- พระราชอนุสรณ์
- พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม
- รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
- รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
- ประวัติ
- เดือน ๑ จุลศักราช ๑๒๖๙
- เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๖๙
- เดือน ๓ จุลศักราช ๑๒๖๙
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๖๙
- เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๗๐
- เดือน ๖ จุลศักราช ๑๒๗๐
- เดือน ๗ จุลศักราช ๑๒๗๐
- เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๗๐
- เดือน ๙ จุลศักราช ๑๒๗๐
- เดือน ๑๐ จุลศักราช ๑๒๗๐
- เดือน ๑๑ จุลศักราช ๑๒๗๐
- เดือน ๑๒ จุลศักราช ๑๒๗๐
- เดือน ๑ จุลศักราช ๑๒๗๐
- เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๗๐
เดือน ๑๒ จุลศักราช ๑๒๗๐
วัน ๑ ๑ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๑๒๗
กำหนดจะเสด็จประพาศตามลำแม่น้ำน้อย แต่เกรงราษฎรจะมาเฝ้าพลุกพล่านไม่เปนที่สำราญพระราชหฤไทย จึงโปรดให้กรมขุนสมมตอมรพันธุ์ พระองค์เจ้าเสรษฐวงษ์วราวัตร์ เจ้าพระยาสุรวงษ์วัฒนศักดิ์ ไปล่วงน่ากองหนึ่งแห่งอื่นก่อน เปนทีให้ราษฎรเข้าใจว่าเสด็จแล้ว กับโปรดให้พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภแยกล่วงน่าไปกองหนึ่ง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ จึงได้เสด็จทรงเรือพระที่นั่งครุธเหิรเห็จตามขึ้นไปภายหลัง แวะเสวยที่วัดท่าข้าม แขวงเมืองสิงห์ในอำเภอเมืองพรหม ขากลับเสด็จทรงเรือประทุนสีแจวมาแวะที่วัดจำปา หอดพระเนตรราษฎรที่มาประชุมกันฟังเทศน์มหาชาติ ซึ่งมีที่วัดนั้น แล้วเสด็จทรงเรือพระที่นั่งครุธเหิรเห็จ เสด็จกลับมาถึงที่ประทับแรมเวลาบ่าย ๔ โมง
วัน ๒ ๒ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๑๒๗
เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จทรงเรือพระที่นั่งครุธเหิรเห็จแต่พลับพลาประทับแรมอำเภอโพธิ์ทองไปเข้าคลองไปหยุดเสด็จลงเรือแจวเรือไฟลากเข้าไปตามลำรางท้องทุ่งคำหยาด จนถึงตำหนักซึ่งว่าเปนที่ขุนหลวงหาวัดเสด็จออกมาทรงผนวช ตำหนักนี้เปนลักษณะเดียวกันกับตำหนักทุ่งหันตรา คือก่อเปนตึกสูงจากพื้นดิน ๕ ศอก ผนังชั้นล่างเปนช่องคูหาปูพื้นกระดาน ชั้นบนซุ้มน่าต่างเปนซุ้มจระนำ หลังคาในประธาน ๓ ห้อง มุขลดน่าท้ายรวมเปน ๕ ห้อง มีมุขเด็จทั้งน่าทั้งหลังด้านข้างน่ามุขเด็จเสาหาร มีอัฒจันท์ขึ้นข้างมุขหลังอุดฝาตัวเจาะน่าต่างไว้สูงเห็นจะยกพื้นขึ้นเปนหอพระ ที่หว่างผนังด้านหุ้มกลองเจาะเปนคูหาทั้งข้างน่าข้างหลัง มีช่องคอส่อง ในช่องเหล่านี้ทาดินแดงทั้งนั้น ฝีมืออย่างสไตล์ลพบุรี โดยยาวตลอดหลัง ๙ วา ๒ ศอก ขื่อกว้าง ๕ วา ดูเปนรอยแก้ อุดน่าต่างมุขลดด้านหลังเสียทั้งสองด้าน ตำหนักนี้พื้นดินก็ยังต่ำน้ำท่วมแฉะรอบ หันน่าไปตวันออก หันหลังไปตวันตกตรงด้านข้างใต้มีวิหารเล็กหรือหอพระหลังหนึ่งแยกอยู่คนละโคก มีเจดีย์องค์เล็กพังเสียแล้วองค์หนึ่ง กลับออกมาแวะเสวยที่วัดโบสถ์ แล้วเสด็จมาทางคลองศาลาแดง แวะลงประทับเรือแจวเข้าไปพระนอนขุนอินทรประมูล พระนอนนี้ยาวกว่าพระนอนจักรศรี ฝีมือทำอยู่ข้างจะดีเปนช่างหลวงพระภักตร์งาม แต่วิหารไฟไหม้ โทรมลงมาหมดช้านานแล้วมีโคกเห็นจะเปนโบสถ์พูนสูงกว่าโคกพระนอน ก่อเขื่อนอิฐรอบ มีโบสถ์ไม่มีน่าต่าง ผีมืออิฐเปนอิฐถาก เปนโบสถ์ ๕ ห้อง พระข้างในเปนพระศิลา แท่นพระเปนที่ตั้งพระ ๕ องค์ ๆ กลางสูง องค์ที่นั่งสี่ด้านหันหน้าเข้าหาองค์กลาง มีพระเจดีย์ ๘ เหลี่ยมอยู่หลังโบสถ์ ถูกขูดเปนโพรงขนเอาพระพิมพ์ออกมาทิ้งไว้ข้างนอกมาก พระพิมพ์นั้นฝีมือไม่สู้ดี นั่งบ้าง ยืนบ้าง นอนบ้าง องค์โตๆ พระครูวัดไชโยมารับเสด็จที่นี้ ราษฎรมาประชุมกันมากทั้งสองแห่ง เสด็จออกจากคลองขุนอินทรประมูล ไม่ช้าก็ออกแม่น้ำมาถึงที่พลับพลาประทับแรมเมืองอ่างทองเวลาบ่าย พลับพลานี้ตั้งที่น่าจวนผู้ว่าราชการเมือง
วัน ๓ ๓ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๑๒๗
เวลาเช้าเสด็จทรงเรือพระที่นั่งครุธเหิรเห็จ แต่ที่ประทับแรมเมืองอ่างทองมาเข้าคลองบางนางร้า ออกปากคลองแล้วเสด็จไปขึ้นทอดพระเนตรข้างเหนือ แล้วแล่นกลับลงมาตามลำน้ำโพธิ์สามต้น ไปทางบางขวดถึงปากช่องที่จะเข้าไปวัดตูมวัดสาสดา จอคเรือมอเตอร์ที่นั้นเสด็จลงเรือสามสิบหกศอกเข้าไปอยุดทำกับเข้าเสวยที่วัดสาสดา แล้วทอดพระเนตรวัดตูมวัดสาสดา วัดตูมนี้เปนที่สำหรับลงเครื่องพิไชยสงครามแต่ดั้งเดิมมา พระในวัดไม่เคยทำเอง เปนพระที่อื่นขึ้นมาทำ เช่น เครื่องพิไชยสงครามที่กรุงเทพ ฯ ก็พระวัดพระเชตุพนขึ้นมาทำ วันนี้ได้โปรดเกล้า ฯ ให้นิมนต์พระเลื่องวัดประดู่ ซึ่งเปนหลานศิษย์พระอาจารย์ม่วงมาลงเครื่องตามแบบพระอาจารย์ม่วง พระญาณไตรโลก พระสุวรรณวิมลศีล พระครูวัดน่าพระเมรุ พระครูวัดขุนญวน มานั่งปรกในการลงเครื่องนั้นด้วย ครั้นเสร็จแล้วเสด็จกลับโดยเรือแจวมาออกทางปากช่องข้างเหนือ มาถึงที่พลับพลาประทับแรมทุ่งเขาดินกรุงเก่าเกือบย่ำค่ำ ในตอนกลางคืนวันนี้ ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนราษฎรต่างจัดมีการแห่ผ้าป่าถวายทอดพระเนตร มีการเล่นเต้นรำหลายอย่างเปนการครึกครื้น มีคนมามากเรือเต็มไปทั้งแม่น้ำ ที่น่าพลับพลามีหนังน่าจอโรงหนึ่ง
วัน ๔ ๔ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๑๒๗
