เรื่องจับผู้หญิงสองมือ

ข้าพเจ้าเคยมีชื่อเสียงว่าไม่ใคร่รู้จักขมิดเขมี่ยเงินทอง อยู่ข้างจะเปนคนสุรุ่ยสุร่ายจับจ่ายแต่ล้วนของที่ไม่ควรซื้อหา แล้วยังมิหนำซ้ำไม่รู้จักขวนขวายในทางที่จะหากินให้เปนอันแน่นอนอันใดได้ด้วย การที่ข้าพเจ้ารู้จักอยู่อย่างเดียวแต่การจับจ่ายเช่นนี้ ข้าพเจ้ามีทางที่จะยกโทษตัวเองได้อยู่อย่างเดียว แต่ว่าเวลานั้นข้าพเจ้ายังเปนคนพึ่งรุ่นหนุ่ม แลถึงเวลานี้ข้าพเจ้าจะเปนคนไม่ไหวพริบ มีความคิดน้อยเท่าใดก็ดี เวลานั้นข้าพเจ้ายังกลับฉลาดน้อยยิ่งกว่าเดี๋ยวนี้ไปเสียอิก ข้าพเจ้าอยากขอทราบให้ใครชี้ตัวมาหน่อยเถิด ว่าคนหนุ่มคนไหนไม่ชอบใส่เสื้อตัดดี เกือกรูปงาม หรือถือไม้เท้าหัวหุ้มทองบ้าง คนที่พอจะใช้ของเช่นนั้นได้แล้วคงใช้ทั้งนั้นไม่ใช่หรือ ถุงเท้าคู่ละสามบาทเช่นนี้ ใส่ดูสบายกว่าถุงเท้าคู่ละบาทมากเพราะเหตุใด เพราะเรารู้สึกได้ว่าเรื่องถุงเท้าแล้ว ใครจะมาติเตียนเราว่าใช้ของเลวเปนไม่ได้ แล้วจึงเลยรู้สึกพูมขึ้น การที่รู้สึกพูมนั้นแปลว่ารู้สึกสบายใจ แลการที่รู้สึกสบายใจ ค่าที่ใส่ถุงเท้าคู่ละสามบาทนั้น จะไม่เรียกถุงเท้าคู่ละสามบาทว่าใส่สบายได้หรือ ส่วนถุงเท้าคู่ละบาทเดียวนั้นใส่ได้เหมือนกันก็จริงอยู่ แต่ผู้ที่ใส่ถุงเท้าคู่ละบาทเดียวนั้น เมื่อไปเห็นถุงเท้าคู่ละสามบาทเข้าแล้ว ก็รู้สึกตัวว่าเตี้ยลงไปหลายนิ้วจริงหรือไม่ การที่รู้สึกตัวว่าเตี้ยลงไปนั้น ทำให้คนที่มีความถือตัวอยู่บ้างรู้สึกไม่สบายใจ แต่การที่รู้สึกไม่สบายใจค่าที่ตัวใส่ถุงเท้าคู่ละบาทนั้น จะเรียกถุงเท้าคู่ละบาทนั้นว่าใส่ไม่สบายเหมือนคู่ละสามบาทดังนี้ จะไม่ควรหรือ ส่วนเสื้อนั้นไม่ต้องมีข้อเถียงเลยว่าเสื้อตัดไม่ดี จะใส่สบายกว่าหรือสบายเหมือนเสื้อที่ตัดดีไม่ได้ แลเมื่อพูดถึงเครื่องแต่งตัวไปทุกอย่างแล้ว ก็ต้องตกลงว่า ของที่ใส่สบายตัวสบายใจกว่าของไม่ดี คือเสื้อผ้าหมวกเกือกเปนต้น ที่ไม่ดีนั้นใช้สู้เสื้อผ้าหมวกเกือกที่ดีไม่ได้ การที่ใช้ของไม่ดีที่ใส่ไม่สบายนั้นเขาว่า (ข้าพเจ้าไม่ได้ว่าเอง) ทำให้เกิดโรค เช่นใส่ เสื้อที่ตัดไม่ดี ตึงตรงบ่า แล้วอาจทำให้เมื่อยบ่าได้ แต่เมื่อเมื่อยบ่าอยู่เสมอ แล้วอาจทำให้เปนอะไรอื่น ๆ ที่ร้ายกาจน่ากลัวยิ่งกว่าเมื่อยบ่าไปได้ เรื่องที่ใช้ของดีรู้สึกสบายใจ ใช้ของไม่ดีรู้สึกไม่สบายใจนั้น เปนการเถียงไม่ได้อยู่แล้ว การที่รู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอนั้นเขาว่า (ข้าพเจ้าไม่ได้ว่าเองเหมือนกัน) ทำให้หัวใจฝ่อ การที่หัวใจฝ่ออยู่เสมอนั้นทำให้เกิดโรค แลการที่เกิดโรคอยู่เสมอนั้นทำให้ตายเร็ว เพราะฉนั้น ถ้าใครใช้ของเลว ๆ แล้วตายเร็ว จะไปโทษเอาใครไม่ได้

การที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแต่เริ่มต้นว่า ข้าพเจ้าเปนคนสุรุ่ยสุร่ายนั้น ข้าพเจ้าจะได้หมายความว่า ข้าพเจ้าใช้เงินโปรยปรายตามส่วนที่ข้าพเจ้ามีอยู่ไปทุกอย่างทุกสิ่งนั้นหามิได้ เพราะข้าพเจ้าฟุ่มเฟือยอยู่แต่ทางที่ทำให้ข้าพเจ้าเปนคนพูม ตามที่ผู้อื่นจะเห็นได้แต่นอก ๆ เช่นเสื้อผ้าเช่นนั้นเท่านั้น การที่ข้าพเจ้าทำหรูหราในการประดับกายเช่นนี้ ก็เพราะข้าพเจ้ามีความเห็นอยู่ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น คือว่าคนที่แต่งตัวเลวนั้น ถ้าจะคิดตามส่วนตัวคงตายเร็วกว่าคนที่แต่งตัวดีเปนแน่

ข้าพเจ้าก็ยังเปนคนหนุ่มอยู่ แลการที่จะตายเสียแต่ยังเปน ๆ นั้น ไม่เปนการถูกอารมณ์ของข้าพเจ้ามากนัก เพราะฉนั้น ข้าพเจ้าจึงอุสาห์แต่งตัวให้ดี เพื่อจะได้คงชีวิตไปนาน ๆ เผื่อบางทีจะเปนประโยชน์แก่บ้านเมือง หรือโลกที่ข้าพเจ้าเสียทีได้เกิดมาแล้วนั้นบ้าง

ตามที่ข้าพเจ้ามีความคิดอยู่ว่า ต่อไปตัวข้าพเจ้าจะเกิดเปนคนมีประโยชน์ขึ้นบ้างได้กระมังนี้ จะได้ถูกต้องกับความคาดหมายของท่านผู้ใหญ่ของข้าพเจ้านั้นหามิได้ เพราะท่านผู้ใหญ่เห็นว่าการฟุ่มเฟือยนั้น จะพาข้าพเจ้าไปสู่ได้แต่ความไม่ดีทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าไม่อยากจะนำมากล่าวในที่นี้ ลงท้ายว่าข้าพเจ้าคงจะต้องไปเที่ยวร้องเพลงตามถนนเช่นคนขอทานฉนั้น ตัวข้าพเจ้ากับคนขอทานนั้น จะคล้ายกันเข้าไปตรงไหนข้าพเจ้าเองก็แลไม่เห็น แลทำไมท่านผู้ใหญ่จึงเอาคนขอทาน กับตัวข้าพเจ้ามาเปนคู่เปรียบกัน ข้าพเจ้าก็ยังตีไม่ออกมาจนตราบเท่าทุกวันนี้

