๙๖. เรื่องเมืองเขมร

ฝ่ายที่เมืองเขมรองค์วัตถาซึ่งกราบถวายบังคมลาไปเยี่ยมศพบิดานั้น ไปวิวาทกันขึ้นกับองค์พระนโรดมผู้พี่ด้วยเหตุผู้คนทรัพย์มรดก องค์วัตถาสู้ไม่ได้ก็พาองค์ศีริวงศ์ผู้น้องหนีเข้ามาในแดนกรุงเทพฯ ฝ่ายสนองโสซึ่งเป็นน้าองค์วัตถาเห็นว่าองค์พระนโรดมไม่โอบอ้อมอารีต่อพี่น้อง ก็คุมสมัครพรรคพวกเป็นกบฎขึ้น

ครั้นณวันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำ[๑] พระยาอนุชิตชาญไชย จางวางกรมพระตำรวจขวา ซึ่งโปรดฯ ให้ไปฟังราชการอยู่ที่เมืองพระตะบองจึงบอกเข้ามาว่า เมื่อณเดือน ๘ อุตราสาธ แรม ๔ ค่ำ มีศุภอักษรองค์พระนโรดม หนังสือฟ้าทะละหะเข้ามาว่าสนองโสซึ่งเป็นที่พระยามหาฤทธิรงค์ชาญไชยกับพระยากำแหงโยธาพระยาพระเขมร ๓๕ นาย ยกมาตั้งอยู่เมืองพนมเป็ญ เมืองลาดปะเอีย องค์พระนโรดมพรหมบริรักษ์มหาอุปราช และพระยาพระเขมรยกไปได้สู้รบกัน พวกกองทัพพระยากำแหงโยธาแตกแล้ว ราษฎรกำเริบตั้งเป็นกองทัพขึ้นอีก องค์พระนโรดมกับพระยาพระเขมรล่าถอยเข้ามาเมืองอุดงมีไชย แล้วให้องค์พระหริราชดไนยไกรแก้วฟ้าออกไปสืบราชการ ทราบความว่าพวกกองทัพสนองโสและพระยากำแหงโยธา จะยกมาล้อมเมืองอุดงมีไชยกำหนดณเดือน ๘ อุตราสาธแรม ๔ ค่ำ องค์พระนโรดมเห็นจะอยู่เมืองอุดงมีไชยไม่ได้ ด้วยราษฎรไม่เต็มใจด้วย จึงพาครอบครัวบุตรภรรยาพระยาพระเขมรพวกพ้อง ๓๐ นายกับบ่าวไพร่ที่ใช้สอย ๗๐๐ เศษ ลงเรือล่าหนีเข้ามาอยู่ที่ท่ากพงฉนัง มีหนังสือเข้ามาถึงพระคทาธรธรณินทร์ผู้ว่าราชการเมืองพระตะบอง ขอให้ออกไปรับ พระคทาธรธรณินทร์เกณฑ์พระหลวงขุนหมื่นและไพร่ ๖๐๐ คน บรรทุกเรือ ๕๐ ลำ ออกไปพบองค์พระนโรดมที่แพรกรังตื่นแขวงเมืองโพธิสัตว์ แล้วให้พระพลพระพิพิธราชากรมการเมืองพระตะบองออกไปณเมืองอุดงมีไชย ให้พบกับองค์พระหริราชดไนยไกรแก้วฟ้า พระคทาธรธรณินทร์พาองค์พระนโรดมพรหมบริรักษ์มหาอุปราชเข้าถึงด่านเสมาแขวงเมืองพระตะบอง แต่ณเดือน ๙ ขึ้น๑ ค่ำ