วันนี้เปนวันกำหนดเสด็จกลับถึงกรุงเทพ ฯ เวลาเช้า ๓ โมงครึ่ง ทรงเรือพระที่นั่งครุธเหิรเห็จแต่ที่ประทับแรมทุ่งเขาดินกรุงเก่า ล่องทางแม่น้ำโพสามต้นเลี้ยวเข้าคลองสระบัวมาออกคลองเมืองที่น่าพระราชวังล่องลงมาทางหัวแหลม มาแวะทอดพระเนตรที่บางปอิน พระครูวิเวกาภิรามได้มาคอยรับเสด็จ ได้พระราชทานเงินแทนทอดพระกฐิน ๑๐๐ บาท แล้วมาแวะที่วัดเชียงรากน้อย พระยาสุขุมนัยวินิต พระยารัษฎานุประดิษฐ์ หม่อมเจ้าขจรศุภสวัสดิได้มาเฝ้ารับเสด็จอยู่ที่นี้ด้วย เสวยแล้วล่องต่อมาทรงรับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชมกุฎราชกุมารซึ่งขึ้นไปรับเสด็จลงเรือพระที่นั่งล่องลงมาเสด็จขึ้นที่แพน่าวัดราชาธิวาศ มีเจ้านาย แลข้าราชการมารับเสด็จอยู่ที่นี้ เสด็จขึ้นแล้วทรงรถพระที่นั่งมอเตอร์คาร์กลับวังสวนดุสิต
วัน ๕ ๕ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๑๒๗
เวลาบ่ายเกือบ ๕ โมงทรงรถเสด็จวัดราชาธิวาศ เวลาย่ำค่ำเสด็จกลับ ประทับเสวยที่พระที่นั่งสีตลาภิรมย์ แล้วเสด็จออกประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิตแล้วฝนตกเสด็จเข้าไปประทับในพระที่นั่ง เวลายามเศษเสด็จขึ้น วันนี้ไม่ได้มีการประชุมเสนาบดี
วัน ๖ ๖ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๑๒๗
เวลาบ่าย ๓ โมง ๔๐ นาที ทรงรถเสด็จวัดราชาธิวาศ แล้วทรงเรือมอเตอร์ประพาศ เวลาย่ำค่ำเศษกลับทอดพระเนตร์เสือดำ, สำเสด, เนื้อ ของพระยาศักดิ์เสนี ถวายที่น่าพระที่นั่งอภิเศกดุสิต ประเดี๋ยวหนึ่งเสด็จขึ้นประทับเสวยที่พระที่นั่งสีตลาภิรมย์ เวลาทุ่มครึ่งเสด็จออกประทับในพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายาม ๔๐ นาทีเสด็จขึ้น
วัน ๗ ๗ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๑๒๗
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ ทรงรถเสด็จวัดราชาธิวาศ ทรงเรือมอเตอร์ประพาศลำน้ำถึงบางคอแหลม เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับทางประตูกวาง รับสั่งให้หากรมหลวงดำรงราชานุภาพกับกรมขุนสรรพสาตร์เข้าไปเฝ้าเสวยที่เฉลียงพระที่นั่งอัมพรสถาน เวลาทุ่มเศษเสด็จออกในพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๑ ๘ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จทรงรถมอเตอร์คาร์เข้าไปทรงรถม้าในพระบรมมหาราชวัง เสด็จพระราชทานพระกฐินวัดบวรนิเวศที่ ๑ วัตราชบพิตรที่ ๒ วัดพระเชตุพนที่ ๓ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จกลับวังสวนดุสิต แต่งเต็มยศ
วัน ๒ ๙ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชทานพระกฐินกระบวนรถมอเตอร์คาร์ วัดโสมนัศที่ ๑ วัดปทุมวันที่ ๒ วัดจักรวรรดิ์ที่ ๓ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับวังสวนดุสิต แต่งครึ่งยศขาว
วันนี้ไม่ได้มีประชุมเสนาบดี
วัน ๓ ๑๐ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จทอดพระเนตรการทำพลับพลาแลการต่างๆ สำหรับงานเนื่องในการพระราชพิธีรัชมังคลาภิเศกที่พระลานวังสวนดุสิต เวลาย่ำค่ำเศษทรงรถม้าเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น วันนี้พระยาชลยุทธโยธินทร์ ซึ่งเข้ามากรุงเทพฯ ในงานพระราชพิธีรัชมังคลาภิเศกได้มาเฝ้าที่น่าพระที่นั่งอภิเศกดุสิตด้วย
อนึ่ง วันนี้เวลาบ่าย ๔ โมงเศษสมเด็จพระบรมราชินีนารถได้เสด็จ แต่พระบรมมหาราชวังเปนกระบวนรถม้าไปพระราชทานพระกฐินวัดมหาธาตุที่ ๑ วัดราชบูรณะที่ ๒ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับวังสวนดุสิต แต่งเต็มยศขาว
วัน ๔ ๑๑ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๔ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จทอดพระเนตรการทำพลับพลาแลการต่างๆ อย่างวานนี้ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต แล้วเสด็จประทับในพระที่นั่ง เวลาเกือบทุ่มเสด็จขึ้น
ค่ำวันนี้เวลา ๒ ทุ่มมีการดินเนอพระราชทานพระยาชลยุทธโยธินทร์ ที่ห้องทองพระที่นั่งอัมพรสถาน เลิกเวลา ๕ ทุ่มเศษ
วันนี้มีการจับฉลากผู้ปวารณาพระสงฆ์สามเณรวัดเบญจมบพิตร ไม่ได้เสด็จพระจับกันเอง
วัน ๕ ๑๒ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๑๒๗
เปนวันกำหนดพระราชทานพระกฐินวัดเบญจมบพิตร เวลาเช้า ๔ โมงเศษโปรดให้มีการเลี้ยงสลากภัตร์ที่ผู้ปวารณาจัดมา พระสงฆ์สามเณรฉันที่ศาลาบัณณรศภาคตามเคย เวลาบ่าย ๔ โมงครึ่ง เสด็จไปประทับที่ศาลาบัณณรศภาคในการทรงปวารณา แล้วเสด็จมาประทับที่พระอุโบสถพระราชทานพระกฐิน ในการพระกฐินปีนี้เครื่องบริขารซึ่งเคยเปนของเจ้านายข้าราชการจัดตกแต่งมานั้นโปรดให้งดเสีย ใช้บริขารของหลวงตามธรรมเนียม เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับวังสวนดุสิต แต่งเต็มยศขาว
วัน ๖ ๑๓ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จทอดพระเนตรการทำพลับพลาแลการต่างๆ เวลาย่ำค่ำ ๔๐ นาทีเสด็จกลับ เวลา ๒ ทุ่ม เสด็จออกประทับในพระที่นั่งอภิเศกดุสิตเวลาเกือบ ๔ ทุ่มครึ่งเสด็จขึ้น
วัน ๗ ๑๔ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๑๒๗
