๑๑

ในบ้าน ‘ปราสาท’ จันทา โนนดินแดง ได้พบเห็นการแบ่งแยกผู้คนออกเป็นชั้นเจ้านายกับชั้นบ่าว และยังมีการจัดลำดับชั้นของพวกเจ้านายและพวกบ่าวอีก รวมทั้งได้พบเห็นความประพฤติและการเป็นอยู่อันแตกต่างกันในขนาดต่าง ๆ ระหว่างบุคคลเหล่านั้น ส่วนที่โรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์ เด็กชายชาวบ้านนอก ได้พบเด็กซึ่งมาจากที่ต่างๆ กัน จากที่สูงที่สุดและจากที่ต่ำที่สุด จากฟากฟ้าและจากบาดาล เด็กที่เป็นเจ้า เช่นหม่อมเจ้าศุภมงคล และเด็กที่มาจากหมู่บ้านที่แร้นแค้นและล้าหลังที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยเช่นตัวเขาเองได้มาเจอกันที่นี่ พร้อมกันนี้เขาก็ได้พบได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่นำความตื่นใจและความปราโมทย์มาสู่เขา

จันทารู้สึกว่ามันเป็นความมหัศจรรย์ของชีวิตที่เขาได้พบตนเองนั่งอยู่ในห้องเรียน แวดล้อมไปด้วยเด็กชายจากตระกูลผู้ดีชั้นสูง มันเป็นไปได้อย่างไรหนอ ที่เด็กชายผู้มีท่วงทีสง่างาม และมีนัยน์ตาคมระคนด้วยแววเศร้า ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะแถวหน้านั้นเป็นเจ้าชายจริงๆ มิใช่เจ้าชายในเทพนิยาย และเด็กชายหน้ามนคางบุ๋มผู้มีนัยน์ตาหวาน ซึ่งนั่งถัดเจ้าชายไปนั้นเป็นบุตรของท่านเสนาบดี ที่โต๊ะแถวที่สองมีเด็กชายหม่อมราชวงศ์ ซึ่งมีเป็นเจ้านายผู้ใหญ่ และมีชื่อเสียงจารึกอยู่ในพระราชพงศาวดาร ที่โต๊ะแถวที่สามมีเด็กชายหม่อมหลวงอิทธิพร บุตรท่านนายพลผู้มีนามกระเดื่อง ถัดไปอีกสองโต๊ะมีเด็กชายปิ่นแก้วบุตรท่านสมุหเทศาภิบาล เคียงข้างปิ่นแก้วคือเด็กชายวัชรินทร์ บุตรท่านอำมาตย์ผู้ใหญ่แห่งกระทรวงมหาดไทย และรอบ ๆ เด็กชายเหล่านี้ ก็ยังมีเด็กชายอีกหลายคนซึ่งมาจากตระกูลขุนนางทั้งนั้น จันทาเคยรำพึงว่าการที่เขาได้เข้ามาปะปนอยู่ในหมู่เด็กเหล่านี้ และถูกนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนที่มีเด็กเหล่านี้รวมอยู่ด้วยนั้น มันมิใช่ความฝันแน่หรือ

ถึงแม้จันทาจะรู้สึกว่าเขาได้เข้ามาอยู่ในท่ามกลางของหมู่เด็กจากตระกูลชั้นสูง ซึ่งมีความเป็นอยู่ห่างไกลกับเขาอย่างลิบลับ ราวกับว่าเป็นดวงดาวที่ทอแสงระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้าอันไกลโพ้น จนทำให้เขาบังเกิดความประหวั่นพรั่นพรึง และความเปล่าเปลี่ยวในบางครั้งบางคราวก็ดี แต่เขารู้สึกว่าบรรยากาศภายในโรงเรียนและภายในห้องเรียนของเขาอบอวลอยู่ด้วยความระรื่นชื่นใจบางประการที่เขาไม่เคยพบในคฤหาสน์ใหญ่อันเป็นที่พำนักของเขา ภายในโรงเรียนนี้ชีวิตของเขาได้สัมผัส กับสิ่งใหม่ ๆ ที่นำความปราโมทย์มาสู่เขา และได้ก่อเกิดความรักโรงเรียนขึ้นในจิตใจของเขา

