พระราชปุจฉาที่ ๑

ว่าพระโคดมบรมโพธิสัตว เมื่อเปนพระเวสสันดรก็ดี พระเมตไตรยโพธิสัตวเมื่ออยู่ในชั้นดุสิตก็ดี ฤๅเมื่อจุติมาเกิดในมนุษย์ก็ดี จะรู้พระองค์ว่าจะได้ตรัสเปนพระพุทธเจ้าฤๅไม่

ศักราช ๑๐๓๗ เถาะศก ในวัน ๗ ๙ ค่ำ พระศรีศักดิ์ ฯ รับพระราชโองการสั่งให้เผดียงสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ว่า พระสมณะโคดมก็ดี พระเมตไตรยโพธิสัตวก็ดี ทั้ง ๒ พระองค์นี้ เมื่อชาติเปนพระมหาเวสสันดรนั้นก็ดี ยังรู้ว่าพระองค์จะได้ตรัสเปนพระฤๅมิรู้

อนึ่งพระเมตไตรยโพธิสัตวเมื่ออยู่ในดุสิตนั้น ยังรู้ว่าพระองค์จะได้ตรัสเปนพระฤๅมิรู้

อนึ่งพระเมตไตรยโพธิสัตวได้ตรัสเปนพระนั้นยังช้านานไป เมื่อจุติลงมาเกิดในมนุษย์นี้เล่า ยังจะรู้ว่าพระองค์จะได้ตรัสเปนพระฤๅมิรู้

แก้พระราชปุจฉาที่ ๑

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายพระพรว่า ในโสทตฺตกีมหานิทานว่า พระสมณโคดมเจ้า เมื่อเปนพระบรมโพธิสัตวนี้ มีจิตรยินดีในที่จะตรัสเปนพระพุทธเจ้าในประนิธานทั้ง ๓ ประการ เมื่อมโนประนิธานทั้ง ๗ อสงขัยนั้น ก็รู้ว่าอาตมาจะตรัสเปนพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล เมื่อวจีประนิธานทั้ง ๘ อสงขัยนั้น ก็รู้ว่าอาตมาจะตรัสเปนพระพุทธเจ้าให้ได้ จึงเปล่งวาจาในประนิธานทั้ง ๒ นี้ รู้แต่ว่าจะเปนพระพุทธเจ้าให้ได้สิ่งเดียวนั้น แลรู้ว่ายังช้านานสิ้นกาลเท่าใด จึงจะได้ตรัสเปนพระพุทธเจ้านั้นมิได้รู้

ประการหนึ่ง จะรู้ว่าจะได้ตรัสเปนพระพุทธเจ้าในกลัปชื่อนั้นๆ ก็ดี ก็มิได้รู้ ต่อเมื่อกายวจีประนิธาน แลได้ทำนายในสำนักพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ๒๔ พระองค์นั้น จึงรู้ว่าอาตมภาพได้ตรัสเปนพระพุทธเจ้าในเมื่อสิ้นกลัปเท่านั้นๆ ในภัทธกลัปนี้ ด้วยได้ฟังพุทธฎีกาตรัสทำนายนั้นจำเดิมแต่ได้ทำนายแล้วนั้น มิได้ลืมที่จะตรัสเปนพระพุทธเจ้า แม้นในชาดกทั้งปวงนั้นก็ดี ก็ยอมบำเพ็ญพระบารมีต่างๆ เพื่อจะตรัสเปนพระพุทธเจ้า แม้นบังเกิดในกำเนิดเปนเดียรฉาน ปานดุจเปนช้างฉัททันต์แลให้งาเปนทานแก่โสณุตรนั้น ก็ปราถนาแก่สรรเพ็ชญ์ดาญาณแลพระโพธิสัตวเกิดในกำเนิดใดๆ ก็ดี ย่อมรู้ว่าอาตมภาพจะเปนพระพุทธเจ้าทุกๆ กำเนิด แม้นเกิดในตระกูลเปนมิจฉาทิฐินั้นก็ดี แม้นได้คบหาด้วยปาปมิตรนั้นก็ดี แลได้เปนมิจฉาทิฐิแล้วก็ดี ก็ได้กระทำกรรมอันผิดตามตระกูลแห่งปาปมิตรนั้นแล้วก็ดี ครั้นเห็นโทษนั้นว่ามิชอบก็ย่อมกลับมาบำเพ็ญบารมีที่จะตรัสเปนพระพุทธเจ้านั้นดุจเดียว อันนี้เปนธรรมดาพระโพธิสัตวแล เมื่อเกิดเปนพระเวสสันดรนั้น สมภารบริบูรณ์ถ้วนกำหนดแล้ว พระปัญญาญาณแก่แล้วก็ยินดีในโพธิปาริจริยธรรม เหตุดังนั้น จึงรู้ว่าพระองค์จะได้ตรัสเปนพระพุทธเจ้าเที่ยงแท้ ครั้นประสูติจากครรภ์ก็ตรัสขอทรัพย์บำเพ็ญทาน เมื่อถึง ๘ พระชัณษาทรงพระดำริจะให้อัชฌัติกทาน แลบริจาคพระราชทานวันละ ๖ แสนทุกวัน แลช้างปัจจยนาคสัตตกมหาทาน แลบุตรบริจาคภริยาบริจาคนั้นก็ดี เปนอันสละมิได้คิดกินแหนง เหตุรู้ว่าจะได้ตรัสแก่สรรเพ็ชญ์ดาญาณเปนอันเที่ยงแท้ จึงตรัสพระราชโองการว่าสรรเพ็ชญ์ดาญาณนี้เปนที่รักแก่อาตมายิ่งกว่าบุตรทารนั้นได้ร้อยเท่าพันเท่าแสนเท่า