พระยาอนุชิตชาญไชยจึงได้ส่งองค์วัตถาเข้ามาเสียก่อน มาถึงเมืองศรีโสภณพบพระยาราชวรานุกูลยกออกมา พระยาราชวรานุกูลส่งองค์วัตถาเข้ามาพักอยู่ที่เมืองศรีโสภณ ให้จัดข้าหลวงกรมการนายไพร่ ๕๐๐ คน รักษาองค์วัตถาไว้ แล้วพระยาราชวรานุกูลออกไปด่านเสมา พบองค์พระนโรดมพรหมบริรักษ์มหาอุปราช แล้วบังคับให้พระคทาธรธรณินทร์ นายไพร่ ๖๐๐ คนตั้งรักษาอยู่ที่ด่านเสมา แล้วมีหนังสือไปให้พระยาอนุภาพไตรภพเมืองนครเสียมราฐ เกณฑ์กรมการนายไพร่ ๖๐๐ คน ยกไปตั้งรักษาด่านอยู่ที่สตึงกำบดพรหมแดน กับเมืองพระตะบองตำบล ๑ กับด่านทางน้ำต่อแดนเมืองกพงสวาย ๓ ตำบล ทางบก ๒ ตำบล ณ เดือน ๙ ขึ้น ๙ ค่ำ[๒] พระยาราชวรากูลกลับเข้ามาเมืองพระตะบอง จะส่งองค์วัตถาเข้าไปณกรุงเทพมหานคร ยังไม่ทันจะส่ง มีหนังสือบอกพระพลพระพิพิธราชากรมการเมืองพระตะบอง ที่ออกไปตั้งฟังราชการอยู่ณเมืองอุดงมีไชยฉะบับ ๑ หนังสือองค์หริราชดไนยไกรแก้วฟ้าฉะบับ ๑ เข้ามาใจความว่า ณ เดือน ๘ อุตราสาธแรม ๔ ค่ำ นายทัพนายกองพวกสนองโสซึ่งเป็นพระยามหาฤทธิรงค์ชาญไชยพระยากำแหงโยธา จำนวนคน ๙,๐๓๗ คน มาล้อมเมืองอุดงมีไชย แล้วแต่งคนใช้เข้าไปว่ากับองค์พระหริราชดไนยไกรแก้วฟ้าว่า ยกกองทัพมาครั้งนี้ไม่ได้เป็นกบฎต่อองค์พระนโรดม องค์พระหริราชดไนยไกรแก้วฟ้ายกมาทั้งนี้จะมาจับเอาตัวสมเด็จฟ้าทะละหะกับพระยาพระเขมร ๗ คน

องค์พระหริราชดไนยไกรแก้วฟ้า กับนักมารดาองค์พระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี จึงให้นายทัพนายกองพระยามหาฤทธิรงค์ชาญไชยพระยากำแหงโยธา เข้าไปว่ากล่าวสมัครสมานดีกันไป แล้วให้สาบานตัวถือน้ำ เมื่อณเดือน ๘ อุตราสาธ แรม ๘ ค่ำ นายทัพนายกองพวกพระยามหาฤทธิรงค์ชาญไชย ยกกลับไปเมืองบาพนม ๓ ส่วน ยังตั้งฟังราชการอยู่ที่เมืองอุดงมีไชยส่วน ๑ พระยาราชวรานุกูลได้บอกส่งต้นหนังสือพระพลพระพิพิธราชา หนังสือองค์พระหริราชดไนยไกรแก้วฟ้าเข้าไปณกรุงเทพมหานคร ณเดือน ๙ ขึ้น ๑๓ ค่ำ พระยาราชวรานุกูลมีหนังสือบอกแต่งให้พระอินทร์เดช จมื่นรักษพิมาน พาองค์วัตถาเข้าไปส่งณกรุงเทพมหานคร เกณฑ์เจ้าเมืองกรมการหัวเมืองรายทางกำกับเข้าไปเมืองละ ๑๐๐ คน แล้วพระยาราชวรานุกูลให้พระคธาธรธรณินทร์ มีหนังสือออกไปหาตัวพระยาเดโชเจ้าเมืองกพงสวายกับพระยาสังขโลกเจ้าเมืองโพธิสัตว์ ให้เข้ามาฟังราชการณเมืองพระตะบอง พระยาเดโชเจ้าเมืองกพงสวาย พระเสน่หาไมตรีเจ้าเมืองชีแครงเข้ามาหาพระยาราชวรานุกูล ๆ ได้ชี้แจงการให้พระยาเดโชพระเสน่หาไมตรีฟัง ตามกระแสที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ออกไป แล้วองค์พระนโรดมกับพระยาพระเขมรเข้ามาณเมืองพระตะบอง ได้มาหาพระยาราชวรานุกูล พระคทาธรธรณินทร์จึงหาพระยาเดโชพระเสน่หาไมตรีมาพร้อมด้วย พระยาราชวรานุกูล พูดจาให้พระยาเดโชพระเสน่หาไมตรีให้เป็นปกติดีกันกับองค์พระนโรดมเหมือนแต่ก่อน พระยาราชวรานุกูลได้มีหนังสือให้พระยาเดโชพระเสน่หาไมตรี กลับออกไปประกาศห้ามปรามพระยาพระเขมรหัวเมืองทั้งปวง ตั้งแต่ทะเลสาบฝั่งตะวันออก ตลอดจนทะเลธมตะวันตกตะวันออก ให้พระยาอิศราพานิชถือหนังสือออกไปประกาศห้ามปราม ตั้งแต่เมืองสำโรงทองตลอดจนถึงเมืองกำปอดกพงโสม อย่าให้ผู้ใดคิดกำเริบตั้งเป็นกองทัพรบพุ่งฆ่าฟันกันต่อไป ซึ่งองค์วัตถากับองค์พระนโรดมวิวาทขัดเคืองกัน กับข้อความที่ว่าพระยาธรรมาเดโช เจ้าเมืองบาพนมจับพี่ชายสนองโสไปฆ่าเสียนั้น ได้บอกข้อความเข้าไปณกรุงเทพมหานครแล้ว จะโปรดเกล้าฯ ประการใด คงจะมีตราพระราชสีห์โปรดฯ ออกไปให้ทราบ

