เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๗๐

วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๙ มิถุนายน ๑๒๗

ด้วยกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์เมื่อสวรรคคตมีพระชนมพรรษา ๒๘ สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยยกาเธอเมื่อสิ้นพระชนมก็มีพระชนม ๒๘ พระองค์เจ้ามงคลเลิศสิ้นพระชนมก็มีพระชนมพรรษา ๒๘ จึงเปนที่ถือกันว่า ในพระราชวงษ์ฝ่ายกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์มีอันตรายแก่พระชนมชีพเมื่อพระชนมพรรษา ๒๘ ถึง ๓ พระองค์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมพรรษา ๒๘ จึงได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพิเศษเพื่อขจัดอันตรายเจริญพระราชศิริสวัสดิ์การก็เรียบร้อยหามีเหตุการอันใดไม่ ต่อมาจึงเปนธรรมเนียม เมื่อสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอมีพระชนมพรรษา ๒๘ เท่ากรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์จึงได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเปนลำดับมา ในปีนี้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์วรพินิตมีพระชนมพรรษา ๒๘ จึงทรงบำเพ็ญพระกุศลมงคลการแก่พระชนมพรรษา แลพระกุศลทรงอุทิศถวายกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ตามอย่างที่เคยทำกันมา

เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จวังสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์วรพินิตทรงช่วยในการทำบุญ เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จกลับมาประทับออกขุนนางในพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามหนึ่งเสด็จขึ้นประทับประชุมเสนาบดี ณะ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๒ ยามเศษเลิกประชุม

วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๑๒๗

เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จวังสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์ในการทรงทำบุญของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์วรพินิตที่กล่าวมาแล้วแต่วานนี้ ได้พระราชทานตัวสำคัญเงิน ๒๒,๔๐๐ บาท หรือ ๒๘๐ ชั่ง นับเท่าพระชนมพรรษาปีละ ๑๐ ชั่ง แก่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์วรพินิต ในการทำบุญพระชนมพรรษานั้นด้วย เวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จกลับวังสวนดุสิต

วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่ายทรงรถเสด็จประพาศ เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามครึ่งเสด็จขึ้น

หนังสือสยามออฟเซอเวอซึ่งเปนหนังสือพิมพ์รายวันเคยออกเวลาเย็น เปนหนังสือ ๖ น่านั้น วันนี้ได้ตั้งต้นเปลี่ยนเปนออกเวลาเช้า น่ากระดาษย่อมไปหน่อยหนึ่ง แต่เพิ่มขึ้นเปน ๘ น่า

อนึ่ง วันนี้มีหนังสือพิมพ์ออกใหม่ อีกฉบับหนึ่ง ชื่อหนังสือประตูใหม่ ออกปักษ์ละหน ความประสงค์ของผู้จัดการหนังสือพิมพ์นี้ เพื่อจะรวบรวมสำนวน พวกจินตกระวีทั้งหลาย อันจะร้อยกรอง เปนกาฬย์ กลอน โคลง ฉันท์ ส่งมาลงพิมพ์ เพื่อจะบำรุงวิชาการแต่งหนังสือให้เจริญขึ้น ที่ทำการของหนังสือพิมพ์นี้อาไศรยสถานอนาถานุกูลกิจ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตึกแถวริมเชิงสพานนรรัตนสฐาน ประตูใหม่ บางลำภู กรุงเทพฯ

วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงครึ่ง ทรงรถเสด็จประพาศออกทางประตูสิงโต เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้นประทับประชุมเสนาบดี ณะ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๕ ทุ่มเศษ เลิกประชุม