ประการหนึ่ง เมื่อทรงพระดำริว่าจะฆ่าพราหมณ์ให้ตายนั้น จึงทรงพระดำริห์ว่า อาตมานี้เปนภายในพระโพธิสัตวเจ้าทั้งหลายแล้วจะฆ่าพราหมณ์ให้ตายนั้นมิควร

ประการหนึ่ง เมื่อขอพรคำรบ ๘ ว่าอาตมานี้ ครั้นจุติจงไปบังเกิดในดุสิดาสวรรค์ ครั้นลงมาจากดุสิดาสวรรค์จงได้ตรัสเปนพระพุทธเจ้าเถิด มีพระราชโองการตรัสทั้งนี้ เหตุว่าพระองค์จะได้ตรัสเปนพระพุทธเจ้าจึงตรัสทั้งนี้

ประการหนึ่ง พระเมตไตรยโพธิสัตว เมื่อจะลงมาสร้างสมภารในมนุษย์โลกนี้ ก็รู้ว่าพระองค์จะได้ตรัสเปนพระพุทธเจ้า ดุจพระสมณโคดมนี้ดุจเดียว เหตุสมภารบริบูรณ์ ๑๖ อสงไขยยิ่งแสนกลัป แล้วแลจะได้ตรัสในภัทธกลัปนี้ แลชื่อว่าจิตรแห่งพระโพธิสัตวทั้งปวง ก็ย่อมผูกอยู่ในที่จะเอาสรรเพ็ชญ์ดาญาณให้ได้มิได้คิดถอยหลัง แม้นจะไหม้อยู่ในนรกสิ้น ๔ อสงไขยยิ่งแสนกลัปก็ดี ก็จะเสวยทุกข์นั้นและจะเอาสรรเพ็ชญ์ดาญาณให้ได้

ประการหนึ่ง แม้นมีผู้บอกว่าผู้ใดจะเปนพระพุทธเจ้า ผู้นั้นเหยียบเท่ารึงก็ดี เหยียบถ่านเพลิงก็ดี เหยียบภูเขาอันสุกเปนเปลวก็ดี ลุยน้ำทองแดงดุจโลหกุมภีนรกนั้นก็ดี เหยียบกรวดอันลุกเปนเปลวก็ดี หนามก็ดี คมกรดก็ดี เต็มทั้งแสนโกฏิจักรวาฬนั้นไปได้ไซ้ ผู้นั้นจึงจะได้เปนพระพุทธเจ้า แลพระโพธิสัตวก็มิได้กลัวทุกข์นั้น ก็จะเหยียบทั้งปวงนั้นไปให้ได้ จิตรพระโพธิสัตวทั้งปวงก็ย่อมเปนอันมั่นคงดุจนี้ เหตุดังนี้ จึงมิได้ลืมในที่จะเปนพระพุทธเจ้านั้นแล ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