ด้วยทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้มีงานพระราชพิธีรัชมังคลาภิเศกแลงานอื่นที่เนื่องกัน การปลูกสร้างสำหรับงานนี้ ได้ทำพลับพลาในสวนแป๊ะเต๋งแห่งหนึ่ง ที่น่าพระลานแห่งหนึ่ง มีปรำตลอดถึงกัน พลับพลาน่าพระลานปลูกเปนพลับพลาช่อฟ้าสามยอดๆ เปนฉัตรผ้าแตง องค์กลาง ๗ ชั้น สองข้างเปนฉัตร ๕ ชั้น หันน่าออกมาทางพระบรมรูปหล่อทรงม้า แลปลูกปรำยกพื้นสำหรับข้าราชการเฝ้า ที่น่าพระบรมรูปปลูกเปนพลับพลายกอย่างเล็กยอดเสวตฉัตร สองข้างพระลานมีปรำแลตั้งรทาเปนสองแถว ที่พระบรมรูปก็แวดล้อมด้วยราชวัตรยอดเปนฉัตรไฟฟ้า ที่รอบสนามม้ามีศาลาโรงเล่นงานมโหรศพ แลมีปรำสำหรับไว้รถกระบวนแห่ที่ท้องสนามไชย จะได้เริ่มงานตั้งแต่วันที่ ๑๐ เดือนนี้เปนต้นไป ในงานครั้งนี้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการฝ่ายน่าฝ่ายในได้ถวายดอกไม้ธูปเทียนตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ ๙ รวม ๓ วัน
วันนี้เวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จทอดพระเนตรการปลูกสร้างตกแต่งที่พลับพลาแลที่อื่น ๆ แล้ว เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับ
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกในพระที่นั่งอภิเศกดุสิต พระบรมวงษานุวงษ์ผู้ใหญ่เฝ้าถวายดอกไม้ธูปเทียน ได้พระราชทานเหรียญรัชมังคลาภิเศกแล้ว เสด็จออกประทับที่มุขพระที่นั่ง พระยาบำเรอภักดิ์กราบบังคมทูลเบิกข้าราชการเฝ้าถวายดอกไม้ธูปเทียน ได้พระราชทานเหรียญแก่ข้าราชการผู้ใหญ่ นอกนั้นโปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชพระราชทานต่อไปแล้ว เสด็จประทับในพระที่นั่งพระบรมวงษานุวงษ์ ถวายพระราชกุศลในการที่ได้ไปถวายพระกฐิน เวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๑ ๑๕ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกในพระที่นั่งอภิเศกดุสิต พระบรมวงษานุวงษ์เฝ้าถวายดอกไม้ธูปเทียนกับเจ้านครเชียงใหม่ เจ้าอุปราชเมืองน่าน เจ้าราชบุตรเมืองลำพูนได้จัดต้นไม้ทองเงินมาถวายเปนการเฉลิมพระเกียรติยศด้วย ได้มีพระราชดำรัสแก่เจ้าผู้ครองนคร แลผู้ที่มาแทนเจ้าผู้ครองนครมณฑลพายัพทั้งปวงว่า การจัดต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการมาถวายนี้ บัดนี้ราชการมณฑลพายัพกับกรุงเทพฯ เปนอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ต่อไปให้งดการถวายต้นไม้ทองเงินนี้เสีย ได้พระราชทานตราแลเหรียญรัชมังคลาภิเศกแล้วเสด็จออกประทับที่มุขพระที่นั่ง ข้าราชการเฝ้าถวายดอกไม้ธูปเทียน ได้พระราชทานเหรียญอย่างเมื่อคืนนี้แล้ว เวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๒ ๑ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จทอดพระเนตรการปลูกสร้างสำหรับงานที่ถนนสนามไชยแลที่พระลานแล้ว เวลา ๒ ทุ่มครึ่งเสด็จออกประทับมุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต ข้าราชการเฝ้าถวายดอกไม้ธูปเทียน พระราชทานเหรียญรัชมังคลาภิเศกแล้ว เสด็จประทับในพระที่นั่ง เวลายามเศษเสด็จขึ้น
วันนี้หม่อมเจ้าธัญญวงษ์ ในกรมขุนภูวไนย ซึ่งมาเฝ้าได้เปนลมบ้าหมูน่าพระที่นั่งล้มลง
อนึ่ง วันนี้ย่างเช้าฤดูหนาว ได้โปรดให้เปลื้องเครื่องพระมหามณีรัตนปฏิมากรสำหรับฤดูฝนออกเปลี่ยนเปนทรงเครื่องสำหรับฤดูหนาวต่อไป
วัน ๓ ๒ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๑๒๗
วันนี้เปนวันเริ่มงาน มีสวดมนต์ฉลองพระบรมรูปที่พลับพลาน่าพระลาน แลมีสวดมนต์ก่อพระฤกษ์พระที่นั่งอนันตสมาคมที่พลับพลาสวนแป๊ะเต๋ง แต่งครึ่งยศ
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกยังพลับพลาน่าพระลาน ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ ๑๐๐ รูปมีพระธรรมไตรโลกาจารย์เปนประธาน สวดมนต์สัตตปริตต์แล้ว เสด็จกลับมาประทับพลับพลาในสวนเป๊ะเต๋ง ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทรงศีล พระสงฆ์ ๕๐ รูป มีกรมหลวงวชิรญาณวโรรสเปนประธานสวดมนต์ โหรบูชาเทวะดา ในเวลานี้ได้พระราชทานเหรียญรัชมังคลาภิเศก แลเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลปัตยุบัน แก่เจ้านายข้าราชการบ้าง สวดมนต์จบทรงประเคนย่ามมีระเบียบตามบรรดาศักดิ์แก่พระสงฆ์ แลเสด็จออกทรงประเคนย่ามแก่พระสงฆ์ที่พลับพลาน่าพระลานแล้ว เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
วัน ๔ ๓ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๑๒๗
เปนรัชมงคลสมัยที่ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเศกมาครบ ๔๐ ปีบริบูรณ วันนี้มีการก่อพระฤกษ์พระที่นั่งอนันตสมาคม เปิดพระบรมรูปพระราชทานธงประจำกองแก่ทหาร ๑๒ กอง มีการเลี้ยงแลเสด็จออกพลับพลาน่าพระลาน แต่งเต็มยศสายสร้อยจุลจอมเกล้า
เวลาเช้าโมงเศษเสด็จออกยังพลับพลาในสวนแป๊ะเต๋ง ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ ทรงศีลแล้ว ได้เวลาปฐมฤกษ์เวลาเช้าโมงหนึ่งกับ ๒๙ นาที ๘ วินาที พระโหราธิบดีลั่นฆ้องไชยให้สัญญา พระสงฆ์สวดไชยมงคลคาถา เจ้าพนักงานประโคม ทรงชักเชือกวางศิลาพระฤกษ์ ก่อรากพระที่นั่ง ทรงหลั่งน้ำสังข์ แลพราหมณ์ได้หลั่งน้ำสังข์ต่อไป กระแสพระบรมราชโองการซึ่งบรรจุในศิลาพระฤกษ์มีลงในราชกิจจาเฉภาะงานรัชมังคลาภิเศก ส่วนเครื่องบรรจุในศิลานี้ มีอะไรได้เขียนเปนบาญชีไว้ข้างท้ายด้วยแล้ว เมื่อเสร็จการทรงวางศิลาแล้วมีเลี้ยงพระ แลได้พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลปัตยุบัน แก่พระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการ แลโปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสพระราชทานเหรียญรัชมังคลาภิเศก แก่ข้าราชการที่ยังไม่ได้แล้วเวลาเช้า ๒ โมงเศษเสด็จขึ้น ส่วนพระสงฆ์ที่สวดมนต์ในการฉลองพระบรมรูป โปรดให้เจ้าพนักงานจัดส่งเข้ากระทงคาวหวานแลกาน้ำฉันซึ่งเกณฑ์แผ่พระราชกุศลให้พระบรมวงษานุวงษ์ทำไปถวาย
