- คำนำ
- พระบรมรูปพระบาทสมเด็จฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๔
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๕
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๖
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๗
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๘
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๙
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑๐
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑๑
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑๒
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑๓
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑๔
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑๕
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑๖
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑๗
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑๘
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑๙
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๐
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๑
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๒
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๓
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๔
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๕
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๖
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๗
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๘
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๙
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓๐
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓๑
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓๒
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓๓
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓๔
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓๕
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓๖
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓๗
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓๘
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๓๙
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๔๐
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๔๑
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๔๒
- พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๔๓
พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๑
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จลงเรือพระที่นั่งมหาจักรี
คืนที่ ๑
เรือมหาจักรี
วันพุฒ ที่ ๒๗ มีนาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๕
ลูกหญิงน้อย
พ่อตั้งใจว่าจะเขียนหนังสือบอกข่าวให้รู้เปนส่วนตัวต่างหากจากที่จะรู้ทางราชการ แต่จะเขียนด้วยกระดาษหนาแลดีกว่านี้ก็จะโตนักไป จึงเขียนแผ่นใหญ่แลให้กระดาษบาง ๆ เช่นนี้ ว่าทางลมจับ[๑] ก็เสียค่าส่งน้อย
ที่ตำหนักแพคนมากจริง ๆ ทั้งไทยทั้งฝรั่ง นับว่าที่มาได้คงมาหมดทั้งผู้ชายแลผู้หญิง แต่พ่อออกจะเหลว ๆ ไม่ใช่เพราะตกใจ เห็นจะเปนเมาน้ำตาคน พูดอะไรตั้งใจจะให้ดีไม่ใคร่สำเร็จ พูดกับพวกทูตฝรั่งได้นึกไว้แล้วแต่ควรฤๅลืมนึกคำไม่ออก พูดเลวไปกว่าที่ซ้อมไว้ในใจเปนกอง แม่เล็ก[๒]ลงมาอยู่ไม่ช้า ดูตกใจคนมากเพราะมันแน่นหนาเหลือเกิน แต่เปนอันสำเร็จในการออกเรือได้ทันพระฤกษ์ คือภายใน ๕ โมงเช้า ตามทางฝรั่งทึ่ง[๓]ก็มาก แต่ไทยๆ ออกไม่ใคร่รู้สึก เห็นเปนเสด็จเที่ยวตามเคย เจ้านายมาหมด ขุนนางมามาก เลี้ยงกลางวันก่อนถึงปากน้ำ เจ้าพระยาภาณุวงษ์ลงมาแต่ขึ้นเรือไม่ได้ ว่าขาอ่อนไป พ่อลงไปหาที่กระได ออกจะผอมๆ โทรมไปจริง พวกมาส่งไม่กลับตามเวลารออยู่จนย่ำค่ำจึงได้ไป แต่มีการร้องไห้กันเสียนุงนังจนใจทรึมเต็มที
เห็นเขาเอาที่ชาทองมาตั้ง หมายว่าจะเอาไปด้วย เห็นมันใหญ่โต ถามเขาว่าเอามาใช้แต่ในเรือ ครั้งถามถึงป้านชาที่จะไปใช้ เขาว่ามีกาอุ่นอย่างฝรั่ง ให้รู้สึกกลืนไม่ลงคอ ปฤกษากันกับกรมหลวงนริศร[๔] จะให้ส่งเรือเดลีที่จะออกพรุ่งนี้ จดหมายแล้วพ่อขอให้ค้นดูอิก เพราะเชื่อว่าแม่[๕]ไม่เคยลืมอะไร มีแต่จะมากเกินต้องการ พระยาบุรุษ[๖]ไปค้นได้อะไรๆ มาพร้อมเลยเลิกหนังสือ
เวลาค่ำกันเข้ามันช่างโหรงเหรงจริงๆ น้อยกว่าไปยุโรปคราวก่อนเหลือเกิน ถ้าไปเรือเมล์จะน้อยลงไปยิ่งกว่านี้ เห็นจะถึงเล่นเอาเถิดกันได้
ผู้ที่มาทั้งหมด เมื่อเย็นจนบัดนี้ ดุ๊ก[๗]ครึมครำมากกว่าเพื่อน ช่วยกันชำระว่าเพราะอะไรก็ไม่ได้ความ แต่อ้ายคนัง[๘]รับเปนสัตย์ว่าร้องไห้ เมื่อพ่อขึ้นรถถึงโฮ ๆ ครั้งหนึ่งแล้ว พอเรือมาถึงปากน้ำมาร้องไห้โฮ ๆ อิก ว่าคิดถึงคุณแม่[๙] จนเลยนอนหลับ ตอนค่ำก็เลยทรึมไม่สนุกเลย
แต่ร่างกายพ่อมันทีจะชอบ ลงมาปากน้ำจมูกโล่งจนเวลาจะนอนง่วงเหลือกำลัง ตั้งใจจะขึ้นนอนแต่ ๕ ทุ่ม แต่มันช่างประดักประเดิดด้วยไม่เคย ต้องเรียกสั่งไปเสียทุกอย่าง กว่าจะพร้อมได้เปนนาน ได้ลงมือนวด หลวงศักดิ์[๑๐]มันตกใจตัวสั่นเหื่อแตกโทรมตัว ท่าทางก็พระสัมพาหะ มีงอแขนเปนต้น แต่บอกเข้าใจง่ายกว่า กดได้แรงกว่า แต่เปนเวลาเคราะห์ดีที่ง่วงแลไม่สู้เมื่อยเพราะออกจะท้องเบา ตกลงเปนอันไม่รำคาญใจนัก แต่ปิดม่านมุ้งดับไฟประเดี๋ยวเดียวร้อนเต็มที นอนไม่หลับ ต้องเปิดทางโน้นเปิดทางนี้หาลม ลงปลายมือก็ต้องพัดกันดื้อ ๆ รู้สึกเปลี่ยวใจวังเวงใจกลับไปบ้าน สวดมนต์ไปหน่อยก็เลยไปบ้านรำไป แต่เปนเวลาเหมาะที่ง่วงจึงหลับราว ๗ ทุ่ม
สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ กลับจากส่งเสด็จในเรือพระที่นั่งมหาจักรี
• • • • • • • • •
คืนที่ ๒
เรือมหาจักรี
วันพฤหัศบดี ที่ ๒๘ มีนาคม
นอนตื่นเปนระยะคล้ายบางกอกแต่อิ่มดี ยิ่งเช้าขึ้นค่อยสบาย เพราะคนพัดเปลี่ยนใหม่ไม่ง่วงนอน ตื่น ๕ โมงเช้ากินนมและขนมปังกับลูกไม้ รู้สึกคิดถึงบ้านจนน้ำตาไหลไม่รู้สึกตัว บ่ายโมง ๑ กินเข้าแล้วพูดกันเล่น อ่านสำเนาจดหมายถึงแม่เล็กที่มีจากโคลัมโบคราวก่อน แล้วกลับลงมาอ่านรายงานที่ส่งมาแต่บางกอก เมื่อวานนี้ที่ปากน้ำก็ได้เปิดออฟฟิศสั่งเรื่องเงินประจำปีสำเร็จแล้วเขียนหนังสือเหล่านี้ เลยยังไม่ได้ลงมืออ่านหนังสือ ค่ำกินเข้าแล้วไปกะปันน่าที่ เอาคราวก่อนมาเทียบ แต่คราวนี้น้อยคน จึงได้ร่นเข้าไป ในการซื้อสั่งทำส่งแจกของต่างๆ ดุ๊ก ในการจ่ายเงินทั่วไป รักษาพระรักษาตรา กรมสมมต[๑๑] ในการจัดที่อยู่แลกิน การไปมาแลจ่ายเงินเหล่านี้ บริพัตร[๑๒] ตามเสด็จ รับแขก เยี่ยมแขก เยนตรา[๑๓] โทรเลข รับหนังสือโต้ตอบ รับแขกที่มากวน กะตรา กะทาง รัตนโกษา[๑๔] รายงานหนังสือพิมพ์ รับแขก เก็บหนังสือ หม่อมนเรนทร[๑๕] พระยาบุรุษการเบ็ดเสร็จในตัวตลอดจนเงินท้ายที่นั่ง เปนการรวมในมหาดเล็ก ประจักษ์[๑๖] ในการรูป แต่ออกจะโหรงเหรงอยู่ เพราะแกไม่สันทัดอย่างธรรมเนียม กลัวจะทำไม่ใคร่ไหว อิกน่าที่หนึ่งก็รพี[๑๗] ในการโมเตอคาร์ การเบิกเงินคราวนี้มีตั๋วฎีกาบริพัตรทำมาพร้อม เพราะจะกันการเปลืองเช่นคราวก่อน การทั้งปวงเปนที่เรียบร้อยดีกว่าครั้งก่อนมาก เพราะเคยเห็นมาแล้ว ได้เยียวยาทุกอย่าง เสียแต่ต้องเขียนหนังสือเอง ไม่ใช่ไม่มีคนเขียน แต่เหมือนหนังสือเช่นนี้จะไปบอกให้ใครเขียนเปิ่ง ๆ มันก็น่าอายเขา
ลืมเล่าถึงเห็นปลาเมื่อบ่าย ตัวไม่สู้โต ขนาดปลาเทโพแก่ ๆ นับพัน ว่ายน้ำเล่นโลดไล่กันเปนวงกว้างเกือบเท่าสนามหญ้าน่าพระที่นั่งอัมพร ตอนเย็นปลาฉลามแลปลาโลมาว่ายตามเรือเปนนาน เรือเดินดีมีลมพอสบาย ตั้งแต่มาไม่เคยมีใครพูดถึงคลื่น เพราะไม่มี
• • • • • • • • •
คืนที่ ๓
เรือมหาจักรี
วันศุกร ที่ ๒๙ มีนาคม
วันนี้หมดทุนไม่มีอะไรจะจดจริง ๆ แต่เมื่อคืนนี้ยังเกิดความไม่หาวนอน รออ่านหนังสืออยู่จน ๘ ทุ่มจึงนอน แต่นอนไม่หลับจนจวนสว่าง ครั้นเมื่อหลับแล้วก็ไม่ตื่นจนจวนเที่ยง กลัวจะคลาศเวลากินเข้า ถ้าเปนในวังได้นอนเรื่อยไปจนเย็น ครั้นไปกินเข้าต่างคนก็ต่างโจทย์กันว่าไม่หลับเหมือนกัน หลับจวนสว่างด้วยกันสักสี่ห้าคน จะว่านึกอะไรมากก็จริง แต่เวลาจะหลับมันหายนึกอย่างไรวับเดียวก็หลับ วันนี้เวลาบ่ายโมงหนึ่งเรือออกทเลจีน แต่อากาศโปร่งใสดี กรมประจักษ์อยากให้ถ่ายรูป ตกลงกัน แกขอให้แต่งฟรอกโก๊ตกำลังจะโก้[๑๘] พากันจับคาง[๑๙]ลาหมด ตกลงเลยแต่ปู้ยี่ปู้ยำตามปรกติ รูปพระที่นั่งอัมพรเลนซ์ส่งมางามจริงๆ ตกลงเปนเก็บไปอวดพวกเมืองนอก ฟังรายงานทหารแล้วให้นายมุ่ย[๒๐]ลงมือระบายสีรูป ทำอะไรไม่สนัด เพราะรู้สึกว่าอิกสองสามวันก็จะย้ายที่ จึงหมายจะรอไปทำงานที่เรือซักเซน[๒๑] แต่เห็นป่วยการเวลาจึงลงมือไปเสียหลาง จดรายสิ่งของที่จะไปทำที่ยุโรป แต่ดุ๊กยังไม่ยอมเปิดออฟฟิศเขียนอย่างว่าเก็บยากขนยาก ที่จริงมันรู้สึกอึดใจถึงพ่อก็เปน
