พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓๗

ถนนเมืองฮอมเบิค

ถนนเมืองฮอมเบิค

คืนที่ ๑๖๔

เมืองฮอมเบิค

วันศุกรที่ ๖ กันยายน ร. ศก ๑๒๖

หญิงน้อย

เมื่อคืนนี้ค่อยสบายดี นับว่าอาการเรียบขึ้นมากแล้ว วันนี้ตอนข้างเช้าอากาศค่อยยังชั่วขึ้นสักหน่อย แต่พึ่งค่อยสบายใหม่จึงยังไม่ได้ไปอาบน้ำ พอตกกลางวันอากาศก็ครึ้มไปใหม่ ออกเบื่อที่เต็มที คิดจะไปเที่ยว ดุ๊กเปนหมอดูว่าฝนจะไม่ตกจนทุ่มหนึ่ง พอขึ้นรถโมเตอร์คาร์ออกไปประเดี๋ยวหนึ่งฝนก็ลง แต่ลงน้อยๆ ในเมืองฝรั่งนี้ถ้าใครมาท้าทำนายเรื่องฝนสัญญาขี่สิงโต[๒๒๒] เปนต้องขี่จริงๆ เพราะฝนตกไม่มีมูลไม่มีที่สังเกตอะไรได้ ถ้านึกจะไปไหน จะคอยให้ฝนหายแล้วอย่าได้ไปเลย ชาวเมืองเขาชินกันกับฝน ตกก็ตกไป ทำอะไรก็ทำเรื่อยอยู่เสมอ นึกจะไปไหนก็ไป อย่างดีก็กางร่มเสียหน่อย ถ้าเปนคนธรรมดาก็ไม่ต้องกาง ไปทั้งฝนได้ ก็ไม่เปียกอะไรนักหนา ที่สุดจนวันนี้ ชาวบ้านกำลังนั่งกินเข้ากันอยู่กับลูกหลานเล็กๆ น้อยๆ กลางแจ้ง ฝนตกลงมาก็นั่งกินเฉยเหมือนไม่ได้ตก ทางไปไม่ช้าประมาณสักครึ่งชั่วโมงก็ถึงเมืองแฟรงก์เฟอต เที่ยวดูตามร้านสองสามร้าน แล้วขับรถเล่นออกมาเดินนอกเมือง ซึ่งเขาทำสวนหว่างถนนที่ตัดใหม่ มีที่สำหรับจะปลูกตึก ปลูกขึ้นแล้วบ้าง ที่ยังว่างอยู่มาก ในเมืองนั้นเราจะลงเดินเล่นไม่ได้ เพราะคนในเมืองแฟรงก์เฟอตกระด้าง ไม่ใคร่เหมือนเมืองอื่นๆ ถ้าจะดูแล้วตอมดูไม่มีกิริยา เหตุด้วยคนในเมืองเปนแขกยิ้วมาก ระยะทางห่างกันกับฮอมเบิคเพียงครึ่งชั้วโมงเท่านั้น แต่ราษฎรแปลกกันทีเดียว ที่นี่เรียบร้อยดีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ที่นั่นจนชั้นเด็กๆ ก็ปีนป่ายร่ายไม้อยู่ข้างทาง รถผ่านไปเอาลูกไม้ปา เปนรองอิตาลีอยู่หน่อยเพียงไม่โดดขึ้นเขียนท้ายรถ น่าสงไสยว่าคนที่ไม่ได้มา ฟังแต่เขาเล่า จะมินึกว่าฝรั่งมันแต่งตัวอย่างมิสเตออะไรหรูๆ ในเมืองเราฤๅ ที่จริงนั้นเขาแต่งไปออกหน้าออกตาเพราะเปนคนค้าขาย ถ้าคนพลเมืองแล้วไม่มีอะไรแต่ง มีแต่เสื้อเชิ้ดกับกางเกง บางทีก็มีเสื้อกั๊ก บางทีก็มีเสื้อชั้นนอกไม่มีเสื้อกั๊ก เรื่องฅอเสื้อผ้าผูกฅอแล้วอย่าได้ถาม มีน้อยนักเสื้อผ้าเขียวเหมือนเสือเชิ้ด ปล่อยชายออกมาข้างนอกสำหรับคนทำงาน หมวกก็หมวกแก๊บฤๅหมวกสักหลาด ดำเก่าคร่ำไปทั้งตัว ผู้หญิงสวมเสื้อยาวตลอด รัดเอว เก่าอยู่แล้ว ยังต้องมีเสื้อกั๊ก ผ้าขาวหุ้มข้างนอกโดยมาก ยิ่งเด็กแล้วยิ่งคะยู่คะยี่เต็มที ทั้งผู้หญิงผู้ชาย การแต่งตัวไม่มีแต่งให้งามเลย แต่งกันร้องกันเย็นเท่านั้นจริงๆ ไม่ผิดอะไรกันกับเจ๊กทำงาน ต่างแต่เพียงเจ๊กทำงานในเมืองเรามันเปนเมืองร้อน ถอดเสื้อเสียบ้าง ถ้าหากว่าเมืองฝรั่งร้อนเหมือนเมืองเรา ชั้นพลเมืองก็เห็นจะใส่เสื้อน้อย คนเราที่มาเที่ยว มักมาเที่ยวกันแต่ในเมืองหลวง แลมักจะดูจะพูดถึงแต่ชั้นผู้ดีผู้ดี ไม่เห็นฤๅไม่ใคร่จะดูแลพูดถึงคนชั้นเลวๆ เสียงมันจึงได้ดังหรูมากไป สังเกตได้ว่า แต่คนที่มามาด้วยกันยังไม่ใคร่สังเกตเห็น ใช่ว่าจะไม่เห็น เวลามาตามทางรถไฟก็เห็น แต่มันผ่านเรวๆ แลไม่ใคร่สังเกตเองเท่านั้น ขากลับฝนไม่ตก ไปอยู่ไม่ถึงชั่วโมง กลับมาไม่ทันค่ำ เมืองแฟรงก์เฟอตนี้ได้เล่าแล้ว เพราะฉนั้นไม่ควรจะเล่าซ้ำ

