วันที่ ๓ กันยายน ร.ศ. ๑๒๐ จิรประวัติวรเดช

ที่ ๒๓/๓๒๗๖

ศาลายุทธนาธิการ

วันที่ ๓ กันยายน รัตนโกสินทร๓๔ศก ๑๒๐

ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้า ฯ

ด้วยตามที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ตรวจจัดการกรมทหารมหาดเล็กต่อมาจนเวลานี้ ยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่อย่างหนึ่งด้วยเรื่องคนทหารกรมนี้มีน้อย ไม่พอกับทางที่จะจัดการให้ความสุขแก่ตัวคน ซึ่งจะได้กวดขันให้ดียิ่งขึ้นอีก และคนทหารกรมนี้ที่มีน้อยมาแต่เดิมทั้งเป็นทางที่ลดน้อยลงทุกชั้นนั้น

๑. พื้นเดิมของกรมทหารมหาดเล็กแรกตั้ง ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เลือกจัดมหาดเล็กมาเป็นทหาร ล้วนแต่เป็นบุตรข้าราชการเปนต้น ครั้นต่อมาคนที่รับราชการเป็นทหารชั้นนั้นได้เป็นข้าราชการมีสัญญาบัตรไปโดยมาก นอกจากนั้นก็ศูนย์ไปเกือบทั้งหมด ไม่ได้หมู่ทหารรับราชการสืบต่อกันมาเหมือนกรมอื่น

๒. ครั้นปีกุน นพ๒๐ศก ๑๒๔๙ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ยกมหาดเล็กฝ่ายพระราชวังบวร ฯ มาสมทบกรมเป็นทหารมหาดเล็กอีกชั้นหนึ่ง การที่ชำระคนมหาดเล็กฝ่ายพระราชวังบวรฯ เข้าเป็นทหารในครั้งนั้น ได้คนเข้ารับราชการทหารไม่ต่ำกว่า ๗๐๐ คน แต่ตามบัญชีมีคนมหาดเล็กถึงสามพัน

๓. ส่วนการที่สืบติดตามต่อไปตามบัญชีที่ยังไม่ได้ตัว ก็ดูเป็นการละเลยกันอยู่ จนเมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้เข้ารับราชการ ได้ลองตรวจจัดให้สืบสวนติดตามกันขึ้นอิก ก็ย่อมเป็นการลำบาก นานๆ จึงจะได้สักคนหนึ่ง และถึงได้ตัวบ้างก็ไม่คุ้มกับการที่ต้องจัดไป และไม่ทันกับจำนวนคนที่ถึงกำหนดปลดเป็นกองหนุน แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงสืบสวนติดตามอยู่ต่อไป การที่สืบสวนยากนั้น (๑) เพราะบัญชีมีแต่ชื่อตัวชื่อบิดาเสียโดยมาก ไม่มีตำบลบ้านเมืองที่จะทราบได้ (๒) ที่มีตำบลบ้านเมืองบ้างแต่ไม่มีตัวอยู่ตรงตามบัญชี ไม่ทราบว่าอพยพไปอยู่ที่ใดเพราะการช้านานมาแล้ว (๓) จะหาผู้ที่รู้จักตัวตามรายชื่อในบัญชีไม่ใคร่จะมี แม้แต่หากจะพบกันในที่ใด ๆ ก็ไม่สามารถจะทราบได้ ด้วยไม่มีสิ่งที่หมายเช่นการสักหมายเป็นต้น