เวลาบ่าย ๔ โมงเสด็จออกยังพลับพลาน่าพระลาน เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางลาดพระบาท เปนกระบวนสี่สายไปทางตวันออกพระบรมรูป เสด็จขึ้นประทับพลับพลายก แปรพระภักตร์ทิศใต้ ราษฎรเฝ้า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชกราบบังคมทูลถวายพระบรมรูป มีพระราชดำรัสตอบแล้ว แปรพระภักตร์กลับข้างเหนือ ทรงชักเชือกเปิดพระบรมรูป ในเวลานี้กรมทหารบกทหารเรือได้ยิงปืนใหญ่ถวายคำนับ มีประโคม เล่นการมโหรศพสมโภชเปนการใหญ่ มีคุลาตีไม้แลโมงครุ่มเปนต้น เสด็จกลับทางข้างตวันตกพระบรมรูป มาประทับพลับพลาน่าพระลาน ทหารบกทั้ง ๑๒ กองเฝ้า ทรงตรึงตะปูธงแล้วพระราชทาน ทหารกระทำพิธีเดินธงไปเข้าประจำกองแล้วเสด็จขึ้น
เวลา ๒ ทุ่ม เสด็จออกพลับพลาในสวนแป๊ะเต๋งพร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ ประทับโต๊ะเสวยมีจำนวน ๑๖๗ ที่ทั้งที่ประทับ เสวยแล้วเสด็จออกพลับพลาน่าพระลาน ทอดพระเนตรการมโหรศพ มีรำโคมดอกบัวเปนต้น กับทอดพระเนตรดอกไม้เพลิงที่พระสงฆ์ทั้งในกรุงแลหัวเมืองได้จัดมาจุดสมโภชพระบรมรูป ในเวลาที่ประทับพลับพลานี้ ได้พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์แก่ข้าราชการบ้างแล้ว เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
ในเวลาวันนี้เจ้าพนักงานกรมทหารบก ทหารเรือ ได้ยิงปืนใหญ่ถวายคำนับ ๓ เวลา คือเวลาโมงเช้า เวลาเที่ยง กับเวลาบ่าย ๔ โมง เมื่อเปิดพระบรมรูป การแต่งบ้านเรือนแลตามประทีปโคมไฟ ในวันที่ ๑๕ ที่ ๑๖ ที่ ๑๗ ในการเฉลิมฉัตรรัชพรรษานั้น ใน๔๑ศกนี้ โปรดให้ร่นการตกแต่งบ้านเรือนแลตามประทีปโคมไฟนั้นเข้ามามีตั้งแต่วันนี้ไป จนถึงวันที่ ๑๓ รวม ๓ วัน
อนึ่ง วันนี้ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้กำหนดใช้แพรสอดเข็มอักษรพระนาม ซึ่งแต่ก่อนใช้แพรสีชมภูอย่างเดียว วางระเบียบใหม่ให้เปน ๓ ชั้น คือเข็มเพ็ชร์ให้สอดสายแพรแถบนพรัตนราชวราภรณ์ เข็มลงยาราชาวดี ให้สอดสายแพรแถบมหาจักรกรี เข็มทองเปล่าให้สอดแพรแถบชมภู จุลจอมเกล้าตามเดิม แลได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศเบิดทางรถไฟสายเหนือ ตอนตั้งแต่เมืองพิศณุโลกถึงตำบลบ้านดารา แลให้กรมไปรสณีย์โทรเลขเปิดจำหน่ายใช้ตั๋วตรารัชมังคลาภิเศกอีกอย่างหนึ่ง แลให้เปิดใช้โทรเลขระหว่างกรุงเทพ ฯ กับเกาะสีชัง แลมีพระราชบัญญัติมาตราทองคำ๔๑ศก ๑๒๗ ออกใช้ด้วย
บาญชีเครื่องบรรจุศิลาก่อพระฤกษ์พระที่นั่งอนันตสมาคม
เงินเหรียญตรามหามงกุฎเถาละ ๓. เถา ๑
เงินเหรียญตราพระเกี้ยวเถาละ ๓. เถา ๑
เงินเหรียญตราพระบรมรูปเถาละ ๓. เถา ๑
อัฐทองแดงแต่ไพถึงโสพัศ เถา ๑
ธนบัตรใบละ ๒๐ บาท ๑๐ บาท ๕ บาท ๓ ใบ
เบี้ยสตางค์ ๓ อย่าง
หนังสือต่างๆที่เปนสมุด
กฎหมายลักษณอาญา๔๑ศก ๑๒๗ เล่ม ๑
พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่ง๔๑ศก ๑๒๗ เล่ม ๑
พระราชนิพนธ์เรื่องวัดราชาธิวาศ เล่ม ๑
บาญชีชื่อพระที่นั่งต่างๆ ของโรงเรียนมหาดเล็กเล่ม ๑
หนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ที่ออกในวันใกล้พระฤกษ์
สยามออฟเซอร์เวอร์ ฉบับ ๑
บางกอกไตม์ ฉบับ ๑
หนังสือพิมพ์ไทย ฉบับ ๑
จีนโน ฉบับ ๑
ข่าวตลาด ฉบับ ๑
กระดาดต่างๆ
๑. กระดาดพระราชหัดถ์ตราพระบรมราชโองการทุกชนิดพร้อมทั้งซอง
๒. กระดาดพระราชหัดถ์ตราพระโพธิสัตว์สำหรับวังสวนดุสิต ทุกชนิดพร้อมทั้งซอง
๓. ตราอาร์มแผ่นดินสำหรับประจำซอง
๔. แบบพระราชลัญจกรต่างๆที่ใช้ในรัชกาลปัตยุบันนี้
พระยาสุขุมจัด
๑. พระบรมรูป
๒. รูปวัดพระศรีรัตนสาศดาราม
๓. รูปวัดพระเชตุพน
๔. รูปวัดอรุณ
๕. รูปแปลนพระที่นั่งอนันตสมาคมที่จะสร้างใหม่
วัน ๕ ๔ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๑๒๗
วันนี้มีแห่รถมอเตอคาร์ เปิดสพานเฉลิม สโมสรสันนิบาตน่าพระที่นั่งอภิเศกดุสิต มีการเลี้ยงแลเสด็จออกพลับพลาน่าพระลาน เวลาเลี้ยงแลเสด็จออกพลับพลา ตอนค่ำแต่งเต็มยศ นอกนั้นแต่งครึ่งยศ
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกยังพลับพลาน่าพระลาน ทอดพระเนตรกระบวนแห่รถมอเตอร์การ์ ซึ่งบรรดาผู้ที่มีรถได้ตกแต่งนำมาถวายตัว แลเพื่อตามเสด็จเปิดสพาน รถทั้งปวงนี้ตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้ใบไม้ ทั้งมีรูปสัตว์จัตตุบาททวิบาทน่าดูมาก รถพระที่นั่งแต่งเปนรูปพระนารายณ์ทรงครุธที่น่ารถ รวมรถแห่คราวนี้ทั้งรถพระที่นั่ง ๑๑๒ คันด้วยกัน มีบาญชีรายชื่อลงในราชกิจจานุเบกษาฉบับเฉภาะงานรัชมังคลาภิเศกนั้นแล้ว กระบวนรถนี้ได้เดินมาจากวัดพระเชตุพนเข้าทางตวันตกพระบรมรูปผ่านน่าพลับพลาถวายตัวแล้ว ออกทางถนนใบพรไปถนนภาพระบำ เลี้ยวถนนซางฮี้ ข้ามสพานคลองเปรมประชากรไปถนนลก หยุดคอยเสด็จที่เชิงสพานถนนดวงตวัน เมื่อสิ้นกระบวนแล้ว ได้เสด็จทรงรถพระที่นั่ง รถกรมหมื่นราชบุรีนำเสด็จออกทางน่าพระลานเลี้ยวถนนดวงตวัน เลี้ยวถนนลก รถทั้งปวงซึ่งนำมาเข้ากระบวนแห่นั้นตามเสด็จทั้งสิ้น รถพระที่นั่งเลี้ยวถนนคอเสื้อ ไปออกถนนประแจจีน หยุดบนสพานซึ่งจะทรงเปิดใหม่ เสด็จลงจากรถ เสนาบดีกระทรวงนครบาลแลบรรดาผู้ที่ได้รับเชิญเฝ้า เสนาบดีกระทรวงนครบาลอ่านรายงานสร้างสพานกราบบังคมทูล มีพระราชดำรัสตอบแล้วทรงตัดแพรแถบอันขึงกั้นสพานไว้ให้ขาดออก เป็นอันพระราชทานนามสพานนี้ว่า “สพานเฉลิม ๕๕” มีประโคมกองทหารทำเพลงแตรสรรเสริญพระบารมี แล้วทรงรถพระที่นั่งข้ามสพานไปตามถนนราชดำริห์เปนปฐมฤกษ์ ผ่านถนนหัวลำโพงไปตามถนนสีลม เลี้ยวถนนเจริญกรุง เลี้ยวถนนสนามไชยไปตามถนนราชดำเนินกระทั่งถึงพระลาน รถพระที่นั่งเลี้ยวถนนใบพรเข้าประตูกวาง หยุดที่พลับพลาโรงละครในสวนแง่เต๋ง มีเจ้านายข้าราชการซึ่งมิได้ตามเสด็จเฝ้าในที่นี้ ได้พระราชทานเหรียญรัชมังคลาภิเศกแก่ผู้ที่ยังไม่ได้รับพระราชทานบ้าง ครั้นผู้ที่นำรถไปตามเสด็จมาถึงพร้อมกัน โปรดให้มีเลี้ยงน้ำชาแล้ว เสด็จออกพระที่นั่งอภิเศกดุสิต ราษฎรพ่อค้าซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้เชิญมา, ได้เฝ้าแลรับพระราชทานเลี้ยงน้ำชาที่เต๊นต์น่าพระที่นั่งนั้นแล้ว เสด็จขึ้น
