เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๗๐

วัน ๔ ๕ ค่ำ ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙

วันที่ ๑ เมษายน ๑๒๗

ปีนี้วันปีใหม่ตรงกับวัน ๔ ๕ ค่ำ ตามสุริยคติกาล การที่ตรงกันเช่นนี้ ๑๙ ปีมีครั้งหนึ่ง คือเมื่อรัตนโกสินทรศก ๑๐๘ ซึ่งเปนวันเริ่มใช้วันอย่างสุริยคติกาลนั้นเปนต้นรอบตรงกันครั้งหนึ่ง มาบัดนี้ครบ ๑๙ ปีจึงตรงกันอีก เพราะในรอบ ๑๙ ปีนั้น ตามสุริยคติกาลมีปีปรกติสุรทิน ๑๖ ปี เปนจำนวนวัน ๕๘๔๐ วัน อธิกสุรทิน ๓ ปี เปนจำนวนวัน ๑๐๕๘ วัน รวมกันเปน ๖๙๓๘ วันบรรจบรอบ ส่วนจันทรคติปีปรกติ ๑๒ ปีเปนจำนวนวัน ๔๑๔๘ วัน อธิกมาศ ๗ ปี เปนจำนวนวัน ๒๖๘๘ วันรวมเปน ๖๙๓๖ วัน อธิกวารอีก ๒ วัน เปน ๒๕๓๘ วันเท่ากัน ถ้ารอบใดมีอธิการเกินจากนี้ วันก็เคลื่อนกันไปบ้างวันหนึ่ง คือวันที่ ๑ ไปตรงกับวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ หรือขึ้น ๒ ค่ำ เดือนห้า มีบ้าง

วันนี้โปรดให้มีการพระราชกุศลสดับปกรณ์กาลานุกาล สำหรับวันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติกาล ที่พระที่นั่งอมรินทรที่พระราชวังบวรแลที่หอพระนาคตามเคย แลในวันนี้มีการสโมสรสำราญปีใหม่เปนการฝ่ายน่า เวลาค่ำเจ้านายข้าราชการที่ได้รับก๊าดเชิญในการเลี้ยงเข้าไปพร้อมกันอยู่ที่น่าตำหนักราชฤทธิ์รุ่งโรจน์ ผู้ที่ได้รับก๊าดเชิญเลี้ยงนี้มีผู้เฝ้าเสมอเปนเกณฑ์ เวลาทุ่มเศษ ในหลวงเสด็จลงทรงพาเจ้านายข้าราชการนั้นไปประชุมเลี้ยงที่พลับพลาโรงลครหน้าพระที่นั่งอัมพรสถาน เสวยพร้อมด้วยผู้ที่ได้รับเชิญ เสวยแล้วเสด็จขึ้นประทับบนพลับพลาพระราชทานฉลากแก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานเลี้ยงทั่วกันแล้ว เสด็จออกประทับมุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต ข้าราชการนอกจากที่ได้รับพระราชทานเลี้ยงอันกล่าวมาแล้ว เฝ้าเรียงตัวรับพระราชทานสมุดปฏิทินทั่วกันแล้ว เสด็จประทับโต๊ะที่เต็นต์น่าพระที่นั่งอภิเศกดุสิตเสวยพร้อมด้วยเจ้านายข้าราชการที่ไม่ได้รับพระราชทานเลี้ยงในหนแรก แล้วเสด็จประทับบนรัตนสิงหาศน์ภายใต้พระมหาเสวตรฉัตรในพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เจ้านายข้าราชการประชุมพร้อมกัน เจ้าพระยาวิชิตวงษ์วุฒิไกรได้เป็นผู้แทนกราบบังคมทูลถวายไชยมงคล มีพระราชดำรัสตอบแล้ว เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๕ ๕ ค่ำ ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙

วันที่ ๑ เมษายน ๑๒๗

วันนี้เปนวันสวดมนต์พระราชพิธีศรีสัจปานการถือน้ำพระพิพัฒนสัตยา เวลาทุ่มเศษ ในหลวงเข้าสู่พระบรมมหาราชวังประทับ ณ พระที่นั่งไพศาล ทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธรูปประจำพระชนม์พรรษาทุกรัชกาล แล้วเสด็จพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนสาศดารามในการสวดมนต์ เวลายามเศษเสด็จกลับวังสวนดุสิต

