เดือน ๑๑ จุลศักราช ๑๒๗๐

วัน ๗ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๖ กันยายน ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จวัดราชาธิวาศ แล้วทรงเรือพระที่นั่งมอเตอร์ไปขึ้นท่าราชวรดิษฐเสด็จเข้ามาประทับ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในการสดัปกรณ์กาลานุกาลสารท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แลเทียนที่น่าพระแท่นเสวตรฉัตรแล้ว ทรงทอดผ้าสบงกับธูปเทียนสดัปกรณ์พระบรมอัฐิแลพระอัฐิ พระสงฆ์อนุโลมตามพระบรมอัฐิพระอัฐิรวม ๓๔ รูป มีพระญาณโพธิเปนประธานสดัปกรณ์ แล้วโปรดให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนนครราชสีมากับพระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช ทรงทอดผ้ารายร้อย ๕๐๐ รูป สดัปกรณ์แล้วเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จกลับวังสวนดุสิต

โปรดเกล้า ฯ ให้มีการสดัปกรณ์กาลานุกาลที่พระราชวังบวร ๕ รูปรายร้อย ๑๐๐ รูป ที่หอพระนาครายร้อย ๑๐๐ รูป แลในวันที่ ๒๔ วันที่ ๒๕ วันที่ ๒๖ กันยายนนี้ เวลาเช้าเจ้าพนักงานได้นิมนต์พระสงฆ์เข้าไปรับบิณฑบาตร ในพระบรมมหาราชวัง วันละ ๑๕๐ รูป แลได้จัดยาคูไปถวายพระสงฆ์ในพระอารามหลวงที่สำคัญวันละสามพระอารามทั้ง ๓ วัน

วัน ๑ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๗ กันยายน ๑๒๗

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จวัดราชาธิวาศออกทางประตูกวาง เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จกลับทางประตูกวางมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต ประมาณครึ่งชั่วโมงเสด็จขึ้น

วัน ๒ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๘ กันยายน ๑๒๗

เวลาบ่าย ๔ โมงครึ่งทรงรถเสด็จออกทางประตูกวาง แวะทอดพระที่ก่อฐานพระบรมรูปทรงม้า แล้วเสด็จวัดราชาธิวาศทรงเรือมอเตอร์ประพาศตามลำน้ำ เวลาทุ่มครึ่งเสด็จกลับทางประตูกวางมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เสด็จออกขุนนางในพระที่นั่งแล้ว เวลา ๒ ทุ่มครึ่งเสด็จขึ้นประทับประชุมเสนาบดี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๕ ทุ่มเลิกประชุม

วัน ๓ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๙ กันยายน ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จวัดราชาธิวาศออกทางประตูกวาง เวลา ๒ ทุ่มครึ่งเสด็จกลับทางเดิม มาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ พระยาณรงค์เรืองฤทธิ์ลองรถมอเตอร์คาร์ถวายทอดพระเนตร เวลายามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๓๐ กันยายน ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จวัดราชาธิวาศ เวลา ๒ ทุ่ม ๕๕ นาทีเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต หลวงจตุรงควิไชย บุตรเจ้าพระยาสุรวงษ์ลองรถมอเตอร์คาร์ถวายทอดพระเนตร เวลายาม ๕๕ นาทีเสด็จขึ้น

วัน ๕ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาเกือบย่ำค่ำทรงรถออกทางประตูกวาง เสด็จประพาศเขาดินแลตามถนนต่างๆ แล้วเสด็จกลับทางประตูกวางมาประทับในพระที่นั่งอภิเศกดุสิต วันนี้ไม่ได้ประทับที่มุข เพราะเสด็จถึงพระที่นั่งนี้ก็พอฝนตกเสด็จออกขุนนางแล้ว เวลายามเศษเสด็จขึ้นประทับประชุมเสนาบดี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๕ ทุ่มเศษเลิกประชุม

วัน ๖ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จประทับที่พระที่นั่งราชฤดีกรมหมื่นจันทบุรีนฤนารถได้ทรงนำฝรั่ง ๒ คนที่มารับราชการในกระทรวงคลังเฝ้า แล้วเสด็จวัดราชาธิวาศ เวลา ๒ ทุ่มเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๗ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๓ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จวัดราชาธิวาศออกทางประตูกวาง เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับทางประตูกวางมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามหนึ่งเสด็จขึ้น

วัน ๑ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๔ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงรถออกทางประตูกวาง เสด็จวัดราชาธิวาศ เสวยที่แพแล้ว เวลา ๒ ทุ่มครึ่งเสด็จกลับทางประตูกวางเสด็จขึ้น

วัน ๒ ๑๐ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๕ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงรถเสด็จวัดราชาธิวาศออกทางประตูกวาง เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับเสด็จขึ้นทีเดียว ไม่ได้เสด็จออกขุนนางแลไม่ได้มีประชุมเสนาบดี เพราะไม่ค่อยทรงสบาย

วัน ๓ ๑๑ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๖ ตุลาคม ๑๒๗

ด้วยทรงปฏิสังขรณ์วัดราชาธิวาศ ทรงแก้ไขพระอุโบสถใหม่ โปรดให้ก่อผนังกั้นกลางบังพระประธานเดิมไว้ภายใน ทรงพระราชดำริห์เห็นควรจะมีพระประธานขึ้นใหม่ จึงจะทรงหล่อจำลองพระสัมพุทธพรรณี ซึ่งเปนพระที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงหล่อในวัดนี้มาตั้งเปนพระประธาน เพื่อทรงพระราชอุทิศส่วนพระราชกุศลถวาย แลได้ทรงนมัสการเพื่อลำฦกถึงพระเดชพระคุณต่อไป จึงโปรดให้ตั้งการพระราชพิธีหล่อจำลองพระพุทธรูปนี้ ณ วัดราชาธิวาศ กำหนดทรงเททองในวันคล้ายกับวันประสูตรพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แลจะพระราชทานพระกฐินวัดนี้ติดเนื่องเปนงานเดียวต่อไปด้วย

