๒๑ ประกาศห้ามคฤหัสถ์ไม่ให้สมคบภิกษุสามเณรที่ประพฤติอนาจาร

วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีฉลูเบ็ญจศก เพลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฎ สุทธสมมติ เทพยพงศ์วงศาดิศวรกษัตริย์ วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมราชาธิราชบรมนารถบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงปฏิบัติพระสงฆ์ฉันเช้าณพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย มไหสุริยพิมาน โดยสถานอุตราภิมุข พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าโดยลำดับ จึงมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสีหนาทดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมว่าทุกวันนี้กุลบุตรที่บวชเปนภิกษุสามเณรเข้าในพระสาสนานั้น บางจำพวกมีศรัทธาตั้งใจรักษาศีลสิกขาบท อุสาหะเล่าเรียนคันถะธุระวิปัสสนาธุระตามสติปัญญาหวังจะให้เปนประโยชน์ก็มีบ้าง บางจำพวกเปนคนเกียจคร้านกลัวจะกะเกณฑ์ใช้ราชการ หลบลี้หนี้เข้าบวชเปนภิกษุสามเณร อาไศรยพึ่งพระสาสนาเลี้ยงชีวิตร แล้วประพฤติอนาจารทุจริตต่างๆ จนถึงเล่นสวาดเปนปาราชิกก็มีอยู่โดยมาก เพราะเหตุด้วยคฤหัสถ์ชายหญิงทั้งปวงถือลัทธิผิดเข้าใจว่าชั่วชั่งชีดีชั่งสงฆ์ ถึงจะรู้ว่าภิกษุสามเณรรูปใดประพฤติอนาจารทุจริต กระทำความผิดสิ่งใดๆ ที่สุดจนถึงเปนปาราชิกก็ดี ถ้าไม่โกรธกันแล้วก็นิ่งเพิกเฉยเสียดังนี้ ภิกษุสามเณรทั้งปวงจึงพากันประพฤติอนาจารทุจริต กระทำความชั่วลามกได้ต่างๆ อนึ่งทรงพระราชดำริห์เห็นว่า กาลทุกวันนี้ก็มิใช่ต้นพระสาสนาแล้ว พุทธจักรก็ย่อมอาไศรยพระราชอาณาจักร พระสาสนาจึงจะวัฒนารุ่งเรืองตั้งอยู่ได้ จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สั่งหม่อมเจ้าจินดาให้เชิญพระกระแสพระบรมราชโองการออกมา ให้ข้าพระพุทธเจ้า พระมหาราชครูปโรหิตาจารย์ พระมหาราชครูมหิธร พระราชครูพิราม