ช่างถ่ายรูปที่เมืองเบอลินเขียนรูปทับรูปถ่ายขนาดใหญ่มาให้ดู เพื่อจะขออนุญาตพิมพ์เข้าไปขายกรุงเทพฯ เขาเขียนดีมาก แต่ที่จะทำพิมพ์ไม่แน่ว่าจะทำใหญ่เท่านั้นฤๅไม่ เขากลัวจะขายยาก แลจะขายไม่หมด เขาอาจจะทำได้ราคาถูก เขาได้เคยพิมพ์รูปเอมเปอเรอหมื่นแผ่น ขายราคาได้แผ่นละ ๒๘ มาร์ก รูปขนาดนั้นถ้าใช้ติดที่ว่าการต่างๆ จะงามดีมาก กลัวจะไม่ได้ทำ เอเยนต์นั้นก็คือห้างบีกริมนั้นเองลอตซเปนชาวเมืองนี้ อยู่ที่นี่เสมอ นั่นเปนตัวเอเยนต์ มาคราวนี้พบพวกคนค้าขายในเมืองเราหลายแห่ง ไปเจอเขาที่เมืองเขาอยู่ร่ำไป ที่จริงคนในเยอรมนีรู้จักเมืองไทยไม่สู้น้อยนัก

คืนที่ ๑๖๕

วันเสาร์ที่ ๗ กันยายน

เมื่อคืนนี้เห็นว่าสบายขึ้นจึงลงไปกินเข้าที่โต๊ะ ถูกอาหารหนักเข้า กลับมารู้สึกว่าเต็มอยู่ในอก แต่นอนก็หลับง่าย แต่ไม่สนิท รู้สึกหายใจขัดข้องแลเต็มล้นที่ฅอปวดหลัง กิริยาบอกว่าจะจุกอย่างเช่นเมื่อมาคราวก่อน กินน้ำมันสระแหน่ก็สงบให้ประเดี๋ยวเดียว จะทาก็ไม่พอ หมด ประดักประเดิดต่างๆ หลับไปได้อิกทอดหนึ่ง ตื่นขึ้นมาคราวนี้ใส่ใหญ่ ต้องกินยาอิกขนานหนึ่งจึงได้ถอย จนวันนี้อยู่ข้างจะอ่อนใจ เวลาบ่ายอากาศดี ได้พยายามไปเดินที่ในป๊ากเปนอันมาก เดินช้าๆ ก็ไม่เปนไร เดินเรวหน่อยก็เหนื่อย เพราะลมมันขึ้นมาจุกอยู่ที่อก ได้ลองจนกระทั่งช่วยตาแก่โกยหญ้าส่งขึ้นบรรทุกเกวียน ก็ทำได้แต่ว่ารู้สึกเหนื่อย เดินไปนั่งไปเกือบจะทั่วป๊ากจริงๆ เห็นไม่มีคุณอะไรจึงได้กลับ วันนี้เปลี่ยนอาหาร กินแต่ซุปค่นกับขนมปังทอด เพื่อจะให้เบาบางทีจะค่อยยังชั่วได้กระมัง ยังรู้แน่ไม่ได้ ถึงจะกินอาหารที่เปนของหนักอย่างใดก็ไม่มีคุณอะไร มีแต่ให้โทษ เพราะไม่รู้สึกอร่อย เปนแต่ลงไปแน่นเฟ้ออยู่อย่างเดียว

คืนที่ ๑๖๖

วันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน

วันนี้รู้สึกว่าเปนบิด จนถึงมีปวด เมายาเต็มทีเลยนอนเปียกอยู่กับที่ ต้องเลิกอาหารที่แขงๆ ต้มซุปกินเอง เพราะซุปที่ครัวต้มกินไม่ได้เปนมันเลี่ยนคลื่นเหียน แต่ลุกขึ้นต้มก็ไม่ใคร่จะได้ ตั้งหัวไม่ใคร่จะตรง กินเย็นแล้วอาหารไม่อยู่ รู้สึกความลำบากเปนที่สุด ไม่เคยเช่นนี้เลย รายงานวันนี้จึงจะเอาสมประดีอะไรไม่ได้

คืนที่ ๑๖๗

วันจันทร์ที่ ๙ กันยายน

เมื่อคืนนี้หลับซึมๆ เรื่อยมาจนกระทั่งวันนี้ ที่เปนบิดยังไม่หาย แต่ไม่ปวด อ่อนเพลียมาก ครั้นเวลาบ่ายได้ออกไปเดิน กลับมาอ่อนเพลียแลง่วง วันนี้นับว่าค่อยยังชั่วขึ้น มีอะไรจะเขียนต่อไปอิกก็ได้ แต่ว่าไม่สดวกใจ ยังไม่นึกอยากจะเขียน

คืนที่ ๑๖๘

วันอังคารที่ ๑๐ กันยายน

วันนี้ค่อยยังชั่วขึ้นกว่าวานสักหน่อย แต่กินเข้ายังไม่ได้ จรูญพาช่างปั้นมาปั้นรูปสอบ แก้ไขติเตียนกัน ตกลงเอาเปนใช้ได้ ดุ๊กว่าตั้งแต่เห็นคนปั้นรูปมา ไม่มีเหมือนเช่นคราวนี้ แต่จะให้เหมือนทีเดียวยาก เพราะปั้นโตกว่าตัว เหมือนอย่างคนจะเขียนไม้ขีดไฟให้เหมือนเท่าใดก็ดี แต่ขยายส่วนให้โตขึ้น คงเห็นไม่เหมือน นั่งอยู่จนเย็นจึงได้ออกไปขี่รถ ไปทางในป่าเชิงเขา แล้วจึงอ้อมกลับมา มาถึงกินอะไรก็ไม่ใคร่จะได้ จุบๆ จิบๆ ยังไม่บริบูรณ์ดี วันนี้ตาอ้นตกลงได้ซื้อแหวนเพ็ชร เอามาอวด รูปร่างเหมือนไพ่ มีเพ็ชรใหญ่สองเม็ดแลเพ็ชรรอบ ล้อตาอ้นเรื่อยไปจนดึกไปหน่อย