วัน ๖ ๕ ค่ำ ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙

วันที่ ๓ เมษายน ๑๒๗

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษในหลวงเสด็จแต่วังสวนดุสิตมาประทับพระราชยานกงที่เกยน่าอัฒจันท์พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทเสด็จเปนกระบวนราบไปประทับในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้านายแลข้าราชการฝ่ายน่าถือน้ำ แล้วเสด็จประทับพระที่นั่งสนามจันทร์นมัสการพระบรมอัษฐิที่ประดิษฐาน ณ หอพระธาตุมณเฑียรแล้วเสด็จขึ้นทางพระที่นั่งอมรินทร์ประทับพระที่นั่งไพศาลฝ่ายในถือน้ำต่อไป เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จกลับวังสวนดุสิต

วัน ๗ ๕ ค่ำ ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙

วันที่ ๔ เมษายน ๑๒๗

เวลาทุ่มครึ่งเสด็จออกประทับพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลา ๒ ทุ่ม ๔๕ นาทีเสด็จขึ้น

วัน ๑ ๕ ค่ำ ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙

วันที่ ๕ เมษายน ๑๒๗

ไม่ได้เสด็จออก เพราะไม่ทรงสบายพระองค์ร้อน

วัน ๒ ๕ ค่ำ ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙

วันที่ ๖ เมษายน ๑๒๗

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนนครราชสีมา ซึ่งออกไปทรงศึกษาวิชา ณ ประเทศยุโรปขอพระบรมราชานุญาตกลับเข้ามากรุงเทพฯ ชั่วคราว โปรดให้กลับเข้ามาพร้อมกับพระยาวิสูตรโกษาซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้เข้ามาเยี่ยมบ้านชั่วคราว นายอาจนักเรียนได้ตามเสด็จเข้ามาด้วย การเสด็จกลับนี้โปรดให้ข้าราชการหลายนายนำเรือมกุฎราชกุมารออกไปรับที่สิงคโปร์ วันนี้เวลาทุ่มเศษเรือมกุฎราชกุมารได้มาถึงเมืองสมุทปราการ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอได้เสด็จประทับรถไฟพิเศษถึงสเตชั่นหัวลำโพง เวลาทุ่ม ๔๕ นาที ได้มาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ที่พระที่นั่งอัมพรสถานแลเฝ้าสมเด็จพระบรมราชินีนารถ แล้วเสด็จไปประทับอยู่ตำหนักอัมพวาในสวนดุสิตต่อไป

วัน ๕ ๕ ค่ำ ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙

วันที่ ๙ เมษายน ๑๒๗

เวลาค่ำเจ้านายเข้าไปเฝ้าที่พระที่นั่งอัมพรสถาน

วัน ๗ ๑๑ ๕ ค่ำ ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙

วันที่ ๑๑ เมษายน ๑๒๗

เวลาเกือบย่ำค่ำทรงพระราชดำเนินประพาศตามถนนทางน่าสวนแป๊ะเต๋ง แล้วทรงรถประพาศ เวลาเกือบทุ่มเสด็จกลับมาประทับพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลา ๒ ทุ่ม ๔๕ นาทีเสด็จขึ้น

วัน ๑ ๑๒ ๕ ค่ำ ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙

วันที่ ๑๒ เมษายน ๑๒๗

มีการก่อพระเจดีย์ทรายที่วัดเบ็ญจมบพิตร เวลาย่ำค่ำเศษในหลวงเสด็จวัดเบญจมบพิตรทอดพระเนตรการก่อพระเจดีย์ทรายตอนหลังพระอุโบสถตลอดแล้ว เสด็จทอดพระเนตรพระพุทธรูปในพระระเบียงพระอุโบสถ แล้วเสด็จมาประทับที่หน้าพระอุโบสถ มีพระราชดำรัสด้วยมิสเตอร์หลุยซ์เลียวโนเวนซ์ซึ่งนำงาช้างแกะเปนพระพุทธรูปมีลวดลายแลมีฐานรองมาทูลเกล้า ฯ ถวาย ๓ คู่ ขนาดใหญ่คู่ ๑ ขนาดกลางคู่ ๑ ขนาดเล็กคู่ ๑ แล้วเสด็จประทับในพระอุโบสถในการสวดมนต์ฉลองพระเจดีย์ทรายเวลาเกือบ ๒ ทุ่ม เสด็จกลับวังสวนดุสิต