ภายในบ้าน ‘ปราสาท’ เขาไม่ได้เรียนรู้สิ่งที่เรียกว่า ‘สิทธิ’ จากการใช้ชีวิตของเขาเลย แต่ในโรงเรียนเขาได้เรียนรู้มัน เขาอดคำนึงถึงความประหลาดใจที่เป็นข้อสำคัญข้อหนึ่งเสียมิได้ ภายในโรงเรียนนี้ที่เขาได้มาอยู่ปะปนกับกุลบุตรผู้มีฐานะแตกต่างห่างไกลกับเขาราวฟ้ากับดิน แต่เขาก็อาจจะทำอะไรได้ทุกอย่างเช่นเดียวกับเด็กทุกคน และเช่นเดียวกับหมู่ดวงดาวน้อย ๆ เหล่านั้นเหมือนกัน เขาได้เรียนได้เล่นได้ใช้สถานที่ของโรงเรียน และได้ชื่นชมชื่อเสียงเกียรติคุณของโรงเรียนโดยเท่าเทียมกับเด็กทุกคน สิ่งใดที่เขาถูกห้ามมิให้กระทำ เด็กอื่น ๆ ที่เป็นลูกผู้ดีชั้นสูงทุกคนก็ถูก ๆ ห้ามมิให้กระทำเหมือนกัน ถึงแม้เด็กทั้งหลายจะมาจากที่สูงและที่ต่ำแตกต่างกันมากมายเพียงใด แต่เมื่อได้เข้ามารวมอยู่ในชุมนุมของโรงเรียนนี้แล้ว เด็กทุกคนก็ได้สิทธิเสมอภาคกัน จันทาตื่นเต้นในความเสมอภาคข้อนี้ ก็เพราะเขาคิดไปถึงชีวิตภายในบ้าน ‘ปราสาท’ ที่เขาได้พำนักอยู่ภายในบ้านนั้นเขารู้จักแต่การแบกเอาไว้ซึ่งพันธะหน้าที่ เขารู้จักแต่การถูกเรียกใช้อย่างหัวซุกหัวซุนจาก ‘นาย’ คนนี้ คนนั้นและคนโน้น ส่วนการรื่นรมย์ชีวิตภายหลังการทำงานรับใช้อย่างหัวซุกหัวซุนแล้วเขาแทบจะไม่ได้ลิ้มรสเลย ความแตกต่างกันระหว่างการใช้ชีวิตในคฤหาสน์ใหญ่กับการใช้ชีวิตในโรงเรียนนั้น เขาเห็นได้แม้แต่ในความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับคุณวัชรินทร์เอง เขาได้เห็นว่าคุณวัชรินทร์เมื่ออยู่ที่โรงเรียนเป็นคนหนึ่ง และคุณวัชรินทร์เมื่ออยู่ที่บ้านเป็นอีกคนหนึ่ง คุณวัชรินทร์ที่โรงเรียนดูใกล้ชิดกับเขา คุณวัชรินทร์ที่บ้านช่างห่างไกลกับเขาเสียเหลือเกิน และดูเป็นเจ้านายของเขาอย่างแท้จริง ทั้งนี้มิใช่คุณวัชรินทร์ประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น แต่เพราะว่าผู้คนทางบ้านคอยปกป้องเขาไว้ในการดำรงชีวิตเช่นนั้น

เพราะเหตุว่าจันทาได้มาเรียนรู้ และได้รื่นรมย์สิ่งที่เรียกว่าสิทธิและความเสมอภาคจากการใช้ชีวิตของเขาเองภายในโรงเรียนนี้ ความรักโรงเรียนจึงได้ก่อเกิดแล้วก็งอกงามขึ้นภายในจิตใจของเขา เขามิได้คิดถึงสิ่งเช่นเดียวกันนี้สมัยที่ยังอยู่โรงเรียนเก่า ก็เพราะว่าที่นั่นไม่มีเด็กที่ต่างชั้นต่างฐานะกันอย่างลิบลับ เหมือนกับที่โรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์ ที่นั่นมีแต่เด็กยากจนคล้ายๆ กัน และที่นั่นไม่มีความสง่าภาคภูมิและชื่อเสียงเกียรติคุณอันใดที่เร้าใจให้เกิดความตื่นเต้นและเห็นเป็นสิ่งที่สูงสุดเอื้อม