พระราชครูพิเชต ขุนหลวงพระไกรศรี แต่งพระราชบัญญัติเพิ่มเติมขึ้นใหม่ แต่นี้สืบไปห้ามอย่าให้คฤหัสถ์ทั้งปวงคบภิกษุสามเณร สูบฝิ่น สูบกันชา กินสุราน้ำตาลส้ม กินเข้าค่ำ แลกินของที่ไม่ควรภิกษุสามเณรจะกินในเพลาค่ำ กินกับภิกษุสามเณรณบ้านเรือนโรงร้านของตนเปนอันขาด อนึ่งห้ามอย่าให้ขายฝิ่นสุรากันชาน้ำตาลส้ม แลขายของที่ไม่ควรภิกษุสามเณรจะกินในเพลาค่ำ ให้ภิกษุสามเณรกิน แลสมคบให้ภิกษุสามเณรกระทำอนาจารสิ่งใดๆ ณบ้านเรือนโรงร้านของตน อนึ่งห้ามอย่าให้ชายหญิงทั้งปวงคบภิกษุสามเณรเล่นโปถั่วไพ่โปงแปะ แลชนไก่ปลากัดปลาเข็มเล่นการพนันต่างๆ บรรดาเจ้าภาษีนายอากรผูกพระราชทรัพย์ส่งขึ้นท้องพระคลังหลวง แลห้ามอย่าให้ชายหญิงทั้งปวงคบหาภิกษุสามเณรให้เข้ามาอยู่ในบ้านเรือนโรงร้านของตนตั้งแต่เพลา ๒ ยามจนรุ่งสว่างเปนอันขาด ถ้ามีกิจสิ่งใดๆ จะนิมนต์ภิกษุสามเณรเข้ามาในเวลาต้องห้าม ในกรุงเทพพระมหานคร-แลแขวงกรุงเทพพระมหานคร ก็ให้เจ้าบ้านเรือนโรงร้านนั้นๆ มาบอกกรมธรรมการแลนายอำเภอผู้ใดผู้หนึ่งให้จดหมายศุภมาศวันคืนไว้เปนสำคัญว่า วันนี้มีธุระสิ่งนั้นจะนิมนต์ภิกษุสามเณรชื่อนั้นอยู่พระอารามนี้เข้ามาในบ้านเรือนโรงร้านของตนแต่เพลา ๒ ยามจนรุ่งสว่าง ถ้าภิกษุสามเณรสิ้นกิจแล้วแลจะให้กลับไปวัด ก็ให้มาบอกกรมธรรมการนายอำเภอจดหมายศุภมาศวันคืนไว้ด้วย ถ้าหัวเมืองให้มาแจ้งต่อเจ้าเมืองกรมการธรรมการสำหรับเมืองแลแขวงกำนันให้รู้ไว้เหมือนกรุงเทพพระมหานคร ให้เจ้าเมืองกรมการธรรมการแขวงกำนันผู้นั้นๆ จดหมายศุภมาศวันคืนขึ้นแรมไว้เปนสำคัญ อนึ่งห้ามอย่าให้คฤหัสถ์ชายหญิงทั้งปวงลงเรือร่วมภิกษุสามเณรซึ่งเปนพาลไปเที่ยวดูกะทงเล่นกฐินผ้าป่า เที่ยวพายเรือแข่งเบียดเสียดชายหญิง แลเที่ยวดูโขนหุ่นลครงิ้วหนัง แลการเล่นฟ้อนรำขับร้องต่างๆ ให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ทำให้ชนอันมาแต่นานาประเทศซึ่งถือสาสนาต่างๆ ดูหมิ่นประมาทได้