อ้ายคนังหายทุกข์ร้อน บอกว่าอน่อย[๒๒]มาแต่วานนี้แล้ว กรมประจักษ์คลั่งล้อคนเรื่องเมียๆ เขาพากันอาราธนาให้พ่อแต่งให้กรมประจักษ์บ้าง พึ่งลงมือบัดนี้ได้ ๓ บทแล้ว
๏ แถลงปางบำราศแก้ว | กลอยใจ เรียมเอย |
ตามเสด็จปิ่นไผท | สู่ด้าว |
ยุรปรัตนกรุงไกร | เรียมมุ่ง ถึงแฮ |
ชื่อรงับดับอกร้าว | ร่องริ้วรอยสมาน ฯ |
๏ จักนานจักเนิ่นพ้น | จันทร์เพ็ญ พี่เอย |
สู่เทศเขตรหนาวเย็น | ยอกช้ำ |
แลนวมนุ่มบเห็น | หายแห่ง ใดฤๅ |
เติมแต่เติมทุกข์กล้ำ | กลัดกลุ้มเหลือกลืน ฯ |
๏ กลางคืนศุกรปักษ์เปลื้อง | เดือนฉาย |
สุกสกาวเกศหาย | ห่างหน้า |
ทำเนานึกประกาย | พลอยเกลื่อน |
ดาวดั่งดวงแก้วฟ้า | ชื่อพ้องพลอยสูญ[๒๓] ฯ |
กรมพระจักษ์เตรียมมาก จะแต่งนิราศสู้หม่อมราโชทัย[๒๔] กำลังถามหาอะไรเก่าๆ ต่างๆ แลตื่นอะไรต่างๆ อี๋อยู่เสมอ
ค่ำวันนี้ลมสำเภาพัดจัดมาทางทเลจีน แต่ไม่มีคลื่นเลย วันนี้เห็นจะเย็นสบายในเวลานอนฤๅจะเกินไปก็ได้.
• • • • • • • • •
คืนที่ ๔
เรือมหาจักรี
วันเสาร์ ที่ ๓๐ มีนาคม
เมื่อคืนนี้หลวงศักดิฝันถึงพระสัมพาหะ ไปเอาอย่างอีโก้งอีเก้ง เหื่อโทรมตัวจนหยดถูกพ่อ นวดพันลำคือเดินร่ายไปตามขวางของลำตัว เหมือนเห็นว่าเส้นพันตัวเปนเกลียว จี้ผิดจี้ถูกจนเลยเนิฟตื่นหมดทั้งตัว เปนนานจึงได้นอนหลับ ตื่นขึ้นเช้าปวดไปข้างหนึ่ง ต้องทายาแล้วนอนนิ่ง แต่เปนเคราะห์ดีที่ยังหลับได้อิก ตั้งแต่มาไม่เคยนอนอิ่มตาเลยดูก็เปนอัศจรรย์ ขึ้นชื่อว่าผู้ชายทุกวันนี้แรงน้อย จะนวดตะละทีเหมือนยกเขาพระสุเมรุ น้อยใจว่าได้ความทุกข์ยากเสียจริงๆ ตื่นขึ้นแขงไปทั้งข้างเหมือนจะเปนปัตฆาฏ ได้เอาตาหมอมาให้สอนเส้น ให้กรมสมมตเปนโมเดล ให้รู้จักว่าเส้นมนุษย์มันไม่ได้พันตัวเหมือนเถาวัลย์เลื้อย เมื่ออ่านหนังสือที่เขียนครั้งก่อน มันช่างบ่นแต่เรื่องกินเข้าไมได้ ต้องคลุกน้ำพริกเผากินเปนที่สุด มาเทียบกับครั้งนี้มันช่างแสนสบาย กับเข้าฝรั่งเขาก็จัดดี กับเข้าไทยก็บริบูรณ์ ไม่ได้มีความอดอยากเลย อยากอะไรได้ดังใจ พ่อกินเข้าได้เสมอทุกวัน ถ้าเสมอเช่นนี้ก็พออ้วนได้เสียแล้ว รู้สึกบุญคุณแม่แลป้าภี[๒๕]มีแก่พ่อมากนัก อยากจะถวายยถาสัพพีให้พอแก่ใจ การที่จะไปในเรือเมล์ภายน่าก็เห็นจะไม่กันดาร เพราะเขาต้องล่อคนโดยสานให้ติดใจ ไม่ได้นั่งเอ้เตไม่เอาใจใส่ก็ได้ ไม่สู้มีความวิตก วันนี้บ่นหยุมหยิมเต็มที จะเข้าใจว่าพ่อพื้นไม่ดี ความจริงพื้นดีอยู่ แต่รู้สึกใจเช่นนั้นก็อยากจะเขียนลงไปให้ลืมเสียสักที.