วันนี้เปนวันเริ่มการ เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้เชิญพระสัมพุทธพรรณีแลพระไชยเนาวโลหะ รัชกาลที่ ๔ ขึ้นราชรถแห่มาตั้งพระแท่นมณฑลบนศาลาช่อฟ้าวัดราชาธิวาศ เวลาบ่าย ๕ โมงครึ่ง เสด็จไปประทับ ณ ศาลาช่อฟ้า ถึงพระฤกษ์เวลาบ่าย ๕ โมง ๔๑ นาที ๒๒ วินาที ทรงจุดเทียนชนวนพระราชทานกรมหลวงวชิรญาณทรงจุดเทียนไชยแล้ว พระสงฆ์ ๒๕ รูปมีกรมหลวงวชิรญาณเปนประธานเปนคณะธรรมยุติกาทั้งสิ้น สวดจุลราชปริต์ตอย่างทำนองธรรมยุติกา โหรบูชาเทวะดา เมื่อสวดมนต์จบเทียนไชยดับ เห็นจะเปนด้วยไส้เปียก โปรดให้มีประโคมจุดเทียนไชยใหม่ แลทรงฟังพระสวดภาณวาร เวลาทุ่มเศษเสด็จลงประทับเสวยที่แพหน้าวัดพร้อมด้วยเจ้านายข้าราชการ เสวยแล้วเสด็จขึ้นมาประทับที่ศาลาช่อฟ้าทรงฟังพระสงฆ์สวดภาณวารอีกคราวหนึ่ง จนเวลาราวยามหนึ่งเสด็จกลับวังสวนดุสิต

วัน ๔ ๑๒ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๗ ตุลาคม ๑๒๗

ที่ศาลาช่อฟ้าวัดราชาธิวาศเวลาเช้า เวลาเพนมีเลี้ยงพระที่นั่งปรกแลสวดภาณวารเวลาละ ๕ รูป เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จไปประทับศาลาช่อฟ้า พระสงฆ์ ๒๕ รูปที่สวดมนต์เมื่อวานนี้สวดจุลราชปริตต์สวดมนต์จบแล้วเสด็จลงประทับเสวยที่แพ แล้วกลับขึ้นมาประทับทรงฟังพระสงฆ์สวดภาณวารอย่างวานนี้ เวลายามหนึ่งเสด็จกลับวังสวนดุสิต

วัน ๕ ๑๓ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๘ ตุลาคม ๑๒๗

ที่ศาลาช่อฟ้าวัดราชาธิวาศเวลาเช้า เวลาเพน มีเลี้ยงพระเวลาละ ๕ รูป เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จวัดราชาธิวาศทอดพระเนตรสถานที่ในพระอารามนั้นบ้างแล้วประทับที่ศาลาช่อฟ้า มีสวดมนต์แลโหรบูชาเทวดาดังวันก่อน ในเวลาสวดมนต์วันนี้ได้พระราชทานหนังสือพระราชนิพนธ์ เรื่องวัดสมอรายอันมีนามว่าราชาธิวาศ แก่เจ้านายข้าราชการที่เข้าเรี่ยรายในการทรงปฏิสังขรณ์วัดราชาธิวาศ ซึ่งได้เฝ้า ณ ที่นั้นด้วย สวดมนต์จบแล้ว เสด็จลงประทับแพหน้าวัด เวลายามเศษเสด็จกลับวังสวนดุสิต

วัน ๖ ๑๔ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๙ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จไปประทับ ณ ศาลาช่อฟ้าวัดราชาธิวาศ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทรงศีลแล้วได้เวลาในระหว่างพระฤกษ์เช้า ๔ โมงครึ่ง พระโหราธิบดีลั่นฆ้องไชย พระสงฆ์สวดไชยมงคลคาถา เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ปี่พาทย์ ในหลวงทรงผสมทองใบในเบ้า ช่างหล่อเททองมีสายโยงไปถึงเบ้าทรงจับพร้อมด้วยเจ้านายข้าราชการฝ่ายน่าฝ่ายในหล่อจำลองพระสัมพุทธพรรณีแล้ว ทรงประเคนอาหารภัตรแก่พระสงฆ์ ๒๕ รูป รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว พระพิมลธรรมดับเทียนไชย เวลาเกือบเที่ยงเสด็จกลับวังสวนดุสิต เจ้าพนักงานได้เชิญพระสัมพุทธพรรณีแลพระไชยนวโลหะรัชกาลที่ ๔ กลับประดิษฐาน ณ ที่เดิม การหล่อจำลองพระพุทธรูปในเวลาเช้าวันนี้พระราชทานพระบรมราชวโรกาศ ให้เจ้านายข้าราชการทั้งฝ่ายน่าฝ่ายใน ตลอดจนราษฎรนำทองคำไปลงขันโดยเสด็จพระราชกุศลนี้ได้ด้วย มีทองคำที่มีผู้นำไปลงขันนี้ได้ทองหนักราวสามร้อยบาท แลในวันนี้เจ้านายข้าราชการฝ่ายน่าฝ่ายในที่ยังไม่ได้รับพระราชทานหนังสือพระราชนิพนธ์เรื่องวัดสมอราย ก็ได้โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ แลพระเจ้าลูกยาเธอทรงแจกตลอดถึงราษฎรบางคนที่มีจิตรเลื่อมใสบริจาคทรัพย์โดยเสด็จพระราชกุศลนี้ทั่วกัน

เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้เชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระบรมอัฐิกรมสมเด็จพระเทพศิรินธรามาตย์ออกตั้งในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ในหลวงทรงรถพระที่นั่งออกทางประตูกวาง เสด็จพระบรมมหาราชวังประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนถวายบังคมพระบรมอัฐิแลเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธรูปแล้ว พระสงฆ์ ๓๐ รูป มีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เปนประธานสวดธรรมจักกัป์ปวัตนสูตร แลธัม์มสังคิณีมาติกา เมื่อจบแล้วพระธรรมไตรโลกาจารย์ถวายเทศนาทานมัยแล้วมีสดัปกรณ์รายร้อยสองร้อยรูป ทรงแจกเงินสลึงพระราชทานพระบรมวงษานุวงษ์ แลราชินิกูลแล้ว เวลาเกือบยามเสด็จกลับวังสวนดุสิต