ถึงอย่างไรก็ดี การที่ท่านผู้ใหญ่ของข้าพเจ้าพยากรณ์ว่า ความฟุ่มเฟือยแต่งตัวสวยอยู่เสมอของข้าพเจ้า จะนำมาได้แต่ความเข็ญใจ เช่นคนยาจกเท่านั้น เปนการไม่ถูกต้องแท้ เพราะข้าพเจ้าก็ยังไม่ถึงกับอย่างนั้นอย่างหนึ่ง แลถึงการแต่งตัวดีของข้าพเจ้า จะนำความยากแค้นมาจริงก็ตามที แต่หาได้นำมาแต่ความยากแค้นนั้นอย่างเดียวไม่ เพราะได้นำให้หญิงสาว ๆ รู้สึกว่าข้าพเจ้าเปนคนถูกตา เลยชอบข้าพเจ้า เปนอันนำเอาโอกาศที่ข้าพเจ้าจะได้พรรณนาเรื่องต่อไปนี้มาให้อิกอย่างหนึ่ง

เมื่อได้กล่าวมาถึงเพียงนี้แล้ว ท่านผู้อ่านก็เปนอันทราบได้ว่า ข้าพเจ้าเปนคนเก๋อย่างที่เรียกถูกตานักเลง (กล่าวคือนักเลงในการแต่งตัว) เต็มที่แล้ว เพราะฉนั้น การที่มีหญิงสาว ๆ มาทึ่งชอบอกชอบใจในตัวข้าพเจ้านั้นก็ไม่เปนอันผิดธรรมดานัก

ข้าพเจ้าขอเล่าถึงตัวว่า ข้าพเจ้าเปนบุตรนายทหาร เกิดในเมืองลอนดอน แลได้เคยรับการศึกษาจากวิทยาลัย แลมหาวิทยาลัยโดยระเบียบ แต่ข้าพเจ้าอวดไม่ได้ว่า ข้าพเจ้าเปนคนเก่งใน การศึกษานัก เพราะข้าพเจ้าค่อนข้างจะรู้สึกตัวว่าฉลาดเกินกว่าที่เปนจริงอยู่สักหน่อย หาใคร่สู้เอาใจใส่กรากรำในทางที่เรียนนั้นไม่

แรกเริ่มเดิมที เมื่อข้าพเจ้าจะตั้งต้นรักผู้หญิงนั้น คือเมื่อข้าพเจ้าขึ้นไปอยู่มหาวิทยาลัยใหม่ ๆ แม่เจ้าประคุณของข้าพเจ้านั้นเปนคนขายบุหรี่อยู่ในร้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับที่สำนักของข้าพเจ้าในเวลานั้น แม่เจ้าประคุณคนนี้เปนหญิงสวยที่สุดในโลกนี้ ตามความเห็นของข้าพเจ้าในขณะนั้น ข้าพเจ้าไม่ต้องเล่าก็ได้ ว่าข้าพเจ้าได้ไปซื้อบุหรี่วันละกี่ตัว แลไปยืนประจ๋อประแจ๋อยู่ครั้งละนานเท่าใด เพราะท่านผู้อ่านคงจะเดาได้แล้ว การที่ข้าพเจ้าไปรู้สึกติดใจแม่เจ้าประคุณคนนี้เช่นนั้นมากมายเช่นนั้น ข้าพเจ้าทราบไม่ได้ว่าแม่คนนั้นมารู้สึกชอบใจข้าพเจ้าบ้างหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็ดีข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ถ้าข้าพเจ้าชวนแต่งงานเมื่อใด แม่เจ้าประคุณคนนั้นก็คงตกลงยินยอมเปนแน่ เพราะข้าพเจ้าไม่ได้แต่เปนคนแต่งตัวดีอย่างเจ้าชู้อยู่เสมออย่างเดียว ซ้ำเปนคนผู้ดีพอใจกับคนชั้นหญิงขายบุหรี่ เช่นแม่เจ้าประคุณคนนั้นด้วย

แต่การที่ข้าพเจ้าจะคิดถึงการมีเมียแต่ในเวลาที่ยังเปนนักเรียนอยู่เช่นนั้น เปนอันเปนไปไม่ได้ เพราะฉนั้น ข้าพเจ้าก็เปนแต่เพียงไม่ซื้อบุหรี่ร้านอื่น แลพาแม่เจ้าประคุณไปเที่ยวเดิรเล่นเปนครั้งเปนคราว หรือเชิญมากินอาหารกลางวันพร้อมกับยายเถ้าแก่คนหนึ่งในห้องข้าพเจ้า ในวันที่ข้าพเจ้ากะว่าจะไม่มีพวกเพื่อนนักเรียนด้วยกันโผล่เข้ามานั้น

ตามที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแล้วว่า ข้าพเจ้าหาได้คิดถึงเรื่องแต่งงานมีลูกมีเมียในเวลานั้นไม่ จะได้ทำให้ข้าพเจ้าไม่รู้สึกรักหญิงคนนั้นหามิได้ ที่จริงยิ่งรู้จักกันนานเข้าก็ยิ่งรักชอบกันมากเข้าทุกที จนถึงเมื่อข้าพเจ้าจะออกจากมหาวิทยาลัยนั้น แม่เจ้าประคุณเกิดเศร้าโศกถึงร้องไห้คร่ำครวญอะไรไปเปนอันมาก

ข้าพเจ้าเปนคนใจอ่อนถึงเหตุ เมื่อถูกเข้าเช่นนั้นก็เปนอันเสียไม่ได้ เพราะข้าพเจ้ามีแต่ความรักหญิงคนนี้อยู่ก็พอแล้วยังมิหนำซ้ำมีสงสารเปนทัพหนุนขึ้นมาด้วย เมื่อความรักกับความสงสารเข้ามาปนกันอยู่แล้ว อย่าหมายเลยใครจะหักใจได้ แต่ส่วนข้าพเจ้าเอง การที่ว่าหักใจไม่ได้นั้นแปลว่าได้รู้สึกเศร้าโศกโกรธโลกแลเทวดาแลอะไรต่าง ๆ ที่ไม่ได้อำนวยให้ข้าพเจ้าอยู่ในมหาวิทยาลัยสำหรับซื้อบุหรี่ร้านนั้นเสมอไป เลยสัญญาว่า ข้าพเจ้าตั้งใจจริงต่อแม่เจ้าประคุณตลอดไป จนกว่าจะมีโอกาศแต่งงานกันได้ แลเมื่อข้าพเจ้าออกจากวิทยาลัยมาแล้วนั้น จะเขียนหนังสือถึงกันอยู่เสมอเพื่อจะได้เปนการเกี่ยวข้องรู้กันอยู่ตามควรจะเปนไป

นั่นแหละเปนคำสัญญาของข้าพเจ้ากับหญิงคนนั้นก่อนที่จะออกจากมหาวิทยาลัยมา แลข้าพเจ้าได้ตั้งใจจริงว่าจะปฏิบัติตามคำสัญญานั้นทุกประการมิให้บกพร่องได้

เมื่อข้าพเจ้าลงมาลอนดอนได้ไม่ช้านานเท่าใด ท่านบิดาข้าพเจ้าก็เลิกการตั้งบ้านอยู่ในเมืองนั้นดังที่เคยมา ด้วยมีที่บ้านที่ดินแห่งหนึ่งทางเหนือ เปนอันทิ้งไว้ไม่มีประโยชน์ แลค่าเช่าก็ไม่ได้เท่าใด หาพอกับโสหุ้ยที่จะอยู่ในลอนดอนไปได้ไม่ เพราะฉนั้น จึงให้ผู้อื่นรับเช่าบ้านในลอนดอนต่อไป แล้วยกครอบครัวขึ้นไปอยู่บ้านฝ่ายเหนือตามที่กล่าวมาแล้วนั้น

การที่ต้องไปอยู่บ้านใหม่นี้ เปนการไกลกับมหาวิทยาลัยออกไปมาก ข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะไป ๆ มา ๆ สำหรับที่จะได้พบหญิงที่รักที่สัญญาของข้าพเจ้าได้ เพราะฉนั้นก็เปนแต่เขียนหนังสือกล่าวความรัก แลบ่นถึงกรรมที่ทาให้พรากกันเช่นนั้นอยู่เนืองๆ ได้รับตอบบ้าง ไม่ได้รับตอบบ้าง ดูเปนอันน้อยลงไปทุกที ที่ตำบลบ้านที่พวกเราไปอยู่ใหม่นั้น มีพวกเศรษฐีอยู่พวกหนึ่ง ภรรยาของเศรษฐีนั้นเปนลูกพี่ลูกน้องกับมารดาข้าพเจ้า แลเมื่อไปอยู่ในตำบลเดียวกันเช่นนั้น ก็จำเปนต้องชอบพอสนิทสนมกับพวกเราเปนธรรมดา ส่วนตัวข้าพเจ้านั้นได้เคยรู้จักพวกพี่น้องเหล่านี้ครั้งหนึ่ง แต่เมื่อข้าพเจ้ายังเด็กอายุ ๖ หรือ ๗ ขวบเท่านั้น เพราะฉนี้ เมื่อไปพบกันใหม่ต่อเมื่อข้าพเจ้าโตๆ แล้วทั้งนั้นก็เหมือนกับรู้จักกันใหม่เหมือนกัน