วัน ๗ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๔ กรกฎาคม ๑๒๗

ด้วยได้ทอดพระเนตรเห็นวัดราชาธิวาศทรุดโทรมลงดูไม่สมควรแก่ที่เปนวัดสำคัญมาแต่ก่อน มีพระราชศรัทธาจะใคร่ทรงปฏิสังขรณ์ให้ถาวรสอาดสอ้านขึ้น แต่สมเด็จพระพุฒาจารย์ซึ่งเปนประธานจำพรรษาอยู่ ณะ วัดนี้ชราแล้ว ทรงราชพระดำริห์ว่าควรจะมีพระราชาคณะมาเปนผู้ช่วยรองหนุนขึ้นไว้จะได้จัดการรักษาวัดให้เรียบร้อยเสมอไป จึงได้โปรดให้ซ่อมกุฏิเก่าหมู่หนึ่ง สำหรับจะให้พระราชาคณะซึ่งจะมาเปนผู้ช่วยได้พักอาไศรยไปพลางก่อน แล้วจะสร้างกุฎิใหม่ขึ้นข้างเหนือพระอุโบสถต่อไป ส่วนตัวพระราชาคณะที่จะมาอยู่นั้น ทรงพระราชดำริห์จะให้พระภัทรมุขมุนีเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย้ายมาจำพรรษาอยู่ ณ พระอารามนี้ บัดนี้การซ่อมกุฏิสำเร็จแล้ว จึงโปรดให้มีการสวดมนต์เมื่อวานนี้เลี้ยงพระเช้าวันนี้เปนการฉลองกุฏิเสร็จแล้ว วันนี้ในตอนบ่ายกำหนดจะให้แห่พระภัทรมุขมุนีมาอยู่วัดราชาธิวาศ การแห่นี้โปรดให้จัดเปนกระบวนรถมอเตอร์คาร์ตั้งกระบวนแห่แต่วัดบวรนิเวศวิหาร ตามบรรดารถมอเตอร์คาร์ของหลวงแลเจ้านายข้าราชการที่ได้จัดมาเข้ากระบวนแห่นี้ต่างได้จัดตกแต่งประดับประดาล้วนไปด้วยดอกไม้ใบไม้แลธงผ้าสีต่างๆ กันโดยมาก มีธงกระทรวงกระลาโหมจ่ายติดรถๆ ละ ๒ คัน รวมรถที่มาเข้ากระบวน ๔๒ คัน แจ้งอยู่ในบาญชีรั้วกระบวนแห่ที่ได้คัดไว้ในท้ายรายวันนี้แล้ว แลการจัดตั้งกระบวนนั้นมีกำหนดให้กระบวนน่าตั้งแต่รถที่ ๑ ถึงที่ ๑๕ วางตั้งแต่มุมตึกแถวเชิงสพานไปทางตวันออกตั้งชิดริมถนนข้างกำแพงเมือง กระบวนหลังตั้งเชิงสพานข้างตวันตกชิดข้างวัด รถรับพระภัทรมุขมุนีอยู่ตรงประตูน่าพระอุโบสถ สายกระบวนหลังตั้งหักเลี้ยวไปตามถนนบวรนิเวศน์ ครั้นเวลาบ่าย ๓ โมงเศษ ในหลวงได้ทรงรถพระที่นั่ง แต่วังสวนดุสิตไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศ ทอดพระเนตรการจัดกระบวน เมื่อกระบวนแห่พร้อมแล้ว เวลาบ่าย ๔ โมงเสด็จทรงรถพระที่นั่งพร้อมด้วยกรมหลวงวชิรญาณวโรรสไปตามถนนต่างๆ ซึ่งเปนทางที่กระบวนจะได้แห่ไปนั้นไปประทับวัดราชาธิวาศ เสด็จทอดพระเนตรสถานที่บนกุฏิ แลเสด็จไปในพระอุโบสถแล้วเสด็จประทับ ณ ศาลาสันตสมาคม เพื่อทอดพระเนตรกระบวนแห่ ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมง ๑๐ นาทีกระบวนแห่รถมอเตอร์คาร์ได้ออกเดินจากน่าวัดบวรนิเวศน์ตามรั้วกระบวนที่จัดไว้ เดินกระบวนไปตามถนนพระสุเมรุถนนมหาไชย ถนนจักรเพ็ชร์เลี้ยวถนนสนามไชยตรงไปขึ้นถนนราชดำเนินใน เลี้ยวถนนราชินี แลข้ามสพานโรงไหมไปตามถนนพระอาทิตย์ไปขึ้นถนนพระสุเมรุแลข้ามสพานนรรัตนสถานไปตามถนนสามเสน เลี้ยวถนนกรุงเกษมเลี้ยวข้ามสพานมัฆวาฬรังสรรค์ ไปตามถนนราชดำเนินนอกหรือเบญมาศนอก เลี้ยวถนนดวงตวัน เลี้ยวเข้าถนนสนามม้าออกถนนมังกรรำ ออกถนนภาพรบำ เลี้ยวถนนซังฮี้แลถนนสามเสน เลี้ยวเข้าวัดราชาธิวาศ ในการแห่นี้สมเด็จพระบรมราชินีนารถ สมเด็จพระบรมราชเทวี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าพี่นางน้องนางเธอแลข้างในได้เสด็จออกแลออกทอดพระเนตรแลดูกระบวนแห่ที่เชิงเขากบด้วย เมื่อกระบวนถึงวัดราชาธิวาศแล้ว พระภัทรมุขมุนีพร้อมด้วยพระถานานุกรมอันดับเข้าไปณมัสการพระพุทธรูปในพระอุโบสถแล้วไปถวายดอกไม้ธูปเทียนสมเด็จพระพุฒาจารยที่ตำหนัก แล้วโปรดให้นิมนต์พระพุทธมุขมุนีกับถานานุกรมอันดับอีก ๔ รูป ซึ่งมาอยู่กับพระภัทรมุขมุนีนั้นขึ้นบนกุฏิอันปฏิสังขรณ์ใหม่ เวลานี้พระสงฆ์ ๗ รูป ซึ่งสวดมนต์ฉันเช้าในการฉลองกุฏิ ซึ่งคอยอยู่ที่หอฉันสวดไชยมงคลคาถา เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ ฆ้องไชย พิณพาทย์ ในหลวงทรงประเคนผ้าไตรพร้อมด้วยเครื่องบริขารต่างๆ แก่พระภัทรมุขมุนี แลพระสงฆ์ ๔ รูปมีสิ่งของที่ถวายมากกว่าถวายแก่พระสงฆ์ขึ้นกุฏิธรรมดา แล้วถวายอนุโมทนา มีวิหารทานคาถา ในหลวงโปรดให้พระภัทรมุขมุนีถวายสบง หมากพลู ธูป เทียนแก่พระสงฆ์ที่สวดมนต์รวม ๗ รูปแล้ว เสด็จไปประทับที่ศาลาสันตสมาคมพระราชทานสิ่งของให้พระภัทรมุขมุนี แจกแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในการที่จัดการ แลกระบวนแห่ แลเจ้าพนักงานตามชั้นที่ทำการมากแลน้อย แล้วโปรดให้มีการเลี้ยงน้ำชาจนเวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จกลับวังสวนดุสิต

