เรื่องโมเตอร์คาร์ใหม่

คุณพี่เธอก็เคยเล่นอะไรต่ออะไรมาหนักกว่าหนักแล้ว อีฉันดูเหมือนยังไม่เคยเฮอะไรที่เธอไม่เฮด้วย แต่มาถึงโมเตอร์คาร์คราวนี้ดูคลั่งยิ่งกว่าอะไรหมด ถ้าไม่ขัดโน่นนิดนี่หน่อยก็ดูเหมือนเธอจะหอบที่นอนหมอนมุ้งไปนอนค้างในโมเตอร์คาร์ทุกคืนไปกระมัง.

ความคลั่งโมเตอร์คาร์ของคุณพี่นี้ ถ้าเอาขึ้นตาเต็งช่างน้ำหนักได้ก็เห็นจะหลายตัน แต่ความหนักใจของคุณแม่ ดูเหมือนจะยังหนักกว่านั้นสักหน่อย ด้วยคุณแม่มีลูกกับเขาจำเพาะสองคนแต่คุณพี่กับฉัน จะอะไรนิดอะไรหน่อยก็เก็บไปเปนทุกข์ จนชั้นอีฉันไปดูลครกลับดึกหน่อยก็นอนไม่หลับ ให้นึกไปว่าจะไปถูกวิ่งราวตุ้มหู หรือรถหักหรือพลายมงคลหลุด หรืออะไรต่ออะไรจนน่าหัวเราะ สุดแต่ลูกออกจากประตูบ้านไปแล้วเปนไม่มีสุขเสียเลย.

ส่วนเรื่องโมเตอร์คาร์นั้น คุณแม่ไปทราบได้ทางไหนไม่ทราบ ว่าน้ำมันเปโตรล์มันสำคัญนัก มันอาจลุกพึบพับระเบิดไปโปงปางขึ้นเมื่อไรก็ได้ อิกประการหนึ่ง ในรถนั้นมีไฟฟ้า ซึ่งคุณแม่ทราบแล้วว่าถูกเข้าไม่ได้ เพราะหลวงอินามาตย์แกเคยเล่าว่า สายรถรางมันขาดลงมาถูกแพะตายด้วยแรงไฟฟ้า คุณแม่เกรงไปว่าคุณพี่ทำผลุน ๆ ผลัน ๆ ฉวยว่าไปถูกมันเข้าอย่างแพะละก็เต็มที อนึ่ง โมเตอร์คาร์วิ่งเร็วคุณแม่ก็ทราบ แลรถรางทั้งสายเก่าสายใหม่เดินเกะกะไปทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างไรคุณแม่ก็ทราบ เพราะฉนั้น คุณพี่ไปเที่ยวโมเตอร์คาร์คราวไร คุณแม่ก็นั่งไม่สบายใจทุกครั้ง.

เวลานั้นคุณพี่ได้โมเตอร์คาร์มาใหม่ ๆ วันอาทิตย์ตอนบ่ายเธอว่าจะไปเที่ยวขับเล่นเสียสักประเดี๋ยวหนึ่งจึงจะกลับมากินเข้า จะชวนอีฉันไปด้วยแต่ผะเอิญวันนั้นแหม่มโยนซ์แกมาหา อีฉันต้องอยู่รับแขก คุณพี่ก็ขึ้นรถขับพั่บๆ ไปคนเดียว.

การกินอาหารที่บ้านอีฉันแบ่งเปนสองส่วน คือคุณแม่กับฉันกินส่วนหนึ่ง คุณพี่กินส่วนหนึ่ง ตามธรรมดาถ้าประจวบเวลากินพร้อมกัน คุณพี่ก็มักขนสำรับมาสมทบกันที่เรือนคุณแม่ เย็นวันนั้นถึงเวลากินเข้าคุณพี่ยังไม่ยักกลับ คุณแม่ก็บ่นตามเคยแล้วกินเสียก่อน เมื่อกินแล้วบ่นว่ามึนศีร์ษะไม่สู้สบายก็เข้าเรือน สวดมนต์นอนแต่หัวค่ำ อีฉันอ่านหนังสืออยู่จนดึกคุณพี่ก็ยังไม่กลับ เข้าใจเสียว่าคงจะไปแวะกินเข้าตามบ้านเพื่อนฝูงแล้วเลยคุยกันจนดึก ครั้นได้เวลาอีฉันก็เข้านอน.