ท่านเศรษฐีกับภรรยามีบุตร ๒ คน คือบุตรสาวอายุ ๑๙ ปีคนหนึ่ง บุตรชายอายุ ๑๔ ปีคนหนึ่ง ยังอยู่โรงเรียนในแถวเดียวกันนั้น มาบ้านเปนครั้งเปนคราว

ส่วนบุตรชายนั้นไม่ต้องเล่าถึงก็ได้ นอกจากว่ามาชอบพอประจบประแจงข้าพเจ้าเปนอันมาก เพราะเหตุที่เด็กผู้ชายมักทึ่งในพี่น้องผู้ชายอย่างหนึ่ง แลเด็กคนนั้นบิดามารดาตั้งใจไว้ว่าจะให้ขึ้นไปมหาวิทยาลัยเดียวกับที่ข้าพเจ้าเคยอยู่มาแล้ว แลเด็กที่จะไปอยู่มหาวิทยาลัยเช่นนั้น ฝันถึงอยู่แทบทุกคืนเปนอันต้องทึ่งคนที่เคยอยู่มาแล้วอยู่เอง

ส่วนบุตรสาวนั้นข้าพเจ้าต้องเล่ามาก เพราะข้อที่หนึ่งเปนผู้หญิง ข้อที่สองเปนคนสวย ข้อที่สามเปนคนที่ข้าพเจ้าได้รักมา ข้อที่สี่เปนผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาก

การชมโฉมที่ว่า คอเหมือนคอเนื้อ คิ้วเหมือนก่งศร หรือคอเหมือนก่งศร คิ้วเหมือนคอเนื้ออะไรเช่นนั้น ข้าพเจ้าไม่เข้าใจนัก ข้าพเจ้าทราบแน่แต่ว่าหญิงคนนั้นช่างสวยเสียจริง ๆ รูปก็งามนามก็เพราะ หน้าตาก็ดี แต่งตัวก็ดี การดลตรีก็ดี ความรู้ก็ดี (สำหรับผู้หญิง) การเล่นเช่นขี่ม้า ขี่ใบสิกล หรือเล่นลอนเต็นนิชเช่นนั้นก็ดี ดูอะไร ๆ ดีไปเสียทุกอย่าง ข้าพเจ้าคิดว่า เออมีลูกสาวทั้งทีให้มันอย่างนี้สิ แลคิดต่อไปว่าจะมีเมียทั้งทีควรจะให้ได้อย่างนี้เหมือนกัน

เรื่องที่ข้าพเจ้าเกิดรักแม่เจ้าประคุณคนนั้นในเกือบจะแต่ครั้งแรกที่พบกันนั้น เปนอันเปนไปตามธรรมชาติแล้ว เพราะมีชายหนุ่มเห็นหญิงสาวดีไปทุกอย่างดังนั้น แล้วใครเลยจะมามีหัวตรึกตรองได้ว่าเราควรจะรักหรือไม่

ถึงอย่างไรก็ดี ข้าพเจ้ารักอย่างที่ฝรั่งเรียกว่า “หัวเหนือหู” ทีเดียว เปนอันลืมหมดว่าในทั่วพื้นพิภพนี้ หามีมนุษย์อื่นที่จะดีพอให้ข้าพเจ้าหลงใหลไปได้

คราวแรกเมื่อจะพบนั้น คือท่านเศรษฐีเชิญพวกเราไปเลี้ยงดินเนอร์ที่ตึกใหญ่ ในวันรุ่งขึ้นที่พวกเราไปถึงนั้น ท่านผู้ใหญ่ของข้าพเจ้าก็ได้พบกับผู้ใหญ่ข้างโน้นแล้วตามธรรมเนียม แต่ข้าพเจ้าเองนั้นมัวแต่รื้อหีบ ขัดปืน ทาน้ำมันไม้คริ๊กเก๊ตแลทำงานเบ็ดเตล็ดซึ่งเปนของสำคัญส่วนตัวข้าพเจ้าเองนั้นเสียหาได้พบกับพวกพี่น้องที่มาอยู่ใกล้กันนั้นก่อนเวลาดินเนอร์ไม่

ดินเนอร์วันนั้นเปนอย่างกินกันเอง ๆ ไม่มีคนอื่น ตามที่ป้าข้าพเจ้าเรียกว่า “ป๊อตลัก” ตรงกับที่ไทเรียกว่าค้นก้นหม้อเข้าหม้อแกงนี่เอง การที่พี่น้องสองครอบครัวมาพบกันเช่นนั้น ก็ต้องพูดถึงพวกพ้องพี่น้องทั้งหลายไม่มีคนอื่นจะมาสนุกด้วย เปนอันต้องไม่มีคนอื่นอยู่เอง

เวลาจะมาจูงกันเข้าห้องกินเข้านั้น ก็เปนธรรมเนียมที่ลุงเขยข้าพเจ้า คือท่านเศรษฐีนั้น ต้องจูงมารดาข้าพเจ้า บิดาข้าพเจ้าจูงป้าข้าพเจ้า เหลือบุตรสาวไว้ให้ข้าพเจ้าจูงเข้าไปนั่งข้างกัน ถึงมือคุยตั้งแต่ต้นไปจนปลาย ดูช่างถูกกันไปเสียทุกอย่าง ข้าพเจ้าไม่มีความสามารถพอที่จะอธิบายให้ท่านที่ไม่เคยทราบได้ ว่าการที่ไปนั่งดินเนอร์ มีผู้หญิงสวย แต่งตัวสวย เข้าใจพูดจาดี นั่งอยู่ต่อกันไปนั้นเปนความสุขพิเศษฉันใด เพราะความสำราญในเวลานั้น เปนอันเปนที่ภาษามนุษย์ในโลกนี้จะนำเอามาชี้แจง ไม่ว่าด้วยปากหรือด้วยปากกาก็ดีให้ผู้อื่นเข้าใจซึมได้

เมื่อดินเนอร์เสร็จพวกผู้หญิงลุกเข้าไปกินกาแฟในห้องรับแขก พวกผู้ชายเลยอยู่สูบบุหรี่ กินกาแฟ ที่โต๊ะกินเข้าตามธรรมเนียม เวลาที่สูบบุหรี่อยู่นั้น ท่านลุงเขยก็พูดกับบิดาข้าพเจ้าถึงเรื่องเก่าแก่บุรมบูราณไป แต่ประเดี๋ยวหันมาแลดูข้าพเจ้าแล้วถามอะไรเล็กน้อยบ่อย ๆ ประหนึ่งว่าจะตรวจดูให้แน่นอนว่า ข้าพเจ้านั้นจะดีพอสมที่จะให้ลูกสาวได้หรือไม่

บุหรี่ที่สูบกันอยู่นั้นกว่าจะหมดตัวช่างนานจริง ๆ ข้าพเจ้าต้องการจะรีบเข้าไปในห้องรับแขกมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะจะลุกไปเองก็ไม่รู้เปนการสมควร ด้วยข้าพเจ้าไม่คุ้นเคยกับบ้านนั้นเท่าใด ต้องนั่งแช่อยู่ดูเหมือนประมาณ สักกลบเศษแต่ของทั้งหลายในโลกนี้คงมีที่สุดไม่ช้าก็เร็ว แลถึงบุหรี่ตัวยาว ๆ ก็อาจรู้หมดได้เหมือนกัน

เมื่อเข้าไปถึงห้องรับแขกแล้ว ไม่ต้องบอกท่านผู้อ่านก็คงทราบได้ ว่าข้าพเจ้าคงรีบเข้าไปนั่งข้างแม่เจ้าประคุณคนใหม่ของข้าพเจ้าโดยเร็วที่สุดที่จะเปนได้ แลเมื่อแม่แคโรลีน (แม่เจ้าประคุณคนนั้นชื่อ แคโรลีน) เล่นหีบเพลง ร้องเพลง ข้าพเจ้าก็ไปยืนข้างหลังช่วยพลิกสมุดดลตรีแลปฏิบัติให้ถูกความต้องการทุกอย่าง