ริ้วกระบวนแห่พระภัทรมุขมุนี

๑. รถบรรฦๅฤทธิ์ กรมหมื่นราชบุรี นำริ้ว

๒. รถออมนิบัส กรมทหารบกแตรวงทหารบก

๓. รถจำปาห้อยหู กรมขุนสรรพสาตร แห่

๔. รถชมภูห้อยบ่า กรมหลวงศ์ารง แห่

๕. รถประกาศประกาย กรมหลวงประจักษ์ แห่

๖. รถประทุมรัตน กรมหลวงเทวะวงษ์ แห่

๗. รถออมนิบัส สมเด็จพระบรมโอรส ปี่พาทย์กรม

๘. รถพลดิเรก กรมหมื่นกำแพงเพ็ชร์ แห่

๙. รถเมขลา กรมหมื่นนราธิป แห่

๑๐. รถสิบคชประชุม หลวงนาวา แห่

๑๑. รถอัศวพาหน พระยาศรีสหเทพ แห่

๑๒. รถกฤษณจักร พระยาจักรปาณี แห่

๑๓. รถกำลังสิงห์ หลวงสวามิภักดิ์ แห่

๑๔. รถออมนิบัส กรมทหารบกกลองแขกกรมวิ

๑๕. รถตราจักร กรมหลวงดำรง (๔ ที่นั่ง) รับเจ้าพระยาวิชิตนำพระ

๑๖. รถสละสลวย รถหลวง (๔ ที่นั่ง) แต่งเปนมังกรด้วยดอกไม้สดที่น่ารถ เปนรถทรงพระพุทธรูปและพระธรรม พร้อมด้วยพระรูปหล่อของพระเจ้าบรมวงเธอ กรมสมเด็จพระปวเรศร์วริยาลงกรณ์ กับพระรูปฉายของพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส พระเหล่านี้ราชบัณฑิตย์เปนผู้เชิญ

๑๗. รถไอยราพต รถหลวง (๔ ที่นั่ง) แต่งเปนหงษ์ด้วยดอกไม้สดที่น่ารถ เปนรถรับพระภัทรมุขมุนี

๑๘. รถกระสวยทอง รถหลวง (๔ ที่นั่ง) แต่งเปนรูปผีเสื้อด้วยดอกไม้สดที่น่ารถ

๑๙. รถลำยองทาบ รถหลวง (๔ ที่นั่ง) แต่งเปนห่านด้วยดอกไม้สดที่น่ารถ

๒ รถนี้เปนรถรับพระถานานุกรมแลพระอันดับซึ่งจะไปอยู่กับพระภัทรมุขมุนี

๒๐. รถทรงหณุมาน สมเด็จพระบรมโอรส (๒ ที่นั่ง)

๒๑. รถวิมานลอย สมเด็จพระบรมราชเทวี (๔ ที่นั่ง)

๒๒. รถสินาคนรินทร์ พระยาวรพงษ์ (๔ ที่นั่ง)

๒๓. รถเตร็จฟ้า สมเด็จกรมพระ (๔ ที่นั่ง)

๒๔. รถอัคนิวาส สมค็จเจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์

๒๕. รถสมิงทอง พระองค์เจ้าเพ็ญ (๔ ที่นั่ง)

๒๖. รถรามประพาศ กรมหลวงนเรศร์ (๔ ที่นั่ง)

๒๗ . รถกระบวนช่าง กรมหมื่นกำแพงเพ็ชร์ (๓ ที่นั่ง)

๒๘. รถคทากฤษณ์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนพิศณุโลก (๓ ที่นั่ง)

๒๙. รถกลกำบัง สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนนครราชสีมา (๓ ที่นั่ง)

๓๐. รถบราเซีย พระองค์เจ้าวุฒิไชย (๓ ที่นั่ง)

๓๑. รถปราสาทสังข์ กรมหมื่นมรุพงษ์ (๓ ที่นั่ง)

๓๒. รถอจลศรัทธา กรมขุนสมมต (๓ ที่นั่ง)

๓๓. รถฟ่องฟ้า สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนลพบุรี (๓ ที่นั่ง)

๓๔. รถเรโนต์ พระสรรพการ (๓ ที่นั่ง)

๓๕. รถสุรางค์สำเริง เจ้าพระยาสุรวงษ์ (๓ ที่นั่ง)

๓๖. รถอาทิจมณฑล กรมหมื่นจันทบุรี (๒ ที่นั่ง)

๓๗. รถพลอยนพเก้า สมเด็จพระบรมราชเทวี (๒ ที่นั่ง)