การได้รับสิทธิและความเสมอภาคเท่าเทียมกับเด็กที่มาจากตระกูลชั้นสูงนั้น เป็นความหวานชื่นใจอันใหม่ที่เขาเพิ่งจะได้เชยชมเป็นครั้งแรกในชีวิต ณ โรงเรียนนี้ เมื่อนึกถึงฐานะของเขา ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่บ้าน ‘ปราสาท’ กับระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนในวันหนึ่ง ๆ แล้ว เขาก็เห็นได้อย่างแจ่มแจ้งว่ามันช่างต่างกันไกล ที่บ้าน ‘ปราสาท’ ตัวเขามีสภาพเหมือนกับผงคลีฝุ่นละออง แต่ที่โรงเรียนเขาถูกนับว่าเป็นนักเรียนคนหนึ่ง หรือสมาชิกคนหนึ่งของโรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์ เช่นเดียวกับหมู่ดวงดาวที่แจ่มจรัสของโรงเรียนนั้น เพราะฉะนั้นเขาจึงอดรู้สึกไม่ได้ว่าโรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์เป็นเหมือนสวรรค์ของเขายิ่งกว่าที่ใด และก็ควรจะเป็นสวรรค์ของเด็กทุกคนที่มีฐานะคล้ายคลึงกับเขา แต่ในเวลานั้นเขายังมิได้คิดว่า โอกาสที่จะไปสู่สวรรค์ของพวกเด็กๆ นั้นได้เปิดไว้ให้แก่เด็กจำพวกเขาด้วยหรือและมีเด็กพวกเดียวกับเขาสักกี่คน ที่ได้เดินทางเข้าไปในแดนสวรรค์นั้น

ฤดูการแข่งขันฟุตบอลระหว่างโรงเรียนต่าง ๆ ได้สิ้นสุดลง และทีมฟุตบอลรุ่นใหญ่ของโรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์ ชิงชัยได้โล่ชนะเลิศมาไว้ในครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์ในฐานที่ได้ครองความชนะเลิศมาสามปีติดกัน ทีมฟุตบอลรุ่นกลางได้เข้าแข่งขันรอบสุดท้าย เพื่อชิงความชนะเลิศแต่ปราชัย ทีมฟุตบอลรุ่นเล็กได้คะแนนเป็นที่สาม ความปราชัยของทีมรุ่นเล็กเกิดอุบัติเหตุที่นักฟุตบอลน้อยของทีมได้รับบาดเจ็บในระหว่างแข่งขันสองคน แต่ก็เป็นทีมที่ชนะน้ำใจประชาชนคนดู ในฐานเป็นทีมที่เล่นอย่างสะอาดที่สุด และรักษาทีมเวิร์คได้ดีที่สุด ท่านอาจารย์ ‘เจ้าคุณ’ ได้สวมกอดผู้เล่นในทีมน้อยนี้ทุกคน แม้ว่าการแข่งขันได้จบลงด้วยความปราชัย

