๒. กราบทูลอัญเชิญสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ ขึ้นเสวยราชย์

ครั้นณเวลาย่ำค่ำพร้อมด้วยพระสงฆ์ราชาคณะที่เป็นประธานในพระพุทธศาสนา และพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ผู้น้อย ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือน บรรดาผู้ใหญ่ที่เป็นประธานพร้อมใจในการปรึกษา เรียงคำกราบทูลอัญเชิญตามใจข้าราชการทั้งปวงเสร็จแล้ว จึงนำคำปรึกษาเข้ามาในที่ประชุมพร้อมกัน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าทั้ง ๒ พระองค์ ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระยาพิพัฒนโกษาเป็นผู้อ่านคำปรึกษากราบบังคมทูลว่า กรมหมื่นนุชิตชิโนรส ศรีสุคตขัตติยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าฤกษ์ ๑ พระพิมลธรรม (อู่) ๑ พระพุฒาจารย์ (สน) ๑ พระธรรมอุดม (เซ่ง) ๑ พระพรหมมุนี (ถึก) ๑ พระธรรมไตรโลก (จี่) ๑ พระโพธิวงศ์ ๑ พระเทพโมฬี ๑ พระเทพมุนี (กัน) ๑ พระเทพกวี (รอด) ๑ พระญาณรักขิต ๑ พระศรีวิสุทธิวงศ์ (ฟัก) ๑ พระอริยมุนี (ทับ) ๑ แลพระราชาคณะคามวาสีอรัญวาสี กับพระครูและพระสงฆ์ฐานานุกรมเปรียญทั้งปวง ฝ่ายข้างพุทธจักรฝ่าย ๑ และฝ่ายข้างอาณาจักรนั้น กรมขุนรามอิศเรศร ๑ กรมหมื่นสวัสดิวิไชย ๑ กรมขุนเดชอดิศร ๑ กรมขุนพิพิธภูเบนทร์๑ กรมหมื่นพิทักษเทเวศร ๑ กรมหมื่นวงศาสนิท ๑ กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร์ ๑ กรมหมื่นนรานุชิต ๑ กรมหมื่นธิเบศรบวร ๑ กรมหมื่นอมรมนตรี ๑ พระราชวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ผู้น้อยต่างกรมและมิได้เป็นกรม ฝ่ายหน้าฝ่ายใน กับข้าทูลละอองธุลีพระบาท ท่านเจ้าพระยาพระคลัง ว่าที่สมุหพระกลาโหม ๑ ท่านพระยาศรีพิพัฒนรัตนราชโกษา ๑ ท่านพระยาราชสุภาวดี ว่าที่สมุหนายก ๑ ท่านพระยาศรีสุริยวงศ์ จางวางมหาดเล็ก ๑ และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือน ทั้งพุทธจักรและอาณาจักร ปรึกษาพร้อมกันว่า สมเด็จพระอนุชาธิบดี เจ้าฟ้ามงกุฎสมมุติเทวาวงศ์ พงศอิศรกษัตริย์ แลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรเรศรรังสรรค์ ทรงพระปรีชารอบรู้ราชประเพณี ผู้ประเสริฐล้ำเลิศในพระบรมราชวงศ์ จึงพร้อมกันขออัญเชิญเสด็จเถลิงถวัลยราชย์มไหศวริยสืบมหันตมหิศรราชวงศ์ ดำรงสิริราชสมบัติขัตติยราชประเพณีพระมหากษัตราธิราชเจ้าลำดับต่อไป แล้วจึงพระบรมวงศานุวงศ์เสนาบดีข้าทูลละอองธุลีพระบาท ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บรรดามาประชุมในขณะนั้น มีใจชื่นชมยินดียอมพร้อมกันได้กระทำสัตยานุสัตย์สาบานถวายตัวหน้าพระที่นั่งทั้ง ๒ พระองค์ โดยความสุจริตทุกคน เป็นผู้บริสุทธิ์ซื่อสัตย์ต่อพระเดชพระคุณเที่ยงแท้ แล้วทรงพระราชดำริเห็นว่าพระวงศานุวงศ์มุขอำมาตย์ พร้อมใจกันเชิญเสด็จโดยความซื่อสัตย์สุจริต ครั้นจะไม่รับคำปรึกษาอัญเชิญขึ้นครอบครองสิริราชสมบัติ ก็จะเกิดการอุปัทวภยันตรายกับพระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเดือดร้อนต่างๆ โดยกำลังทรงพระมหากรุณาเมตตาแก่คนทั้งปวงยิ่งนัก จึงทรงรับคำปรึกษาที่อัญเชิญขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทำนุบำรุงพระบวรพุทธศาสนา เสนาบดี ข้าทูลละอองธุลีพระบาท แลอาณาประชาราษฎรสืบต่อไป จึงตั้งการพิธีลาพระผนวช เจ้าพนักงานจัดพระแท่นไปตั้งข้างทักษิณทิศข้างพระอุโบสถเป็นที่สรงน้ำ มีเพดานราชวัติฉัตรผ้าขาวล้อมรอบ เสนาบดีก็เร่งรัดกันกระทำพลับพลาที่รับเสด็จประทับอยู่ก่อนในระหว่างโรงแสงต้น สำหรับจะได้ทรงว่าราชการแผ่นดิน กว่าจะถึงวันกำหนดพระฤกษ์พระบรมราชาภิเศก ครั้นณวันศุกร์ เดือน ๕ ขึ้น ๓ ค่ำ[๑] ได้พระฤกษ์ไชยมงคลในเวลา ๗ ทุ่ม ทรงลาผนวช เสด็จไปสรงน้ำพระพุทธปริตรเสร็จแล้ว เสด็จมาประทับว่าราชการอยู่ที่พลับพลาพัก



[๑] วันที่ ๔ เมษายน ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