๓๘. รถพลโกษี หลวงสุนทรโกษา (๒ ที่นั่ง)

๓๙. รถอินทรธนู พระยานรฤทธิ์ (๒ ที่นั่ง)

๔๐. รถชูเชิดชื่อ พระยาพิพัฒน์ (๒ ที่นั่ง)

๒๑ รถนี้สำหรับส่งพระสงฆ์มีสมเด็จพระราชาคณะพระครูถานานุกรมปเรียญซึ่งจะไปส่งพระภัทรมุขมุนี

๔๑. รถออมนิบัส กรมทหารบก เล่าโก๊กรมเมือง

๔๒. รถอาศน์พระยม พระยาสุขุม รั้งกระบวน

วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๖ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จประพาศออกทางประตูกวาง เวลาทุ่มหนึ่งเสด็จกลับเข้าทางประตูกวาง มาเสด็จออกพระที่นั่งอภิเศกดุสิต ในการทรงตั้งพระราชาคณะ แลพระครูเจ้าอาวาศรวม ๖ รูป คือพระมหาอยู่ปเรียญ ๙ ประโยค วัดสระเกษ เปนพระปิฎกโกศล พระมหาเผื่อนปเรียญ ๙ ประโยค วัดพระเชตุพน เปนพระสากยบุตติยวงษ์ พระมหาจูปเรียญ ๗ ประโยค วัดบวรนิเวศวิหารเปนพระอโนมคุณมุนี พระมหาแจ่มบาเอกเทียบ ๗ ประโยค วัดมกุฎกษัตริยาราม เปนพระอริยมุนี พระครูปลัดสุวัฒนศิลคุณ วัดโสมนัศวิหาร เปนพระธรรมฐิติญาณไปอยู่วัดเครือวัลวรวิหาร พระครูสังฆรักขิตปเรียญ ๓ ประโยค วัดเบ็ญจมบพิตร เปนพระครูอุเทศธรรมวินัยไปอยู่วัดกุฎีราไชยกรุงเก่า พัดสำหรับพระครูอุเทศพระราชทานเปนพัดพุดตาลเยียรบับสลับสี ปักเปนตราวัดเบ็ญจมบพิตรที่ใจกลางพัดด้วย เพื่อเปนเครื่องหมายว่าเปนพระอยู่วัดเบ็ญจมบพิตรมาแต่เดิม แลพระราชทานพัดรองสำหรับวัดเบ็ญจมบพิตรไปด้วย เสร็จการตั้งพระแล้ว เสด็จออกประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต ห้างไท้กี่ทูลเกล้า ฯ ถวายถ้วยน้ำร้อนมีจานรอง เวลายามหนึ่งเสด็จขึ้นประทับประชุมเสนาบดี ณะ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลาเกือบ ๒ ยาม เลิกประชุม

วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๗ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่ายเสด็จที่สวนสุนันทา คือสวนสร้างใหม่ระหว่างวังกับถนนสามเสน เวลาทุ่มหนึ่งเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต นายสวัสดิ์บุตรพระยารัตนอาภรณ์ (แตง) เปนพระญาติบ้านบางมดเฝ้า พระราชทานเงิน ๒๔๐ บาท เวลายามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๑๐ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๘ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่ายเกือบ ๓ โมง เสด็จทรงรถมอเตอร์คาร์ แต่วังสวนดุสิตไปประทับรถไฟสายปากน้ำ เสด็จพระราชดำเนินเมืองสมุทปราการ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จถึงสเตชั่นรถไฟปากน้ำทรงพระดำเนินทอดพระเนตรตลาด แลวัดกลาง แลเสวยแล้วเสด็จมาที่ตำหนักพระองค์เจ้าอัจฉรพรรณีรัชกัญญา ซึ่งออกไปพักรักษาพระองค์ ณ ออฟฟิศที่ว่าการเมือง ในหลวงประทับอยู่ในการทำบุญพระชนม์พรรษาของพระองค์เจ้าอัจฉรพรรณีรัชกัญญา ณะที่นี้ แลพระราชทานเงิน ๓๕ ชั่ง เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับวังสวนดุสิตตามทางเดิมมาประทับที่พระที่นั่งอภิเศกดุสิต ในการสมโภชผู้ที่จะบรรพชา แลอุปสมบทเปนนาคหลวง คือ หม่อมเจ้าประสิทธิ์ศักดิ์ หม่อมเจ้าสุทธิรักษ์ ในพระเจ้าบวรวงษ์เธอ กรมหมื่นจรัสพรปฏิภาณกับพระไพศาลศิลปสาตร ได้พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ แต่พระไพศาลนั้นจะพระราชทานด้วยพระมหาสังข์หรือพระเต้าไม่ทันสังเกต แลทรงเจิมพระราชทานท่านที่สมโภชทั้งสามแล้ว เวลา ๑ ทุ่ม ๔๕ นาที เสด็จขึ้น