ณเดือน ๑๐ แรม ๑ ค่ำ[๓] องค์พระหริราชดไนยไกรแก้วฟ้ามีหนังสือบอกเข้ามาถึงพระยาราชวรานุกูล ว่าราชการที่เมืองอุดงมีไชย ซึ่งพระยาพระเขมรและราษฎรคิดกำเริบรบพุ่งฆ่าฟันกันนั้นสงบลงแล้ว กับมีหนังสือพระยาเสนาจักรวรรดิแขกจามเข้ามาฉะบับ ๑ว่า สมเด็จบวรเทศพี่ชายพระยาเสนาจักรวรรดิคิดอ่านจะพาครอบครัวแขกจาม กลับมาพึ่งพระบารมีอยู่ที่เมืองเขมรตามภูมิลำเนาเดิม พระยาเสนาจักรวรรดิมาพบพระยาธรรมาเดโช สนองโสรบกัน ได้ว่ากล่าวห้ามปราม ทั้ง ๒ ฝ่ายหยุดทัพไม่ได้รบกันต่อไปอีก แล้วสนองโสกับพระยาธรรมาเดโชได้จัดคนใช้พาพระยาเสนาจักรวรรดิ เข้ามาเฝ้าองค์พระหริราชดไนยไกรแก้วฟ้า ณเมืองอุดงมีไชย

ฝ่ายสนองโสมีหนังสือเข้ามาว่า ได้แต่งให้สนองไชยไปรับประกันตัวสมเด็จบวรเทศ พระยาเสนาจักรวรรดิมาจากองญวนผู้ใหญ่ณเมืองโจดก พระยาธรรมาเดโชมีหนังสือเข้ามาว่า พระยาเสนาจักรวรรดิเข้ามาหาพระยาเดโช ๆ ได้แต่งคนให้พระยาเสนาจักรวรรดิเข้ามาเฝ้าองค์พระหริราชดไนยไกรแก้วฟ้า ต่างคนต่างชิงความชอบกัน พระยาราชวรานุกูลได้บอกส่งต้นหนังสือทั้ง ๓ ฉะบับเข้าไปณกรุงเทพมหานครแล้ว เจ้าพระยามุขมนตรี พระยาสิงหราชฤทธิไกร กับนายทัพนายกองยกออกไปถึงเมืองพระตะบองยังกำลังที่จะจัดการแจกหนังสือประกาศ ให้พระยาพระเขมรหัวเมืองทั้งปวงทราบ ในหนังสือประกาศซึ่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานออกมา บอกมาณวันจันทร์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๓ ค่ำ[๔] ปีระกา ตรีศก

ฝ่ายพระอินทรเดช จมื่นรักษพิมาน พาองค์วัตถาเข้ามาถึงกรุงเทพมหานครในเดือน ๑๑



[๑] วันที่ ๒๑ ตุลาคม ฯ

[๒] วันที่ ๑๕ สิงหาคม ฯ

[๓] ศุกรที่ ๒๐ กันยายนฯ

[๔] วันที่ ๑๗ ตุลาคม ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