พระคุณาจาริยวัตรซึ่งเปนประธานสดัปกรณ์รายร้อยวันนี้ ถวายอนุโมทนาแลถวายอติเรกแล้ว ถวายพระพรลาไม่ได้ โปรดให้เจ้าพระยาวิชิตวงษ์วุฒิไกรว่าถวายพระพรลาแทนพระ

วัน ๗ ๑๕ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาราวย่ำค่ำทรงรถออกทางประตูกวาง เสด็จพระบรมมหาราชวัง ประทับที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการพระสงฆ์ ๓๐ รูป มีพระองค์เจ้าพระสถาพรพิริยพรตเปนประธานสวดอนัตต์ลักข์ณสูตร แลธรรมสังคิณีมาติกาจบแล้ว พระธรรมปาโมกข์ถวายเทศนาศีลมัยเทศน์จบแล้ว ได้พระราชทานเงินส่วนค่าเช่าตึกวชิรญาณสถานหน้าวัดประยูรวงษ์แก่เจ้านายผู้ได้รับส่วน พระราชทานพระราชหัตถเลขาสำหรับส่วนที่ ๔๑ แก่หม่อมเจ้าปิยะสรรพางค์ในพระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ พระราชทานเงินสลึงแก่เจ้านายแลราชินิกูล พระสงฆ์ที่จะสดัปกรณ์รายร้อย ๑๐๐ รูป มีพระประสิทธิ์ศีลคุณเปนประธานสดัปกรณ์แล้ว เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จกลับวังสวนดุสิต

ผู้ที่ได้รับพระราชทานพระราชหัตถเลขาสำหรับส่วนตึกหน้าวัดประยูรวงษ์ปีนี้ นอกจากหม่อมเจ้าปิยะสรรพางค์อีก ๒ องค์ คือ หม่อมเจ้าอุดมดิเรกลาภในกรมหมื่นภูธเรศรธำรงศักดิ์ ได้รับพระราชทานส่วนที่ ๖ หม่อมเจ้าถาวรมงคลวงษ์ ในกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ได้รับพระราชทานส่วนที่ ๓๒ แต่ท่านทั้ง ๒ นี้ติดรับราชการอยู่ที่หัวเมือง แลติดการเล่าเรียนอยู่เมืองนอก จึงไม่ได้รับพระราชทานในวันนี้

วัน ๑ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๑๒๗

วันนี้เปนกำหนดพระราชทานพระกฐินวัดราชาธิวาศโปรดให้ยกการมีเทศน์ภาวนามัยซึ่งเคยมีที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยวันนี้มามีที่วัดราชาธิวาศด้วย ในการพระกฐินวันนี้ โปรดให้จัดเปนกระบวนเรือมอเตอร์พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เจ้านายข้าราชการตลอดจนพ่อค้าราษฎรบรรดาซึ่งมีเรือมอเตอร์ตกแต่งเรือนำมาเข้ากระบวนหลวง จัดเรือเครื่องเล่น เรือแข่งเรือของเลี้ยงไปเล่นแลแข่งเรือแลเลี้ยงดูได้ด้วย

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ ในหลวงได้เสด็จแต่วังสวนดุสิต ไปประทับเรือพระที่นั่งครุธเหิรเห็จที่ท่าราชวรดิษฐ์ เรือกลไฟเล็กแลเรือมอเตอร์แห่นำตามเสด็จขึ้นไปเทียบแพโบสถ์หน้าวัดราชาธิวาศ เสด็จขึ้นพระราชทานพระกฐินแล้ว ประทับเรือพระที่นั่งถอยมาจอดที่หน้าแพอีกหลังหนึ่ง ทอดพระเนตรการเล่นมีแข่งเรือเปนต้น ประทับเสวยแลโปรดให้เจ้านายข้าราชการได้รับพระราชทานของเลี้ยง เวลาค่ำเสด็จขึ้นประทับ ณ ศาลาช่อฟ้าวัดราชาธิวาศ ทรงสดับพระธรรมเทศนา พระภัทรมุขมุนีถวายว่าด้วยภาวนามัยแต่แต่งใหม่เปนอย่างเทศน์พิเศษอนุโลมว่าด้วยการปฏิสังขรณ์วัดราชาธิวาศ เขาว่ากรมหมื่นสวัสดิ์แต่ง จบแล้วเสด็จไปประทับเรือพระที่นั่งทรงจุดดอกไม้เพลิง บรรดาเรือเครื่องเล่นก็ขับร้องบรรเลงเพลงต่างๆ ในเวลาเมื่อเวลาทำผ้าแล้วยังไม่ได้เสด็จขึ้นนั้น พระสงฆ์มาเทศนาสำหรับวัดที่ศาลาในการพระกฐินเสียก่อน แล้วรอเสด็จอยู่จนดึกหน่อย เสด็จขึ้นมาประทับศาลาช่อฟ้าทอดพระเนตรพระสงฆ์ทำวัตรแลกรานกฐินแล้ว เวลา ๒ ยามเศษทรงรถพระที่นั่งเสด็จกลับวังสวนดุสิต ในการพระกฐินนี้ เรือมอเตอร์ที่มาเข้ากระบวนแห่ได้ตกแต่งงดงามมาก ที่แต่งเปนรูปเรือตอปิโดก็มี เปนเรือรบก็มี เปนเรือใบล้วนไปด้วยดอกไม้สดก็มี ที่แต่งเปนรูปคนรูปสัตว์ก็มี เรือนอกจากนี้เปนต้นว่าเรือเครื่องเล่น เรือของเลี้ยงก็ประดับประดางดงามเหมือนกัน แต่เปนธรรมดามีราษฎรดูเต็มไปทั้งสองฟากแม่น้ำ แลบนบกเปนการสนุกสนานยากที่จะหาการทอดกฐินเปนการสนุกสนานอย่างนี้เสมอเหมือนได้ เรือที่จัดของไปเลี้ยงในการพระกฐินนี้มีบาญชีตามที่ทราบคือ