วันรุ่งขึ้นนั้น ข้าพเจ้าถูกท่านบิดาใช้ให้ไปทำธุระทางไกลแห่งหนึ่ง ไม่ได้เห็นแม่พระผู้เปนเจ้าตลอดทั้งวัน แต่วันรุ่งขึ้นนั้นข้าพเจ้าไปเยี่ยมตอบในการดินเนอร์ ที่กล่าวมานั้นเปนเวลากินน้ำชา พบแคโรลีนเปนผู้บัญชาการ ๆ รินน้ำชาแจกอยู่ แต่มีแขกคนหนึ่งชื่อ มิสเตอร์ มอลินซัน เปนคนหนุ่ม รูปร่างขบขัน มารับยกน้ำชาเลี้ยงดูอยู่ด้วย มอลินซันคนนี้ดูท่าแต่แรกก็รู้ได้ว่ามาติดแคโรลีนอยู่ เพราะกิริยาทุกสีเก้าบอกชัดว่าตามความคิดของเขานั้น แคโรลีนเปนนางเทพธิดาองค์หนึ่ง เหมือนกัน

การที่มีผู้ชายรูปร่างไม่ใช่เลวมาเกะกะอยู่เช่นนี้ เปนที่ไม่ชอบใจข้าพเจ้ามาก เพราะข้าพเจ้าทราบไม่ได้ว่า แคโรลีนจะชอบพออยู่กับคน ๆ นั้นบ้างหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าบอกได้ดี ๆ ว่า คน ๆ นั้นชอบแคโรลีนที่สุดทีเดียว เมื่อฉนี้ก็เปนตามธรรมดาโลกที่ข้าพเจ้าจะต้องเกลียดมอลินซันเช่นยาพิษนั้น ส่วนตัวมอลินซันนั้นข้าพเจ้าอาจบอกได้ว่า เพราะเห็นอยู่ได้ง่าย ๆ ว่า ถ้าชายหนุ่มกาลังรักผู้หญิงอยู่ แต่มีพี่น้องของผู้หญิงเข้ามาขวางแล้ว ก็เปนอันตัดทางของเขาในการที่จะประจบประแจงผู้หญิงให้ชอบนั้นให้น้อยเข้า ไม่มากก็น้อยอยู่เอง.

เมื่อเวลามอลินซันกับข้าพเจ้าได้รับแนะนำให้รู้จักกันนั้นก็ได้ว่า “ท่านสบายหรือ มีความยินดีที่ได้พบท่าน” แลจับมือกันโดยเสียไม่ได้ แต่ต่างคนจะได้ต่างรู้สึกยินดีที่ได้รู้จักกันนั้นหามิได้ ก่อนที่ข้าพเจ้าจะกลับบ้านวันนั้น ข้าพเจ้าแลดูรู้ได้ว่า การที่มอลินซันรักแคโรลีนนั้นเปนการรักข้างเดียว ถึงที่สุด แคโรลีนจะไม่เกลียดก็คงเปนแต่เพียงไม่เกลียดเท่านั้น ที่จะถึงกับรักตอบนั้นคงไม่เปน ข้าพเจ้าเปนพี่น้องมีโอกาศที่จะประจบประแจงได้มากกว่า แลท่านลุงเขยกับป้าข้าพเจ้ ก็คงจะเต็มใจรับข้าพเจ้าเปนบุตรเขยมากกว่ามอลินซันเปนแน่ เพราะฉนี้ เมื่อข้าพเจ้าเดินมาบ้านนั้น ข้าพเจ้าจะได้รู้สึกว่าจะแพ้มอลินซัน ในส่วนแคโรลีนนั้นหามิได้ ข้าพเจ้าเดินนึกแต่ว่า มอนลินซันคนนี้จะเปนลูกเต้าเหล่ากอไหน จะมั่งมีหรือยากจนอย่างไร แต่ถ้าเขาเปนลูกเศรษฐีมีสกุลแล้ว ท่านลุงเขยกับป้าของข้าพเจ้าจะเห็นเขาดีกว่าข้าพเจ้าไปได้หรือไม่

ในเวลากินเข้าเย็นวันนั้น ข้าพเจ้านั่งตลึงดูท่า เห็นจะเหมือนกับพิจารณาดอกไม้ที่ตั้งกลางโต๊ะ ว่าเกิดอย่างไร หรือทำด้วยอะไร หรืออยู่พรรณไหน เช่นนักปราชญ์ทางพฤกษศาสตร์ฉนั้น ท่านบิดาเห็นข้าพเจ้าท่าตลึงเช่นนั้นก็นึกปลาดใจ ถามว่า “เจ้านี่วันนี้เปนอะไรจจึงนั่งนิ่ง ราวกับว่าตรึกตรองว่า ทำอย่างไรจึงจะให้โลกหมุนกลับไปคนละทางได้ อ้อรู้แล้ว”

เท่านั้นแล้วก็หัวเราะ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเลือดขึ้นหน้าไปเปนอันมาก

วันรุ่งขึ้นนั้น ข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากเมเบ็ล (คือแม่คนขายบุหรี่อยู่ที่มหาวิทยาลัย) ฉบับหนึ่ง บ่นออดแอดว่าหนังสือข้าพเจ้าหายไปเปนหลายวัน ข้าพเจ้าไม่รักเขาเสียแล้วหรือ ขออย่าให้ข้าพเจ้าลืมคำที่สัญญากับเขา แลจำไว้ว่า ข้าพเจ้ารักเขา ๆ รักข้าพเจ้าอย่างไรบ้าง ถ้าข้าพเจ้าทิ้งเขาเสียแล้ว เขาจะทำอย่างไร เขาก็บอกไม่ได้ แลในเวลานี้เขาก็ตั้งใจคอยข้าพเจ้าอยู่ที่จะให้ทำตามที่ได้ตกลงกันมานั้น

เมื่อได้รับจดหมายดังนี้ ข้าพเจ้าก็ต้องระลึกถึงตำราพิลอซอฟีทั้งปวง ที่ได้เคยร่ำเรียนมา กล่าวคือชั่งน้ำหนักการที่เปนอยู่ทั้งสองฝ่าย แลชี้แจงเหตุกับตนเองว่า การที่ข้าพเจ้าได้เคยรักใคร่ให้สัญญากับเมเบ็ลเปนอันเด็ดขาดเช่นนั้น ควรแล้วหรือที่ข้าพเจ้าจะมารัก แคโรลีน เข้าข้างนี้อีก เวลาที่ข้าพเจ้าลืมเมเบ็ลมารักแคโรลีนนั้น เปนด้วยข้าพเจ้าได้ห่างจากเมเบ็ลมานานก็จางออกไปเล็กน้อย จะเปนด้วยข้าพเจ้าสิ้นรักเมเบ็ลแล้วนั้นหามิได้ แต่ส่วนแคโรลีนนั้นเปนคนงามไม่มีที่ติ แล้วยังมิหนำซ้ำเป็นบุตรผู้มีสกุลที่มั่งคั่งไปด้วยทรัพย์สมบัติด้วย แลการที่จะทิ้งแคโรลีนเสียนั้น คล้ายกับทิ้งแก้วหาค่ามิได้เสียเหมือนกัน ส่วนความรักนั้นเปนการก้ำกึ่งกันอยู่ เพราะข้าพเจ้าได้เคยรักเมเบ็ลมานาน แลการที่รู้จักกันดีนั้นไม่ใช่ของน้อย แต่ส่วนแคโรลีนนั้น ข้าพเจ้าพึ่งมาเห็นได้วันสองวันเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ดี ความสัญญาเปนการใหญ่มีน้ำหนัก แลถึงข้าพเจ้าจะรักแคโรลีนมากกว่าเมเบ็ลสักเท่าใดก็ดี การที่ข้าพเจ้าจะทิ้งคำสัญญา แลทิ้งเมเบ็ลเสียนั้นเปนการไม่สมควรอย่างยิ่ง

