นิทานเรื่องช้างกับสุนัขจิ้งจอก

ในกาลก่อนยังมีหนองใหญ่แห่งหนึ่งชื่ออติสระ ทั้งกว้างลึกสมบูรณ์ด้วยผักปลาอาหารเปนที่อาศรัยของสัตว์ทั้งหลาย มีช้างสารช้างหนึ่งชื่อกัปปุระมาอาศรัยอยู่ในป่าใกล้หนองนั้น ยังมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งชื่อสิงค มีบริวารมากมาอาศรัยอยู่ที่หนองนั้นด้วย วันหนึ่งสิงคสุนัขจิ้งจอกได้เห็นช้างสารนั้น จึงกล่าวแก่สุนัขจิ้งจอกทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายจะใคร่กินช้างสารนี้หรือ เราจะคิดกลฆ่าช้างสารนี้ให้ท่านทั้งหลายกิน ให้พอจนตลอดฤดูฝนนี้ให้จงได้ สุนัขจิ้งจอกทั้งหลายจึงตอบว่าตัวท่านเปนสัตว์ตัวน้อยเท่าปลายเท้าช้างสาร ซึ่งท่านจะคิดอ่านกินช้างสารนั้น เห็นจะไม่ได้ดังประสงค์ สิงคสุนัขจิ้งจอกจึงกล่าวว่า ที่ตัวโตใหญ่นั้นไม่เปนประมาณสุดแล้วแต่ปัญญา เมื่อความฉลาดดีมีแล้ว แม้ตัวเล็กก็ดีคงจะคิดฆ่าสัตว์ตัวใหญ่ได้ ถ้าท่านทั้งหลายทำตามคำของเราแล้ว เราทั้งหลายคงจะได้กินช้างสารนี้เปนแท้ แล้วสิงคสุนัขจิ้งจอกจึงกันออก ๒ พวก พวก ๑ ให้คอยอยู่ที่หนองใหญ่นั้น พวก ๑ ให้ไปกับตน แล้วสิงคสุนัขจิ้งจอกจึงไปหาช้างสาร หมอบกรานเข้าไปซบเศียรของตนลงที่เท้าช้างสาร แล้วจึงกล่าวว่า ข้าแต่พระยาช้าง ผู้มีศักดาเดชานุภาพใหญ่เชิญท่านจงไปเปนนายครอบครองสั่งสอนพวกข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด ช้างสารจึงถามว่า ท่านนี้ชื่อไร เหตุไฉนจึงมาว่าดังนี้เล่า สุนัขจิ้งจอกจึงตอบว่า ข้าพเจ้านี้ชื่อสิงคสุนัขจิ้งจอก เพราะว่าเหล่าสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในป่านี้ได้ประชุมปรึกษาเห็นพร้อมกันว่า เราทั้งหลายไม่มีใครเปนเจ้านายครอบครองชี้ขาดตัดสินอรรถคดีปรานีปรานอมสั่งสอน ไม่มีใครจะเปนใหญ่ อยู่แต่ลำพังเช่นนี้ไหนเลยจะเปนสุขได้เล่า ในหมู่มนุษย์ทั้งหลายก็มีพระเจ้าแผ่นดินครอบครองสั่งสอน จึงได้อยู่เย็นเปนสุขเพราะเหตุนั้น สัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในป่าใหญ่นี้เห็นพร้อมกันว่า ในป่านี้ท่านพระยาช้างเปนผู้ใหญ่กว่าสัตว์ทั้งหลาย มีสติปัญญาแลกำลังอานุภาพก็มากกว่าสัตว์ทั้งปวงสมควรจะเปนนายได้ จึงใช้ให้ข้าพเจ้ามาเชิญท่านพระยาช้างไปเปนนายครอบครองสั่งสอนสัตว์ทั้งหลายในป่านี้เถิด