๑. สมเด็จพระบรมราชินีนารถ

๒. หม่อมเจ้าประสงค์สม ในสมเด็จกรมขุนนครสวรรค์

๓. พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคลในสมเด็จกรมขุนลพบุรี

๔. เจ้าจอมมารดากลิ่น

๕. หม่อมแช่มในกรมหมื่นอดิศร

๖. หม่อมนวมในกรมหลวงประจักษ์

๗. หม่อมลม้ายในกรมหมื่นทิวากร

๘. หม่อมเจ้าเม้าในกรมขุนสรรพสาตร์

๙. หม่อมใหญ่ในกรมหลวงเทวะวงษ์

๑๐. เจ้าจอมมารดาชุ่ม

๑๑. หม่อมเชื้อในกรมหมื่นมรุพงษ์

๑๒. หม่อมเจ้าอับษรสมานในกรมหมื่นจันทบุรี

๑๓. หม่อมชื้นในกรมหมื่นปราจิณ

๑๔. พระองค์เจ้าประภาวสิทธินฤมลในกรมหมื่นกำแพงเพชร์

๑๕. หม่อมเจ้าวรรณวิไลยในพระองค์เพ็ญ

๑๖. หม่อมเจ้าพร้อมเพราพรรณในพระองค์วุฒิไชย

๑๗. ท่านผู้หญิงเปลี่ยนเจ้าพระยาภาสกรวงษ์

๑๘. ท่านผู้หญิงตลับเจ้าพระยาสุรวงษ์

๑๙. เผื่อน เจ้าพระยาวิชิตวงษ์

๒๐. ตลับ พระยาสุขุม

๒๑. อิ่ม พระเจริญราชธน เท่ง

วัน ๒ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จวัดราชาธิวาศ เวลา ๒ ทุ่ม เสด็จออกประทับ ณ มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต พระยาไพบูลย์สมบัติ พระสุรทัณฑ์ พระเจริญราชธน หลวงสุนทรานุยุติกิจ พระยาพิพัฒ ลองรถมอเตอร์คาร์ถวายตัว ประทับอยู่จนเวลายามหนึ่ง เสด็จขึ้นประทับประชุมเสนาบดี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๒ ยามเลิกประชุม

วัน ๓ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ทรงรถเสด็จวัดราชาธิวาศ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิตครู่หนึ่ง แล้วเสด็จเข้าไปประทับในพระที่นั่ง เวลาเกือบยามเสด็จขึ้น โปรดให้มีการเลี้ยงคฤหัสถ์ที่ห้องเฝ้าพระที่นั่งอัมพรสถาน ผู้ที่ได้รับพระราชทานเลี้ยงมีหม่อมเจ้าพร้อม พระพจนวิลาศ พระมหาวิชาธรรมพระวิจิตรธรรมปริวัตร หลวงประเสริฐ ได้พระราชทานสิ่งของด้วย เปนการเลี้ยงเข้ายาคูอย่างเลี้ยงพระมีสวดถวายพรพระแลอนุโมทนาด้วย เวลา ๕ ทุ่มเศษ เลิกการนี้แล้วเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๑๒๗

ด้วยจะเสด็จประพาศหัวเมืองทางลำน้ำมะขามเท่าเพื่อทรงสำราญพระราชหฤทัย สัก ๑๔ ราตรี วันนี้เปนวันกำหนดที่จะเสด็จ เวลาเช้าได้เสด็จแต่วังสวนดุสิตไปประทับรถพระที่นั่งที่สเตชั่นสามเสน มีกรมขุนสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลอิสาณ ซึ่งโปรดให้กลับเข้ามากรุงเทพฯ ชั่วคราวได้มาเฝ้าส่งเสด็จด้วย รถไฟกำหนดจะออกเดิน ๓ โมง ๑๒ นาที แต่ออกเร็วกว่ากำหนดหน่อยหนึ่ง ไปถึงสเตชั่นกรุงเก่าอยุดประมาณ ๘ นาที พระยาโบราณบุรานุรักษ์มาเฝ้าที่ข้างรถพระที่นั่ง มีพระราชปฏิสันฐานแล้ว พระราชทานหนังสือเรื่องวัดราชาธิวาศแก่พระยาโบราณเล่มหนึ่งแล้ว ออกรถต่อไปเวลาเที่ยงเศษกำหนดว่า ๓๙ นาที แต่เร็วกว่าถึงสเตชั่นเมืองลพบุรี ที่นี้กรมรถไฟได้จัดตกแต่งสถานที่ ตั้งโต๊ะ ไว้เปนที่ประทับเสวยแลเลี้ยงเจ้านายข้าราชการที่ตามเสด็จ ได้เสด็จลงประทับเสวยแล้ว เวลาบ่าย ๒ โมง เสด็จขึ้นประทับรถพระที่นั่ง รถไฟใช้จักร์ต่อไปถึงสเตชั่นปากน้ำโพ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ กำหนดว่า ๕๓ นาที แต่เร็วกว่ามาก ในที่นี้มีข้าราชการทั้งฝ่ายทหารพลเรือนมาเฝ้าเปนอันมาก มีพระสวดชยันโต แลมีนักเรียนมาเข้าแถวรับเสด็จมีพระราชดำรัสแก่ข้าราชการที่มาเฝ้าพอสมควรแล้วเสด็จจะทรงเรือพระที่นั่งแต่เรือมาช้าต้องเสด็จประทับคอยอยู่ที่ปลายสพานน้ำสัก ๑๐ นาที เรือจึงมา เสด็จประทับเรือพระที่นั่งแจวล่องตามน้ำลงมาประทับที่แพ ซึ่งข้าหลวงเทศาภิบาลจัดเปนพลับพลาน่าที่ว่าการมณฑลนครสวรรค์ น้ำที่มณฑลนครสวรรค์ปีนี้มาก ตลิ่งน้ำท่วมไปหมดทั้งนั้น เรือพายได้ วันนี้เวลากลางคืนที่นี่ฝนตกมาก

อนึ่ง วันนี้พระธรรมเจดีย์ (แก้ว) เจ้าอาวาศวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม อาพาธเปนโรคริคสีดวงถึงมรณะภาพ เวลาค่ำกรมหลวงวชิรญาณวโรรสได้เสด็จไปประทานน้ำสรงศพส่วนของหลวง พระราชทานโกษโถ ฉัตรเบ็ญจา ๔ คัน มีพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม ฉันเช้าเพน แลมีประโคมกลองชนะ ๑๐ จ่าปี่ ๑ กำหนด ๓ วัน

