๓๔. สร้างพระเจดีย์และถวายพระนามพระประธานในวัดพระเชตุพน

ครั้นมาถึงเดือน ๑๒ แรม ๑๓ ค่ำ[๑] แรม ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑ ขึ้น ๑ ค่ำ จะได้ตั้งพิธีสวดพระพุทธมนต์ก่อพระฤกษ์เจดีย์ในวัดพระเชตุพน ทรงพระราชดำริไว้แต่เดิมว่าแผ่นดินพระบาทสมเด็จฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้สถาปนาพระเจดีย์ขึ้นไว้องค์ ๑ สูง ๑ เส้น ๒ ศอก ครั้นมาถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้สร้างอุททิศถวายสมเด็จพระบรมชนกาธิราชเจ้าขึ้นข้างเหนือองค์ ๑ สร้างเป็นส่วนของพระบาทสมเด็จฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวองค์ ๑ อยู่ข้างใต้ พระเจดีย์ทั้ง ๓ องค์นี้สูงเท่ากัน ก็ในแผ่นดินปัจจุบันนี้ ทรงพระราชศรัทธาจะสร้างขึ้นอีกพระองค์ ๑ แต่โปรดอย่างพระเจดีย์วัดสวนหลวงกรุงเก่า จึงให้ช่างขึ้นไปถ่ายอย่างนั้นมา จึงได้จับการทำรากพระเจดีย์ ก่อต่อองค์กลางออกมาข้างตะวันตก แล้วให้รื้อพระระเบียงเก่าเสีย ทำพระระเบียงล้อมเข้าไว้ใหม่ เมื่อจะก่อพระฤกษ์ให้แผ่พระราชกุศลพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ให้พร้อมใจกันทำทานแก่คนชราพิการยาจกวณิพพกทั้งหลายซึ่งอยู่ในกรุงและนอกกรุง มีจำนวนคน ๓,๕๖๒ คน บริจาคเงินพระคลังเดิม ๒๕ ชั่ง เงินในกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ๒๔ ชั่ง ๑ ตำลึง พระคลังข้างใน ๔๐ ชั่ง รวมเงิน ๘๙ ชั่ง ๑ ตำลึง พระราชทานคนละ๑ ตำลึง แต่พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการที่ต้องบอกบุญรับไปเลี้ยงคนละ ๒๐ บ้าง ๓๐ บ้าง ๔๐ บ้างตามกำลังมากและน้อย มีของไทยทานต่างๆ ประกวดกัน คิดดูคนหนึ่งจะได้ไปทั้งเงินหลวง และสิ่งของประมาณ ๓ บาทบ้าง ๔ บาทบ้าง

ครั้นให้ทานเสร็จแล้วก็เสด็จไปก่อพระฤกษ์เป็นปฐม เมื่อตั้งสวด พระสงฆ์ ๓๐๐ รูป สวดตั้งแต่เดือน ๑๒ แรม ๑๔ ค่ำ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑ ขึ้น ๑ ค่ำ[๒] ฝนตกหนักทั้ง ๓ วัน น้ำในวัดพระเชตุพนลึกเพียงเข่า ครั้นขึ้น ๒ ค่ำได้ก่อพระฤกษ์ฝนก็หยุด และพระเจดีย์องค์ใหม่นี้ ทรงพระราชดำริว่า พระเจดีย์องค์เหนือประดับด้วยกระเบื้องขาว องค์กลางประดับด้วยกระเบื้องเขียว องค์ข้างใต้ประดับด้วยกระเบื้องเหลือง องค์ในแผ่นดินนี้จะประดับด้วยกระเบื้องสีขาบ

ครั้นการก่อพระฤกษ์แล้ว ก็ถวายพระนามพระพุทธรูปพิหารทิศทั้ง ๔ เดิมยังไม่มีพระนาม กับพระประธานเก่าซึ่งเชิญเข้ามาประดิษฐานไว้ในการเปรียญ ถวายพระนามว่า พระพุทธศาสดามหากรุณาธิคุณ สุนทรธรรมทาน บุราณสุคตบพิตร พระพิหารทิศตะวันออกข้างในถวายพระนามว่า พระพุทธโลกนารถ ราชมหาสมมติวงศ์ องค์อนันตญาณสัพพัญญู สยัมภูพุทธบพิตร ห้องนอกถวายพระนามว่า พระพุทธมารวิชัย อภัยปรปักษ์ อัครพฤกษโพธิภิรมย์ อภิสมพุทธบพิตร พิหารพระปาลิไลยถวายพระนามว่า พระพุทธปาลิไลย ภิรัติไตรวิเวก เอกจาริกสมาจาร วิมุตติญาณบพิตร พิหารพระนาคปรกถวายพระนามว่า พระพุทธชินสีหมุนีนาถ อุรคอาสนบัลลังก์ อุทธังคทิศภาคนาคปรก ดิลกภพบพิตร พิหารเทศนาธรรมจักรถวายพระนามว่า พระพุทธชินราช วโรวาทธรรมจักร อัครปฐมเทศนา นราศภบพิตร และพระพุทธไสยาสน์ใหญ่ในพระวิหาร แต่ก่อนพระรัศมีลอยตัวอยู่ ครั้นกาลนานมาพระรัศมีถ่วงหนักลง ขัดเอาอิฐปูนที่พระจุฬาธาตุหักทำลายลงมา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปฎิสังขรณ์เสียใหม่ ต่อพระรัศมีให้ยาวออกไปจนถึงผนัง พระรัศมีได้อาศัยผนังอยู่ได้ก็มั่นคงดีอยู่ แต่พระนามนั้นทรงไว้แล้วยังมิได้ถวายค้างอยู่

อนึ่ง พระเจดีย์ใหญ่สี่พระองค์เป็นของสำหรับสี่แผ่นดินและในแผ่นดินต่อๆ ไป ภายหน้าจะต้องสร้างต่อไปนั้นหามิได้ ไม่เป็นธรรมเนียม เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๔ แผ่นดินนั้น ท่านได้ทรงเห็นพระ ๔ พระองค์ในเวลาพระชนม์ของท่าน ก็กาลต่อไปภายหน้า พระเจ้าอยู่หัวซึ่งได้ทรงเห็นทั้ง ๔ พระองค์อย่างมีแล้ว จึงไม่เป็นธรรมเนียม



[๑] วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ฯ

[๒] พฤหัสที่ ๑ ธันวาคม ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