วัน ๕ ๑๑ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๙ กรกฎาคม ๑๒๗

วันนี้เปนวันกำหนดทรงผนวช แลบวชนาคหลวง ที่สมโภชวานนี้ ณะพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนสาศดาราม เวลาบ่ายผู้ที่สมโภชได้มาแต่งองค์ แลแต่งตัวที่ทิมคดพระมหาปราสาท ขี่เสลี่ยงกั้นกลดกำมะลอทั้ง ๓ ท่านไปขึ้นโปรย โปรยเงินเฟื้องที่พระราชทานที่สนามหญ้าข้างหอพระสมุดวชิรญาณแล้ว หม่อมเจ้าทั้งสองได้ทรงผนวชเปนสามเณร พระไพศาลบวชเปนภิกษุ ณ ท่ามกลางสงฆ์ในพระอุโบสถ ครั้นเวลาย่ำค่ำเศษ ในหลวงเสด็จไปประทับในพระอุโบสถ ทรงถวายเครื่องบริขารแก่หม่อมเจ้าสามเณร แลพระไพศาลศิลปสาตรซึ่งทรงผนวชแลบวชใหม่แล้ว เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามเศษเสด็จขึ้นประทับประชุมเสนาบดี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๕ ทุ่มเศษ เลิกประชุม หม่อมเจ้าสามเณรแลพระพระไพศาลศิลปสาตรที่ทรงผนวช แลบวชวันนี้ได้ไปอยู่ ณะ วัดบวรนิเวศวิหาร

วัน ๗ ๑๓ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่ายโปรดให้ผู้รับปวารณาจัดการบวชสามเณรเปนภิกษุ ณะ วัดเบ็ญจมบพิตร ๔ รูป คือ สามเณรฟูปเรียญ ๕ ประโยก พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากรทรงรับปวารณา ๑ สามเณรรอดปเรียญ ๔ ประโยค เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์รับปวารณาหนึ่ง สามเณรผาด สมเด็จพระบรมราชินีนารถทรงรับปวารณา ๑ สามเณรปลั่ง เจ้าจอมมารดาสุดรับปวารณา ๑ ในการนี้ในหลวงไม่ได้เสด็จ เพราะวันนี้ฝนตกพร่ำเพรื่อไม่มีเวลาหยุดนาน

เวลา ๒ ยามเศษ ทรงเครื่องใหญ่ที่พระที่นั่งอัมพรสถาน ทรงเรียกสัญญาบัตรไปพระราชทานขุนเกษวินาศเลื่อนขึ้นเปนหลวง ที่โปรดให้เลื่อนขึ้นนี้เพราะทรงเห็นว่าขุนเกษผู้นี้เปนขุนมาช้านานตั้ง ๔๐ ปีแล้ว

วัน ๑ ๑๔ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๑๒๗

พระศพพระเจ้าวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าศิริวงษ์ วัฒนเดช ซึ่งสิ้นพระชนม์ที่เมืองนอก โปรดให้ส่งพระศพเข้ามากรุงเทพ ฯ นั้น เมื่อก่อนน่าที่เรือเมล์ของบริษัทอิสตเอเซียติก ชื่อสมุย ซึ่งเชิญพระศพจะมาถึงเกาะสีชัง ได้โปรดให้เจ้าพนักงานลงเรือมกุฎราชกุมาร ออกไปรับพระศพที่เรือสมุย ณะเกาะสีชัง ในเวลาที่เชิญพระศพจากเรือสมุยสู่เรือมกุฎ เรือมกุฎได้ยิงสลูดรับพระศพ ๒๒ นัด เจ้าพนักงานได้แต่งพระศพเชิญลงพระลองใน ตั้งไว้ ณะ ที่ควรแล้วเรือมกุฎออกจากเกาะสีชัง เมื่อถึงเมืองสมุทรปราการ ป้อมที่เมืองสมุทปราการได้ยิงสลูตรับพระศพอีก ๒๒ นัด วันนี้เวลาเที่ยงเรือมกุฎออกจากเมืองสมุทรปราการขึ้นมาถึงกรุงเทพ ฯ ทอดสมอตรงน่าวัดราชบูรณะ เวลาบ่าย ๔ โมง เจ้าพนักงานได้เชิญพระศพจากเรือมกุฎลงสู่เรือม่านทอง แฝงมาขึ้นที่ท่าวัดราชบุรณ เชิญพระศพขึ้นตั้งบนราชรถน้อยประกอบพระโกษ มณฑปตั้งกระบวนแห่มีเครื่องสูงกลองชะนะคู่แห่พร้อมแล้ว เวลาบ่าย ๕ โมงเศษในหลวงได้เสด็จไปประทับ ณะตำหนักวังบูรพาภิรมย์ โปรดให้เดินกระบวนแห่แต่น่าวัดราชบุรณมายังวังบูรพาภิรมย์ เมื่อถึงแล้วเจ้าพนักงานได้เชิญพระศพขึ้นตั้งบนชั้นแว่นฟ้า ๒ ชั้น ประกอบพระโกษที่แห่มาในท้องพระโรงบนตำหนัก ในหลวงทรงวางพวงดอกไม้ที่พระศพแล้วทรงทอดไตร ๑๐ ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ แล้วมีเทศน์แลสวดศราทรพรตคาถา เปนส่วนของเจ้าภาพต่อไป ได้พระราชทานผ้าขาวพับสดับปกรณ์ด้วยอีก ๒๐ พับ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับ ในการพระศพต่อไปนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ จะได้ทรงบำเพ็ญพระกุศลตามสมควร กับได้รับพระราชทานพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมกลางวันๆละ ๔ จบ กลางคืน ๆ ละ ๔ จบ เครื่องประโคมศพมีกำหนด ๓ เดือน

