วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ น (๒)

บ้านปลายเนอน คลองเตอย

วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๖๐

กราบทูล กรมพระดำรงราชานุภาพ ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัถประทานกลอนเสภาและไหว้ครู อันมีชื่อครูเสภาครูปี่พาทย์มาให้พิเคราะแลไต่สวน แต่พอได้รับอ่านกลอนเสภาได้สามคำก็ลงตราว่าเป็นฝีปากสุนทรภู่ถูกต้อง แลที่ทรงคาดคะเนว่าแต่งตั้งในรัชกาลที่ ๓ ด้วย ทรงสังเกตเอาคำลาวเวียงนั้นก็ถูกทีเดียว ตรวจดูชื่อครูเหล่านั้นเคยได้ยินชื่อมาแต่ ๓ คน ได้สอบถามคนเก่า ๆ อันมีอายุตั้งแต่ ๖๐ ปีขึ้นไป ก็ได้ความอยู่เพียง ๓ คนเท่านั้นเอง ดังจะได้กราบทูลต่อไปนี้

๑. ครูทองอยู่ (ครูเสภา หมายเลขแดงที่ ๖) นั้นเปนคนสำคัญทีเดียว เปนพระเอกละครกรมหลวงเทพหริรักษ์ เปนครูลครหลวงรุ่นใหญ่ในรัชกาลที่ ๒ เช่นคุณแย้มอิเหนาเปนต้นนั้นก็เปนศิษย์ครูทองอยู่ เปนคนคู่ปฤกษาของกรมหลวงพิทักษมนตรี ตามเรื่องที่ว่าทรงส่องพระฉายคิดท่าลครนั้นคิดกับครูทองอยู่คนนี้ คือเมื่อมีบทพระราชนิพนธ์ตรงไหนขึ้นใหม่จะทำท่าให้ต้องบทงดงามได้ยากจึงต้องคิดกัน เมื่อตกลงแล้วครูทองอยู่เปนผู้ถ่ายไปฝึกหัดอีกทีหนึ่ง ตกมาถึงรัชกาลที่ ๓ ตามวังเจ้านายทรงลคร มีวังหม่อมไกรสรแลกรมพระพิทักษเปนต้นก็หาไปเปนครู ถ้าจะว่ารวบเอาว่าเปนครูลครทั้งเมืองนี้ก็เกือบได้ ใช่แต่จะฉลาดในเชิงลครอย่างเดียวก็หาไม่ ทำอันใดอื่น ๆ ก็ได้อีกหลายอย่าง มีขับเสภาก็ได้ด้วย ทั้งนี้ได้ความจากเจ้าพระยาเทเวศร แถมได้ความจากกรมหมื่นราชศักดิ์ว่าไหว้ครูลครหลวงนั้น ออกชื่อไหว้ครูทองอยู่อยู่เปนอัตรา ความยุติลงกันฟังได้ว่าเปนความจิงเช่นนี้ ยังมีครูรุ่งอีกคนหนึ่งเปนนางเอกของกรมหลวงเทพหริรักษ คู่กับครูทองอยู่ เปนครูลครทั้งบ้านทั้งเมืองเหมือนกัน หัดที่ไหนก็หัดด้วยกัน ครูทองอยู่เปนครูพระ ครูรุ่งเปนครูนาง

๒. ครูแจ้ง (ครูเสภา หมายเลขแดงที่ ๑๓) คนนี้มีชื่อลือมาก มีคำเสภาบางท่อนที่คนรับกันอยู่ เรียกว่า “ความครูแจ้ง” ตัวแต่งขึ้นขับเอง มีลีลาสไปทางเล่นอักษร แต่คำติดจะหยาบมาก คงจะทรงได้ไว้บ้างแล้ว ครูแจ้งคนนี้ได้ความจากพระประดิฐไพเราะ (ตาด) ว่าบ้านอยู่แถวหลังวัดรฆัง เดิมเปนคนเก่งในทางว่าเพลงปรบไก่ ภายหลังมาว่าเสภาก็เอาสวดก็เอา ลำสวดซึ่งมีคำประจำอยู่พร้อม เรียกว่า “คำครูแจ้ง” ก็ยังมีอยู่จนทุกวันนี้ เห็นปรากฎได้ชัด ว่าครูแจ้งแต่งคำขับเสภาได้เองนั้น เพราะเฟื่องมาจากกลอนเพลงปรบไก่แลที่ใช้คำหยาบมากก็ติดมาจากเพลงปรบไก่นั้นเอง กรมหมื่นราชศักดิ์รับสั่งว่า เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒนชอบเรียกมาขับได้เคยทอดพระเนตรเห็นตัวว่าแก่มาก เมื่อเช่นนั้นน่าจะสันนิฐานว่าคงมาตายในรัชกาลที่ ๕

