สำเนาประกาศเลื่อนหลักเขตวัด และพระราชทานที่อุปจารวัด

สมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม เป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ที่ ๔ ในพระบรมราชวงษนี้ ขอประกาศแก่พระภิกษุสงฆสามเณรในจาตุทิศทั้ง ๔ อันมาแล้วแลยังไม่มาแล้ว ณ ที่นี้ แลคฤหัฐที่รู้ประเพณีในพระพุทธศาสนา บันดาที่จะได้อ่านหนังสือนี้ให้ทราบทั่วกันว่า เพราะมีคำภีร์อรรฐกถาว่า (อักษรขอม) ยมฺปิ เอกสฺมึ เยว คามเขตฺเต เอกํ ปเทสํ อยํ วิสุํคาโม โหตูติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ราชา กสฺสจิ เทติฯ โสปิ วิสุํคามสีมา โหติเยวฯ ตสฺมา สา จ อิตรา จ ปกติคามนครนิคมสีมา พทฺธสีมาสทิสาเยว โหนฺติ เกวลมฺปน ติจีวรวิปฺ ปวาสปริหารํ น ลภนฺติฯ คำที่ว่าไว้นี้ โบราณาจารย์สืบๆ มาในเมืองไทยเมืองลาวก็เชื่อ นับถือว่าเป็นประมาณในพระพุทธศาสนา จึ่งได้ให้ปักกำหนดที่นั้นๆ โดยประสงค์เป็นเขตรวิสุงคามสีมา ยกเป็นแผนกหนึ่งต่างหากจากพระราชอาณาเขตร เป็นที่วิเสศสำหรับอาไสยใช้สังฆกรรม มีอุโบสถกรรมเป็นต้นได้ บัดนี้ที่วัดชื่อมกุฎกษัตริยาราม เรียกกันว่า วัดพระนามบัญญัติ ยังเป็นเขตรแดนปะปนอันเดียวกันอยู่กับพระราชอาณาเขตร ไม่เป็นที่วิเสศแผนกหนึ่งต่างหาก เราพระเจ้ากรุงสยามผู้มีนามเป็นเจ้าของวัดนั้นมีความประสงค์จะให้ปักเขตรวิสุงคามสีมาแยกเป็นแผนกหนึ่งต่างหากจากพระราชอาณาเขตร เพียงวงกำแพงรอบเท่านั้น แต่กรมพระนครบาลปักล้ำเกินกำหนดออกไป บัดนี้เห็นว่าพระสงฆ์จะทำสังฆกรรมชุมนุมสงฆ์ตามกำหนดนั้นจะลำบาก ยากที่จะรักษาระวังภิกษุเดินทางไปมาได้ในเวลาสังฆกรรม จึงให้กรมพระนครบาลปักหลักไม้แก่น กำหนดเขตรแดนวิสุงคามสีมาใหม่ เลื่อนเข้ามาปักเพียงมุมกำแพงรอบทั้ง ๔ ด้านไว้เป็นสำคัญ ในทิศตวันออกตั้งแต่หลักมุมตวันออกไปตามกำแพงถึงหลักมุมออกใต้ ๑ เส้น ๑๑ วา แล้วยาวไปตามแนวกำแพงในทิศใต้ ตั้งแต่หลักมุมออกใต้ไปถึงหลักมุมตวันตก ๔ เส้น ในทิศตวันตกตั้งแต่มุมตวันตกไปถึงหลักมุมตกเหนือ ๓ เส้น ๑๑ วา แล้วยาวไปในทิศเหนือตั้งแต่หลักมุมตกเหนือไปถึงหลักมุมตวันออกบรรจบที่เก่า ๔ เส้น ที่กำหนดเท่านี้ เราพระเจ้ากรุงสยามอุทิศให้เป็นที่วิสุงคามสีมา ยกเป็นแผนกหนึ่งต่างหากจากพระราชอาณาเขตร เป็นที่วิเสศสำรับพระสงฆ์ในจาตุทิศทั้ง ๔ อันมาแล้วแลยังไม่มาในที่นี้ อาไสยใช้สังฆกรรม มีอุโบสถกรรมเป็นต้น ตามนิยมซึ่งมีในคำภีร์อรรฐกถา