เมืองวิสบาเดน

เมืองวิสบาเดน

คืนที่ ๑๖๙

วันพุฒที่ ๑๑ กันยายน

เมื่อคืนนี้เปนวันแรก ตั้งแต่กินยา ไม่ได้เต้นในท้อง เวลาบ่ายวันนี้จึงได้คิดไปเที่ยวเมืองวิสบาเดนด้วยรถโมเตอคาร์ เมืองวิสบาเดนเปนเมืองใหญ่บังคับฮอมเบิค ฮอมเบคขึ้นวิสบาเดน เปนเมืองที่อาบน้ำ เลื่องฦๅมาแต่ปางก่อนช้านาน พ่อได้เคยไปคราวก่อนนี้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่คราวนี้มีแปลกขึ้น ที่คัวรเฮาส์ทำใหม่ ที่จริงก็ใหญ่โตมากฝีมือทำก็งามดี เว้นไว้แต่ดูหนักไนยตาอยู่สักหน่อยหนึ่ง ลักษณฝีมือช่างอย่างเยอรมัน มีฮอลสำหรับคอนเสิตใหญ่น้อยอยู่ในนั้นพร้อมที่คัวรเฮาส์เก่าก็ยังคงมีโรงลครแลที่นั่งอยู่เหมือนกัน วางแผนที่เปนสามหลัง คัวรเฮาส์เก่าสกัดอยู่ด้านหลัง มีหลังยาวอยู่ด้านน่าข้างละหลัง เหมือนอย่างตำหนักวัดบวรนิเวศ ในหว่างตึกสามหลังนั้นเปนสวนแลน้ำพุรักษางามดีมาก หลังยาวข้างน่าสองหลังนั้นใช้เปนร้านขายของ ลักษณเดียวกันกับเมืองบาเดนบาเดน แต่ที่บาเดนบาเดนเปนโรงสังกสี ที่นี่เปนตึกใหญ่ตั้งร้านครึ่งหลัง เหลือเปนทางเดินครื่งหลัง ร้านเหล่านั้นก็เปนของที่ตั้งใจจะหามาให้มีทุกอย่าง คือเครื่องเล่นเฉภาะที่อย่างขึ้นพระบาท เปนเครื่องเก๊, เครื่องแก้ว, รูปเขียน, ปอสเลน, เครื่องโมรา, ผ้า, ลูกไม้ผ้า, เกือก, หนัง, ตุ๊กตา, นาฬิกา, มีของสวิสมีคนสวิสมาขายหลายสิบร้านอยู่ ได้ไปกินน้ำชาที่คัวรเฮาส์ ซึ่งด้านข้างหลังเปนสวน มีสระมีแตรเล่นสองวง คนประชุมเปนอันมาก ได้เห็นเขาเตรียมจะจุดไฟ แลจะเล่นน้ำพุสี แต่ไม่ได้ลงไปกินข้างล่าง เขาว่าคนแน่น จัดให้กินที่ชลาชั้นบนของคัวรเฮาส์ ซึ่งแลลงไปเห็นข้างล่าง ดูเขาช่างรู้รวดเร็วจริงๆ รถของเราที่ใช้อยู่เขาใช้ธงสแตนดาด เหมือนกันกับรถพระที่นั่งเอมเปอเรอ เวลาที่จะไปวันนี้พ่อให้เอาธงลงเสีย เพื่อจะไปเที่ยวเล่นเงียบๆ แต่พอรถไปถึง พนักงานคัวรเฮาส์ก็ลงมารับ เหมือนกับเขารู้อยู่แล้ว ใช่แต่เท่านั้นเดินเชือนแชอยู่ข้างล่างประเดี๋ยวหนึ่ง