เมื่อจันทาได้ใช้ชีวิตผ่านฤดูแข่งขันฟุตบอลในปีแรก เริ่มแต่ได้ฟังเทศนาเตือนใจและปลุกใจจาก ‘เจ้าคุณ’ ได้เห็นความเป็นระเบียบและความร่วมมือทั้งของครูและนักเรียน ในการซ้อมและในการเตรียมการต่าง ๆ ก่อนการแข่งขัน ได้เห็นความพร้อมเพรียงของบรรดานักเรียนที่ไปสนับสนุนนักกีฬาของเขา ได้ฟังคำสรรเสริญของประชาชนคนดูที่แสดงต่อนักกีฬาของเขา จนกระทั่งการแข่งขันได้ปิดฉากลง และทีมของโรงเรียนได้รับชัยชนะ และได้รับประชานิยมดังกล่าวข้างต้น จันทาก็ตระหนักว่า ความรักโรงเรียนความรักชื่อเสียงของโรงเรียน และความรักหมู่คณะซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคุ้นมาก่อน ได้งอกงามขึ้นมาภายในจิตใจของเขา และในขณะนั้นเขาก็เริ่มจะเข้าใจได้ลางๆว่า เหตุไฉนนักเรียนโรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์จึงพูดถึงความรักโรงเรียน ความรักหมู่คณะอย่างหนักแน่นจริงจังอยู่เสมอ และเหตุไฉนเขาจึงไม่ได้พบสิ่งที่น่าชื่นใจเช่นนี้ที่โรงเรียนเก่าของเขา แต่มันก็ยังเป็นความเข้าใจอันเลือนลางอยู่

อย่างไรก็ดี เมื่อเขาได้ผ่านชีวิตในโรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์ไปแล้วสามปี ได้รับความรู้และจัดเจนชีวิตทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนมามากพอ เขาจึงได้ค้นพบว่า อะไรเล่าที่ทำให้เด็กนักเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์รักโรงเรียนของเขา อะไรเล่าที่ก่อความสำนึกอันดีงามหลายอย่าง ให้แก่เด็กในโรงเรียนนี้ ซึ่งเด็กในโรงเรียนเล็กเช่นเด็กในโรงเรียนเขาไม่มี เขาค้นพบสิ่งเหล่านี้ได้จากความรู้สึกของเขาเอง ภายหลังเมื่อเขาได้ออกจากโรงเรียน ได้มีโอกาสศึกษาและประสบความจัดเจนชีวิตกว้างขวางออกไป เขาก็สามารถตอบปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ด้วยความมั่นใจ

ทำไมเด็กเหล่านี้จะไม่รักโรงเรียน จะไม่รักหมู่คณะของเขาเล่า โรงเรียนนี้สมบูรณ์ด้วยอุปกรณ์และโอกาสที่จะหว่านความรักลงในจิตใจของเด็กทุกคน โรงเรียนมีประวัติน่าภาคภูมิ โรงเรียนมีชื่อเสียงในการกีฬาและในความประพฤติของนักเรียน โรงเรียนอุดมด้วยความน่ารัก ใครบ้างจะไม่รักโรงเรียนที่อุดมด้วยความน่ารัก