แลที่ชานวัดนอกวงกำแพงออกไป มีคูคั่นเป็นจังหวัดรอบนั้น เราพระเจ้ากรุงสยามยอมยกให้เป็นที่ขึ้นแก่พระอารามอีกส่วนหนึ่ง เพื่อพวกอารามิกเป็นชายหญิงผู้ประฏิบัติพระอารามก็ดี และบิดามารดาญาติพี่น้องของพระภิกษุสามเณรในพระสงฆ์ในพระอารามนี้ก็ดี ฤๅผู้อื่นที่ยอมว่าจะเป็นผู้อุปฐากประฏิบัติพระสงฆ์ในพระอาราม จนพระสงฆ์เชื่อถือได้ยอมให้อยู่ก็ดี ได้อาไสยอยู่ในที่นั้นตามความยอมของพระสงฆ์ทุกรายทุกคน ถ้าพระสงฆ์ในพระอารามไม่ชอบใจไม่ยอมให้ผู้ใดอยู่ ก็ให้พระสงฆ์มีอำนาจขับไล่ผู้นั้นให้ไปเสียจากที่นั้นได้ เมื่อคนพวกนั้นจะเพาะปลูกผลไม้ แลพรรณผักต่างๆ ใดๆ ที่ควรแก่อากรสมภักษรลงในเขตรที่นั้น เราพระเจ้ากรุงสยามยอมยกให้อย่าต้องให้เสียอากรสมภักษร ถ้าคนพวกนั้นไปทำไร่นาเรือกสวนในที่อื่น หนังสือนี้คุ้มไม่ได้ แต่ตัวคนพวกที่อาไสยอยู่ในที่นั้น คงขึ้นในพระราชอาณาจักร เมื่อมีความเกี่ยวข้องประการใดๆ ให้นายอำเภอเกาะครองไปว่าตามคดีนั้นๆ ได้ พระสงฆ์จะขัดขวางไว้ไม่ได้ อนึ่ง เมื่อคนพวกที่อาไสยอยู่ในที่นั้นตลอดครบปีแล้ว ครั้นขึ้นปีใหม่ก็ให้ไปขอใบยอมแต่พระสงฆ์สำรับตัวอีก จึงอยู่ต่อไปได้ ถ้าไม่มีใบยอมแต่พระสงฆ์สำรับตัวชั่วปีแล้วจะอยู่ต่อไปอีกไม่ได้ จะให้กรมพระนครบาลขับไล่เสีย อนึ่ง เราพระเจ้ากรุงสยามมีความนับถือเลื่อมใสในพระสงฆ์พวกธรรมยุติติกาเป็นอันมาก ถ้าหากพระอารามนี้ พระสงฆ์พวกธรรมยุติติกาได้ครอบครองเป็นเจ้าของสืบๆ ไปสิ้นกาลนาน ได้ประพฤติการสาศนพรหมจรรย์โดยซื่อสัตย์ ให้สมควรแก่ลัทธิอันชอบในพระธรรมวินัย อันเป็นเรื่องแสดงความบริสุทธิ เราพระเจ้ากรุงสยามจะมีความยินดีเลื่อมใสมากยิ่งขึ้นไป ส่วนกุศลซึ่งสำเร็จด้วยสฐาปนาการพระอารามใหม่ ณ ครั้งนี้ เราพระเจ้ากรุงสยามขออุทิศให้แก่เทพยดามนุศบุรุศยสัตรี คฤหัฐบรรพชิตทั้งปวง ใครๆ เห็นชอบด้วยก็จงได้ชื่นชมยินดีอนุโมทนา แล้วจงเจริญอายุ พรรณ ศุข พล ประฏิภาณ คุณสารสมบัติ ศิริสวัสดิพิพัฒมงคล สรรพศุภผล แลความประสงค์ซึ่งไม่มีโทษเป็นบาปจงสำเร็จทุกประการ เทอญ ฯะ.

ประกาศมาวัน ๑๐๘ ค่ำ ปีมโรง นักษัตรสัม๑๘ฤทธิศก พุทธสาสนกาล ๒๔๑๑ พรรษาเป็นวันที่ ๖๒๕๖ ในรัชกาลประจุบันนี้ ฯะ.

(มีอักษรขอมและอักษรอังกฤษ)

(คัดจากหนังสือแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๒๓ เล่ม ๕๒๘-๕๓๑)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