ช้างผู้พาลครั้นได้ยินว่าเขาจะยกตนเปนนายเช่นนั้น ก็สำคัญว่าจริง พลางชมชื่นยินดีจึงรับคำว่า ถ้าสัตว์ทั้งปวงในป่านี้เห็นพร้อมกันเช่นนั้นแล้ว เราก็จะรับบังคับบัญชาสั่งสอนได้อยู่ สิงคสุนัขจิ้งจอกได้รู้อัธยาศัยแห่งช้างสารว่ายอมเช่นนั้นแล้ว ก็มีความดีใจจึงตอบว่า ถ้ากระนั้นข้าพเจ้าจะลาท่านกลับไปบอกแก่สัตว์ในป่าทั้งหลายให้ทราบก่อน จะได้ช่วยกันตระเตรียมจัดที่จะได้สมมตท่านขึ้นเปนนาย ทั้งที่กินอยู่ให้สมควรก่อน แล้วสิงคสุนัขจิ้งจอกก็ให้สุนัขจิ้งจอกทั้งปลายอยู่ด้วยช้างบ้างไปกับตนบ้าง แล้วรีบกลับมาที่หนองนั้น ชวนสุนัขจิ้งจอกกึ่งหนึ่งซึ่งแบ่งไว้นั้นเที่ยวหาที่แยบคายจะได้ลวงช้างกินโดยง่าย ก็ได้เห็นเกาะแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในกลางหนองใหญ่นั้น มีหล่มอันลึกโดยรอบ จึงบอกแก่สุนัขเหล่านั้นให้ข้ามไปอยู่ที่กลางเกาะ แล้วก็สั่งว่าเมื่อช้างสารมาถึงแล้ว ท่านทั้งหลายจงพร้อมกันหอนเห่าร้องให้กึกก้องครึกครื้นพร้อมกันขึ้น แล้วแลประชุมอยู่ในเกาะนี้เถิด สิงคสุนัขจิ้งจอกครั้นจัดการเสร็จแล้ว ก็กลับมาหาช้างสารจึงบอกว่า ข้าแต่พระยาช้างผู้เปนใหญ่ บัดนี้สัตว์ป่าทั้งหลายได้ประชุมพร้อมกันอยู่ที่เกาะซึ่งตั้งอยู่ในกลางหนองใหญ่นั้นแล้ว เกาะนั้นเปนที่ไชยภูมิเปนที่อยู่ของสัตว์ผู้ใหญ่มาแต่ก่อน สมบูรณ์ด้วยต้นไม้แลใบหญ้าทั้งท่าน้ำก็เรียบราบเปนอันดี หวังว่าจะสมมตท่านขึ้นเปนใหญ่ที่เกาะนั้น บัดนี้กุศลมาให้ผลแก่ท่านแล้ว ความเปนใหญ่ในสมบัตินี้ยากที่สัตว์จะพึงได้ แม้จะหาเงินทองของแก้วพัสดุต่าง ๆ ก็จะได้ง่ายกว่า เชิญท่านรีบไปโดยเร็วเถิด ช้างได้ยินคำสุนัขจิ้งจอกมาหลอกลวงดังนั้น ก็สำคัญว่าตัวจะได้เปนใหญ่จริง แล้วรีบมายังหนองใหญ่ สิงคสุนัขจิ้งจอกกับบริวารก็พากันแวดล้อมแห่ห้อมช้างสารมาโดยรอบ ครั้นถึงแล้วสุนัขจิ้งจอกทั้งหลายซึ่งคอยอยู่ที่เกาะนั้น สิงคสุนัขจิ้งจอกชี้บอกว่าเกาะซึ่งตั้งอยู่ที่กลางหนองโน้น ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ตระเตรียมไว้จะสมมตท่านขึ้นเปนใหญ่ในที่นั้น ขอเชิญท่านดำเนิรตามข้าพเจ้าลงไปเถิด แล้วสิงคสุนัขจิ้งจอกเดิรนำหน้าพาช้างสารลงไปในที่มีหล่มอันลึก ช้างผู้โฉดเขลาไม่พิจารณาดูโดยแยบคาย