เมื่อข้าพเจ้ามีความเห็นตกลงในใจแน่นอนดังที่กล่าวมานี้แล้ว ข้าพเจ้าก็เขียนหนังสือไปถึงเมเบ็ล เปนใจความว่า การที่ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนจดหมายมาถึงเปนช้านานนั้น เปนด้วยข้าพเจ้าต้องถูกย้ายบ้านไปจากลอนดอน เปนการขลุกขลักเหลือกำลังที่จะเขียนจดหมายมาได้ นี่พอว่างลงก็ได้รับจดหมายจึงรีบตอบมา เรื่องรักใคร่กันนั้นขออย่าได้ฝันเลย ว่าข้าพเจ้าจะสามารถลืมคำสัญญาที่ว่าจะแต่งงานกับเขาได้ เพราะเขาก็ทราบอยู่เต็มใจแล้วว่าข้าพเจ้ารักเขา แลต้องการจะแต่งงานกับเขาเพียงใด การที่ต้องคอยอยู่ดังนั้น ก็เพราะว่าข้าพเจ้ายังไม่กล้าจะชักชวนให้บิดาอนุญาตให้มีเมียได้ ถึงอย่างไรก็ดีขอให้เขาคอยเถิดคงจะได้แต่งงานกันในไม่สู้จะช้านัก

จดหมายที่มีไปนั้น มีใจความย่อ ๆ ดังที่กล่าวมานี้ แต่ที่ข้าพเจ้าพูดบอกความรักปลอบประโลมโฉมเฉลาไปอย่างไรนั้น ข้าพเจ้าต้องขอไม่กล่าวในที่นี้ เพราะข้าพเจ้าจะได้ตั้งใจให้เรื่องนี้เปนตำราเขียนเพลงยาว (หรือจะควรเรียกร้อยแก้วยาว) นั้นหามิได้

พอข้าพเจ้าเขียนหนังสือนี้ทิ้งไปรษณีย์ไปเสร็จแล้ว สักครู่หนึ่งก็ได้รับจดหมายสั้น ๆ จากแคโรลีนฉบับหนึ่งว่า บ่ายวันนั้นมีคนมาเล่นลอนเต็นนิส ๒ คน รวมทั้งแคโรลียด้วยเปน ๓ คน ยังขาดอยู่อีกคนหนึ่งจึงจะครบสำรับ เข้าใจว่าข้าพเจ้าเปนคนเก่ง เพราะฉนั้น ถ้าข้าพเจ้าจะรู้สึกพอใจที่จะไปเล่นด้วยเวลาบ่าย ๔ โมงแล้ว จะ มีความยินดีเปนอันมาก

เมื่อได้รับจดหมายชวนมาเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็เปนอันอดไม่ได้ ใจพล่านไปนึกถึงแคโรลีน ว่าสวยอย่างไร พูดจาดีอย่างไร การดลตรีเก่งอย่างไร เลยลืมเมเบ็ลแลจดหมายที่เขียนไปในทันทีนั้นเอง สั่งคนที่ถือหนังสือมาว่าเวลาบ่าย ๔ โมงจะไปตามที่กำหนดมานั้น และขอบใจที่มาชวนด้วย

คนอิก ๒ คนที่มาเล่นวันนั้น คือ มอลินซัน ที่กล่าวมาแล้วนั้นคนหนึ่ง พี่สาวของมอลินซันอิกคนหนึ่ง เปนคนรูปร่างดี กิริยามารยาทเรียบร้อย แต่เปนผู้ใหญ่ไปหน่อยหนึ่ง ถ้าไม่อย่างนั้นบางทีข้าพเจ้าจะรักอิกคนหนึ่งก็เปนได้

การที่เล่นกันวันนั้น ถ้าจะให้มอลินซันกับพี่สาวอยู่ข้างเดียวกัน ก็เปนอันผิดแบบ เพราะฉนั้น ข้าพเจ้าต้องอยู่ข้างเดียวกับพี่สาวมอลินซัน ให้แคโรลีนกับมอลินซันอยู่ข้างเดียวกันตลอดเวลาที่เล่นอยู่นั้น เปนการที่ไม่ถูกใจข้าพเจ้ามาก เพราะข้าพเจ้าไม่ต้องการที่จะทำให้สาวมอลินซันชอบข้าพเจ้าเท่าไร แต่การที่แคโรลีนกับมอลินซันอยู่ข้างเดียวกันนั้น เปนโอกาศที่มอลินซันจะประจบแคโรลีนให้ชอบใจได้ไม่ใช่น้อย

วันนั้นเปนวันที่ลุงเขยของข้าพเจ้าไม่อยู่ มีธุระต้องลงไปค้างลอนดอนหรือที่ไหนแห่งหนึ่งจำไม่ถนัด บุตรชายก็ไปอยู่โรงเรียน คงเหลืออยู่บ้านแต่แคโรลีนกับป้าข้าพเจ้าเท่านั้น เมื่อมีโอกาศที่จะมีคนมาอยู่เปนเพื่อนได้ดังนั้น ป้าข้าพเจ้าก็ชวนให้พี่สาวมอลินซันตัวมอลินซันแลข้าพเจ้ามากินเข้าเย็นในวันนั้น แลเมื่อเลิกเล่นแล้ว ต่างคนก็ต่างไปบ้านอาบน้ำสรวมเสื้อผ้าสำหรับเวลาเย็นไปพร้อมกันเวลา ๒ ทุ่ม คือเวลากินเข้าของบ้านนั้น

เวลากินเข้านั้น ไม่มีอะไรจะนำมาเล่าเพราะพูดกันก็แต่เรื่องที่เล่นกันบ่ายวันนั้นแลเรื่องสามัญทั้งหลายที่คงไม่มีใครออกสนุกด้วย เมื่อกินเสร็จแล้ว มอลินซันกับข้าพเจ้าก็หยุดสูบบุหรี่กระดาษแต่คนละตัว แล้วรีบเข้าไปในห้องรับแขกที่พวกผู้หญิงเข้าไปอยู่กันนั้น

พอเราผู้ชายทั้งสองคนเข้าไปในห้องรับแขกสักครู่หนึ่ง ป้าข้าพเจ้าก็เกิดไม่สบายบ่นว่าเปนหวัดปวดศีรษะเหลือกำลังที่จะทนได้ เห็นจะขอโทษลาไปนอนแต่หัวค่ำ ขอให้พวกเราที่กินเข้านั้นอยู่ไปก่อน เท่านั้นแล้วก็ออกจากห้องไป

ในเวลาที่ป้าออกจากห้องไปนั้น เปนพะเอินแคโรลีนนั่งอยู่สุดห้องข้างหนึ่ง พี่สาวมอลินซันนั่งอยู่สุดห้องข้างหนึ่ง มีโต๊ะตัวหนึ่งกับต้นไม้ตั้งบังอยู่จนเกือบจะเห็นกันไม่ได้ เมื่อเปนดังนี้ก็จำเปนที่ข้าพเจ้าจะต้องนั่งพูดกับพี่สาวมอลินซัน ให้ตัวมอลินซันไปนั่งพูดอยู่กับแคโรลีน เพราะถ้าข้าพเจ้าจะไปอยู่กับแคโรลีนเสีย ก็เปนผิดธรรมเนียมกิริยาบถ ข้าพเจ้าออกพื้นแก่ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะพี่สาวมอลินซันก็นั่งนิ่งอยู่ทีเดียว แคโรลีนก็นิ่งนิ่งอยู่ที่เดียว ข้าพเจ้าเองจะเลื่อนอย่างไรได้ การที่พี่สาวมอลินซันมาเลือกนั่งนิ่งเสียห่างจากแคโรลีนไปนั้น ข้าพเจ้าเข้าใจว่า เพื่อจะให้ข้าพเจ้าต้องไปนั่งพูดอยู่ด้วยเสีย มอลินซันจะได้มีโอกาศพูดกับแคโรลีนได้โดยถนัด

ก่อนที่พวกเราจะลากลับนั้น ป้าข้าพเจ้ากลับเข้ามาในห้องรับแขกอิก บอกว่าไปนอนหลับตาบนเก้าอี้ยาวเสียงีบหนึ่ง ปวดศีร์ษะค่อยหายไปจึงกลับลงมา เปนอันทำให้ข้าพเจ้าสิ้นโอกาศที่จะได้พูดกับแคโรลีนสองต่อสองในคืนวันนั้น

รุ่งขึ้นเปนวันอาทิตย์ มารดาข้าพเจ้าไปวัด (ข้าพเจ้าเองวันอาทิตย์มักปวดศีร์ษะหรืออะไรอย่างหนึ่ง ไม่ใคร่ไปวัดเท่าไร) เวลากินเข้ากลางวันมีข่าวมาเล่าว่า ได้ไปพบกับป้าข้าพเจ้าที่วัด แลเมื่อกลับมาด้วยกัน ป้าเล่าว่า เมื่อคืนวันเสาร์นั้น มอลินซันได้พูดจาไหว้กราบแคโรลีนขอให้หมั้นกับเขา แลแต่งงานกันในเร็ว ๆ นั้นเถิด ตัวป้าเองก็ไม่เห็นขัดขวางอะไรที่จะเอามอลินซันเปนบุตรเขย เพราะเขาก็เปนคนดี เปนลูกผู้ดีไม่มีเสียหายอะไรเลย ตัวแคโรลีนเองยังไม่ตกลงยินยอมพร้อมใจด้วย แต่ป้าข้าพเจ้าเห็นว่าต่อไปก็คงตกลงกันภายหลัง.