๓. ครูมีแขก (ครูปี่พาทย์ หมายเลขนํ้าเงินที่ ๕) คือว่าเป็นเชื้อแขก ชื่อมี เล่นเครื่องดุริยะแลดนตรีได้เกือบทุกอย่าง เป็นคนฉลาดสามารถแต่งเพลงได้ดี มีชื่อรํ่าฦๅ เพลงของท่านนั้นมี “ทยอยใน” “ทยอยนอก” สามชั้นเปนต้น ซึ่งจำมาเล่นกันอยู่ทุกวันนี้ทั่วทุกวง ถ้าใครทำเพลงนี้ไม่ได้ ดูประหนึ่งจะถือกันว่ายังไม่เป็น ตัวท่านเองเห็นจะถนัดปี่มากกว่าสิ่งอื่น จึงปรากฎในคำไหว้ครูว่า “ครูมีแขกคนนี้เขาดีครัน เป่าทยอยลอยลั่นบรรเลงฦๅ” (คำนี้ฉบับที่ประทานมาเขียนว่า “เป่าทอน” นั้นผิด) ทยอยซึ่งว่าในที่นี้เป็นอีกเพลงหนึ่ง ปี่เป่าแต่เลาเดียว พวกปี่พาทย์เรียกกันว่า“ทยอยเดี่ยว” เป็นเพลงครูมีแต่งเหมือนกัน ต้องเข้าใจว่าแต่งขึ้นเป่าเอง ในรัชกาลที่ ๔ เจ้านายหลายพระองค์ มีพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมพระเทเวศร กรมหลวงวงศาเปนต้น ทรงรวบรวมคนหัดปี่พาทย์ขึ้นเล่นประชันวงกัน ครูมีคนนี้ได้เป็นครูปี่พาทย์ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า จึงได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เปนพระประดิฐไพเราะ ตำแหน่งจางวางกรมปี่พาทย์ฝ่ายพระราชวังบวร พระประดิฐ (มี) คนนี้อยู่มาจนถึงในรัชกาลที่ ๕ ยังได้เป็นครูหัดมโหรีในสมเด็จกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร ที่ในพระบรมมหาราชวัง

ยังมีครูปี่พาทย์ผู้มีชื่อเสียงล่ำฦๅมากมาจนทุกวันนี้อีกคนหนึ่ง ชื่อครูทัด เป็นคนแรกคิดทำเพลงสามชั้น มีเพลง “เทพบรรธม” “ภิรมย์สุรางค์” “เทพนิมิตร” เปนต้น เข้าใจว่าเป็นคนแก่กว่าพระประดิฐ (มี) จึงเปนตัวอย่างให้พระประดิฐ (มี) แลคนชั้นหลังลงมาคิดเพลงสามชั้นตาม ควรจะมีชื่อในคำไหว้ครูด้วย แต่ทำไมจึงไม่มี เปนน่าสงสัยหนัก พระประดิฐไพเราะ (ตาด) ว่าดูเหมือนเปนแต่คนซอ ตีปี่พาทย์ไม่ได้ แต่หากมีปัญญาฉลาดรู้ทางปี่พาทย์แต่งให้คนตี คิดดูไม่มีใครเทียมถึง เห็นจะเป็นเพราะไม่ได้ไปตีปี่พาทย์รับเสภาเอง พวกเสภาจึงไม่รู้จักยกขึ้นว่าไหว้

นอกจากนี้ยังมีคำในกลอน ซึ่งควรจะทูลทักถวายอีก ๔ แห่ง คือ

๑. “ตามีช่างประทัด” เห็นจะเปนคนทำประทัด ขายประทัดไทย ทราบว่ามีหลายชนิด อย่างหนึ่งห่อด้วยใบลานเรียกว่าประทัดใบลาน แต่ครั้นประทัดจีนมีเข้ามาหนาแน่นราคาก็ถูกเหลือสู้ ประทัดไทยก็ต้องเลิกทำ

๒. “ตารองศรี” ไม่ใช่ชื่อตัว ในคำไหว้ครูว่า “ตาหลวงสุวรรณรองศรีที่บรรไลย” ทีจะเปนขุนนางในกรมช่างรัก นี่เรียกภาษาช่าง คือช่างปิดทอง

๓. “ตามาพระยานนท์” คงเปนตลกของพระยานนท์คนใดคนหนึ่งซึ่งมีโขนหนังเล่น

๔. “ตาเกิดปรอท” เห็นจะเป็นคนคลั่งเล่นปรอท

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