพูดดังท่านเองเหลือเกรงขาม กามเทพรู้ว่านินทากาม แผลงศรความรักราญท่านบาน เอย.

๒๘ กรกฎาคม ๒๔๖๘

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