แต่เมื่อหวนคิดไปถึงโรงเรียนเก่าของเขา โรงเรียนเล็ก ๆ ในวัด ใจคอของจันทาก็เหี่ยวแห้ง ที่นั่นจิตใจของเขายากที่จะได้สัมผัสกับความรักโรงเรียนและความรักหมู่คณะ เด็กส่วนมากก็เป็นเช่นเดียวกัน หากจะมีความรักโรงเรียนเกิดขึ้นในจิตใจของเด็กเหล่านั้นบ้าง ก็คงจะเป็นความรักที่แห้งแล้งจืดชืด หรือเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นชั่วครู่ชั่วยาม มิใช่ความรักที่สดชื่นซาบซึ้งและมั่นคง ดุจที่เด็กนักเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์ได้มีต่อโรงเรียนของเขา โรงเรียนเล็กในวัดดำรงอยู่โดยปราศจากความน่ารัก ไม่มีสิ่งซึ่งจะยึดเหนี่ยวน้ำใจเด็ก ไม่มีอุปกรณ์ที่จะหว่านความรักลงในจิตใจของเด็ก โรงเรียนไม่มีความชื่นชมจะให้แก่เด็ก ทั้งเด็กก็ไม่มีความชื่นชมจะให้แก่โรงเรียนและจะให้แก่กันและกัน พวกเขาแทบทั้งหมดมาจากครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่ของเขาต้องใช้เวลาแทบทั้งวันไปในการหาเลี้ยงชีพ ในท่ามกลางความชิงไหวชิงพริบ และเล่ห์ของการดิ้นรนเอาตัวรอด อันเป็นดอกผลของอารยธรรมแห่งนครหลวง ไม่มีเวลาจะฝึกหัดขัดเกลาความประพฤติของตัวเองและลูก การผจญกับความทุกข์ยากและขาดแคลนมักจะก่อเกิดความหงุดหงิด หัวเสีย และวาจาที่ไม่ไพเราะ เด็กๆ จากครอบครัวเหล่านี้เมื่อมาสู่โรงเรียน เขาก็คิดและกระทำตามสภาพแวดล้อมที่เขาพบเห็นเคยชินมากับชีวิตทางบ้าน และสภาพทางโรงเรียนซึ่งเป็นโรงเรียนเล็ก ๆ และเต็มไปด้วยเด็กยากจนเหมือนๆ กันก็ช่วยเขาได้เพียงเล็กน้อย นอกจากวิชาความรู้ตามหลักสูตรของโรงเรียนแล้ว พวกเด็กเหล่านี้แทบจะไม่ได้พบเห็นแบบอย่างที่ดีงามอันจะเป็นเครื่องส่งเสริมเพิ่มพูนความดีงามทางจิตใจกับเขาเลย ในระหว่างที่ปะปนคลุกคลีอยู่กับเด็กเหล่านี้ จันทาได้ยินได้ฟังแต่วาจาที่หยาบคาย ได้เคยคุ้นกับความคิดเห็นต่าง ๆ และความทรหดดื้อดึงอย่างไม่เข้าเรื่อง เนื่องจากเขาเหล่านี้ต้องผจญกับความยากจนอยู่เนืองนิจ และเมื่อไม่มีใครจะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ยากเหล่านี้ไปจากเขาได้ เขาจึงต้องแสวงหาทางช่วยตัวเอง โดยการรับเอาเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ ที่เขาได้พบเห็นความประพฤติของผู้ใหญ่รอบ ๆ ตัวเขา ที่เป็นชนจำพวกเดียวกับเขา เนื่องจากเขาไม่มีเครื่องเล่นสนุกบันเทิงอย่างที่เด็กจากตระกูลผู้ดีและมั่งคั่งมีกัน เขาจึงเลือกหาความบันเทิงใจตามที่เขาคิดขึ้นได้จากสิ่งแวดล้อมชีวิตของเขา บางทีเขาก็เลือกเอาการพนัน บางทีเขาก็เลือกการเล่นเกเรในรูปต่าง ๆ ที่เขาจะคิดค้นขึ้นได้ เด็กบางคนถึงกับเลือกเอาการขโมยเป็นส่วนหนึ่งแห่งการเล่นบันเทิงใจของเขา เขาเหล่านั้นจึงมีเรื่องราวที่โลดโผนโจนทะยาน เต็มไปด้วยเล่ห์กลโกงคุยกันอยู่เสมอ เวลาที่เขาพูดคุยกันถึงเรื่องราวของความรักของโรงเรียนนั้นนับว่าหาได้ยาก เมื่อว่างจากการเล่นสนุกและการคุยกันถึงเรื่องที่พิสดารต่าง ๆ แล้วเขาก็คุยกันถึงความทุกข์ยากขาดแคลนที่เป็นของประจำชีวิตของเขา

เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จันทาได้เล็งเห็นว่า การที่เด็กยากจนเหล่านี้ขาดความรักโรงเรียน หรือความรักหมู่คณะขาดสมบัติผู้ดี ขาดความน่ารักและความดีงามอื่น ๆ นั้นหาได้เกิดจากสันดานอันชั่วช้าของเขาไม่ หากเกิดจากเขาขาดโอกาสที่จะรับเอาสิ่งดีงามเหล่านี้บรรจุลงไว้ในจิตใจของเขา สภาพแวดล้อมชีวิตของเขาทั้งทางบ้านและทางโรงเรียนได้ขีดวงความรู้สึกนึกคิด ตลอดจนระดับแห่งศีลธรรมของเขาไว้ และมันมิใช่ของง่ายเลยที่เขาจะดิ้นให้หลุดออกจากวงล้อมอันนี้ และมันก็มิใช่ความผิดของเขาที่ดิ้นให้หลุดออกมาไม่ได้ หากว่าสภาพแวดล้อมชีวิตของเด็กยากจนเหล่านั้นได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ หากว่าเขาเหล่านั้นได้มีโอกาสเช่นเดียวกับนักเรียนโรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์แล้ว เขาก็คงจะมีความรักโรงเรียนความรักหมู่คณะ และคุณงามความดีอื่นๆ ทำนองเดียวกับนักเรียนของโรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์เหมือนกัน และหากว่าเขาเหล่านั้นได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนจนถึงชั้นสูง ๆ แล้ว เขาก็จะเป็นพลเมืองดีของชาติได้เหมือนกัน จันทาระลึกได้ถึงเด็กบางคนซึ่งแม้ว่ากิริยาของเขาจะหยาบคายแต่ก็มีความกล้าหาญ หากว่าความกล้าหาญของเขาได้ถูกชักนำไปในทางที่ถูกต้อง แทนที่จะถูกนำไปในทางเกกมะเหรกเกเรตามสภาพแวดล้อมชีวิตของเขาแล้ว จันทาไม่สงสัยเลยว่าเขาจะเติบโตเป็นพลเมืองชั้นนำคนหนึ่ง จันทาระลึกได้ถึงเด็กบางคนซึ่งมีความใฝ่ดี และปรารถนาจะไต่บันไดชีวิตไปสู่ชั้นสูงเช่นเดียวกับตัวเขา แต่มิได้รับการส่งเสริมดังที่ตัวเขาได้รับ ในที่สุดความใฝ่ดีที่ลอยคอกระเดือกอยู่ในมหาสมุทรแห่งความทุกข์ยากที่แลไม่เห็นฝั่งก็ค่อย ๆ อ่อนเปลี้ยลงและจมหายไป เมื่อจันทาเติบโตเป็นผู้ใหญ่และได้เรียนรู้ความจริงแล้ว และเมื่อได้หวนคิดถึงสหายผู้ยากจนของเขาเหล่านี้ขึ้นมาแล้ว เขาก็มีแต่ความเหี่ยวแห้งใจ เขาไม่มีข้อตำหนิติเตียนที่จะปรักปรำสหายของเขามีแต่ความเห็นใจอันลึกซึ้ง

ในขณะที่ยังเรียนหนังสืออยู่นั้น ดูเหมือนจันทาจะมิได้เคยคิดถึงปัญหาที่ว่า โรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์ได้ความน่ารักและชื่อเสียงนานาประการมาจากไหน ต่อเมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ปัญหาข้อนี้ได้ผุดขึ้นในหัวของเขา และคำตอบที่เขาค้นพบก็คือโรงเรียนได้ชื่อเสียงนานาประการ เพราะว่าโรงเรียนสมบูรณ์ด้วยเครื่องมือที่นำไปสู่ชื่อเสียงเหล่านั้น โรงเรียนมีสนามกีฬาใหญ่ มีอุปกรณ์ฝึกฝนการกีฬาทุกประเภทอย่างครบครัน และมีครูผู้ฝึกสอนที่สามารถ โรงเรียนมีห้องทดลองวิทยาศาสตร์ และห้องสมุดที่ทันสมัย โรงเรียนมีอาจารย์ชาวต่างประเทศสำหรับสอนภาษาต่างประเทศโดยเฉพาะ มีครูอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญวิชาต่าง ๆ ครบถ้วน มีอาจารย์ผู้ใหญ่เช่น ‘เจ้าคุณ’ ซึ่งคอยตรวจตราความไร้สมบัติผู้ดีที่อาจจะตกหล่นอยู่ตามกิ่งไม้ใบหญ้า และในที่สุดมีนักเรียนที่มาจากตระกูลผู้ดีและมั่งคั่ง สิ่งเหล่านี้แหละคือปัจจัยที่นำชื่อเสียงมาสู่โรงเรียน และทำให้โรงเรียนอุดมด้วยความน่ารัก ชื่อเสียงและความน่ารักของโรงเรียนก่อเกิดความรักของนักเรียนต่อโรงเรียนและต่อหมู่คณะของเขา ความรักโรงเรียนและความรักหมู่คณะก่อเกิดความดีงามอื่น ๆ