อนึ่ง เวลาบ่ายวันนี้เมื่อก่อนจะเสด็จวังบุรพา ได้เสด็จประทับที่พระที่นั่งราชฤดีทรงพระสุหร่ายสรง แลทรงเจิมเทียนพรรษา ส่วนพระอารามหลวงในกรุงเทพด้วย แลเมื่อเสด็จจากวังบุรพาได้เสด็จไปที่วัดราชาธิวาศ แล้วจึงเสด็จกลับวังสวนดุสิต

วันนี้นายบัวน้องหลวงอภิรักษ์ราชฤทธิ์ ซึ่งรับราชการอยู่ในสถานทูตสยามกรุงเบอลิน ถึงแก่กรรมที่เซนต์บลาสเซนแสนิตอเรียมด้วยเปนโรคฝีในท้อง โปรดเกล้า ฯ ให้จัดการเผาศพเสียที่เมืองเยอรมันนั้น

วัน ๒ ๑๕ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จวัดพระแก้ว ประทับในพระอุโบสถทรงจุดเทียนพรรษา ถวายพุ่ม แลโปรดพระราชทานเทียนชนวนพระบรมวงษานุวงษ์ ไปจุดเทียนพรรษาตามพระอารามหลวง แลที่สำคัญต่าง ๆ ในเวลาที่ฝนตกมาก เมื่อเสร็จการนี้แล้วประทับรอฝนอยู่ ในระหว่างที่ประทับรอฝนอยู่นี้ โปรดให้เชิญพระพุทธรูปทรงเครื่องหลายองค์ ซึ่งประดิษฐานอยู่ในที่ต่าง ๆ ในพระอุโบสถนี้ เชิญออกมาประดิษฐานบนม้าหมู่หน้าพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑๐ องค์ หน้าพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ๑๐ องค์ ฝนตกหายแล้ว เวลาทุ่มเศษ เสด็จกลับวังสวนดุสิต

วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จวัดเบญจมบพิตร ทรงจุดเทียนพรรษาแลถวายพุ่มพระพุทธชินราชในพระอุโบสถ แล้วเสด็จไปทรงจุดเทียนแลถวายพุ่มพระศรีมหาโพธิ แลทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธนรสีห์ พระฝางที่หน้าพระวิหารสมเด็จ โปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ทรงจุดเทียนพรรษาที่พระพุทธนรสีห์ในพระวิหารสมเด็จแล้ว เสด็จที่ศาลาบรรณรสภาค ทรงจุดเทียนพรรษาแลทรงประเคนพุ่มแก่สมเด็จพระวันรัต ๑ พระธรรมวโรดม ๑ พระมหาบางซึ่งทรงรับปวารณา ๑ พระครูปลัดสุวัฒนสุต คุณโฉมส่วนของพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญา ๑ แลพระราชทานพัดปเรียญแก่พระมหาพู พระมหารอด เปลี่ยนพัดใบตาลซึ่งได้รับเมื่อเปนสามเณร ได้พระราชทานไตรแลสิ่งของแก่พระมหาทั้งสองนั้น กับพระผาดพระปลั่งในการที่อุปสมบทใหม่ด้วย แลเจ้านายข้าราชการฝ่ายน่าฝ่ายในซึ่งทรงรับแลรับปวารณาพระสงฆ์สามเณรประเคนพุ่มแก่พระสงฆ์สามเณรต่อไป พระสงฆ์ถวายอติเรกแล้ว เสด็จออกไปประทับที่ข้างกุฎีพระธรรมวโรดม พระราชทานหมากพลูธูปเทียนแก่พระสงฆ์ซึ่งจะลงพระอุโบสถ เพื่อการอธิษฐานเข้าพรรษาแล้ว เสด็จเข้าไปทรงจุดเทียนนมัสการในพระอุโบสถ เวลาย่ำเศษเสด็จกลับวังสวนดุสิตมาประทับที่พระที่นั่งอภิเศกดุสิตจนเวลายามเศษเสด็จขึ้น

อนึ่ง ในการเข้าพรรษา ๓ วัน คือ วันที่ ๑๒ วันที่ ๑๓ วันที่ ๑๔ เดือนนี้ ได้มีสวดมหาชาติคำหลวง แลมีนักเรียนสวดโอ้เอ้ตามศาลารายในวัดพระแก้วตามเคย แลเจ้าพนักงานได้นิมนต์พระสงฆ์เข้าไปรับบิณฑบาตรในพระบรมมหาราชวัง วันละ ๑๕๐ รูป แลวันนี้เป็นวันย่างเข้าฤดูฝนได้โปรดให้จัดการเปลื้องเครื่องพระมหามณีรัตนปฏิมากร สำหรับฤดูร้อนออกเปลี่ยนเปนทรงเครื่องสำหรับฤดูฝนต่อไป

วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๔ โมงครึ่ง ทรงรถเสด็จประพาศออกทางประตูสิงห์โต แล้วเสด็จวัดบวรนิเวศ ประทับในพระอุโบสถทรงจุดเทียน ถวายพุ่มพระพุทธชินสีห์แลถวายพุ่มแก่พระสงฆ์ แล้วเสด็จไปทรงจุดเทียนนมัสการถวายพุ่มที่พระวิหารพระศาสดาแลพระวิหารเก๋ง แลโปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชไปทรงจุดเทียนที่พระเจดีย์ เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จกลับวังสวนดุสิต

วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาย่ำค่ำเศษ ทรงรถเสด็จประพาศออกทางประตูสิงห์โต เวลาทุ่มหนึ่งเสด็จกลับมาประทับพระที่นั่งอภิเศกดุสิต ออกขุนนางแล้วเวลายามเศษ เสด็จขึ้นประทับประชุมเสนาบดี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๕ ทุ่มครึ่งเลิกประชุม

วัน ๑ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมง ๒๐ นาที ทรงรถไฟฟ้าเสด็จประพาศออกทางประตูสิงห์โต เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับ

วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ทรงรถไฟฟ้าเสด็จประพาศ ออกทางประตูกวาง เวลาราวทุ่มครึ่ง เสด็จกลับมาประทับที่พระที่นั่งอภิเศกดุสิต เจ้านายข้าราชการเฝ้าแล้ว เวลาเกือบยามเสด็จขึ้นประทับประชุมเสนาบดี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๕ ทุ่มเศษเลิกประชุม

วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงรถไฟฟ้าเสด็จประพาศ เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับมาประทับพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลาเกือบยามเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงรถไฟฟ้าเสด็จประพาศออกทางประตูสิงโต เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๕ ๑๐ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่ายทรงรถไฟฟ้าเสด็จประพาศ เวลาเกือบสองหุ่ม เสด็จกลับมาประทับในพระที่นั่งอภิเศกดุสิต ถวายบริขารขึ้นกุฎีแก่พระสงฆ์ซึ่งโปรดให้ไปจำพรรษาอยู่พระอารามต่างๆ คือพระธรรมฐิติญาณวัดโสมนัศวิหาร พระอันดับ ๓ ซึ่งไปอยู่วัดเครือวัลวรวิหารตั้งแต่วันที่ ๘ เดือนนี้ พระครูธรรมจริยาภิรมย์วัดมณฑป พระอันดับ ๒ ซึ่งไปอยู่วัดราชคฤหบดีอาวาศตั้งแต่วันที่ ๒๑ มิถุนายน ร, ๔๑ศก ๑๒๗ กับพระครูวิมลปัญญาวัดสุวรรณารามพระอันดับ ๒ ซึ่งไปอยู่วัดเวฬุราชิณตั้งแต่วันที่ ๒๑ มิถุนายน ร, ๔๑ศก ๑๒๗ ได้พระราชทานวัดถุปัจจัยมูลราคา ๒๐๐ บาท แก่พระธรรมฐิติญาณด้วย เสร็จการถวายเครื่องบริขารขึ้นกุฏินี้แล้วประทับเจ้านายข้าราชการเฝ้าอยู่จนเวลาเกือบยาม เสด็จขึ้นประทับประชุมเสนาบดี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลาราว ๕ ทุ่มครึ่ง เลิกประชุม

วัน ๖ ๑๑ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงทรงรถเสด็จประพาศ เวลาทุ่มเศษ เสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๗ ๑๒ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงรถไฟฟ้า เสด็จประพาศออกทางประตูสิงโต ได้เสด็จทอดพระเนตรที่ที่มุมสี่แยกถนนหลวงซึ่งเปนที่ป่าช้าวัดโคก ทรงพระราชดำริห์เห็นว่าที่ตรงนั้นเปนที่เปลี่ยวจะโปรดให้ย้ายโรงพักพลตระเวนริมคลองผดุงเข้ามาตั้งในที่นั้น เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับมาประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิตเวลายามหนึ่งเสด็จขึ้น

วัน ๑ ๑๓ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่ายทรงรถไฟฟ้า เสด็จประพาศวัดราชาธิวาศออกทางประตูกวาง เสด็จกลับแล้ว เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกประทับที่มุขพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามเศษเสด็จขึ้น

วันนี้เวลาเช้า ๕ โมงเศษ หม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์ในกรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์สิ้นชีพิตักไษยเพราะเสวยยาพิศม์ เวลาค่ำโปรดให้กรมขุนสมมุตเสด็จไปทรงเยี่ยมสมเด็จกรมพระ แลในเวลาค่ำวันนี้ได้มีการรดน้ำแลแต่งศพเหมือนอย่างไว้ที่บ้าน แล้วแห่ศพไปฝัง ณ สุสานวันเทพศิรินธร์ พระราชทานกลองชนะ ๑๐ จ่าปี่ ๑ ฉัตร เบ็ญจา ๑๒ คัน