เห็นธงช้างขึ้นไปกองอยู่บนหลังคาแล้ว พอตั้งหน้าว่าจะไปที่คัวรเฮาส์ ธงข้างก็ขึ้นอยู่บนยอดคัวรเฮาส์ พอไปถึง เจ้าพนักงานก็รับนำน่าเปนแถว กันผู้กันคนเสร็จ คนดีเหมือนอย่างที่ฮอมเบิคนี้เหมือนกัน ไม่ได้วิ่งตามดูเกรียวกราว ยืนคำนับอย่างเรียบร้อยตลอด เวลากลับลงมา แห่กันลงมา มีคนดูแน่น เปนพระราชาลงมา พอถึงกระไดพอพ้นกระไดมาแล้ว ไม่มีผู้คนตามดูแลอะไรเลย เฉยเหมือนคนธรรมดา น่าเที่ยวสบายจริงๆ ตามถนนมีร้านมาก แต่พ่อไม่ได้แวะแห่งไร ขึ้นรถเที่ยวดูเมือง เมืองนี้ดีกว่าบาเดนบาเดนหลายอย่าง ตึกที่เปนร้านขายยองฤๅเปนวิลลาทำงามๆ ที่นั้นเปนแอ่งอยู่ในหว่างเนินเขา เรือนสลับกันขึ้นไปบนเขาที่วิลลาต่างๆ น่าอยู่นัก มีสวนแลต้นไม้งามๆ ทั่วไปทุกหนแห่ง ถ้าจะว่าข้างหาของใช้สอยฤๅเล่น เห็นจะหาง่าย ร้านตลาดครึกครื้น แลเห็นได้ว่าเปนเมืองที่ได้ตั้งมาเก่าติดแล้วบริบูรณ์ เมืองฮอมเบิคนี้ นานไปก็คงจะเปนเช่นนั้น เหตุด้วยพระราชาทรงเปนพระราชธุระแลน้ำก็ว่าดีกว่า น้ำที่วิสบาเดนนั้นแก้เมื่อยปวดขัดแต่น้ำที่นี่แก้ได้หลายอย่างกว่า ทางที่ไป ผ่านตำบลบ้านใหญ่ๆ หลายตำบล แต่ตำบลซึ่งเปนเมืองใหญ่ คือ เฮิกสต เปนที่สำหรับซ่อมแซมรถไฟ เปนแฟกตอรีเต็มไปด้วยปล่องไฟทั้งนั้น ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเมนซ์ ที่อื่นก็เปนธารผ่านทุ่ง แล้วเข้าในหมู่บ้าน ธรรมดาที่เข้าในหมู่บ้านแล้วทางคดๆ เคี้ยวๆ เพราะบ้านตั้งก่อนถนน ต่อออกทุ่งทางจึงตรง สองข้างทางปลูกไม้ผล คือ แปร เนกตริม แอบเปอล เปนพื้นในแถบนี้ทั้งสิ้นทั่วไปทุกแห่ง ต้นไม้เหล่านี้ต้นไม่โตมาก แต่ลูกดกเสียจริงๆ ออกลูกเปนอย่างลูกฝรั่งของเราทั้งนั้น กิ่งดกๆ ถึงต้องมีไม้ค้ำ ดกกว่ากะท้อนมาก ระยะทางที่ไปแลมาประมาณชั่วโมงหนึ่งเศษๆ อากาศช่างไม่แน่นอนเสียจริงๆ ในเวลานี้เปลี่ยนเปนซัมเมอทีเดียว แดดจัด เว้นไว้แต่ถ้าพระอาทิตย์ตกเมื่อไรก็หนาว ถึงต้องสวมเสื้อคลุมชั้นนอก ลมบางวันก็มีมาก บางวันก็มีน้อย อากาศยืนเปนเช่นนี้มาหลายวันแล้ว