ความสมบูรณ์และโอกาสที่จะหว่านความรักลงในจิตใจของนักเรียนเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ได้มาด้วยการจ่ายเงินทองซื้อหา โรงเรียนจะมีอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้ หากโรงเรียนไม่มีเงินจะจ่าย แต่โรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์สามารถจะมีสิ่งเหล่านี้ เพราะโรงเรียนเก็บค่าเล่าเรียนสูง เหตุฉะนี้เด็กที่จะเข้าสู่สำนักศึกษาแห่งนี้ได้ ส่วนมากจึงเป็นเด็กที่พ่อแม่อยู่ในฐานะมีอันจะกิน มั่งคั่ง และเป็นเด็กดีมีตระกูล และนี่ก็เท่ากับเป็นการคัดเลือกแต่เฉพาะเด็กบางกลุ่มเท่านั้น

บรรดาสหายนักเรียนผู้ยากจนในโรงเรียนของเขานั้น ย่อมไม่มีโอกาสจะเข้ามาใช้ชีวิตในโรงเรียนที่มีคุณลักษณะเช่นโรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์นี้เลย และสวรรค์ของพวกเด็ก ๆ ที่จันทาเคยคำนึงถึงในวัยเยาว์ ซึ่งเขาหมายถึงโรงเรียนที่อยู่ในมาตรฐานชั้นดี รวมทั้งโอกาสที่เด็ก ๆ จะได้เล่าเรียนจนถึงชั้นสูง ๆ นั้น ย่อมไม่มีประตูเปิดไว้สำหรับต้อนรับเด็กผู้ยากจน เพราะว่าประตูนั้นจะเปิดออก ก็ต่อเมื่อถูกไขด้วยกุญแจเงินกุญแจทอง ซึ่งพ่อแม่ของเด็กเหล่านั้นไม่มีกุญแจชนิดนั้นจะไขให้ลูกของเขา

จากความจัดเจนชีวิตในวัยเด็กที่ได้ปะปนคลุกคลีมาทั้งหมู่เด็กชั้นต่ำและเด็กชั้นสูง รวมทั้งในหมู่เด็กชั้นกลาง เพราะความจัดเจนที่ได้มาจากโรงเรียนเล็ก ๆ ของเด็กที่ยากจน และโรงเรียนที่ทรงศักดิ์ของเหล่ากุลบุตรลูกผู้ดี จันทาก็ได้ตระหนักว่าเด็กทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเด็กมาจากครอบครัวชั้นไหน มิได้มีสันดานเป็นผู้ดีและเป็นผู้ร้ายมาแต่กำเนิด ความดีและความร้ายนั้นในส่วนสาระสำคัญ เด็ก ๆ ได้รับมาจากสภาพแวดล้อมชีวิตของเขา เด็กยากจนในโรงเรียนวัดของเขาย่อมจะรู้จักความรักในโรงเรียน ความรักหมู่คณะอย่างมิต้องสงสัย หากว่าโรงเรียนของเขาจะอุดมไปด้วยความน่ารัก เช่นโรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์ เด็กเหล่านั้นย่อมจะรับเอาความดีงามต่าง ๆ บรรจุไว้ในจิตใจของเขาได้ หากว่าเขามีโอกาสที่จะเรียนรู้มัน และหากสภาพแวดล้อมชีวิตของเขาจะได้เปลี่ยนแปลงไปในทางส่งเสริมให้เขาเข้าไปใกล้ชิดกับมัน เด็กยากจนเหล่านั้นมิใช่ว่าจะเกิดมาพร้อมด้วยจิตใจที่แข็งกระด้าง จิตใจของเขาย่อมพร้อมที่จะต้อนรับความรักและบำรุงความรักนั้นให้งอกงามจำเริญขึ้นได้โดยไม่มีที่สิ้นสุด เช่นเดียวกับเด็กในครอบครัวที่มั่งมีศรีสุขเหมือนกัน ความคิดร้ายของเขามิใช่เป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เพียงแต่ว่ามันย่อมเปลี่ยนแปลงได้โดยยาก เมื่อชีวิตของเขาต้องจมอยู่กับสิ่งแวดล้อมอันต่ำช้าซึ่งเขาไม่อาจดิ้นให้หลุดออกมาได้ เมื่อรำลึกถึงความจริงข้อนี้แล้ว จันทาก็ปรารถนาจะให้เด็กทุกคนควรจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีและมีโอกาสอันเท่าเทียมกันที่จะแสวงหาความดีงามให้แก่ชีวิต ถ้าได้รับโอกาสอันเท่าเทียมกันแล้ว เขาเชื่อว่าเจ้าแตนมิตรแก่นแก้วเกกมะเหรกของเขาจะถูกปั้นให้เป็นนักรบที่เก่งกาจได้ยิ่งกว่าหม่อมหลวงอิทธิพร แม้ว่าเจ้าแตนจะไม่มีพ่อเป็นนายพล แต่ในที่สุดเขาก็ประจักษ์ว่า มีแต่เด็กเพียงส่วนน้อยนิดที่ได้รับโอกาสอันประเสริฐเช่นนั้น ในขณะที่เด็กส่วนมากมายมหึมาถูกปล่อยให้เผชิญไปตามยถากรรม และในท่ามกลางความมืดมน