ถ้าผู้ใดบังอาจล่วงพระราชบัญญัติฝ่าฝืนขืนคบภิกษุสามเณรสูบฝิ่นสูบกันชากินสุราน้ำตาลส้ม กินเข้าค่ำกินหมี่แลของที่ไม่ควรภิกษุสามเณรจะกินในเพลาค่ำ กินกับภิกษุสามเณรณบ้านเรือนโรงร้านของตน แลขายฝิ่นสุรากันชาน้ำตาลส้ม แลขายของที่ไม่ควรภิกษุสามเณรจะกินในเพลาค่ำมีหมี่เปนต้นให้ภิกษุสามเณรกิน แลสมคบให้ภิกษุสามเณรกระทำอนาจารลามกสิ่งใดๆ ณบ้านเรือนโรงร้านดังกล่าวมานี้ มีผู้มาว่าพิจารณาได้ความจริงนั้น ให้ปรับไหมชายหญิงซึ่งกระทำความชั่วกับภิกษุสามเณร แลสมคบให้ภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารทุจริตดังกล่าวมานี้นั้น โดยฐานะเลมิดพระราชบัญญัติตามบันดาศักดิ์ทั้งผัวเมียเปนพินัยหลวง แลซึ่งผู้ใดบังอาจล่วงพระราชบัญญัติ แลสมคบภิกษุสามเณรให้เล่นโปถั่วไพ่โปงแปะ แลเล่นชนไก่ปลากัดปลาเข็มเล่นการพนันสิ่งใดสิ่งหนึ่งณบ้านเรือนโรงร้านบ่อนของตน แลเล่นด้วยภิกษุสามเณรก็ดี บันดามีภาษีอากรเจ้าภาษีอากรได้ส่งเงินขึ้นท้องพระคลังหลวงนั้นให้ปรับไหมเหมือนคฤหัสถ์ลักใส่บ่อนเล่น อนึ่งผู้ใดล่วงพระราชบัญญัติสมคบให้ภิกษุสามเณรเข้ามาณบ้านเรือนโรงร้านของตน แต่เพลา ๒ ยามจนรุ่งไม่ได้บอกกรมธรรมการนายอำเภอให้รู้จดหมายไว้ แลไม่ได้บอกเจ้าเมืองกรมการธรรมการแขวงกำนันให้รู้จดหมายไว้แล้ว มีผู้มาว่าพิจารณาได้ความจริง ให้ปรับไหมผู้นั้นโดยฐานเลมิดตามบันดาศักดิ์ทั้งผัวเมียเปนพินัยหลวง ถ้าภิกษุสามเณรเล็ดลอดลอบเข้าไปในบ้านเรือนโรงร้านของผู้ใดๆ ในเพลาค่ำแต่รูปเดียวหามีเพื่อนภิกษุแลศิษย์ไม่ แลเข้าไปในบ้านเรือนโรงร้านในเพลา ๒ ยามขึ้นไป ก็ให้เจ้าของบ้านเรือนโรงร้านจับภิกษุสามเณรนั้นมาส่งกรมธรรมการจึงจะพ้นโทษ ถ้าจับมาส่งไม่ได้ก็ให้มาว่ากล่าวต่อกรมธรรมการแต่ใน ๓ วันจงได้ อนึ่งผู้ใดบังอาจสมคบภิกษุสามเณร ลงเรือรวมภิกษุสามเณรซึ่งเปนพาล เที่ยวดูกะทงเล่นกฐินผ้าป่า พายเรือแข่งเบียดเสียดกับชายหญิงทั้งปวง มีผู้มาว่าพิจารณาเปนสัจให้ปรับไหมผู้เปนนายลำซึ่งสมคบนั้น โดยฐานเลมิดพระราชบัญญัติตามบันดาศักดิ์เปนพินัยหลวง แต่ผู้ที่ร่วมเรือไปด้วยภิกษุสามเณรนั้น ให้ปรับไหมกึ่งผู้ที่เปนนายลำ