วันนี้คํ่าดูซิกแนลโคมไฟฟ้าที่เขาคิดขึ้นใหม่ คือผูกเปนระยาง ๕ ใบจากเสาไปปลายเพลา โคมแถวหนึ่งเปนขาวก็ได้แดงก็ได้ เขากำหนดเปนตัวอักษรด้วยนับดวงโคม มากบ้างน้อยบ้าง แดงบ้างขาวบ้าง แต่ดูอยู่ข้างจะช้า แต่เข้าใจได้ดีไม่มีทางที่จะพลาดพลั้งได้.
โคลงกรมประจักษ์นั้นเรียกว่า นิราศรัตนะ คิดต่อไปได้อิกดังนี้
๏ อาดูรอดักดิ้น | ดวงกมล ฝ่อแฮ |
หล่อหลั่งถั่งอสุชล | ชุ่มหน้า |
เวียนซับฤส่างจน | บวมเบ่ง |
หนักจิตรคิดเห็นถ้า | ถูกล้อเหลืออาย ฯ |
๏ อุบายบอกป่วยแก้ว | ตาดำ เจ็บเฮย |
สวมแว่นน้ำเงินงำ | เงื่อนไว้ |
วันเดียวดอกทนคลำ | มืดหน่อย |
ไม่มืดเหมือนร้างไร้ | แว่นแก้วก่องสมร ฯ |
๏ อยากจรจักใคร่รู้ | เทียมเขา |
ดีกว่าต่อโดยเดา | พลาดพลั้ง |
ออปโปสิชั่น[๒๖]เอา | มาข่ม คุยแฮ |
จำพรากจากนุชทั้ง | สี่ห้าอย่าหมอง ฯ |
๏ สองครั้งแตรเตริ่นก้อง | นาวา |
เชิญเสพย์ภักษโภชา | แวดล้อม |
ยลแกงบ่ตรูตา | เตือนตริ ถึงแฮ |
น้ำพริกขนมจีนพร้อม | เหมือดเจ้าจัดสรร ฯ |
๏ สามวันเว้นเสพย์น้ำ | มือนาง |
พุงยอบหย่อนเอวบาง | บอบช้ำ |
นี่หากยากเย็นทาง | เทถ่าย |
จำหย่อนผ่อนภักษ์ซ้ำ | สกดกลั้นแปดครา ฯ |
โคลงเหล่านี้สำหรับอ่านเวลากินเข้าเวลาละบท กรมประจักษ์จะทำนิราศกลอน เริ่มขึ้นยังไม่เข้าท่า ถูกโคลงทับหนักเข้าออกจะรวนเร.
• • • • • • • • •
คืนที่ ๕
เรือมหาจักรี
วันอาทิตย์ ที่ ๓๑ มีนาคม
เมื่อคืนนี้เกิดอาละวาดนอนไม่หลับจนรุ่งสว่าง หมดปัญญาที่จะทำอย่างไร เรือมาถึงแต่คืนนี้ ๘ ทุ่มหย่อน เดิมว่าจะให้ถึง ๒ โมงเช้าแต่ไม่หลับ เรียกกระดาษจะไปจดบอกอาภา[๒๗] มหาดเล็กยืนคว้างอยู่ในห้องนอน คว้าทางโน้นคว้าทางนี้สิบมินิตไม่ว่ากระไร จะบอกว่าไม่มีก็ไม่น้อยใจ ต้องลุกออกมาหยิบกระดาษเองที่ห้องเขียนหนังสือ เขียนสั่งให้ถึงเวลา ๓ โมงเช้า ได้งีบไปนิดเดียวไม่เกินชั่วโมงมากนัก แต่ตื่นขึ้นก็เปล่าๆ แอดดิกงเกาวเนอลงมานัดว่าต่อ ๕ โมงจึงจะพร้อม ที่จริงเรานัดเขาพรุ่งนี้ จึงเลยเลื่อนไปเสียต่อพรุ่งนี้ มีแต่นายเรือรบออสเตรียกับพวกชาวเรา คือ พระยามนตรี[๒๘] พระยาดำรงสุจริต[๒๙] เปนต้นมาในเรือ แล้วได้พยายามนอนอิกก็ไม่หลับจนบ่าย จึงแบ่งกันขึ้นบกเปน ๒ พวก กรมประจักษ์ต้องเกณฑ์เปนพระราชาขึ้นก่อนกับพวกไม่เคยมา พ่อขึ้นกับดุ๊ก สมมต ชายบริพัตร อาภา เยนตรา ตั้งต้นไปฮริกันเฮาส์ แล้วไปโบเตนิกกัลกาเดน