๔. ตามที่มีพลทหารแต่เพียงประมาณ ๖๐๐ คน จึ่งได้จัดเวรผลัดเปลี่ยนประจำการแต่ ๒ ผลัด เข้าเวรประจำการ ๑ เดือน ออกเวร ๑ เดือน มาตั้งแต่เดิม ไม่เหมือนกับกรมทหารราบอื่น ๆ ที่มีเวร 4 ผลัดในชั้นก่อน และบัดนี้มีเวรเป็น ๕ ผลัดแล้ว แต่ที่ทหารมหาดเล็กต้องรับราชการตรากตรำมากกว่ากรมอื่นดังนี้ จึ่งมีกำหนดอายุ ๔๐ ปีปลดพ้นฉกรรจ์ ผิดกับทหารกรมอื่นที่ปลดพ้นฉกรรจ์อายุ ๕๐ ปี เป็นแบบดังนี้มาแล้วตั้งแต่เดิมมา และตามที่ปลดพ้นฉกรรจ์อายุ ๔๐ ปีนั้น มีจำนวนคนปลดเป็นกองหนุนชั้นต่าง ๆ มากกว่าจำนวนบุตรหมู่ที่ขึ้นใหม่ จนในเวลาทุกวันนี้มีทหารในกรมนี้อยู่เพียงบุตรหมู่ประจำ ๓ ปี ๑๐๓ คน คนเวรทั้ง ๒ ผลัดมีอยู่ ๒๔๙ คน ถ้าจะจัดเป็นเวร ๕ ผลัด คนเวรยังขาดอัตรา ๑,๒๓๖ คน

๕. เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า ถ้าไม่ได้คนกรมใดมาเพิ่มเติมแล้ว คนก็คงน้อยลงทุกชั้นจนที่สุด เมื่อคนน้อยลงวิธีแบบธรรมเนียมทหารต้องพลอยผ่อนตามกันไป และคนที่รับราชการเป็นพลทหารมหาดเล็กอยู่บัดนี้ความงามความเป็นอยู่อย่างไรก็ไม่มีผิดแปลกดีไปกว่าพลทหารกรมอื่น ๆ

๖. การที่จะให้มีคนเพิ่มเติมขึ้นได้นั้น เห็นด้วยเกล้าฯ ว่ามีอยู่ ๒ ทาง (๑) ถ้าทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รับทหารกรมอื่น ๆ คัดเลือกผู้ที่มีความประพฤติและรูปร่างสมควร เข้ารับราชการเป็นทหารมหาดเล็กตามความสมัคร ฉะเพาะทหารที่สมัครมานี้ให้มีเวรออกคิดตามจำนวนเวร ๕ ผลัด ปลดพ้นฉกรรจ์อายุ ๕๐ ปี เมื่อมีคนพอกับที่จะจัดเวร ๕ ผลัดทั้งหมดได้เมื่อใด จึ่งรวมคนเก่าเข้าเป็นเวร ๕ ผลัดด้วย และปลดพ้นฉกรรจ์อายุ ๕๐ ปีทุกคน ตามที่จะยอมรับทหารกรมอื่นสมัครดังนี้ เห็นด้วยเกล้าฯว่า คงจะมีผู้สมัครเพราะเป็นชั้นราบในเงินเดือนมากกว่ากัน หน้าที่ก็เบากว่าทหารราบนอกด้วย แต่จะได้คนพอกับต้องการเร็วช้าอย่างใดนั้นไม่เป็นการแน่ และคงจะเบ็นเหตุบกพร่องทางกรมอื่น เป็นแต่พอผ่อนผันแก้ไขไปคราวหนึ่งเท่านั้น ไม่เป็นทางที่ได้มีทหารมากขึ้น (๒) ถ้าทรงพระราชดำริเห็นสมควร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยกคนกรมหนึ่งกรมใดซึ่งนอกจากทหารมาสมทบกรมเป็นทหารแล้ว ไม่เป็นการบกพร่องแห่งกรมทหารอื่น ทั้งเป็นทางที่จะมีคนเพิ่มขึ้นได้จริง เมื่อทหารมหาดเล็กมีมากขึ้นจะได้รับพระราชทานจัดเป็นเวร ๕ ผลัด และขอพระราชทานให้มีกำหนดปลดพ้นฉกรรจ์อายุ ๕๐ ปี เป็นแบบเดียวกันทั่วไป ส่วนการที่จะจัดต่อไปอย่างใดเห็นด้วยเกลา ฯ ว่าคงจะเป็นอันกวดขันขึ้นได้โดยสะดวก

ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ

ขอเดชะ

(ลงพระนาม) ข้าพระพุทธเจ้า จิรประวัติวรเดช

ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