รุ่งขึ้นเช้าคุณแม่ลุกขึ้นใส่บาตรแต่เช้ามืดเห็นประตูเรือนคุณพี่งับ ๆ อยู่ไม่ได้ลงกลอนผิดสังเกตก็เรียกบ่าวมาถามได้ความว่า คุณพี่ไปเที่ยวโมเตอร์คาร์ แต่เย็นวานยังไม่กลับ คุณแม่ก็กาหลปลุกฉันขึ้นช่วยเอะอะ ด้วยคุณพี่ไม่เคยไปเที่ยวนอนค้างอ้างแรมที่ไหน โดยมิได้บอกกล่าวข้างบ้าน เรื่องเปโตรล์ระเบิด สายไฟฟ้าตกถูกแพะตาย แลพลายมงคลหลุดก็เปนเรื่องที่คุณแม่เก็บมาคิดไปหมด แลฟังถ้อยคำที่พูดดูเหมือนจะเกิดเหตุทุกอย่าง คือพลายมงคลก็หลุด น้ำมันก็ระเบิด แลสายไฟฟ้าก็ตกทับแพะตาย ถ้าคุณแม่ทราบว่าโมเตอร์คาร์อาจเกิดอันตรายได้อิกกี่ทาง ก็คงคิดว่าเกิดแล้วแก่คุณพี่ทั้งนั้น.

คุณแม่กำลังเศร้าโศกสิ้นสติ อีฉันกำลังปลอบโยนอยู่ พอหลวงอินามาตย์งุ่มง่ามมาหา คุณแม่ก็ปรับทุกข์เลอะเทอะตามเคย.

หลวงอินามาตย์คนนี้แกไม่รู้ตัวว่าอินเสียแสนจะอิน ทำท่าทางเหมือนหนึ่งว่านั่นโก้เสียเต็มประดา บังอาจถึงมีประสงค์มุ่งหมายจะเปนลูกเขยคุณแม่ คุณแม่ก็ไม่สู้รังเกียจที่ให้แกไปมาหาสู่บ่อย ๆ เพราะเห็นไม่มีอันตรายอะไร ด้วยแกมีความคิดกรุ้มกริ่มไปคนเดียว คุณพี่กับอีฉันกับพวกผู้คนในบ้านก็พากันหัวเราะแกเล่นเท่านั้น.

เมื่อคุณแม่แสดงความสิ้นสติให้แกฟัง ด้วยกิริยาวาจาแล้ว หลวงอินามาตย์ก็ขยายขี้เท่อขึ้นมาว่า “คุณนายต้องหักใจลงไปขอรับ ธรรมดาคนเกิดมาแล้วก็ต้องตาย “ทหรา จ มหนฺตา จ เย พาลา เย จ ปฺณฺฑิตา” ไม่ว่าเด็กว่าแก่ ไม่ว่าโง่ว่าฉลาด ย่อม—”

อีฉันได้ฟังดังนั้นก็อดไม่ได้ “เอ้ย คุณหลวง นี่ก็ใครบอกละว่าคุณพี่ตาย เปนแต่เธอไปค้างที่ไหนคืนเดียวก็มาท่องคาถาคาแถอะไรออกอินไม่เปนรส.”

ตาหลวงดูทีจะออกเคือง ด้วยถ้าใครว่าแกอินแกโกรธ ต้องยอว่าโก้จึงจะชอบ ว่าตามจริง อีฉันไม่เคยคิดว่าเปนคนอย่างอื่นนอกจากอิน แต่ไม่เคยว่าแกต่อหน้า ครั้นแกได้ยินว่าตรง ๆ ดังนี้ แกจึงแสดงกิริยาว่าแค้นเสียงบ่นอะไรพึมพำ ถ้ามีคาถาอะไรในภาษามคธที่มีใจความตรงกันกับ “ภวตุสัพพ” แกก็เห็นจะสวดคาถานั้นสำหรับอีฉันเปนแน่.

คุณแม่ “อะไรมันจะไประเบิด หรือโดนอะไรอย่างไรก็ไม่รู้ เมื่อคืนนี้ก็ฝันไม่สู้ดี กรรมจริง ๆ พุ โท่ลูกเอ๋ยลูก.”

หลวงอิน “ผมนึกสงไสยอยู่แล้ว เห็นอ้ายคูมาเรตเต้อมันไม่เหมือนของในกรม น้ำมันก็เห็นในกรมท่านใช้อย่างที่เรียกน้ำมันเบ็ญศีล. นี่เธอใช้น้ำมันเรียกเป็ดโรเป็ดแรอะไรไปคนละอย่าง มันผิดแบบผิดแผนไปก็เปนที่หนักใจ ผมนี่คิดแล้วทีเดียว แต่เรื่องนี้แหละขอรับ จะต้องใช้ธรรมะเปนที่พึ่ง จะโสกะปริเทวะไปไยให้ป่วยการ ใช่ว่าสังขารที่ดับไปแล้วจะกลับคืนมาก็หามิได้ ควรต้อง—”

อีฉันเห็นตาหลวงไม่ได้การก็ต้องดุเอาตรง ๆ “เอาอิกละ นี่ใครเขานิมนต์มาเทศน์เล่า มัวแต่อินไม่รู้แล้วรู้รอด มีแต่จะช่วยคิดอ่านว่าจะทำอย่างไรถึงจะถูก นี่กลับมาเทศน์อินแล้วยังกลับยุ่มย่ามด้วย.”