วัน ๕ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาเช้าโมง ๑ เสด็จลงประทับเรือพระที่นั่งครุธเหิรเห็จทวนน้ำขึ้นไปทางแควใหญ่ แล้วไปทางลำน้ำเชียงไกร ลำน้ำนี้สองข้างเปนป่าไม้กระเบา เปนพื้นมีเรือขึ้นล่องเนืองๆ บ้านเรือนรายกันไป ผ่านบ้านขี้ทูดมีบ้านเรือนหลายหลังต่อไปจนถึงบ้านพะหลวงมีบ้านเรือนมากขึ้นหน่อย อยู่แพกันเปนพื้น แวะเสวยที่วัดพะหลวง วัดพะหลวงนี้เปนแพ มีแพโบสถ์หลัง ๑ แพการปเรียญหลัง ๑ แพกุฎี ๓ หลัง มีพระสงฆ์อยู่ ๖ รูป ที่นี้น้ำลึกเดี๋ยวนี้ถึง ๑๑ ศอก เปนที่ประชุมปลาอาไศรยมาก มีปลาเทโพตัวใหญ่ๆ ในฤดูนี้ แต่เมื่อถึงฤดูปลาขึ้นเหนือปลาเทโพขึ้นไปเหนือ ปลาบ้าเข้ามาอยู่แทน เพราะเปนที่พ้นอันตราย ไม่ใคร่มีใครจะไปทำร้าย ได้พระราชทานเงินพระองค์ละบาท แลพระราชทานสำหรับซื้อไม้ยัดแพอีก ๗๐ บาท กับพระราชทานเสมาแก่เด็กด้วย แล้วเสด็จกลับจากวัดพะหลวงล่องลงมาจอดเรือพระที่นั่งที่น่าวัดคีรีจอมนาคพรตสุธาวาศ แต่ก่อนเรียกว่าวัดเขาบวชนาค อยู่เยื้องคนละฟากกับพลับพลาที่ประทับ ราษฎรมาประชุมกันอยู่ณะที่นี้เปนอันมาก ด้วยเทศาภิบาลนัดราษฎรให้มาประชุมกันเหมือนอย่างนักขัตฤกษ์ไหว้พระประจำปีเปนการรับเสด็จ มาแข่งเรือกันเปนการสนุกมาก การแข่งเรือที่นี่มาแต่เช้า แข่งกันทอดหนึ่งแล้วขึ้นไหว้พระทักษิณ แล้วกลับลงมาแข่งกันอีกทอดหนึ่ง เวลาเที่ยงเศษเสด็จกลับพลับพลาที่ประทับ

เวลาบ่ายเสด็จขึ้นที่ว่าการมณฑลตามทางสพานเรือกแล้ว ทรงเรือพายจากหลังที่ว่าการตัดไปในทุ่งเข้าในเชิงเทินเมือง ในเมืองเปนที่ดอน แต่มีสายน้ำหักแทงเข้าไปตามหนทางไหลเชี่ยวเปนแก่ง เชิงเทินเมืองนี้ตั้งอยู่ที่หลังวัดโพธิ์ ยังมีดินอยู่สูงๆ มาก ไปออกตลาดทางวัดโพธิ์ ในถนนท้องตลาดน้ำท่วมเรือพระที่นั่งไปได้ การขายของใช้ยกพื้น ตั้งขึ้นบนพื้นเดิมตั้งแต่ท่วมมาประมาณสัก ๑๕ วันแล้ว เขาว่าน้ำเหมือนกับศก ๑๒๒ เคยท่วมเท่านี้ ขากลับเรือพระที่นั่งล่องลงมาตามลำแม่น้ำข้างนอก ถึงพลับพลาเวลาเกือบย่ำค่ำ

วันนี้ได้มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบแม่น้ำเก่า คือโปรดให้พระยาศรีสุหเทพเปนผู้ทำแผนที่แม่น้ำเก่าแลใหม่ เปนน่าที่สำหรับรวมการสอบสวนอยู่แห่งหนึ่ง ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชมกุฎราชกุมาร กรมหลวงดำรงราชานุภาพ กรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพัฒน์ พระยาสุนทรบุรี พระยาโบราณบุรานุรักษ์ พระยาอมรินทรฦๅไชย พระยาอุไทยมนตรี พระยาเทพาธิบดี พระวิเชียรปราการ เปนผู้สอบสวนได้ความประการใดให้แจ้งไปยังพระยาศรีสหเทพ เพื่อได้พิเคราะห์สอบสวนกับสายน้ำซึ่งมีอยู่ในแผนที่ให้เห็นว่าสายน้ำเดิมจะเปนอย่างไร เปลี่ยนแปลงตื้นตันด้วยน้ำมาร่วมกันแลขาดกันอย่างไร การสืบสวนโปรดให้กรมหลวงดำรงราชานุภาพเปนผู้แนะนำให้ข้าหลวงเทศาภิบาล

วัน ๖ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาเช้า ๓ โมงเศษทรงเรือพระที่นั่งเสด็จล่องลงมาจากพลับพลาน่าที่ว่าการมณฑลนครสวรรค์ เสด็จประพาศลำน้ำทรงซึ่งเปนลำน้ำเก่า อยุดเรือกลไฟที่ริมแม่น้ำ มีเรือราษฎรเปนอันมากมาคอยรับเสด็จเข้าลากเรือพระที่นั่งเก้ากิ่งพยาม (เรือมาดเก๋ง) เข้าในคลองน้ำทรง คลองนี้แคบเล็กพอระครึเข้าไปอยู่ข้างจะขด แต่ครั้นเมื่อเข้าไปถึงที่สุดคลองตกแม่น้ำ เรียกว่าน้ำพระทรง น่าตาเหมือนกับแม่น้ำใหญ่ไม่ผิดเลย เสด็จไปในลำน้ำนั้นประมาณกึ่งทางถึงวัดน้ำทรง วัดนี้ไม่มีอุโบสถ มีแต่ศาลากุฎีแลแพเปนวัดซึ่งมีวัดเดียวในย่านนั้น มีพระสงฆ์อยู่ ๒ รูป ราษฎรในตำบลนี้หมดด้วยกัน ๔๐๐ เศษ หากินด้วยทำนาเผายาง ทางออกแม่น้ำใหญ่เมื่อไปถึงบางหวายแล้วแยกออกบางผีทางหนึ่ง แยกลงไปตามแม่น้ำตากแดดซึ่งต่อกับลำน้ำสแกกรังอีกทางหนึ่ง มีเขินๆ เปนห้วงๆ แลมีไม้รกเรือเป็ดบรรทุกเข้าล่องลงไปขายสแกกรังได้ น้ำน่าแล้งกลางแม่น้ำลึกอยู่ประมาณ ๕ วา ๖ วาเปนเลนไม่มีหาด ถ้าฤดูแล้งจรเข้ชุม ฤดูน้ำก็เข้าป่าไป แวะเสวยที่วัดน้ำทรง พระราชทานเสมาแก่เด็ก ณ ที่นั้นด้วย แล้วล่องเรือพระที่นั่งมาถึงพลับพลาที่ประทับตำบลท่าหัวหาด อำเภอมโนรมย์แขวงเมืองไชยนาท เสด็จขึ้นพลับพลา พอประเดี่ยวเสด็จลงเรือพระที่นั่งพายไปทอดพระเนตรเรือมาดของสมเด็จกรมพระ แลของกรมขุนสรรพสาตรที่ต่อใหม่ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับพลับพลา

วัน ๗ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาเช้าทรงเรือพระที่นั่งครุธเหิรเห็จ ข้ามฟากเยื้องลงมาข้างล่างหน่อยหนึ่งเข้าปากคลองที่วัดสิงห์หรือนัยหนึ่งเรียกคลองมะขามเท่า ปากคลองนี้ย้อนลงข้างใต้ เข้ายากสักหน่อย พอพ้นลำคลองตกถึงลำน้ำหลังวัดก็เปนตลาด เรียกว่าตลาดวัดสิงห์ มีบ้านเรือนฝากระดานหลายหมู่ มีโรงแถวข้างเหนือ ๓๐ ห้องเศษ ตั้งอยู่บนดอนน้ำไม่ท่วม มีตลาดของสดอยู่หน่อยหนึ่ง ต่อลงไปเปนตลาดใต้ซึ่งอยู่ติดกัน มีประมาณ ๓๐ ห้องเศษ แต่ตลาดนี้น้ำท่วม ผู้คนก็มีมากอยู่ ถัดนั้นเข้ามาเปนทุ่งแล้วจึงถึงป่า ตั้งแต่พอพ้นตลาดวัดสิงห์เข้ามาหน่อยหนึ่งจนถึงเขตรอำเภอเดิมบาง เปนระยะที่ต้นไม้ขึ้นในลำน้ำมาก เรือเดินไม่สดวก มีที่เขาเรียกว่าแก่งอยู่ที่ตำบลหาดขาดแห่งหนึ่ง แต่ที่จริงเปนสายน้ำเชี่ยวด้วยน้ำตื้นคดเคี้ยวอยู่บ้าง ถัดนั้นมาเปนทางที่เรือเดินไปมาอยู่แต่ก่อนแล้วแต่หากมีไม้ล้มทับขวางทางไม้เอนชาย แลเปนตออยู่ใต้น้ำมาก ประกอบทั้งผักตบชวาขึ้นเต็มด้วยเรือจึงเดินไม่ได้ทีเดียว ก่อนที่จะเสด็จคราวนี้ได้ตัดไม้ที่กีดขวางแลเอนชาย กับตัดตอใต้น้ำเสียมาก ทางที่ริมน้ำเปนที่ดอนโดยมาก มีไม้ใหญ่เปนดง คือยางกระเบา มะม่วงกะล่อนเปนพื้น บ้านคนมีรายๆ มาตลอด วัดก็มีหลายวัด แต่เปนที่สำนักสงฆ์พึ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ บ้านเรือนก็ใหม่ๆ โดยมาก ที่ป่านี้ชอบกลดูเหมือนจะใหญ่ทึบมาก แต่ไม่หนาเท่าใดยืนจากลำน้ำเข้าไปเพียง ๕ เส้น ๖ เส้น ก็ถึงทุ่ง ซึ่งเปนที่นาดีตลอดไป มีคลองแยกออกแม่น้ำหลายสาย แวะเสวยที่วัดหนองแกแล้วเสด็จทรงเรือพระที่นั่งมาถึงพลับพลาที่ประทับแรมตำบลคลองจันทร์แขวงเมืองไชยนาท เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระราชทานเหรียญราชรุจิแก่สารวัดเดชซึ่งเปนผู้นำเสด็จประพาศเมื่อวานนี้ พระราชทานซองบุหรี่หนังแก่พระกำแหงพลล้านปลัดเมืองไชยนาทซองหนึ่ง พระเฑียรฆราษผู้ว่าราชการเมืองไชยนาทซองหนึ่งแลพระราชทานเสมาแก่เด็กด้วย

วัน ๑ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาเช้าทรงเรือพระที่นั่งครุธเหิรเห็จแต่พลับพลาประทับแรมคลองจันทร์ มาแวะเสวยที่วัดกฤษณาสังฆารามพระราชทานเงินแก่สมภารวัดนั้น ๑๒ บาท เวลาบ่ายเสด็จถึงพลับพลาประทับแรมที่วัดคงคาฝั่งใต้ตำบลเดิมบางแขวง เมืองไชยนาท ทางเสด็จมาจากคลองจันทร์ วันนี้ว่า ๕๐๐ เส้นมาไม่มากนักก็ออกทุ่งมีไผ่ริมน้ำอย่างแม่น้ำสุพรรณ แลเห็นนาในไผ่เปนช่องๆ ไม้ใหญ่ก็ยังมีรายๆ บ้านเรือนค่อยหนาขึ้น เมื่อตอนใกล้เดิมบางเห็นเขาเดิมบางอยู่ข้างหน้า ตอนล่างนี้มีการตัดไม้ไผ่ป่ามาก เวลาบ่าย ๔ โมงทรงเรือพระที่นั่งศรีเทพล่องไปทอดพระเนตรเขาพระ แขวงเมืองสุพรรณ พระยาสุนทรบุรีขึ้นมารับเสด็จอยู่ที่นั้น เขานี้ไม่สู้สูงแต่แลเห็นภูมิประเทศตลอดทุกทิศ มีพระเจดีย์บนนั้นพังเหลืออยู่บ้าง ใช้ก่อด้วยอิฐแผ่นใหญ่สอดิน ที่จะเปนแว่นฟ้า ๓ ชั้นมีทนานครอบข้างบน ขาเสด็จกลับเรือไฟจูงถึงพลับพลาที่ประทับแรมเวลาย่ำค่ำเศษ วันนี้ราษฎรถวายพระพุทธรูป ๒ องค์เปนพระเขมรงามมาก กับหม้อดินโบราณรูปร่างเปนหม้อปักดอกไม้หม้อหนึ่ง โปรดพระราชทานเงินรางวัลแก่ผู้นำมาถวาย