เวลา ๒ ทุ่มเสด็จออกพลับพลาในสวนแป๊ะเต๋ง ประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยเจ้านายข้าราชการ ที่ได้เชิญมารวม ๒๑๘ ทั้งที่ประทับ เสวยแล้วพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์แก่ข้าราชการบ้างแล้ว เสด็จออกพลับพลาน่าลาน ทอดพระเนตรการมโหรศพและดอกไม้เพลิง จนเวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
วัน ๖ ๕ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๑๒๗
วันนี้มีการแห่เฉลิมพระเกียรติ์ มีการเลี้ยงแลเสด็จออกพลับพลาน่าพระลาน เวลาแห่แต่งครึ่งยศ เวลาค่ำเลี้ยงแลเสด็จออกพลับพลา แต่งเต็มยศขาว
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จออกพลับพลาน่าพระลาน ทอดพระเนตรกระบวนแห่เฉลิมพระเกียรติ์ กระบวนแห่คราวนี้นับว่าเปนกระบวนที่พึงดูอย่างประณีต รถของกระทรวงไหนกรมไหนฤๅมณฑลใด ก็ได้ตกแต่งเปนเครื่องหมายสรรพกิจการแลสรรพพัศดุ ซึ่งเปนของเกิดมีขึ้นในรัชกาลปัตยุบันนี้ แลมีเครื่องหมายเพื่อให้ทราบได้ว่า กระทรวงนั้นมณฑลนั้น มีการเล่นแลแต่งตัวต่างๆ กัน รวม ๗๙ กระบวนด้วยกัน มีบาญชีลงในราชกิจจานุเบกษาฉบับที่ออกเฉภาะงานรัชมังคลาภิเศกนั้นแล้ว แห่คราวนี้มีประชาชนทั้งในกรุงแลหัวเมืองมาดูมาชมเกือบจะไม่มีที่ว่าง ถึงในงานวันก่อนๆ ก็มาดูมาก แม้แต่ฝนตกก็ยังมีคนแน่นหนาไปทั้งนั้น ดูไม่ค่อยรู้สึกกลัวเปียกเลย กระบวนแห่นี้ได้เดินเข้าทางตวันตกแห่งพระบรมรูป เดินวงผ่านน่าพระที่นั่ง ถวายทอดพระเนตรแล้วเลี้ยวกลับไปทางตวันออกแห่งพระบรมรูป ประทับทอดพระเนตรกระบวนตั้งแต่เวลาเสด็จออกจนเวลาย่ำค่ำเศษสิ้นกระบวนแล้วเสด็จขึ้น กระบวนรถแห่ทั้งหลายนี้ เมื่อแห่ถวายทอดพระเนตรแล้ว ได้นำไปเข้าปรำไว้ที่ท้องสนามไชย เพื่อให้คนทั้งหลายได้ดูได้ชมต่อไป จนวันที่ ๑๘ พฤศจิกายนจึงจะเลิก
กระบวนซึ่งเรียกว่าอภัยทานของสมเด็จพระบรมโอรสซึ่งแห่วันนี้ หมายความว่าทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานอภัยให้ประชาชนได้เปนไทยแท้สมแก่นามแห่งชาติ มีคำร้องของจัตุบริษัทที่มาในกระบวน ถวายพระพรว่าดังนี้
๏ สะสม ๚ ๏ ข้า เจ้าเหล่าชนทุกตระกูล บังคมนเรนทร์สูรทรงศักดิ์ มั่นจิตรตั้งหน้าสามิภักดิ์ พำนักพึ่งโพธิสมภาร ๚ะ
๏ วิลันดาโอด ๚ะ ๏ ให้แสนกรุณาปรานียังนิกรปรีดีเกษมสานต์ เพราะได้อภัยมหาทาน เริงสราญเปนไทยได้สมนาม ๚ะ
๏ แขกบรเทศ ๚ะ ๏ จึงประนมก้มเกษอภิวาทน์ พระปริยะมหาราชจอมสยาม สิ่งใดธประสงค์จงสิทธิ์ตาม ทุกโมงทุกยามทุกเมื่อเทอญ ๚ะ
เวลาทุ่มเศษเสด็จออกพระที่นั่งอภิเศกดุสิต ราชทูตผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศเฝ้า มิสเตอร์แฮมิลตันกิงอรรคราชทูตอเมริกันอ่านคำถวายไชยมงคล ได้มีพระราชดำรัสตอบแล้วเสด็จขึ้น เจ้าพนักงานได้เชิญราชทูตผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศกับข้าราชการซึ่งโปรดให้เชิญมา ไปชุมนุมกันอยู่ที่พลับพลาในสวนแป๊ะเต๋ง
เวลา ๒ ทุ่มเสด็จออกพร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ประทับโต๊ะเสวยที่พลับพลาในสวนแป๊ะเต๋ง พร้อมด้วยผู้ที่เชิญมารวม ๒๑๘ ทั้งที่ประทับ เสวยแล้วเสด็จออกพลับพลาน่าพระลาน ทอดพระเนตรการมโหรศพ แลจุดดอกไม้เพลิง เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น แล้วทรงรถเสด็จทอดพระเนตรโคมไฟตามถนนจนเวลา ๒ ยามเสด็จกลับ
รายพระนามแลนามพระสงฆ์สามเณร ที่ทำดอกไม้เพลิง แลกำหนดชุดดอกไม้เพลิง จุดในการสมโภชพระบรมรูป วันที่ ๑๑ วันที่ ๑๒ วันที่ ๑๓ พฤศจิกายนนี้ มีบาญชีในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งลงเฉภาะงานรัชมังคลาภิเศกแล้ว
วัน ๗ ๖ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๑๒๗
วันนี้มีเลี้ยงพระ ๑,๐๐๐ รูปเศษ ทอดพระเนตรทหารบกรายทาง สวดมนต์พระบรมอัฐิ แต่งครึ่งยศขาว
เวลาเช้าโปรดให้นิมนต์พระสงฆ์สามเณรซึ่งทำดอกไม้เพลิงมาจุดฉลองพระเดชพระคุณมีจำนวน ๑,๐๐๐ รูปเศษ มาฉันเข้ากระทงที่พลับพลา มีปรำสองข้างพระลาน แลที่โรงงานมโหรศพ เปนสถานที่พระฉัน ๓๒ แห่ง ในการเลี้ยงพระนี้ โปรดให้เกณฑ์แผ่พระราชกุศลให้พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการจัดเข้ากระทงคาวหวานพร้อมด้วยกาน้ำฉันเภสัชอังคาษซองถวายพระพระสงฆ์คนละรูป พระราชทานพระราชทรัพย์จ่ายแก่ผู้รับปฏิบัติจัดทำของเลี้ยงพระนี้คนละกึ่งตำลึง เรื่องจัดเข้ากระทงนี้มีหมายรับสั่งดังที่ลงในราชกิจจานุเบกษาฉบับเฉภาะงานรัชมังคลาภิเศกแล้ว เข้ากระทงนี้ที่ทำกันมักใช้เปนปิ่นโตคาวหวานแทนกระทง โดยมากเปนสำรับก็มี