เมื่อได้ข่าวเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็เปนอันลืมอะไร ๆ หมด ตั้งใจทันทีว่าจะต้องไปขอให้แคโรลีนยอมเปนเมียข้าพเจ้าโดยเร็วที่สุดที่จะเปนได้ เพราะถ้าไม่รีบเสียดังนั้นแล้ว แคโรลีนไปตกลงกับมอลินซันเข้าเมื่อใดข้าพเจ้าก็เปนอันเสียทีที่ไม่มีช่องจะแก้ได้ แต่การที่จะทิ้งให้แคโรลีนลอยไปเปนของคนอื่นเสียนั้น เท่ากับเสียแก้วหาค่ามิได้ดังที่กล่าวมาแล้ว.

รุ่งขึ้นวันจันทร์เปนวันเคราะห์ดี (หรือจะเรียกว่าเคราะห์ร้ายก็ตามที) คือมารดาข้าพเจ้าได้เชิญลุงเขยป้าแลแคโรลีนมาดินเนอร์ที่บ้านไม่มีคนอื่นอีก นอกจากท่านสมภารในตำบลบ้านนั้นอีกสองคน

เมื่อเวลากินอาหารแลสูบบุหรี่เสร็จแล้ว มารดาข้าพเจ้าชวนพวกแขกทั้งหลายออกไปนั่งในสวน เพราะคืนวันนั้นร้อนจัดมาก ข้าพเจ้าได้โอกาศอันดี ชวนแคโรลีนเดินเที่ยวดูดอกไม้ ห่างออกไปหน่อย ก็พูดถึงเรื่องข้าพเจ้ารักเขามาแต่แรกอย่างไร และรักขึ้นทุกทีอย่างไร ถ้าเขายอมหมั้นแต่งงานกับข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะเปนคนมีความสุขที่สุดในโลกนี้ เพราะฉนั้น จะให้ข้าพเจ้าไหว้กราบอย่างไรก็ตาม ขอแต่ให้ใส่แหวนหมั้นของข้าพเจ้าเถิด แคโรลีนยอมสารภาพว่าถึงข้าพเจ้ากับตัวเขาพึ่งมารู้จักกันได้ไม่กี่วันก็จริง แต่ข้าพเจ้าเปนคนถูกใจเขามากกว่าใคร ๆ หมด ถึงอย่างนั้นก็ดีเขายังรับสัญญาขาดที่จะหมั้นกับข้าพเจ้าไม่ได้ เพราะบิดามารดาจะตกลงด้วยหรือไม่ก็บอกไม่ได้ แลการที่เขาจะแต่งงานกับข้าพเจ้าโดยขืนความต้องการของบิดามารดาไปนั้น แปลว่าเขาจะไม่ได้รับมฤดกอันใดเลย จะเปนการลำบากมากนัก เพราะฉนั้น ขอให้ข้าพเจ้าพูดกับบิดาเขาเสียก่อน ถ้าบิดาตกลงก็จะยอมตกลงด้วยเหมือนกัน.

เมื่อได้ช่องดังนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่เสียเวลาเลยที่จะไปพูดกับลุงเขยของข้าพเจ้า ชี้แจงเหตุผลที่รักใคร่กันอย่างไร แลแคโรลีนว่าอย่างไร ข้าพเจ้าต้องขอให้ลุงได้มีความกรุณากับข้าพเจ้าให้อนุญาตให้สมใจ.

การที่ลุงเขยจะนึกไว้บ้างแล้วหรือไม่ว่า ถ้าข้าพเจ้าไปขออนุญาตเช่นนั้นแล้วจะยินยอมนั้นข้าพเจ้าก็ทราบไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ดี เมื่อข้าพเจ้าอ้อนวอนเช่นนั้นแล้วก็ยอมทันทีว่าตามแต่ใจแคโรลีนเองเถิด เพราะการมีเย่าเรือนนั้นเปนการเกี่ยวกับความสุขของตัวแคโรลีนเอง ขอแต่ให้ข้าพเจ้าประพฤติให้ดีแลเลี้ยงดูกันให้เรียบร้อยเท่านั้น.

รุ่งขึ้นเวลากินเข้าเช้า ข้าพเจ้าก็แสดงข่าวอันดีนี้ให้บิดามารดาฟัง แล้วเลยไปซื้อแหวนหมั้นวงหนึ่งไปให้แคโรลีนใส่ในบ่ายวันนั้นเอง.

ความสุขของเวลาที่หมั้นนี้ จะอธิบายให้แจ่มแจ้งเต็มที่นั้น ภาษาในโลกนี้ก็ไม่มีเหมือนกัน ดังที่กล่าวมาแล้ว แต่เวลาที่ข้าพเจ้าหมั้นอยู่กับแคโรลีนนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกอยู่ว่ามนุษย์ในโลกนี้มีอยู่แต่แคโรลีนคนหนึ่ง คนที่ไม่ใช่แคโรลีนจำพวกหนึ่ง แบ่งอยู่เปนสองประเภทนี้ พวกที่ไม่ใช่แคโรลีนนั้นจะพูดก็ไม่สนุก จะทำอะไรก็ไม่ดี ดูเหลวใหลไปเสียทุกอย่าง แต่ตัวแคโรลีนนั้นจะพูดก็เพราะ จะอะไรก็ดีไปทั้งนั้น.

ถ้าข้าพเจ้าจะเล่าถึงความวิเศษของเวลาที่ข้าพเจ้ากับแคโรลีนหมั้นกันอยู่นั้นแล้ว ก็เห็นจะเต็มเล่มสมุดเสียก่อน ที่จะได้เล่าเรื่องต่อไปได้ เพราะฉนั้น ต้องเปนอันยกไว้ให้ท่านที่เคยได้รับมาแล้วรู้เอาเองว่าเปนอย่างไร แลให้ท่านที่ยังไม่เคยรับมานั้นรู้เอาว่าสวรรค์เปนอย่างไรก็อย่างนั้น ถ้าท่านผู้ไหนไม่ทราบว่าความสุขในสวรรค์เปนอย่างไรแล้ว ก็ทราบความสุขของการหมั้นไม่ได้อยู่เอง.