วัน ๒ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาเช้าพระราชทานซองบุหรี่แก่พระยาอมรินทรฦๅไชย พระยาพิไชยสุนทร แล้วเสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งศรีเทพเรือไฟจูงจากที่ประทับแรมเดิมบาง ล่องลงมาเข้าคลองนางบวช ประพาศเขานางบวช เขานี้เปนลักษณะเดียวกันกับเขาธรรมามูลฤๅโพธิ์ลังกา เปนที่ราษฎรนับถือมาก มีกำหนดขึ้นไหว้พระกันในกลางเดือน ๔ มาแต่หัวเมืองอื่นก็มาก ใช้เดินทางบกทั้งนั้น ทอดพระเนตรภูมิที่เขาแลอยุดทำเครื่องเสวยที่เชิงเขา พระราชทานเสมาแก่เด็กที่นั้นด้วย แล้วทรงเรือพระที่นั่งล่องต่อมาถึงที่พลับพลาประทับแรมที่ตำบลบ้านกร่างอำเภอศรีประจันต์แขวงเมืองสุพรรณเวลาบ่าย ๔ โมง

วัน ๓ ๑๐ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาเช้าเสด็จทรงเรือพระที่นั่งศรีเทพจากพลับพลาแรมศรีประจันต์ มาแวะที่วัดเสาธงทองหน่อยหนึ่งแล้วล่องลงมาประทับเสวย ณ ที่ดอนน่าบ้านแห่งหนึ่ง แล้วล่องลงมาถึงที่พลับพลาประทับแรมเมืองสุพรรณน่าบ้านเก่าของพระยาสุขุมเวลาบ่าย ๓ โมง เวลาบ่าย ๔ โมงครึ่งทรงเรือพระที่นั่งแจวไปเข้าคลองตลาด ทรงบวงสรวงที่ศาลหลักเมืองแล้ว เสด็จกลับมาทางคลองวัดป่าเลไลย ทรงนมัสการพระป่าเลไลยแล้ว เสด็จกลับมาถึงพลับพลาประทับแรมเวลาย่ำค่ำเศษ

เมืองสุพรรณบุรีนี้มีกำแพงเปน ๒ ฟากเหมือนพิศณุโลกยืนขึ้นไปจากฝั่งน้ำราว ๒๕ เส้น คูกว้างประมาณ ๖ วานอกเชิงเทิน แต่ยาวไม่สู้แน่ว่าราว ๓๗ เส้น วังตั้งอยู่หลังวัดประตูสาร เมืองเก่าก่อนนี้ขึ้นไปอยู่ตวันตกเฉียงใต้ ในแม่น้ำเก่าห่างแม่น้ำนี้ประมาณ ๗๐๐ เส้น มีโคกเนินดินอย่างเดียวกันกับพระปฐมเจดีย์ คลองไปวัดป่าเลไลยเปนลักษณะคลองหลอด วัดป่าเลไลย์เองเปนลักษณะภูเขาทองกรุงเก่าหรือภูเขาทองกรุงเทพ ฯ ซึ่งเอาอย่างกัน เปนที่ประชุมไหว้พระในเดือน ๑๑

วัน ๔ ๑๑ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาเช้าเสด็จทรงเรือศรีเทพไปเข้าคลองหว่างวัดมหาธาตุแลหลักเมืองไปทางหลังเมือง หลังเมืองมีต้นตาลเปนอันมาก เปนคันตลิ่งสูง ดงตาลแลสุดสายตา เหมือนอย่างขึ้นจากฝั่งน้ำวงไปทั้ง ๒ ข้าง ในระหว่างดงตาลนั้นเปนทุ่งนางามดี พระป่าเลไลย์อยู่ที่ชายดงตาล เมื่อพ้นดงตาลออกไปเปนที่ดอนป่าไผ่ มีทางเกวียนทางนั้นน่าน้ำใช้เปนคลองคือคลองที่เสด็จนี้ นาน ๆ ก็ไปตกทุ่งนามีชื่อต่าง ๆ ทางนั้นคดไปคดมา เรียกว่าสามสิบสามคดมีอยู่แห่งหนึ่ง เสด็จไปออกลำน้ำเดิม ที่เปนแม่น้ำเก่าแห้งเขินฤดูแล้ง ประพาศที่สี่สระ ที่สี่สระนั้น มีสัณฐานต่าง ๆ อยู่อย่างไม่เปนระเบียบ ตรงทางที่เสด็จขึ้นไปถึงสระคาก่อน สระยมนาอยู่ข้างเหนือ สระแก้วอยู่ตวันตกเกือบจะตรงกับสระคา สระเกษอยู่ข้างใต้แนวเดียวกับสระแก้ว น้ำทั้งสีสระนี้สำหรับเอาไปใช้ในการสรงมุรธาภิเศกแรกเสวยราช เปนธรรมเนียมของสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามทุกพระองค์เคยสรงมา มีเลขประจำเฝ้าสระด้วย ราษฎรในเมืองนี้มีความกลัวเกรงเปนอันมาก น้ำในสระก็ไม่ใช้ ปลาในสระก็ไม่กิน มีจรเข้อยู่ทั้งสี่สระ น้ำสระคา สระยมนาไม่สู้สอาดมีสีแดง แต่น้ำสระแก้ว สระเกษใสสอาด ได้เสด็จอยุดบวงสรวงแลทรงตักน้ำในสระทั้งสี่สระแล้วประทับเสวยพระกระยาหาร ณ ที่นั้น แลได้ทรงปลูกต้นโพธิ์ประจำสระทั้งสี่เปนที่ทรงรฦก แล้วพระราชทานเสมาแก่เด็ก ณ ที่นั้นด้วย เสด็จกลับมาถึงพลับพลาที่ประทับแรมเมืองสุพรรณเวลาย่ำค่ำเศษ