เวลาเช้าโมงเศษเสด็จออกพลับพลาน่าพระลาน ทรงรถพระที่นั่งทอดพระเนตรการจัดเลี้ยงพระสงฆ์ตามปรำต่างๆ พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการผู้ปฏิบัติพระสงฆ์ ยืนเฝ้ารายตามน่าปรำ แลได้ถวายตัวอย่างของที่จัดทอดพระเนตรด้วย แล้วเสด็จขึ้นประทับบนพลับพลาน่าพระลาน โปรดให้จัดการเลี้ยงพระบนพลับพลา แลที่ปรำต่าง ๆ พระสงฆ์ฉันแล้ว โปรดให้ถวายย่ามตามระเบียบบรรดาศักดิ์ แลดอกไม้ธูปเทียนแก่พระสงฆ์ทั้งปวง ระเบียบย่ามที่ถวายพระมีลงในราชกิจจานุเบกษาฉบับเฉภาะงานรัชมังคลาภิเศกแล้ว เลี้ยงพระแล้ว พระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการที่ได้จัดเข้ากระทง ได้ขึ้นไปเฝ้าถวายพระราชกุศลพร้อมกันบนพลับพลา เวลาเช้า ๓ โมงเศษเสด็จขึ้น
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ ทรงรถพระที่นั่งออกจากวังสวนดุสิตทางถนนบ๋วย ไปปลายถนนใบพรออกพระลานไปตามถนนราชดำเนิร เลี้ยวถนนน่าพระลาน ทอดพระเนตรทหารบกซึ่งมารายทางรับเสด็จตั้งแต่วังสวนดุสิตตลอดถึงพระบรมมหาราชวัง น่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท เสด็จเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง
เวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จเปนกระบวนรถมอร์เตอร์คาร์จากพระบรมมหาราชวัง ทางประตูเทวาพิทักษ์ไปตามถนนสนามไชย เลี้ยวถนนพระพิพิธไปถนนพระพิทักษ์ ถนนพาหุรัด เลี้ยวถนนมหาไชย ถนนเยาวราช ถนนจักรวรรดิ์ หยุดรถพระที่นั่งที่ตรงถนนสำเพ็ง ทรงพระราชยานเปนกระบวนราบ เสด็จไปตามถนนสำเพ็ง ทอดพระเนตรการตกแต่ง ซึ่งจีนพ่อค้าทำฉลองพระเดชพระคุณในงานครั้งนี้ ตลอดถึงถนนทรงวาดแล้วเสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่งไปตามถนนทรงวาด เลี้ยวขึ้นถนนเจริญกรุง เลี้ยวถนนสนามไชย เลี้ยวถนนน่าพระลานกลับคืนเข้าพระบรมมหาราชวัง
ในการที่จะสวดมนต์ พระบรมอัฐิวันนี้ เจ้าพนักงานได้เชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า พร้อมด้วยพระชนม์วารแลพระชนม์พรรษา เฉภาะแต่ส่วนที่มีฉัตรกันหมายจำนวนเท่ารัชกาลทั้ง ๔ รัชกาลนั้น ออกตั้งในพระมหาปราสาท ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการลงยาแลเครื่องทองน้อยถวายบังคมพระบรมอัฐิ แล้วทรงทอดผ้าไตรแลย่าม พระสงฆ์เท่ารัชกาลทั้ง ๔ รวม ๘๙ รูป มีพระปิฎกโกศล พระธรรมโกษาจาริย์ พระอุบาฬีคุณูปมาจาริย์ พระธรรมปาโมกข์ เปนประธาน สดับปกรณ์แล้วออกไปครองผ้า ในเวลานี้ได้พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ ๔ แก่เจ้านายบางพระองค์ ซึ่งยังค้างไม่ได้พระราชทาน เมื่อพระสงฆ์กลับมานั่งที่แล้ว ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ แลเทียนนมัสการเท่าจำนวนพระชนม์พรรษา ทรงศิลแล้ว หลวงมหาสิทธิ์อ่านประกาศเทวดา ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงษ์ทรงแต่ง พระสงฆ์สวดมนต์ในเวลานี้ ได้พระราชทานเงินสลึงแก่พระบรมวงษานุวงษ์ ที่ทรงประดับเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ ๔ มาในเวลานี้ สวดมนต์จบ ได้ทรงประเคนพัดทอทองด้านน่าเปนรูปพระครุธพาห อย่างพัดพระราชทานเมื่องานรัชมงคลกรุงเก่า แปลกกันแต่คราวนี้พื้นดำ พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลาแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสเสด็จออกทรงจุดดอกไม้เพลิง ณ พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
ประกาศเทวดาที่อ่านวันนี้ มีลงในราชกิจจานุเบกษาฉบับเฉภาะงานรัชมังคลาภิเศกด้วย
วัน ๑ ๗ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๑๒๗
มีเลี้ยงพระที่สวดมนต์พระบรมอัฐิ มีสวดมนต์ราชสมบัติแลในวันนี้ตามโปรแกรมเดิม กำหนดว่าเวลาบ่ายจะทอดพระเนตรกิฬาทหารบกณะท้องสนามหลวงด้วย แต่ในงานคราวนี้ฝนตกท้องสนามแฉะชื้น จึงโปรดให้งดที่จะมีกิฬาทหารบกนี้เสีย แลเลื่อนการเสด็จทอดพระเนตรรถกระบวนแห่ ซึ่งเดิมกะไว้ว่าจะเสด็จต่อวันที่ ๑๗ นั้นมาทอดพระเนตรวันนี้ แลโปรดให้พวกรถจักรยานซึ่งได้ตกแต่งไปแห่เฉลิมพระเกียรติเมื่อวันที่ ๑๓ นั้นได้นำมาถวายทอดพระเนตรวันนี้ด้วย เพราะวันแห่เมื่อถึงกระบวนรถจักรยานถวายตัว เปนเวลาพลบค่ำเสีย หาได้ทอดพระเนตรทั่วถึงไม่ วันนี้เวลาเลี้ยงพระแลทอดพระเนตรกระบวนแห่ แต่งปรกติ เวลาค่ำสวดมนต์ แต่งครึ่งยศขาว
เวลาเช้า ๔ โมงเศษ โปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จมาทรงจัดการเลี้ยงพระที่สวดมนต์เมื่อคืนนี้
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ ในหลวงทรงรถพระที่นั่งเสด็จทอดพระเนตรรถกระบวนแห่ที่ปรำท้องสนามไชย แลทอดพระเนตรรถจักรยาน ที่แต่งมาถวายตัวแล้ว เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
ในการสวดมนต์ราชสมบัติ เจ้าพนักงานได้เตรียมการที่พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย เชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์ออกตั้งบนพระที่นั่งเสวตรฉัตรพร้อมด้วยเครื่องราชูปโภค เชิญพระไชยวัฒนรัชกาลปัตยุบัน พร้อมด้วยพระชนมวาร แลพระพุทธรูปลำดับพระชนม์พรรษาเฉภาะที่มีฉัตรเท่าจำนวนรัชกาล ตั้งบนบุษบกดอกไม้ด้านตวันออก กับตั้งโต๊ะทองตั้งพระเต้าน้ำพระพุทธมนต์ ตั้งพานพระสุพรรณบัตร หิรัญบัตร ซึ่งจะทรงตั้งกรมแลตั้งเจ้าพระยาในวันพรุ่งนี้ พร้อมเสร็จ ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกทรงประเคนไตรแพรย่ามพัดทอทองแก่พระสงฆ์ ๔๑ รูป มีกรมหลวงวชิรญาณเปนต้น พัดวันนี้ก็เปนตราพระครุธพาห์เหมือนวันก่อน แต่พื้นแดง พระสงฆ์ครองผ้ากลับมานั่งที่ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแลเทียนต่าง ๆ ทรงศิลแล้ว พระพิมลธรรมอ่านประกาศเทวตา ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงษ์ทรงแต่งจบแล้ว พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์สัต์ตปริต เวลานี้ได้พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลปัตยุบันแก่เจ้านายข้าราชการด้วย สวดมนต์จบแล้วเวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น