ส่วนมอลินซันนั้น ตั้งแต่ได้เห็นแคโรลีนใส่แหวนของข้าพเจ้าแล้ว ก็หลีกเลี่ยงห่างเหินไป หาใคร่สู้หน้าไม่ แต่ข้าพเจ้าได้ทราบจากแคโรลีนภายหลังว่า ถึงเมื่อข้าพเจ้ากับเคโรลีนได้ตกลงหมั้นกันแล้ว มอลินซันก็ยังมากราบไหว้อ้อนวอนแคโรลีนอิกครั้งหนึ่ง พยายามที่จะให้แคโรลีนกลับไปหมั้นกับเขา ขอให้สงสารเขาผู้รู้จักรักแลบูชาผู้หญิงคนเดียวในโลกนี้ ความรักของข้าพเจ้าที่รักแคโรลีน นั้น เขาแน่ใจว่าไม่มากเหมือนความรักของเขา แต่ถึงแคโรลีนจะไม่รักเขาในเวลานั้น ก็ขอแต่ให้ได้แต่งงานกันเถิดคงจะรักเขาภายหลังเปนแน่ แคโรลีนตอบว่า ที่ว่าดังนั้นก็ขอบใจแล้ว เรื่องที่ว่าข้าพเจ้ารักเขามากกว่ามอลินซัน หรือมอลินซันรักเขามากกว่าข้าพเจ้านั้นเขาบอกไม่ได้ แต่เขาทราบว่าข้าพเจ้ารักเขาที่สุดเหมือนกัน ที่จริงความรักของตัวแคโรลีนเองนั้นเปนของมีน้ำหนักมากกว่าอื่น แลเขาพอใจจะแต่งงานกับคนที่เขารักอยู่เดี๋ยวนี้ มากกว่าคนที่เขาจะไปรักเอาต่อภายหน้าซึ่งเปนการไม่แน่อยู่นั้น มอลินซันตอบว่า เมื่อแคโรลีนเปนคนไม่มีความกรุณากับเขาเช่นนั้นแล้ว เขาก็มีอยู่อย่างเดียวแต่จะหายหน้าไปเสียจากตำบลนั้น คือเปิดไปขุดทองหรือทำอะไรเสียทางประเทศอาฟริกา เพื่อจะได้พากเพียรทำลายความเศร้าโศกของเขาเสีย เพราะถ้าเขาขืนอยู่หน้าแคโรลีนต่อไปแล้ว เขาก็คงจะเปนบ้าหรือยิงตัวตาย หรืออะไรอย่างหนึ่ง.

ที่มอลินซันพูดถึงจะไปประเทศอาฟริกานั้น ก็เปนการได้จริง ด้วยเขาได้ลาบิดามารดาออกจากเมืองอังกฤษไปในสองสามวันนั้นเอง จะอย่างไรต่อไปข้าพเจ้าก็ไม่ได้ข่าวอีก

ในเวลาที่ข้าพเจ้าได้หมั้นกับแคโรลีนแล้วใหม่ ๆ นั้น ก็เปนอันลืมเมเบ็ลแลความที่ได้สัญญาไว้ทุกประการ ใคร ๆ บ้างก็ต้องอย่างนั้นเกือบทุกคน ครั้นอยู่ไปสองสามวันได้รับจดหมายจากเมเบ็ลฉบับหนึ่ง ว่าได้รับจดหมายข้าพเจ้าที่มีไปแล้ว ข้าพเจ้าเปนเด็กดีที่สุดที่มีจดหมายไปถึงเขาเช่นนั้น ทำให้เขารักข้าพเจ้าขึ้นอีกเปนอันมาก การที่ข้าพเจ้ารับรองเขาไปเปนแน่นอนนั้น ทำให้เขายินดีมากหาที่เปรียบมิได้ เมื่อวานซืนมีนักเรียนในมหาวิทยาลัยมาชวนเขาแต่งงานอีกคนหนึ่ง แต่เขาไม่รับ เพราะคนในโลกนี้เขารักแต่ข้าพเจ้าคนเดียว แลทราบแน่ว่าใครจะรักเขามากกว่าข้าพเจ้าไปได้นั้นเปนไม่มีเสียแล้ว นักเรียนที่มารักเขาใหม่นั้นเปนคนมีสกุลมีเงินมาก แลเขาเข้าใจว่าที่เขาไม่รับไปแล้วนั้น จะได้ทำให้นักเรียนผู้นั้นสิ้นความพยายามนั้นหามิได้ เพราะฉนั้น เขาได้ออกจากการในร้านบุหรี่แล้ว เพื่อจะได้สิ้นคนกวนเสียครั้งหนึ่ง เขารู้สึกอยู่ว่าเขาเปนคนมีเจ้าของแล้ว หาควรที่จะให้คนอื่นมาตอมไม่ เพราะฉนั้น เขาตั้งใจคอยข้าพเจ้าอยู่ทุกนาที ถ้าข้าพเจ้าจะไปได้แล้ว ขอให้ไปเยี่ยมเยียนเขาบ้าง ด้วยเขาว้าเหว่ใจเต็มทีแล้ว.

เมื่อข้าพเจ้าได้รับจดหมายเช่นที่กล่าวมาแล้วนี้ ก็ต้องเปนการอัดอั้นมิใช่น้อย ว่าที่แท้ที่จริง ถึงข้าพเจ้าจะรักแคโรลีนเท่าใดก็ดี ที่ข้าพเจ้าจะได้สิ้นรักเมเบ็ลนั้นหามิได้ เมื่อความรักกับความสงสารมารวมกันเข้าดังที่กล่าวมาแล้ว ก็ต้องเปนของมีน้ำหนักถ่วงจัดทีเดียว การที่เมเบ็ลมีจดหมายพรรณนามายืดยาวเช่นนั้น ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความสงสารทวีคูณ แต่ความรักก็ยิ่งมากขึ้น เพราะฉนั้น ข้าพเจ้าไม่สามารถแท้ที่จะเขียนจดหมายบอกตัดบทไปว่าเลิกกันเสียเถิด ข้าพเจ้าได้หมั้นกับคนอื่นเสียแล้ว

ในสองวันนั้น ข้าพเจ้าได้รับกัปตันคริ๊กเก็ตของมณฑลที่ข้าพเจ้าอยู่นั้นไว้ว่า จะไปเล่นข้างมณฑลสู้กับวิทยาลัย เปนช่องอันดีที่จะเลยไปหาเมเบ็ลได้ เพราะข้าพเจ้าก็ยังไม่สิ้นอาลัยทีเดียว ข้าพเจ้าจึงเขียนจดหมายสั้น ๆ ถึงเขาบอกว่า ข้าพเจ้ามีความชื่นชมมากที่ได้รับจดหมาย แต่ไม่มีเวลาจะตอบให้ยืดยาวได้ ในสองวันนั้น ข้าพเจ้าจะขึ้นไปที่มหาวิทยาลัย จะเลยไปหาที่บ้านเขาด้วย ขอให้ตั้งใจคอยเถิด

พอถึงวันกำหนดข้าพเจ้าก็ไปลาแคโรลีนแล้ว ขึ้นรถไฟไปแต่เช้าถึงมหาวิทยาลัยเที่ยงเศษ กินอาหารกลางวันแล้ว ก็ลงมือเล่นไปจนประมาณทุ่มเศษจึงหยุดในวันนั้น รุ่งขึ้นจะเล่นต่อไป ในเวลาเล่นอยู่นั้น ข้าพเจ้าแลไปในพวกดูเห็นเมเบ็ลแต่งตัวสวยมานั่งหน้าจิ้มลิ้มอยู่กับมารดาของเขา ทำให้ข้าพเจ้าพื้นดีเล่นเก่งเข้ามาก เมื่อเลิกแลกินอาหารเย็นแล้วข้าพเจ้าก็ไปที่บ้านเมเบ็ล พูดจากันอยู่จนดึก มีใจความคือเมเบ็ลพูดสำอิ้งสำออยอ้อนวอนข้าพเจ้าว่า ไหน ๆ เราก็ได้ตกลงสัญญากันถ้วนถี่แล้ว ก็เท่ากับหมั้นกันแล้วเหมือนกัน แต่ข้าพเจ้ายังหาได้ให้แหวนเขาไม่ แลการที่มีที่รักเปนที่แน่นอนแล้วแต่ไม่มีแหวนนั้น เปนการเสียไปเท่าใดข้าพเจ้าก็ทราบอยู่เองแล้ว เวลานั้นข้าพเจ้าไม่มีความกล้า แลความไม่รักเมเบ็ลมากพอที่จะบอกออกไปเปนเด็ดขาดว่า ข้าพเจ้าได้หมั้นกับคนอื่นเสียแล้ว ขอให้เปนอันเลิกกันเสียเถิด เพราะฉนั้น ข้าพเจ้าจึงเปนแต่พูดบิดเบือนไป เปนที่ไม่พอใจเมเบ็ลเลย เขาก็ก้มหน้าลงร้องไห้ตัดพ้อต่อว่า ๆ ข้าพเจ้าไม่รักเขาจริง ถ้าไม่อย่างนั้นไหนจะอิดเอื้อนเช่นนี้ เขาดูท่าข้าพเจ้าดูจะชักห่างกับเขาเสียแล้ว แลถ้าเปนดังนั้นจริง เขาก็มีอยู่อย่างเดียวแต่จะอกแตกเท่านั้น.