วัน ๕ ๑๒ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาเช้าก่อนเสด็จประพาศ พระราชทานเหรียญราชรุจิแก่ขุนประชาราษฎร แลพระราชทานซองบุหรี่เงินก้าไหล่ทองแก่พระยาสุนทรบุรี ซองบุหรี่หนังแก่พระยาศิริไชยบุรินทร์ หลวงศรีสุพรรณนครเขตร์ เวลาเช้า ๔ โมงเสด็จทรงเรือครุธเหิรเห็จแต่พลับพลาประทับแรมเมืองสุพรรณมาตามลำน้ำเมืองสุพรรณ แวะเสวยที่วัดตะค่าแล้วแล่นกลับขึ้นมาเข้าคลองบางปลาม้าไปจนถึงที่แยกจรเข้ใหญ่ เลี้ยวมาตามลำจรเข้ใหญ่ผ่านลาดชะโด ถึงพลับพลาประทับแรมบ้านผักไห่เวลาบ่าย พลับพลานี้ตั้งอยู่ที่บ้านหลวงวารีโยธารักษ์ มีราษฎรพากันมาเปนอันมากเต็มแน่นไปทั้งนั้น มีการแข่งเรือโห่ร้องรำกันครึกครื้นสนุกสนาน เวลาเย็นทรงเรือไปซื้อของตามแพ แลเสด็จที่วัดชีตาเห็น

วัน ๖ ๑๓ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๑๒๗

เวลาเช้าทรงเรือพระที่นั่งครุธเหิรเห็จล่องน้ำไปเข้าแยกตำบลหัวเวียง เสด็จไปทรงช่วยนายช้างซึ่งเปนที่หมื่นปฏิพัทธภูวนารถแลอำแดงพลับในการทอดกฐิน พระราชทานเสมาแก่เด็กด้วย แล้วเลยไปประทับเสวยที่บ้านหมื่นปฏิพัทธภูวนารถ พระราชทานเงินแก่หมื่นปฏิพัทธภูวนารถ ๒๐๐ บาท แล้วเสด็จมาลงเรือแจวที่ปากคลองฦๅไชยเข้าไปวัดกุฎีฦๅไชย กลับมาถึงที่ประทับแรมเวลาบ่าย พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นนครไชยศรีสุรเดชซึ่งเสด็จกลับจากการไปรักษาพระองค์ ณ ประเทศยุโรป ได้ตามมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พลับพลาประทับแรมบ้านผักไห่นี้ด้วย

ที่กรุงเทพ ฯ คืนวันนี้เวลา ๑๑ ทุ่มเศษเกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่ห้องแถวถนนบริพัตรตอนริมคลองข้างเมรุวัดสระเกษ เพลิงไหม้โรงแถว ๒ ชั้น ๑หลัง ๑๔ ห้อง มีคนแก่กับเด็กตายในเพลิง ๓ คน แลมีคนที่ถูกเพลิงลวกมากบ้างน้อยบ้างอีกหลายคน ทราบว่าเปนเพลิงดินดอกไม้ระเบิด แต่ไม่ทราบว่าจะระเบิดขึ้นด้วยเหตุใด

วัน ๗ ๑๔ ๑๑ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๑๒๗

ก่อนที่จะเสด็จจากที่ประทับแรมเมืองสุพรรณมาผักไห่ ได้ทรงพระราชดำริห์จะใคร่ทรงทอดพระกฐินตามวัดที่ยังตกค้าง ครั้นวันมาถึงที่ประทับแรมบ้านผักไห่ ได้ทรงทราบว่าวัดตึกคชหิรัญสุธาวาศซึ่งพระครูอ่ำเจ้าคณะแขวงอยู่นั้น ยังตกค้างไม่มีผู้ทอด จึงได้เสด็จทรงซื้อของเครื่องกฐินตามแพแถวน่าพลับพลา วันนี้เวลาเช้าเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบ้านสมบุญแล้ว เวลาเช้า ๒ โมงเศษได้เสด็จไปทอดพระกฐินที่วัดตึกคชหิรัญสุธาวาศพร้อมด้วยเจ้านายข้าราชการทั้งฝ่ายในแลฝ่ายน่า จัดเรือครุธเปนเรือองค์กฐินลำหนึ่ง อีกลำหนึ่งเปนเรือพระที่นั่ง มีเรือตำรวจภูธรแลข้าราชการหัวเมืองลงเปนเรือประตูน่าคู่หนึ่ง มีเรือกลองแขกเรือพิณพาทย์กับเรือราษฎรเปนอันมาก โดยเสด็จไปเข้าคลองริมวัดตึกนั้นเอง เปนคลองที่ไปบางอ้อได้ ครั้นเสด็จถึงวัดแล้วทรงรับไตรนำเข้าไปในโบสถ์ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้านายข้าราชการราษฎรที่ได้บริจาคทรัพย์เข้าในการพระราชกุศลนี้เข้าไปพร้อมกันในโบสถ์ จนออกแน่นเกือบไม่มีที่นั่ง ทรงนำถวายผ้ากฐิน แลผู้ที่ถวายจับด้ายโยงต่อถวายพระกฐิน พระอปโลกแลครองกฐินกรานกฐินถวายอนุโมทนา แล้วเสด็จกลับออกมาประทับศาลาการปเรียญทรงบาตรแลราษฎรก็มาตักบาตรเปนอันมากจนล้นเหลือ พระออกมาฉันพระราชทานเสมาแก่เด็ก พระฉันแล้วอนุโมทนาอีกครั้งหนึ่ง แล้วเสด็จจากวัดมาทรงเรือครุธเหิรเห็จเสด็จจากตำบลบ้านผักไห่พร้อมด้วยเรือกระบวนขึ้นมาตามลำน้ำนั้น แวะเสวยกลางทางด้วย เสด็จถึงที่พลับพลาประทับแรมอำเภอโพธิ์ทองแขวงเมืองอ่างทองเวลาบ่าย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