คืนที่ ๑๗๐

วันพฤหัศบดีที่ ๑๒ กันยายน

วันนี้โปรเฟสเซอเกราซ์ เกรล ไมเยอ หมอฟอนนอรเดน มาตรวจอาการในที่สุด ๓ วิก ตรวจอย่างเลอียด เปนอันได้ความว่าหัวใจแลโลหิตที่แล่นทั่วตัวนั้น ดีบริบูรณ์เต็มตามความปราถนาไม่ต้องรักษาทางนี้ต่อไปอิก ส่วนครอนิกกะตา คือผิวหนังในจมูกที่งอกขึ้นทำให้หายใจขัดข้องนั้นก็ได้หายเปนปรกติ ตลอดจนถึงท่อลมหายใจไม่มีโรคบรอนไคติสต ต่อไปอิก แต่เรื่องปัสสาวะ ก็ไม่ผิดกับที่คาดไว้ ว่าคงจะยังไม่หายหมดได้ทีเดียว ช้าไปกว่าอื่นหน่อย เรื่องผูกกลัด ในเวลานี้ยังเปนผลของยาบำรุงโลหิตซึ่งทำให้อาหารตกไม่บริบูรณ์ ขอให้กินยาต่อไป ขอให้อาบน้ำอิก จะใช้ให้ร้อนขึ้นไปอิกหน่อยหนึ่งก็ได้ ขอให้อยู่ที่นี่ต่อไปอิกจนครบกำหนด โรคอิกสองอย่างที่ยังไม่หายสนิทนั้น คงจะได้เห็นผลว่าดีขึ้น วันนี้ต่างคนต่างไปหมดแล้ว