วัน ๒ ๑๓ ๕ ค่ำ ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙

วันที่ ๑๓ เมษายน ๑๒๗

ที่วัดเบญจมบพิตรเวลาเช้าโปรดให้กรมขุนสมมตอมรพันธ์เสด็จไปทรงจัดการเลี้ยงพระสงฆ์สามเณรในพระอารามแล้วมีเวียนเทียนสมโภชพระมหาธาตุส่วนของหลวง เวลาบ่ายมีเทศนาเปนการฉลองพระเจดีย์ทรายกัณฑ์หนึ่ง

เวลาทุ่มเศษโปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชมกุฎราชกุมารเสด็จมาทรงจุดเทียนในการสวดมนต์ที่พระที่นั่งอภิเศกดุสิต พระสงฆ์สูงอายุแลที่มาแทนรวม ๓๙ รูป สวดมนต์จบแล้วเวลายามเศษสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จกลับ

วัน ๓ ๑๔ ๕ ค่ำ ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙

วันที่ ๑๔ เมษายน ๑๒๗

เวลาเช้า ๕ โมง โปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชมกุฎราชเสด็จมายังพลับพลาโรงลครในสวนแง่เต๋ง ทรงประเคนไตรแพรพัดขนนกแก่พระสงฆ์ที่สวดวานนี้ แล้วพระสงฆ์นอกจากที่มาแทน ไปสรงน้ำพุที่เขาสวนแง่เต๋ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จไปทรงฉีดน้ำหอมด้วย แล้วพระสงฆ์ครองไตรใหม่ไปรับพระราชทานฉันเครื่องเข้าแช่ที่พลับพลาโรงลคร เสร็จแล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชประทับเสวยเครื่องเข้าแช่ พร้อมด้วยเจ้านายข้าราชการ เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จกลับ

เวลา ๒ ทุ่มเศษ โปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จไปทรงจุดเทียนในการสวดมนต์ที่พระที่นั่งอมรินทร แลที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์ที่สวดมนต์ในพระที่นั่งอมรินทร ๔๒ รูป มีกรมหลวงวชิรญาณเปนประธาน ที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์ พระครู พระปริต ๘ รูปสวดเสกน้ำพระมุรธาภิเศก สวดมนต์จบแล้ว เวลายามเศษสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จกลับ

วัน ๔ ๑๕ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิ๔๑ศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๕ เมษายน ๑๒๗

เปนวันเถลิงศก เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จพระบรมมหาราชวังสรงน้ำพระบรมอัษฐิ ณ หอพระธาตุมณเฑียร แล้วเสด็จออกพระที่นั่งอัมรินทร จวนพระฤกษ์เสด็จเข้าในพระฉากทรงเครื่องสำหรับสรง ครั้นได้เวลาปฐมฤกษ์เช้า ๕ โมง ๒๕ นาที ๓๖ วินาที ประทับพระแท่นสรง ๆ เสร็จทรงเครื่องใหม่แล้วเสด็จออก พระสงฆ์ที่สวดมนต์เมื่อคืนนี้ รับพระราชทานฉันแล้ว ทรงจุดเทียนเครื่องทองน้อยนมัสการพระบรมอัษฐิ แล้วทรงทอดผ้าสดับปกรณ์พระบรมอัษฐิแลพระอัษฐิแล้ว เจ้านายทรงทอดผ้าส่วนของเจ้านาย แล้วโปรดให้พระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภชทรงทอดผ้ารายร้อย พระสงฆ์สดับปกรณ์ ในเวลานี้เสด็จขึ้นโปรดให้เชิญเจ้านายไปเสวยเครื่องเข้าแช่ที่พระที่นั่งมูลสถานบรมอาศน์ แล้วทรงโปรยเบี้ยทองแดงพระราชทานเจ้านาย ข้าราชการ ซึ่งอยู่ ณ ที่นั้น แลที่ท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรกรี แลที่ออฟฟิศตามเคย แล้วเสด็จขึ้น เสด็จเข้ามาออฟฟิศวันนี้ได้มีพระราชดำรัสกับกรมขุนสมมุตอมรพันธุ์ ถามข่าวถึงข้าราชการในออฟฟิศที่ถึงแก่กรรม แลมีพระราชดำรัสสั่งให้ปล่อยนายนาคประสิทธิ์วรรณลักษณ์ พ้นโทษด้วย