ประกาศเทวดาที่พระพิมลธรรมอ่านวันนี้ มีลงในราชกิจจานุเบกษาฉบับเฉภาะงานรัชมังคลาภิเศกด้วย
วัน ๒ ๘ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๑๒๗
วันนี้เช้าสรงพระมุรธาภิเศก เลี้ยงพระสมโภชเสวตรฉัตร บ่ายตั้งกรมพระราชทานตราจุลจอมเกล้า ถวายบังคมพระบรมรูป ค่ำเต้นรำที่ศาลาว่าการต่างประเทศ เวลาเช้าแต่งครึ่งยศ เวลาบ่ายเวลาค่ำแต่งเต็มยศ
เวลาเช้าใกล้พระฤกษ์ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ ทรงศีลแล้วได้เวลาปฐมฤกษ์ เช้า ๓ โมง ๒๙ นาที ๕๘ วินาที พระโหราธิบดีลั่นฆ้องไชยให้สัญญา เจ้าพนักงานประโคม เสด็จสรงพระมุรธาภิเศกสนาน สรงแลเลี้ยงพระแล้ว ทรงประเคนเครื่องไทยธรรมแลธูปเทียนแพ แลได้พระราชทานย่ามหักทองขวางเปนรางวัลแก่พระพิมลธรรมในการอ่านประกาศดี พระสงฆ์กลับแล้ว ทรงจุดเทียนที่โต๊ะสังเวยโหรบูชาเทวดา พราหมณ์อ่านดุษดีสังเวยจบแล้ว พระราชทานเงิน ๒๔๐ บาท แด่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงษ์เปนรางวัลในการทรงแต่งประกาศ พระบรมวงษานุวงษ์จุดธูปเทียนบูชาพระมหาเสวตรฉัตร แลเครื่องศิริราชกกุธภัณฑ์ มีเวียนเทียนสมโภชทรงพระสุหร่ายสรง แลทรงเจิมพระมหาเสวตรฉัตรแลเครื่องศิริราชกกุธภัณฑ์แล้ว เวลาย่ำเที่ยงเศษเสด็จขึ้น
จวนใกล้พระฤกษ์ เวลาบ่าย ๓ โมง ๕๑ นาที ๑๔ วินาที เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัยประทับพระราชบัลลังก์ เจ้าพนักงานประโคมแตรฝรั่งมโหรทึก สุดเสียงประโคมแล้ว พระยาศรีสุนทรโวหาร เจ้ากรมพระอาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระราชดำริห์ ในการที่จะทรงสถาปนาตั้งพระองค์เจ้าต่างกรมแลตั้งเจ้าพระยาแล้ว พระสงฆ์ ๑๐ รูป มีกรมหลวงวชิรญาณเปนประธานสวดไชยมงคลคาถา มีประโคมทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ ทรงเจิมพระราชทานพระสุพรรณบัตร ใบกำกับพระสุพรรณบัตร ประกาศกระแสพระบรมราชโองการ พร้อมด้วยเครื่องสำหรับพระเกียรติยศให้พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงษ์เปนกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม ให้พระเจ้าวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้เสรษฐวงษ์วราวัตร์ เปนกรมหมื่นอนุพงษ์จักรพรรดิ์ ให้พระบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้ากาญจโนภาศรัศมี เปนกรมหมื่นชาญไชยบวรยศ แล้วทรงหลั่งน้ำสังข์ ทรงเจิมพระราชทานหิรัญบัตร ใบกำกับหิรัญบัตร แลประกาศกระแสพระราชดำริห์ พร้อมด้วยเครื่องสำหรับเกียรติยศ ให้พระยาสุขุมนัยวินิตเปนเจ้าพระยายมราช พระราชทานตราจุลจอมเกล้าแก่พระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการเสร็จแล้ว เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาล พระราชทานตราฝ่ายในแล้วเสด็จขึ้น
ส่วนที่พระที่นั่งศิวาไลยมหาปราสาทนั้นไม่ได้เสด็จ เพราะไม่ทรงสบาย โปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จไปทรงจุดเทียนถวายบังคมพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๔ รัชกาล พร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการ
เวลายามเศษมีการเต้นรำที่ศาลาว่าการต่างประเทศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จด้วย
วัน ๓ ๙ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๑๒๗
วันนี้ทรงธรรม แต่งเต็มยศ สายสร้อยจุลจอมเกล้า เว้นแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเต็มยศขาว เพราะไม่ทรงสบาย
เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จเปนกระบวนพยุหยาตราน้อย แต่พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทไปประทับเกยหลังวัดพระแก้ว เสด็จพระราชดำเนิรตามพระระเบียงที่ข้าราชการฝ่ายน่าอยู่เฝ้าเปนประทักษิณไปทางหอพระนาค หอพระมณเฑียรธรรม ตลอดจนถึงมุมพระพุทธปรางด้านน่าพระอาราม ตรงทางจะเข้าพระอุโบสถ จึงเสด็จทางช่องด้านเหนือขึ้นประทับพระอุโบสถ ทรงกระทำพุทธบูชาเสร็จแล้ว ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ กรมหลวงวชิรญาณถวายศิลแลศักราชถวายเทศน์พระรัฐประศาสนนัยปัจฉิมภาคเทศนาพิเศษจบแล้วถวายยะถา พระสงฆ์ราชาคณะปเรียญรวม ๓๐ รูป รับสัพพีจบแล้ว ทรงประเคนเครื่องไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลาแล้ว เสด็จออกทางหลังพระอุโบสถ ที่พระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการฝ่ายในหม่อมห้ามภรรยาข้าราชการอยู่เฝ้าตั้งแต่ในพระอุโบสถลงมาจนตลอดมุขหลัง เสด็จออกทางช่องหลังพระอุโบสถด้านเหนืออย่างถือน้ำ ไปทรงราชยานยังประตูหลังพระอาราม ดำเนิรกระบวนพยุหยาตราน้อยกลับคืนเข้าสู่พระราชมณเฑียร
วัน ๔ ๑๐ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๑๒๗
วันนี้ทรงตรวจพล ณ ท้องสนามหลวง ทหารแต่งเครื่องสนาม ผู้ตามเสด็จแต่งเต็มยศ