ตาหลวงท่าทางโกรธเต็มที่ ลุกขึ้นได้ลงบันไดไป เสียงท่องคาถาตรงข้ามกับ “ภวตุสัพพ” ไปตามทาง เห็นจะไม่คิดอยากเปนลูกเขยคุณแม่ตั้งแต่เวลานั้นต่อไป.

ครั้นตาหลวงไปแล้ว คุณแม่ค่อยมีสติก็เรียกคนมาสั่งให้ไปบอกสารวัดโรงพักใหญ่ที่พลตระเวน วานให้ช่วยพูดโทรศัพท์ไปเที่ยวถามทุกโรงพัก ทั้งอีฉันเขียนหนังสือไปถึงแหม่มโยนซ์ ยืมโมเตอร์คาร์ของแกคนหนึ่ง กับให้แกช่วยยืมให้อิกสองคัน ไม่ช้าได้โมเตอร์คาร์มาพร้อมก็ให้คนไปด้วย เที่ยวขับให้รอบเมืองทุกตรอกทุกซอก ทั้งให้แวะถามตามบ้านพี่น้องเพื่อนฝูงทุกแห่ง.

สักชั่วโมงครึ่งรถมาทั้งสามคนกลับมาส่งข่าวว่าหาคุณพี่ไม่พบ เที่ยวดูทุกถนนแลถามทุกแห่ง ก็ไม่ได้ความว่ากระไร คุณแม่สิ้นสติเปนครั้งที่สอง ก็ให้รถไปเรียนเจ้าคุณลุง แล้วให้เลยไปเที่ยวหาอีกพักหนึ่ง.

พอรถออกขับไปได้สักครูใหญ่ ๆ อีเด็กคนใช้คนหนึ่งวิ่งทะเลิกทะลากเข้ามาบอกว่า คุณพี่อยู่นอกรั้วหลังบ้าน อีฉันได้ยินดังนั้นก็รีบออกไปดู ครั้นไปถึงเห็นคุณพี่ก้มหน้าง่วนอยู่กับเครื่องรถ อีฉันจึงถามว่า “นี่คุณพี่ไปไหนมาคะ.”

คุณพี่เงยหน้าขึ้นดู ตอบว่า “เปล่า” แล้วกลับก้มหน้าลงปิดไฟฟ้ากุกกัก แล้วหมุนเครื่องรถเดินพั่บ ๆ ขึ้น คุณพี่ร้องว่า “อ้ายนี่เอง” แล้วยืนขึ้นบิดขี้เกียจ.

อีฉันถามซ้ำว่า “นี่คุณพี่ไปไหนมาคืนยังรุ่ง”

คุณพี่ “เปล่า พี่ไม่ได้ไปไหนหร็อก.”

อีฉัน “เปล่าอย่างไรได้ ไปแต่เย็นวานจนปานนี้ยังไม่กลับเข้าบ้าน.”

คุณพี่ “เปล่า พี่อยู่นี่เอง เมื่อเย็นวานเวลาขับออกมาหมายจะไปทางโน้นก็ลัดมาตามดงพุดซา ไม่ได้ไปตามถนน พอถึงตรงนี้ไปถูกอะไรเข้าไม่รู้ยางแตกออกถนัดใจ พี่ก็หยุดถอดยางออกซ่อมแซมอยู่จนมืดถึงได้แล้ว ครั้นใส่ยางเข้าที่ดีแล้ว คราวนี้เปิดเครื่องไม่เดินพี่ก็เลยง่วนอยู่นี่เอง ปุ้ดโท่ อ้ายอิคนิชั่นนี่เอง หาเสียออกแย่ เข้าแล้วหรือยัง หิวอ็อก.”

มันอย่างนี้แหละเจ้าค่ะ ดูหรือเที่ยวหากันเสียรอบบ้านรอบเมือง คุณแม่ก็เปนลมสองกลับสามกลับ คุณพี่ไพล่ไปแก้เครื่องโมเตอร์คาร์ง่วนอยู่หลังบ้านได้จนคืนยังรุ่ง ไม่หิวไม่หาวนอนหมด นี่แหละ โมเตอร์ เมื่อได้มาใหม่.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