เรื่องเปลี่ยนชื่อวัดตะเคียนเป็นวัดมหาพฤฒาราม

มีพระบรมราชโองการดำรัสว่า ในวัดมหาพฤฒาราม ที่เดิมเรียกว่าวัดท่าเกวียนแล้วแปลงมาเป็นวัดตะเคียนก่อนชื่อว่ามหาพฤฒารามนั้น ซึ่งอยู่ภายนอกพระนคร ริมคลองผดุงกรุงเกษม ฝั่งฟากตะวันออก มีที่ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อนได้ทรงพระราชศรัทธา พระราชทานยกเป็นวิสุงคามสิมาส่วนหนึ่งต่างหากจากพระราชอาณาเขตร เป็นที่วิเสศสำหรับพระสงฆ์ไปมาอาไศรยทำสังฆกรรม มีอุโบสถกรรมเป็นต้น สิ้นกาลนานแล้ว ครั้นภายหลัง โรงพระอุโบสถชำรุดซุดโซมไป พระมหาพฤฒาจาริย์แก้ว ซึ่งเป็นพระราชาคณะ มีชนมายุถึงร้อยเจ็ดปี ซึ่งได้เป็นเจ้าของสร้างโรงพระอุโบสถนั้น แต่เดิมทีเมื่อชราทุพลภาพแล้ว จะคิดปฏิสังขรณ์คืนโรงพระอุโบสถนั้นขึ้นมิได้ จึงได้มาอ้อนวอนขอให้ปฏิสังขรณโรงพระอุโบสถนั้นกับทั้งพระเจดียพระวิหาร ให้คืนขึ้นเป็นปรกติฤๅดีขึ้นกว่าเก่า เพราะความขอของพระมหาพฤฒาจาริย์แก้วไว้ดังนี้ จึ่งได้รับปฏิญาณจะทำตาม ได้สั่งให้เจ้าพระยาบรมมหาพิไชยวงษ์[๑] ให้ไปเทียบที่คิดการปฏิสังขรณพระอารามนั้น สมเด็จเจ้าพระยาเห็นว่าพระอุโบสถเก่าใกล้ชิดเบียดเสียดนักกับพระวิหารพระพุทธไสยาศ ที่ว่างหว่างแถวพระเจดียแลพระวิหารข้างทิศเหนือยังมีอยู่ จึงได้ไปเทียบที่สร้างโรงพระอุโบสถลงท้ายที่วิสุงคามสีมาเก่าในบริเฉทด้านเหนือเหลื่อมแลบออกมาอยู่กึ่งพระอุโบสถ ครั้นจะไว้ที่วิสุงคามสิมาตามเดิม โรงพระอุโบสถนั้น ส่วนกึ่งข้างเหนืออยู่ในคามสิมาใหญ่ ส่วนกึ่งข้างใต้อยู่ในวิสุงคามสีมา เมื่อพระสงฆ์จะทำสังฆกรรมตามลัทธิคำภีร์พระอรรฐกถาวินัย ก็จะต้องรวังเขตรซึ่งเป็นภายนอกภายในนั้นยากไป เพราะฉะนั้น บัดนี้ขอเลื่อนเปลี่ยนปริเฉทวิสุงคามสิมาเสียใหม่จะขอปักถวายรอบโรงพระอุโบสถใหม่นี้ เป็นที่กำหนดโดยยาวกว้างเท่านั้นแล้ว ส่วนเอกเทศแห่งวิสุงคามสีมาเก่า ซึ่งเหลืออยู่เป็นภายนอกแห่งกำหนดนั้น ขอคืนใส่เข้าเสียในคามสิมาใหญ่ บริเฉทกำหนดคามสิมาใหม่รอบโรงพระอุโบสถซึ่งกำหนดภายหลังนี้ ทรงพระราชอุทิศถวายให้เป็นวิสุงคามฯ

(คัดจากสมุดไทย เรื่องจดหมายเหตุ รัชกาลที่ ๔ เลขที่ ๒๒ ข้อ ๒)



[๑] เข้าใจว่า เป็นเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัด บุนนาค) ซึ่งต่อมาพอได้ฤกษ์ยามท่านได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จเจ้าพระยาในนามเดิม

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