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จเปนกระบวนรถม้า แต่ในพระบรมมหาราชวังออกประตูวิเศษไชยศรี ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการรับเสด็จที่มุมสนาม เสด็จไปตามถนนน่าพระธาตุ ถึงมุมสนามด้านเหนือ นายทหารนำรถพระที่นั่งเข้าในสนาม แม่ทัพกองพิเศษพร้อมด้วยนายทหารในกรมบัญชาการกองทัพรับเสด็จที่สนาม เสด็จทรงตรวจพลตลอดแล้วประทับพลับพลา กองทัพแปรกระบวนออกเดินสวนสนามถวายแล้ว กลับตั้งกระบวน พร้อมกันกระทำเคารพถวายด้วยความยินดีในพระมหากรุณาแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางถนนราชินีเลี้ยวถนนราชดำเนิร กลับสู่วังสวนดุสิตเวลาย่ำค่ำเศษ
การดูตรวจพลสวนสนามวันนี้ กรมยุทธนาธิการได้แจ้งความมีระเบียบดังนี้
๑. พระราชวงษ์ที่ทรงศักดิ์ ตั้งแต่พระองค์เจ้าขึ้นไปขึ้นบนพลับพลาส่วนที่น่าพลับพลา แลข้างพลับพลาสำหรับข้าราชการในพระราชถาน
๒. เจ้าพระยา เสนาบดี พระยานาหมื่น เจ้าประเทศราชทูต กงซุล ดูที่ปรำด้านใต้พลับพลาบนยกพื้นตอนที่ ๑
๓. ข้าราชการทั่วไปที่แต่งเต็มยศ (ทั้งหม่อมเจ้าด้วย) ดูที่ปรำด้านใต้พลับพลาบนยกพื้นตอนที่ ๒
๔. พ่อค้าที่ได้รับตั๋วพิเศษ ดูที่ชั้นน่าปรำด้านใต้พลับพลา
๕. หญิงผู้ดี (สวมถุงเท้ารองเท้า) ดูที่ปรำด้านเหนือพลับพลา
๖. ประชาชนที่แต่งตัวเรียบร้อย (สวมถุงเท้ารองเท้า) ดูได้ที่เต็นต์แลปรำ ที่สุดทางด้านใต้
๗. บรรดาประชาชนทั่วไป ดูได้ทั่วไป นอกท้องสนามหลวง
ทหารที่มารวมพลสวนสนามคราวนี้ คือกองพลที่ ๑ มณฑลกรุงเทพฯ กรมทหารราบที่ ๑๒ มณฑลนครไชยศรี กรมทหารราบที่ ๑๓ มณฑลกรุงเก่า กองพลที่ ๔ มณฑลราชบุรี กองพลที่ ๕ มณฑลนครราชสีมา กองพลที่ ๖ มณฑลนครสวรรค์ กองพลที่ ๗ มณฑลพิศณุโลก กองพลที่ ๙ มณฑลปาจิณบุรี นักเรียนนายร้อย รวมนายทหารพลทหาร แลพนักงานทั้งสั้นประมาณ ๒๐,๐๐๐ เศษ ทหารหัวเมืองที่ลงมาคราวนี้ ได้มาพัก ณ ที่ต่างๆ คือบางซื่อ, สามเสน สระประทุม
การที่มีทหารมารวมคราวนี้ เปนจำนวนมาก กรมยุทธนาธิการได้จัดให้รวมขึ้นเปนกองทัพพิเศษกองทัพหนึ่ง เพื่อให้การบังคับบัญชา จัดการเปนไปโดยเรียบร้อย ในกองทัพนี้มีกรมบัญชาการกองทัพคือ
พระยาสีหราชฤทธิไกรรองผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ เปนแม่ทัพ
พระยาศักดาภิเดชวรฤทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ ๕ เปนเสนาธิการกองทัพ
พระสารภัณฑ์วิสุทธิ์ เจ้ากรมยุทธภัณฑ์เปนยกระบัตรกองทัพ
พระยาพิไชยชาญฤทธิ์ เจ้ากรมเสบียงพาหนะ เปนนายทหารเสบียงพาหนะกองทัพ
นายร้อยโทต่วนอัยการทหารบกศาลมณฑลทหารกรุงเทพ ฯ เปนนาย
ทหารกรมพระธรรมนูญกองทัพ
หลวงดำรงแพทยาคุณ ผู้รั้งหัวน่ากรมแพทย์เปนนายแพทย์กองทัพ
นายร้อยโทไลย อัศวแพทย์กรมทหารม้าที่ ๑ “รักษาพระองค์” เปนอัศวแพทย์กองทัพ
พระสราภัยสฤษดิการ ผู้บังคับการกรมทหารช่าง “รักษาพระองค์” เปนนายทหารช่างกองทัพ
หลวงศัลวิธานนิเทศ ผู้ช่วยจเรทหารปืนใหญ่ เปนนายทหารปืนใหญ่กองทัพ
มีผู้ช่วยแลมีนายเวร เสมียนพนักงานในพแนกทั้งนี้ด้วย
วัน ๕ ๑๑ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลาค่ำเสด็จออกที่พลับพลาในสวนแง่เต๋ง โปรดให้เชิญพระบรมวงษานุวงษ์ข้าราชการฝ่ายใน ทั้งหม่อมห้ามภรรยาข้าราชการแลราษฎร แม่ค้ามารับพระราชทานเลี้ยง มีจำนวน ๒๐๒ ทั้งที่ประทับ เมื่อเสร็จการเลี้ยงแล้ว เสด็จออกพลับพลาน่าพระลาน ทอดพระเนตรซินเนมาโตคราปช์ จนเวลา ๗ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
วัน ๖ ๑๒ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ทรงรถเสด็จประพาศ เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จกลับ
เวลาค่ำวันนี้มีละครพม่าของเจ้านครเชียงใหม่ ได้เสด็จออกน่าพระที่นั่งอัมพรสถานทอดพระเนตรละครนี้ แลโปรดให้เชิญพวกกรรมการผู้มีน่าที่จัดการในงานคราวนี้มาดู ได้พระราชทานพระบรมรูปด้วย แลได้พระราชทานรางวัลละคร ๓๐๐ บาท เวลา ๒ ยามเศษเสด็จขึ้น เปนเสร็จงาน
วัน ๗ ๑๓ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกในพระที่นั่งอภิเศกดุสิต แฮร์ฟอนปรลเลียสอรรคราชทูตเยอรมันเฝ้าทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสาส์นตราตั้ง เดิมสถานทูตเยอรมันเปนราชทูตยกเปนอรรคราชทูตคราวนี้แล้ว ทรงรถเสด็จประพาศออกทางประตูสิงโต เวลาย่ำค่ำครึ่งเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต จนเวลาทุ่มครึ่งเสด็จขึ้น
วัน ๑ ๑๔ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ ทรงรถเสด็จออกทางประตูกวางไปทรงเรือมอเตอร์ที่วัดราชาธิวาศ ประพาศทางเมืองนนทบุรี เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น
วัน ๒ ๑๕ฯ ๑๒ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐
วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๑๒๗
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จวัดราชาธิวาศ ทรงเรือประพาศ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับ แล้วมาประทับในพระที่นั่งอภิเศกดุสิต ทรงตั้งพระสงฆ์ เปนพระครูในกรุงแลหัวเมือง ๑๕ รูป แลโปรดให้เจ้าพระยาวิชิตส่งสัญญาบัตรไปพระราชทานที่หัวเมืองอีก ๗ รูป ได้พระราชทานวัตถุปัจจัยมูลราคา ๑๐๐ บาท แก่พระครูวายามสุจริตวัตรวัดตะค่าเมืองสุพรรณ ซึ่งทรงตั้งวันนี้ด้วย พระนำตั้ง ๑๐ รูป มีพระสาสนโสภณเปนประธาน ตั้งพระแล้ว เสด็จออกที่มุขครู่หนึ่ง แล้วเสด็จประทับในพระที่นั่ง ตรัสแก่เจ้านายข้าราชการ จนเวลาราว ๒ ทุ่ม เสด็จขึ้น ประทับประชุม เสนาบดี ณะ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๔ ทุ่มครึ่งเลิกประชุม