อนึ่งผู้ใดมีศรัทธานิมนต์ภิกษุสามเณรมาเทศนามหาชาติก็ดี สวดศพก็ดี ถ้าภิกษุสามเณรเทศนามหาชาติ แลสวดตลกคนองนอกพระบาฬีแล้ว ก็ให้เจ้าของกัณฑ์เจ้าของศพแลผู้นิมนต์ผู้มาฟังนั้นจับภิกษุสามเณรรูปนั้นมาส่งกรมธรรมการแต่ใน ๓ วันจึงจะพ้นโทษ ถ้าไม่จับมาส่งแลไม่นำความมาว่าต่อกรมธรรมการแต่ในกำหนด ๓ วันแล้ว มีผู้มาฟ้องกล่าวโทษพิจารณาเปนสัจ ให้ปรับไหมเจ้าของกัณฑ์เจ้าของศพผัวเมียแลผู้นิมนต์ โดยฐานเลมิดตามบันดาศักดิ์เปนพินัยหลวง ผู้ที่มานั่งฟังนั้นให้ปรับไหมกึ่งเจ้าของกัณฑ์เจ้าของศพ

อนึ่งผู้ใดเปนเจ้าของงานหาโขนหุ่นหาลครงิ้วหนัง แลการเล่นฟ้อนรำขับร้องต่างๆ มาเล่นณบ้านเรือนก็ดี ตำบลใดๆ ก็ดี ผู้เปนนายกำกับงานไปเล่นก็ดี ผู้มาดูงารโรงนั้นก็ดี นอกจากงานภิกษุสามเณรในพระอารามแล้ว ให้เจ้าของงานผู้กำกับงาน แลผู้ซึ่งมาดูฟ้อนรำขับร้องทั้งปวง เอาใจใส่คอยดูแลระวัง ถ้าเห็นภิกษุสามเณรเข้ามาดูงานเล่นฟ้อนรำขับร้องแล้ว ก็ให้จับภิกษุสามเณรที่มาดูงานรูปนั้นๆ มาส่งกรมธรรมการตามรับสั่ง ถ้าจับไม่ได้ก็ให้มาว่ากล่าวต่อกรมธรรมการ แต่ใน ๓ วันจึงจะพ้นโทษ ถ้าเจ้าของงานผู้เปนนายกำกับการเล่นฟ้อนรำขับร้องต่างๆ แลผู้มาดูงานโรงนั้น เห็นภิกษุสามเณรมาดูงานแล้วไม่จับตัวมาส่ง ให้นำความมาว่าใน ๓วัน มีผู้มาว่าพิจารณาเปนสัจให้ปรับไหมเจ้าของงาน แลผู้เปนนายกำกับไปเล่นนั้น โดยฐานเลมิดตามบันดาศักดิ์เปนพินัยหลวง แล้วให้เจ้าของงานผู้กำกับการเล่นฟ้อนรำขับร้องต่างๆ นั้นสาบาลตัวจำเพาะพระภักตร์พระปฏิมากร แลพระธรรมพระสงฆ์จงสาหัสแล้ว ให้ตุลาการซักถามเจ้าของงานผู้กำกับงานว่า ผู้ใดมาดูการเล่นฟ้อนรำขับร้องร่วมเพลาภิกษุสามเณรบ้าง ถ้าเจ้าของงานผู้กำกับงานให้การว่าคนนั้นๆ มาดูงานร่วมเพลาภิกษุสามเณรมาดูแล้ว ให้ตุลาการเอาตัวผู้ที่มาดูงานร่วมเพลาภิกษุสามเณรนั้นมาพิจารณาได้ความจริงแล้วให้ปรับไหมกึ่งเจ้าของงาน

อนึ่งผู้ที่เห็นภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารทุจริต กระทำความผิดต่างๆ จนถึงเปนปาราชิกแล้ว ผู้นั้นไม่จับภิกษุสามเณรรูปนั้นมาส่ง หรือไม่มาว่ากล่าวในกำหนด ๓ วันแล้ว มีผู้มาว่าพิจารณาเปนสัจ ให้ปรับไหมผู้ที่เห็นภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารดังกล่าวมานี้นั้นกึ่งผู้เปนเจ้าของเรือนตามบันดาศักดิ์เปนพินัยหลวง ถ้าเปนความปาราชิกให้ปรับไหมกึ่งผู้ผิด แต่ผู้ที่รู้ว่าภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารดังกล่าวมานี้ ถ้ารู้แล้วไม่นำความมาว่าต่อกรมธรรมการแต่ใน ๓วัน จนถึงมีผู้มาฟ้องกล่าวโทษ โปรดให้ตุลาการพิจารณาได้ความจริงนั้น ให้ตุลาการทอดเส้นเชือกแต่เรือนผู้ผิดไป ๓๐ วา ถ้าความปาราชิกผู้อยู่ใน ๑๐ วา ให้ปรับไหมเข้าเดือนทำพระอาราม ๓๐วัน ถ้าผู้อยู่ใน ๒๐ วา ให้ปรับไหมเข้าเดือนทำพระอาราม ๑๐ วัน ถ้าศักดินาตั้งแต่ ๔๐๐ ไร่ขึ้นไป ให้บ่าวไปทำแทนแล้วปรับไหมทวีคูณโดยสมควรตามศักดินามากแลน้อย ถ้าเปนความภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารลามกสิ่งใดๆ นอกจากความปาราชิกแล้ว ให้ปรับไหมผู้ที่รู้ความแล้วนิ่งเสียนั้นเสมอผู้อยู่ใน ๓๐ วา แต่เงินค่าปรับไหมโทษเลมิดทั้งปวงซึ่งกล่าวมาทั้งนี้นั้นให้ตุลาการส่งไว้ในท้องพระคลังหลวง สำหรับไว้พระราชทานเปนบำเหน็จรางวัล-แก่ผู้นำความมาว่าพิจารณาได้ความจริงนั้นตามสมควรแก่รูปความทุกๆ เรื่อง