ก็ขมีขมันรีบลงไปด้วยความอยากจะเปนใหญ่ ก็ลงไปติดอยู่ที่หล่มอันลึกไม่อาจจะถอนตนขึ้นได้ สิงคสุนัขจิ้งจอกจึงร้องบอกแก่บริวารของตนทั้งหลายว่าท่านทั้งหลายจงมาเร็ว บัดนี้พระยาช้างผู้เปนนายของเราติดหล่มอยู่ไปไม่ได้แล้ว จงลงมาช่วยกันฉุดเชิญนายของเราขึ้นไปโดยเร็ว ฝูงสุนัขจิ้งจอกทั้งหลายก็ทำอาการปานประหนึ่งว่าจะช่วย บ้างก็หอนอยู่บนเกาะแล้วก็ยื่นหางลงมาร้องบอกว่า ท่านพระยาช้างจงฉุดหางของข้าพเจ้าขึ้นมาเถิด บ้างก็ลงมาทำโกยเปือกตม บ้างก็โดดขึ้นบนหลังช้างวิ่งขึ้นไปบนศีร์ษะแล้วก็ถ่ายมูตรรดตาช้างลงทั้งสองข้าง ช้างสารผู้โฉดเขลาก็มีจักษุบอดถึงความตายในที่นั้นสุนัขจิ้งจอกทั้งหลายก็ลงมากลุ้มรุมกันกินช้างสารเปนอาหาร

นิทานนี้ก็มีมาในคัมภีร์เปนตัวอย่าง เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงเตือนท่านสมันผู้เปนสหายให้เปนคติไว้ จันทรพุทธิสุนัขจิ้งจอกได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า แน่ท่านกา คำซึ่งท่านว่ามานั้นจริงอยู่แล้ว แต่ว่าท่านฟังเราก่อน เหล่าสัตว์ป่าทั้งหลายเปนหลายชาติหลายจำพวก ราชสีห์ผู้เปนมฤคราชนั้น มีเชื้อชาติเปน ๔ พวก คือเกสรสิงห์ ๑ บัณฑุสิงห์ ๑ ติณณสิงห์ ๑ บัณณสิงห์ ๑ เปน ๔ พวกเช่นนี้มิใช่หรือ ก็สิงห์ ๔ จำพวกนั้น มีชาติตระกูลแลความประพฤติก็ต่างกัน เกสรสิงห์นั้นเปนสัตว์ดุร้ายมีอำนาจมากย่อมแผดสำเนียงให้สัตว์อื่นตาย แล้วกินสมองศีร์ษะทั้งโลหิตเปนอาหาร ของซึ่งเหลือนั้นก็ทิ้งเสียไม่กลับมากินอีกเลย แม้จะกินอีกก็ย่อมแผดเสียงฆ่าสัตว์อื่นอีกต่อไป แต่สิงห์ ๓ จำพวกนอกนี้ ไม่ฆ่าชีวิตท่านกิน ถึง ๓ จำพวกนั้นเล่าก็ต่างกัน ปัณฑุสิงห์เมื่อพบปะมังสะที่เปนเดนท่านแล้วจึงกิน ถ้าไม่พบปะแล้วสู้อดหิวไปยังค่ำ แลติณณสิงห์นั้นไม่กินเนื้อสัตว์กินแต่หญ้าเปนอาหาร แลปัณณสิงห์นั้นหญ้าสดใบไม้สดก็ไม่กิน กินแต่ใบไม้แห้งเปนอาหาร แล้วรักษาศีล ๕ เปนเนืองนิตย์ แม้ต่างกันเช่นนี้เขาก็เล่าลือว่าวิสัยสิงห์แล้วย่อมฆ่าชีวิตท่านกินสดๆ ดังนี้ เมื่อจะว่าที่แท้แล้ว เกสรสิงห์จำพวกเดียวเปนผู้ฆ่าชีวิตท่านกิน ข้อความนี้ฉันใด แม้สุนัขจิ้งจอกทั้งหลายเล่าก็เหมือนกัน มีชาติตระกูลแลความประพฤติก็แปลกกัน สุนัขจิ้งจอกบางพวกก็ฆ่าชีวิตท่านกิน บางพวกก็กินแต่เนื้อหนังที่เปนเดนท่าน