เมื่อถูกเข้าถึงฐานนี้ข้าพเจ้าก็กลับใจอ่อน นึกรักแลสงสารเมเบ็ลยิ่งกว่าที่ข้าพเจ้าจะนำมาพรรณนาได้ เนอันลืมแคโรลีนแลการที่หมั้นอยู่นั้นหมด นึกฉุนเฉียวขึ้นมาว่า ถึงอย่างไรก็ทิ้งผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ เลยรับรองว่าจะรีบไปจัดแจงในวันสองวันนั้น

การที่ว่าจะรีบไปจัดแจงนั้น จะแปลว่าจะไปบอกขอเลิกกับแคโรลีน เพื่อจะได้มาแต่งงานกับเมเบ็ล หรือจะอะไรข้าพเจ้าก็ไม่ทราบแน่ เปนแต่ว่าจะไปจัดแจงเท่านั้น ฝ่ายเมเบ็ลก็คงเข้าใจว่าที่ข้าพเจ้าจะไปจัดแจงนั้นคงจะเปนไปซื้อแหวนส่งมาให้ แลพูดจาขออนุญาตกับบิดาในการที่จะแต่งงานกับเขา

รุ่งขึ้นเมื่อการเล่นคริ๊กเก็ตเสร็จแล้วเปนเวลาเย็นข้าพเจ้าเลยนอนค้างอยู่ที่มหาวิทยาลัยอิกคืนหนึ่ง แลได้ไปอยู่ที่บ้านเมเบ็ลจนดึกด้วย รุ่งขึ้นข้าพเจ้าก็ขึ้นรถไฟกลับบ้านแต่เช้า ไปถึงบ้านเวลาบ่าย ขึ้นไปอาบนผลัดเครื่องแต่งตัวเสร็จลงมาพบท่านบิดาบอกข่าวว่า ได้จัดแจงกับลุงเขยข้าพเจ้าแล้ว ว่าจะให้แคโรลีนกับข้าพเจ้าแต่งงานกันเสียในเร็ว ๆ นั้น จะได้เปนการแล้วไปเสีย อะไรก็ไม่มีขัดขวางอยู่แล้ว

สักครู่หนึ่งข้าพเจ้าเดินออกไปในสวน พบแคโรลีนขับรถเข้ามาหยุดแล้วลงมาหาข้าพเจ้าอย่าง ตื่นเต้นบอกว่า บิดาเขากับบิดาข้าพเจ้าได้ตกลงแล้วจะให้เราทั้งสองแต่งงานกันเร็วๆ นั้น เขาเชื่อแน่ว่า ข้าพเจ้าไม่มีขัดขวางอันใด เพราะข้าพเจ้าเปน “เด็กหวาน” (สว๊ตบอย) ของเขาเองแล้ว.

ข้าพเจ้านึกอัดอกเต็มที ด้วยมีสองข้างอยู่เช่นนี้ จะทิ้งข้างโน้นมาหาข้างนี้ก็สงสาร แลเสียดายเหลือกำลัง ครั้นจะทิ้งข้างนี้ไปหาข้างโน้น ก็เช่นกับทิ้งแก้วหาค่ามิได้เสีย ตกลงเปนอันต้องตรึกตรองให้รอบคอบก่อน

คืนวันนันเมื่อกินเข้าเย็นเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าก็หยิบบุหรี่ใส่กระเป๋าสองสามตัว แล้วลงเรือนไป ประหนึ่งว่าจะไปหาแคโรลีน แต่ไปหยุดอยู่เพียงเก้าอี้ใต้ต้นไม้แห่งหนึ่งในสวน นั่งสูบบุหรี่ตรึก ตรองถึงเรื่องแคโรลีนกับเมเบ็ล มีปุจฉาวิสัชนาในใจตัวเอง ยกข้อที่ควรแลไม่ควรจะทิ้งข้างโน้นมาหาข้างนี้หรือทิ้งข้างนี้ไปหาข้างโน้น มาเทียบเคียงชั่งน้ำหนักกันดู ก็ไม่เปนอันตกลงได้ว่าจะต้องแต่งงานกับแคโรลีน แต่ทิ้งเมเปิลให้ไม่ทราบ เผื่อต่อไปถ้าเกิดเหตุอย่างไร เช่นแคโรลีนล้มตายไปเปนต้นแล้ว จะได้เมเบ็ลเปนที่หวังได้อิกคนหนึ่ง.

การที่ข้าพเจ้าคิดจะปิดเมเบ็ลมิดนั้นเปนความคิดสั้นเท่าใดท่านผู้อ่านก็เห็นได้อยู่ เพราะบุตรผู้มีชื่อเสียง เช่นลุงเขยกับบิดาข้าพเจ้าจะแต่งงานกันเช่นนั้น ก็จะเปนการหรูหราปรากฏในหนังสือพิมพ์ไปทุกแห่ง แลพอกำหนดวันแต่งงานเข้าก็ไปออกในหนังสือพิมพ์เสียแล้วว่า มิสเตอร์คนนั้น บุตรคนนั้น จะแต่งงานกับมิสคนนี้ บุตรีคนนี้ วันที่เท่านั้น ๆ ตามที่เรากะไว้

รุ่งขึ้นอิกสองสามวัน ข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากเมเบ็ลว่า ได้เห็นในหนังสือพิมพ์ว่า ข้าพเจ้าจะแต่งงานกับคนอื่นในเร็ว ๆ นั้น แต่การที่ข้าพเจ้าเสียความสัญญาทิ้งเขาเสียเช่นนี้ เขาก็เปนอันสิ้นแต้มไม่รู้จะทำอะไรนอกจากร้องไห้ เมื่อมารดาเขามาซักถามความทุกข์ร้อน เขาก็ได้แจ้งความให้ฟังเสร็จแล้ว มารดาเขาจะให้ทำอะไรเขาก็จะต้องปฏิบัติตาม

อยู่อิกสองสามวัน ข้าพเจ้าก็ได้รับข่าวว่ามารดาเมเบ็ลได้จัดการให้เมเบ็ลไปหาหมอความ ฟ้องข้าพเจ้าในการที่เสียสัญญารับว่าจะแต่งงาน ร้องขอค่าปรับเปนอันมากตามกฎหมายในประเทศโน้น มีจดหมายที่ข้าพเจ้าเคยมี ๆ ไปเปนพยานหลักฐานแน่นหนาเหลือที่ข้าพเจ้าจะแก้ตัวให้หลุด

เมื่อเกิดความร้องฟ้องเปนการตึงตังเช่นนี้ ก็ต้องปรากฏในหนังสือพิมพ์ประกาศโลก บิดาข้าพเจ้าปึงใหญ่ ว่าข้าพเจ้าไปทำการไม่สมควร แล้วมิหนำซ้ำมาล่อลวงทางนี้เปนที่เสียชื่อเสียสกุล เสียเกียรติยศ แลเสียอะไรต่ออะไรไปตั้งร้อยอย่าง ข้าพเจ้าไม่ทราบจะว่ากะไรก็ได้แต่สารภาพว่าผิดแล้วเท่านั้นเอง.

ส่วนลุงเขยข้าพเจ้าแลแคโรลีนนั้น เมื่อได้ทราบเรื่องที่เรียกกันว่า ความไม่จริงใจของข้าพเจ้าเช่นนั้นแล้ว ก็พื้นไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน เรื่องที่ข้าพเจ้ากับแคโรลีนจะแต่งงานกันนั้นก็เปนอันต้องยกเลิก ข้าพเจ้าเลยเสียแก้วหาค่ามิได้ไป.

เรื่องความข้าพเจ้าเสียสัญญาที่เมเบ็ลฟ้องนั้น ลงท้ายข้าพเจ้าก็แพ้ ต้องเสียค่าปรับเปนอันมาก แลในประเทศโน้น ถ้าหญิงฟ้องชายว่าเสียสัญญาแล้ว หญิงกับชายจะกลับไปแต่งงานกันอิกไม่ได้ เปนอันเมเบ็ลก็หลุดลอยจากมือข้าพเจ้าไปเหมือนกัน.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