การที่หม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์เสวยยาพิศม์นี้ เหตุเกิดขึ้นในวันนั้นตามที่ได้ทราบก็ดูไม่น่าจะเปนการร้ายแรงถึงเพียงนี้ ที่ได้ทราบนั้นว่า วานนี้เมื่อตอนหัวค่ำ ได้ทำเครื่องเสวยกับกรมหมื่นชุมพร แลหม่อมอื่นๆ ในกรมหมื่นชุมพร เมื่อทำแล้วได้เสวยเลี้ยงดูกันอยู่ดีๆ ในเวลานั้นมีผู้จุดประทัดดังขึ้นในวังนั้น เปนประทัดที่กรมหมื่นชุมพรได้ทรงพระดำริห์ทำขึ้น จะใช้ระเบิดปลาสำหรับบริษัทปลาชุมพร เมื่อกรมหมื่นชุมพรได้ยินเสียงประทัดนี้ก็ทรงกริ้วผู้ที่เอามาจุดเล่น ครั้นไต่สวนได้ความว่าพวกนักเรียนทหารเรือที่อยู่ในวังนั้นเปนผู้เอามาจุดจึงเฆี่ยนนักเรียนนั้น นักเรียนนั้นซัดว่าบ่าวหม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์ก็เอามาจุดเล่นเหมือนกัน กรมหมื่นชุมพรก็กริ้ว หม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์ก็เรียกบ่าวมาเฆี่ยนบ้าง ต่อนี้มาก็เปนการเรียบร้อยดีกันอยู่ ครั้นถึงเวลานอนต่างก็ไปนอน หม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์ไปห้องนอน ในห้องนอนหม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์นี้ ได้มีหญิงสำหรับเปนคนใช้ แต่เปนหม่อมในกรมหมื่นชุมพรด้วย ชื่ออุ๊นฤๅฮุ๊นได้นอนอยู่ด้วยคนหนึ่งสำหรับรับใช้หม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์ ครั้นเวลาสัก ๒ ยามหม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์ ได้ใช้คนที่อยู่ด้วยในห้องนี้ ให้ไปตามคุณเชยบุตรพระยาประภาซึ่งอยู่ในวังนี้ มาพูดร้องไห้เสียอกเสียใจในเรื่องเหล่านี้ คุณเชยได้พูดไกล่เกลี่ยเห็นว่าสงบดีก็กลับไปห้องนอน คนที่นอนอยู่ด้วยเล่าว่า ครั้นเวลาราวสักสามยามเขานอนหลับ หม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์ได้มาปลุกให้ไปตามคุณเชยอีก ครั้นคุณเชยกับคนนั้นกลับขึ้นมาก็เห็นหม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์นอนอยู่ข้างเก้าอี้ข้างโต๊ะล้างหน้า มีน้ำหกเรี่ยราด ได้ความว่าหม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์ เสวยคาบอลิคเอซิส ได้เอะอะแก้ไขกันก็ไม่ฟื้นเปนแต่อยู่มาได้จนเวลาเช้า ๕ โมงเศษวันนี้จึงสิ้นชีพิตักไษยดังนี้ มีหนังสือหม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์ เขียนทูลเกล้า ฯ ถวายซองหนึ่ง ถวายสมเด็จกรมพระซองหนึ่งเขียนถึงหม่อมมารดาซองหนึ่ง ถึงกรมหมื่นชุมพรสองซอง แต่ไม่ปรากฏเนื้อความว่ากระไร หนังสือเหล่านี้เปนการที่เขียนเรื่องไว้นานแล้ว แต่ไม่ได้ลงวัน มีเขียนใหม่ในคืนวันนั้นแต่ฉบับถึงกรมหมื่นชุมพรฉบับหลังฉบับเดียวเท่านั้น คงจะเขียนในเวลาสองยามไปหาสามยาม ซึ่งเปนเวลาที่คนอยู่ด้วยนอนหลับนั้นเอง เหตุนี้คงจะไม่ใช่การวิวาท เพราะการที่วิวาทกันเมื่อคืนนี้ย่อมเปนการเรื้อรังมาช้านานมีท่าทางจะเนื่องถึงความเดือดร้อนเกิดแต่คุณจอมมารดาด้วย

วัน ๒ ๑๔ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงรถประพาศออกทางประตูสิงโต ทราบว่าเสด็จวังบูรพาทรงเยี่ยมสมเด็จกรมพระ ในการที่หม่อมเจ้าทิพย์สัมพันธ์สิ้นชีพิตักไษย สมเด็จกรมพระได้กราบบังคมทูลพระกรุณาที่จะไปเที่ยวยะวาเพื่อความสำราญระงับทุกข์โศรกด้วย เวลา ๒ ทุ่ม ๔๕ นาที เสด็จกลับมาประทับที่พระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามเศษเสด็จขึ้น ประทับประชุมเสนาบดี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลา ๒ ยามเศษเลิกประชุม

วัน ๓ ๑๕ ๘ ค่ำ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐

วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๑๒๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงรถไฟฟ้าเสด็จวัดราชาธิวาศ ออกทางประตูกวาง แล้วเสด็จออกพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามเศษเสด็จขึ้น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