บางพวกก็กินหญ้าแลใบไม้เปนอาหารตั้งอยู่ในศีล ๕ แลสุนัขจิ้งจอกซึ่งเปนชาติเชื้อของเรานี้ ไม่ได้ฆ่าชีวิตท่านกิน ๆ แต่สัตว์ที่ตายแล้วเปนอาหารตั้งอยู่ในศีล ๕ ประการเปนเนืองนิตย์ อนึ่งชาติตระกูลของเรานี้ใช่ว่าจะเลวทรามต่ำช้าหามิได้ พระยาสุนัขจิ้งจอกผู้ได้ชื่อว่าสัปปะตาสะซึ่งได้รู้มนต์มหาปถวี ได้เปนใหญ่เปนนายราชสีห์ ช้าง เสือ แลสมัน เหล่าสัตว์ป่าทั้งปวงต้องอยู่ในอำนาจท่านทั้งสิ้น เรานี้เปนเหลนของสัปปะตาสะ พระยาสุนัขจิ้งจอกนั้นแลปู่ของเราก็ดี ตาแลบิดาของเราก็ดี จะได้ฆ่าชีวิตท่านนั้นหามิได้ เรานี้เปนเชื้อชาติสุนัขจิ้งจอกเปนผู้ดีสืบกันมาเช่นนี้ ตั้งอยู่ในยุติธรรม ไหนเลยจะฆ่าชีวิตท่านกินเล่า ท่านกาจงฟังคำเราว่าก่อน มนุษย์ทั้งหลายมีชาติวงศ์ชาติตระกูลต่างกัน แลความประพฤติก็แปลกกัน แต่ท่านที่เปนเชื้อกษัตริย์นั้น เปนผู้ประเสริฐกว่ามนุษย์ทั้งหลายตั้งอยู่ในยุติธรรมความสัตย์ เมื่อชาติตระกูลอื่น ๆ ทำผิดลเมิดต่อยุติธรรมแล้วก็ลงโทษตามความผิด ถ้าใครทำความชอบก็ปูนบำเหน็จยกย่องขึ้นตามสมควรแก่ความชอบ ท่านที่เปนเชื้อพราหมณ์นั้นเล่า ก็เปนผู้ประเสริฐในหมู่มนุษย์ตั้งอยู่ในศีลแลพรต รักษากายแลวาจาเปนอันดีมีจิตต์ปรานีในสัตว์ทั้งปวง แลมีสติปัญญาได้ศึกษาเล่าเรียนวิชามนต์แลพระคัมภีร์ต่าง ๆ สั่งสอนท่านในที่เปนประโยชน์ แลมนุษย์ที่เปนเศรษฐีนั้นเล่าได้ให้ทานเจือจานสงเคราะห์แก่ผู้อื่นด้วยพัศดุสิ่งของ ได้ประกอบการค้าขายเลี้ยงชีพ เหล่ามนุษย์ที่เปนไพร่นั้นได้ทำไร่นาแลเที่ยวจ้างทำการท่านเลี้ยงชีวิต แลมนุษย์จำพวกหนึ่งนั้น เปนเชื้อเนสาทแลนายประโมง ย่อมฆ่าชีวิตสัตว์มาเลี้ยงตนทั้งบุตรภรรยาเปนเนืองนิตย์ แม้มนุษย์ทั้งหลายเมื่อใครมีเชื้อวงศ์ชาติตระกูลเปนประการใดเคยประพฤติอย่างไร ก็ไม่ล้ำเชื้อสายแลกิจการที่ตนเคยประพฤตินั้นๆ เลย เหล่ามนุษย์ที่เปนนายพรานนายประโมงเคยฆ่าชีวิตท่านมาเลี้ยงชีพตนก็ดี หรือที่เปนโจรเคยปล้นสดมภ์ลักทรัพย์ท่านมาเลี้ยงชีพก็ดี มนุษย์เหล่านี้เปนผู้หยาบช้าลามก แม้จะแนะนำสั่งสอนชี้แจงคุณโทษตักเตือนเท่าไรก็ดี มักประพฤติตามเชื้อสายไม่ละปรกติตนเสียได้เลย แน่ท่านกา เราจะเล่านิทานสาธกความให้ท่านฟัง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