อนึ่งคฤหัสถ์ชายหญิงทั้งปวง ซึ่งประพฤติความชั่วกับภิกษุสามเณรก็ดี สมคบภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารทุจริตต่างๆ ดังกล่าวมาทั้งนี้ก็ดี แลได้เห็นภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารทุจริตต่างๆ ดังกล่าวมาทั้งนี้ ถ้าจับภิกษุสามเณรซึ่งประพฤติอนาจารทุจริตกระทำความผิดต่างๆ นั้นมาส่งกรมธรรมการ ฤๅนำความมาว่ากล่าวแต่ในกำหนด ๓ วัน พิจารณาได้ความจริงดังกล่าวหา ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมยกโทษโปรดพระราชทานให้กับผู้นั้น มิให้ปรับไหมเลย เพราะเหตุว่าผู้นั้นไม่มีความประมาทเลมิดพระราชบัญญัติ แล้วจะพระราชทานบำเหน็จรางวัลให้ตามสมควร อนึ่งเด็กอายุต่ำกว่า ๑๓ ปีนั้นอย่าให้ตุลาการเกาะมาพิจารณาแลเอาค่ารังวัดเลย เพราะว่าเปนเด็กไม่รู้จักเดียงษาผิดแลชอบ ปราถนาแต่จะดูงานแลเล่นฝ่ายเดียว

อนึ่งผู้ใดเอาวิญญาณกทรัพย์อวิญญาณกทรัพย์สิ่งของทั้งปวงไปฝากภิกษุสามเณรไว้ณกุฏิพระอารามใดๆ แลมีโจรผู้ร้ายลอบลักทรัพย์สิ่งของไปได้ มีผู้มาว่า ตุลาการพิจารณาได้ทรัพย์สิ่งของคืน ทรัพย์นั้นไม่ควรจะคืนให้กับเจ้าของ ด้วยเหตุว่าเจ้าของทรัพย์ไม่รักษาทรัพย์สิ่งของทั้งปวงของตนไว้ณบ้านเรือน เจ้าของทรัพย์มีความประมาทเลมิดพระราชบัญญัติห้ามครั้งนี้ ให้ตุลาการมอบทรัพย์สิ่งของซึ่งพิจารณามาได้นั้น ให้เจ้ากรมปลัดกรมข้าพระปฏิมากรแก้วมรกฏรักษาไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามสำหรับจ่ายบุรณะปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปพระสถูปเจดีย์ แลพระอารามซึ่งชำรุดต่อไป ถ้าผู้ใดไม่กระทำตามพระราชบัญญัติ ยังฝ่าฝืนขืนคบภิกษุสามเณรกระทำความชั่วลามกต่างๆ ดังกล่าวมานี้ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจะให้ลงโทษกับผู้นั้นตามโทษานุโทษจงหนัก

ถ้าคฤหัสถ์ชายหญิงทั้งปวง รู้ว่าภิกษุสามเณรประพฤติอนาจารทุจริตกระทำความผิดลามกต่างๆ จนถึงเปนปาราชิกแล้วแลจับภิกษุสามเณร ซึ่งกระทำผิดรูปนั้นมาส่งกรมธรรมการ ฤๅมาว่ากล่าวลุกะโทษตามพระราชบัญญัติแล้ว ภิกษุสามเณรทั้งปวงนั้นก็จะเข็ดขยาดมิอาจกระทำความชั่วลามกดังกล่าวมาต่างๆ ได้ พระสาสนาก็จะวัฒนาการรุ่งเรืองสืบต่อไป พอเปนที่เลื่อมใสแก่สัปรุษทายกทั้งปวง

พระราชบัญญัติโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมไว้ณวันเสาร์ เดือน ๓ แรม ๑๓ ค่ำ ปีฉลูเบ็ญจศก จุลศักราช ๑๒๑๕

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