โทรมเหลือประมาณ สวนนั้นที่เกาะสีชังร้างๆ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ผิดกันนัก ลงปลายไปที่ขังน้ำยังบริบูรณ์ดีอย่างเดิม แต่น้ำน้อยไปกว่าแต่ก่อน ขี้เกียจเล่า “ทรงทราบเกล้าทราบกระหม่อมอยู่แล้ว” ขอแต่บอกให้ส่วนบุญที่ได้ไปซ้ำอิก กลับมาเลยไปทางกำพงกาลัม ที่เจ๊กมันกินเข้ากลางถนน ไม่ต้องเล่า จะหาอะไรให้ผิดจากบ้านเรานั้นเปนหาเลือดปู มีแปลกแต่เรื่องน้ำที่มีท่อมาใช้ตามถนนแลถนนแขงทั่วไปทั้งนั้น ขยะคุมฝอยอะไรๆ บริบูรณ์ ตลาดก็สกปรกรกเรี้ยวเหมือนกันไม่มีผิดเลย แวะกินน้ำที่แรฟัลโฮเตล เลยเดินดูที่กินเข้าแลห้องอยู่ด้วย การที่จะอยู่ในหลังใหญ่นั้นกันดารเต็มทีเสีย ๘ เหรียญ หลังปีกมีห้องนอนแลห้องนั่งด้วย ๑๒ เหรียญ แต่คนเดินผ่านไปมายังเห็นอยู่ ห้องที่สุดเปนดีตั้งที่นอนได้ ๓ เตียง แต่ถ้าไม่นอนเตียง ๑๐ คนก็อยู่ได้สบาย ราคา ๒๐ เหรียญเห็นจะพออยู่ได้สบาย กลับลงมาเรือเวลาพลบค่ำ ขึ้นไปด้วยเรือโมเตอของเราเอง เมืองสิงคโปร์ใช้ไฟแกสสีน้ำเงินอย่างฝาชีมาก ตามริมน้ำเปนสีน้ำเงินทั้งนั้น สิ่งอื่นมีแปลกขึ้นบ้างแต่ไม่มาก หน้าตามันก็สิงคโปร์นั้นเองนึกเอาเถิด อ่อนใจเขียนไมไหว.
• • • • • • • • •
คืนที่ ๖
เรือมหาจักรี
วันที่ ๑ เมษายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๖
ผเอินจะมาเขียนหนังสือไม่ได้เองในเวลาวันนี้ จึงต้องวานกรมสมมตเขียน เหตุทั้งนี้เพราะเสียเส้นมาแต่วานนี้เปนมูล นอนไม่หลับติดๆ กันมา ๒ คืน โหรงเหรงโรเรเต็มที เวลาจำกัดที่จะต้องนอน ทั้งกายทั้งการสำหรับวันนี้ เมื่อว่าตามจริงแล้ว ตั้งแต่มาทั้ง ๔ วัน ๔ คืนเห็นจะได้หลับสัก ๒๔ ชั่วโมงหย่อนๆ มาขาดแท้เข้าอิกคืนหนึ่งจึงเต็มทนทีเดียว ที่ไม่หลับนั้นเพราะนวดไม่ถูก แลพูดอะไรไม่มีใครได้ยิน ได้ยินแล้วทำอะไรไม่ถูก ฤๅไม่มีคนเสียทีเดียว แต่เคราะห์ดีที่ได้อ้ายฟ้อน[๓๐] เปนคนจริตน้อย เคยได้ยากกรากกรำมาไม่ใคร่จะอ้อนแอ้น แลเพราะหาวนอนอยู่แล้วด้วย พอประทับขาเข้าแน่นไม่คลอนๆ แคลนๆ ร้อนได้สักสองสามวาบก็ง่วง เดี๋ยวนี้เกณฑ์ให้เปนผู้สำหรับตื่นอยู่ ถ้าหากว่าใช้ได้จริงอิกสักสองสามวันจะให้รายวันๆ ละปอนด์ ค่าจ้างให้อยู่กลางคืน ถ้าหากว่าพ่อกลับเข้าไปบางกอกมีผู้หญิงฝรั่งเข้าไปด้วย อย่าได้ตกใจเลยว่ามีเจ้าจอมฝรั่ง นั่นคือพี่เลี้ยงแม่นมอย่างฝรั่ง ซึ่งจะจ้างเขาเลี้ยงไปส่ง.