เวลาบ่าย ๕ โมง โปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สรงน้ำพระพุทธปฏิมากรในพระอุโบสถ ชีพ่อพราหมณ์ได้เบิกแว่นเวียนเทียนพระมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จแล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชได้เสด็จไปทรงนมัสการแลสรงน้ำพระพุทธรูปที่สำคัญต่างๆ แล้วเสด็จหอพระนาคทรงทอดผ้าสดับปกรณ์พระอัษฐิแลมีสดับปกรณ์รายร้อย เสร็จการแล้วเวลาทุ่มเศษสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จกลับ

เวลาย่ำค่ำเศษ ในหลวงเสด็จแต่พระบรมมหาราชวังไปที่วัดพระเชตุพน เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับวังสวนดุสิต เสด็จขึ้นพระที่นั่งอัมพรสถาน ได้ประทับที่พระบัญชรพระที่นั่งอัมพรสถาน ทรงโปรยเบี้ยทองแดงพระราชทานข้าราชการด้วย

วัน ๕ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๖ เมษายน ๑๒๗

เวลาราวย่ำค่ำ ทรงรถเสด็จประพาศ เวลาทุ่มครึ่งเสด็จกลับมาประทับ ณ มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต แล้วเสด็จออกขุนนางในพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลา ๒ ทุ่ม ๓๕ นาที เสด็จขึ้น

วัน ๖ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๗ เมษายน ๑๒๗

เวลาย่ำค่ำเศษทรงรถพระที่นั่งไฟฟ้าเสด็จประพาศ เวลาราวทุ่มหนึ่งเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เจ้านายข้าราชการเฝ้าพร้อมกัน ทรงกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภชนำผลไม้แห้งอย่างหนึ่งมาแต่เมืองนครศรีธรรมราช รูปพรรณสันถานภายนอกมีเปลือกดำสีคล้ายเปลือกบัวแห้งแต่บาง ภายในเนื้อเป็นสีชมภูแห้ง คล้ายสีปุยเชื้อเพลิงนุ่ม ๆ เปนปุย มีเมล็ดเล็ก ออกมาสอบถามผู้ซึ่งชำนาญในทางเมืองตวันตก ว่าผลไม้อย่างนี้เรียกชื่ออะไร เพราะเคยทรงได้ยินมาแต่ก่อนมีผู้เรียกว่ากะเจี๊ยบ แลมามีผู้เรียกผลไม้อย่างอื่นว่ากะเจี๊ยบก็มีอีก ประทับอยู่จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๗ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๘ เมษายน ๑๒๗

เวลาเกือบ ๒ ทุ่ม มีเจ้านายข้าราชการเข้าไปเฝ้าที่พระที่นั่งอัมพรสถาน เจ้านายเสด็จกลับเวลาเกือบยาม

วัน ๑ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๙ เมษายน ๑๒๗

เวลาเกือบย่ำค่ำทรงรถมอเตอร์คาร์เสด็จประพาศเวลาทุ่มเศษเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๒ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๐ เมษายน ๑๒๗

เวลาราวยามหนึ่ง เสด็จออกพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามครึ่งเสด็จขึ้นพระที่นั่งอัมพรสถาน ประทับประชุมเสนาบดีที่ห้องชั้นล่าง เวลา ๒ ยาม ๓๐ นาที เลิกประชุม

วัน ๔ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๒ เมษายน ๑๒๗

เวลาทุ่มเศษเสด็จออกประทับมุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลาเกือบยามเสด็จขึ้น