การที่กล่าวว่า จันทามีความชื่นชมอันใหญ่หลวงในสิทธิและความเสมอภาคที่เขาได้รับจากโรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์นั้น ก็มิได้หมายความว่าจันทาได้พบเห็นการปฏิบัติด้วยความเสมอภาคกันหมดจดไปทั้งหมด ความจริงเขาได้พบเห็นความลำเอียงแทรกอยู่ในการปฏิบัติบ่อยครั้ง อย่างไรก็ดีการพบเห็นความลำเอียงเหล่านี้ หาได้ก่อความขมขื่นในดวงใจอันเต็มไปด้วยความสงบเสงี่ยมของเขาไม่ ความลำเอียงไม่เที่ยงธรรมที่เขาได้พบในการปฏิบัติของครูบาอาจารย์บางคนได้กลับมาเป็นคุณประโยชน์แก่เขา เมื่อเขาได้เล่าเรียนสูงขึ้น และจนกระทั่งเขาได้ออกไปจากโรงเรียนไปแล้ว สิ่งนี้ได้ช่วยก่อเกิดความคิดในทางวิพากษ์วิจารณ์แก่เขา อันนับว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญยิ่งข้อหนึ่งที่เขาได้มาจากโรงเรียนนี้ ความลำเอียงที่เขาได้พบเห็นมาในโรงเรียนเทเวศร์รังสฤษดิ์และในที่อื่น ๆ อีก ได้นำให้เขาก้าวล่วงออกมาเสียจากความหลงเชื่องมงายแต่ก่อนเก่า และนำเขาให้ไปพบกับความจริงอันน่าชัง เช่นความกลับกลอกหลอกลวง ความอาสัตย์อาธรรม และความเบียดเบียนข่มขู่นานาประการระหว่างเพื่อนมนุษย์ที่ปกคลุมไว้ด้วยหลักการที่ดูดีงาม

ในระหว่างที่จันทาเรียนอยู่ในชั้นมัธยมปีที่ห้านั้นได้มีเหตุวิปโยคขึ้นแก่มิตรรักของเขา เซ้งได้เดินออกจากโรงเรียนไปด้วยความละห้อยสร้อยเศร้า ณ โรงเรียนนี้ จันทาได้ร้องไห้สองครั้ง เขาร้องไห้ครั้งแรกเมื่อเซ้งได้จากเขาไป

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