ยังรำคาญอยู่ด้วยเรื่องอาหาร กินกับเข้าฝรั่งที่เปนเนื้อแขงๆ เข้าไป รู้สึกเต็มอยู่นั่นไม่ใคร่ละลาย จึงได้หันลงกินเข้าแลอาหารอ่อนๆ ผเอินตาอ้นไปเจ็บเสีย หีบทับนิ้วมืออักเสบถึงจับไข้ เปนคนที่หุงเข้าได้ วันนี้พระยาบุรุษเข้าหุง เข้าดิบไม่ทันรู้เชื่อใจกินเข้าไปท้องเฟ้อ เลยอึดอัดไม่สู้สบาย หิวด้วย แต่จะกินอะไรก็ไม่ได้มันเต็มเสียหมด ลงเดินปล่อยใหญ่ อ้อมไปจนถึงริตเตอโฮเตล ซึ่งอยู่มุมริตเตอป๊าก จะไปกินน้ำชา เลยถามหามักกะโรนี เขารับทำมาให้กินได้ แต่ในเวลาทำไปเที่ยวเดินเล่นอยู่ในริตเตอป๊ากแล้วจึงไปกิน เขาเลยบำเรอด้วยเครื่องดนตรี ตกลงเปนเพลิดเพลินอยู่ที่โฮเตลนั้นกว่าชั่วโมง โฮเตลนี้เห็นจะดีกว่าทุกแห่งคนอยู่เต็มหมดเหลือสองห้องเท่านั้น ด้านน่ามีหลังคากระจกแลมีนอกชานเปนที่นั่งเล่น มีห้องนั่งข้างล่าง เปิดแลเห็นสวน มีห้องเต้นรำห้องบิลเลียด ดนตรีก็ดี เปนที่คนอังกฤษชอบมาอยู่มาก ได้ส่งสมุดสำหรับโฮเตลนั้นมาให้ดูเล่นด้วย ขากลับก็เดินกลับมา ว่าตามจริงตั้งแต่มารักษาตัวที่นี่แล้ว เดินเก่งขึ้นมาก ไม่ใคร่รู้สึกเหนื่อยฤๅเมื่อยปวดอะไร ยังมีไม่ดีอยู่อย่างเดียวแต่เรื่องธาตุ ฤๅจะว่าลมในท้อง ซึ่งทำให้กินอาหารแขงๆ ยังไม่ได้เท่านั้น เวลาคํ่าต้องกินเข้าต้มแต่ต้องต้มเอง วันนี้พระราชวรินทร[๒๒๓]มาถึงเขาเลยไปอยู่อิงค์แลนด์เสีย ๗ วันจึงได้ช้าไป

หมายว่าวันนี้จะได้รับหนังสือเมล์ก็ไม่ได้รับ จนพ้นกำหนด ถึงกำหนดที่จะส่งหนังสือ จึงได้ส่งตามกำหนด

จุฬาลงกรณ์ ป.ร.



[๒๒๒] ซึ่งว่าขี่สิงห์โตนี้ มาแต่ประเพณีเก่า ถ้าโหรหลวงถวายพยากรณ์ผิด เช่นพยากรณ์ว่าจะเห็นจันทรอุปราคา แล้วไม่เห็น เพราะคำณวนเวลาผิดเปนต้น เคยถูกใส่ประคำลกใหญ่ ขึ้นสิงห์โตหินประจานตัว ที่ในพระราชวัง

[๒๒๓] พระราชวรินทร ชาย บุนนาค เคยเปนราชองครักษ์ตามเสด็จยุโรปคราวก่อน คราวนี้เดิมไมได้อยู่ในเกณฑ์ตามเสด็จ ดำรัสสั่งเข้ามาให้ตามออกไปทีหลัง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