วัน ๕ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๓ เมษายน ๑๒๗

ด้วยพวกหัดเล่นถ่ายรูปทั้งคนไทยแลชาวต่างประเทศ มีกรมหลวงดำรงราชานุภาพ กรมหมื่นจันทบุรีนฤนารถเปนต้น ซึ่งต่างคนได้ถ่ายรูปเมื่อวันเสด็จกลับจากประเทศยุโรปคราวนี้ คิดจะทูลเกล้า ฯ ถวายรูปของตนที่ถ่ายนั้น จึงพร้อมใจกันต่างคนได้จัดรูปของตนที่ถ่ายไปรวมปิดลงในสมุดเล่มหนึ่งซึ่งจัดขึ้นเพื่อจะทูลเกล้า ฯ ถวาย วันนี้เวลาบ่ายพวกที่จะถวายสมุดรูปนั้น ได้มาประชุมเฝ้าทูลเกล้า ฯ ถวายสมุดรูปนั้นในสวนแง่เต๋ง ได้โปรดเกล้า ฯ ให้มีการเลี้ยงน้ำชาพระราชทาน แลได้มีรางวัลพระราชทานด้วย คือถ้ารูปของใครถ่ายดีพระราชทานโปสตก๊าดทรงถ่ายที่เมืองนอกเปนรางวัล สำรับหนึ่งมีหลายสิบรูป เมื่อเสร็จการเลี้ยงน้ำชาพวกถวายสมุดรูปนี้แล้ว เวลาย่ำค่ำเศษ ทรงรถพระที่นั่งไฟฟ้าอ้อมสนามหญ้าพระที่นั่งอภิเศกดุสิตมาเสด็จประทับ ณ พระที่นั่งอภิเศกดุสิต มีเจ้านายแลข้าราชการลองรถมอเตอร์คาร์ถวายตัว คือพระยาพิพัฒนโกษา กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระยาจักรปาณี หลวงพฤติสารประสิทธิ์ พระยาศรีสหเทพ กรมหมื่นกำแพงเพ็ชรอรรคโยธิน กรมขุนสรรพสาตศุภกิจ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ เวลา ๒ ทุ่ม ๕๐ นาที เสด็จขึ้นประทับประชุมที่พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๔ ทุ่ม ๔๐ นาที เลิกประชุม

วัน ๖ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๔ เมษายน ๑๒๗

เวลาทุ่ม ๕๐ นาที เสด็จออกประทับมุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามครึ่งเสด็จขึ้น

วัน๗ ๑๐ ๕ ค่ำ ปิวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๕ เมษายน ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมง ทรงรถเสด็จประพาศ ได้ยินว่าเสด็จไปทางถนนจักรวรรดิจนถึงสพานเล็กที่จะข้ามไปโรงพักจักรวรรดิแล้วกลับ บางทีจะเสด็จไปทอดพระเนตรถนนซึ่งกำลังถมขึ้นใหม่ตรงนั้น เวลาราวทุ่มหนึ่งเสด็จกลับ คืนวันนี้โปรดให้มีลครของกรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์ที่โรงลครสวนแง่เต๋ง เล่นในการฉลองต้นลิ้นจี่ซึ่งทรงปลูกมีผลเปนคราวแรกในปีนี้ ลครเลิก ๑๐ ทุ่มครึ่ง

วันนี้มีเหตุยิงผู้ร้ายตายในพระนครรายหนึ่ง คืออ้ายบังเจ๊กเปนแขกผู้ร้ายปล้นกระบือหนีมาจากมณฑลปราจิณบุรีมาอยู่ที่ตำบลถนนบ้านตะนาวกรุงเทพ ฯ กรมกองตระเวนได้ไปตรวจจับพบตัว อ้ายผู้ร้ายได้ต่อสู้เอาปืนยิงถูก พลตระเวน ๆจึงยิงอ้ายผู้ร้ายตาย แลในวันนี้ที่กรุงเก่าเวลาบ่าย ๔ โมงนักโทษในเรือนจำโทษประหารชีวิตรบ้าง โทษจำคุกตลอดชีวิตรบ้างแลที่โทษหนักๆ หลายคนได้ช่วยกันพยายามแหกคุก ตำรวจภูธรได้เอาปืนยิงถูกอ้ายชิ้นกับอ้ายถมหัวหน้าคนละนัดจึงสงบการแหกคุก

วัน ๒ ๑๒ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๗ เมษายน ๑๒๗

เวลาย่ำค่ำเสด็จออกที่พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๔ ทุ่ม ๔๐ นาทีเสด็จประทับประชุมเสนาบดี เวลา ๒ ยามเศษเลิกประชุม

วันนี้กำหนดว่าจะเสด็จพระราชทานเพลิงศพสวนบุตรีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติที่วัดราชาธิวาศ แต่ฝนตกมากจึงไม่ได้เสด็จ โปรดให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์วรพินิตซึ่งเปนเจ้าภาพจุดเพลิงหลวงพระราชทานเพลิงศพ

วัน ๓ ๑๓ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๘ เมษายน ๑๒๗

เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกพระที่นั่งอัมพรสถานเจ้านายข้าราชการเข้าไปเฝ้า เวลา ๔ ทุ่ม เสด็จขึ้น

วัน ๔ ๑๔ ๕ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๙ เมษายน ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ทรงรถเสด็จประพาศตามถนนต่าง ๆ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลา ๒ ทุ่ม เสด็จขึ้น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