อนุสนธิเรื่องวันนี้ ตื่น ๔ โมงเช้า เขาบอกว่าเจ้าเมืองลงมาแล้ว แต่งตัวตลีตลานเต็มทีเพราะเข้าใจว่าเขาจะมาจากบ้านต่อ ๕ โมงตามที่นัด กลายเปนกะให้มาถึงเรือ ๕ โมง จึงได้ผิดเวลากันมาก คราวนี้ดูเปนพิธีมากขึ้น มีติดตราลงมาพร้อมกันทั้งเยเนอราลคอมมานดิงแลโคโลเนียลเสเครตารี
เซอยอนแอนเดอซัน กิริยาอัชฌาไศรยเรียบร้อย พูดจาด้วยสบายใจดี ขึ้นไปตอบ แต่งทหารเรือขาวมีกระบี่ติดตราด้วย แต่ทหารเรือขาวเดี๋ยวนี้เขาไม่มีหมวกเฮลเม็ต ถูกแห่เปิดประทุนรถกำลังเที่ยงร้อนเปรียะทีเดียว ทั้งแห่ไปแห่กลับ การเยี่ยมเยียนเช่นนี้ก็ตามเคย ไม่น่าจะต้องเล่า แต่ไม่ได้กลับลงมาเรือ หยุดเปลื้องเครื่องแลกินกลางวันที่แรฟัลโฮเตล ขนมปังฝรั่งเศสอร่อยเสียจริงๆ บ้านเราทำไมมันไม่ทำบ้าง เวลาจวนบ่าย ๒ โมง ไปขึ้นรถไฟที่สเตชั่นแตงก์โรด รถไฟนั้นก็เหมือนรถไฟในเมืองมลายูทั้งปวงคือรางเล็ก ไปอย่างคนธรรมดาไม่ใช่พระราชา หยุดสเตชั่นรายทาง ๕ แห่งจึงถึงท่า แต่มันไม่เร็วตามที่นึกว่าจะเร็ว เมื่อยังไม่มีรถไฟใช้รถม้าประมาณสักชั่วโมงครึ่ง นี่ก็เดินชั่วโมงหนึ่ง เลียบไปข้างทางเก่า น่าบ้างหลังบ้าง ฟากทางข้างที่ยังไม่มีบ้านมีที่ว่างมาก เห็นปลูกแต่สัปรศเปนพื้น พริกไทยก็เซียๆ ไม่งาม เขาว่าดินในกลางเกาะไม่ดี มีไร่ร้างหลายแห่ง เพราะเปนดินทราย ต้นไม้ที่รากตื้นๆ กลางวันเหี่ยวพับ ต้นไม้โตช้าแท้ๆ ตลอดจนกระทั่งต้นประดู่แลต้นปาม เห็นเท่าไรก็เท่านั้นไม่ใคร่โตขึ้น พวกปามจีนที่เราปลูกทีหลังมีลูกตั้งปล้องสูงๆ ที่นี่ไม่เห็นโตขึ้นเท่าไร ใกล้ลงไปข้างทเลคงเปนพื้นน้ำท่วม ต้นโกงกางเหมือนกับที่ไหนๆ ในหัวเมืองตวันตก มีเรือไฟข้ามส่งไปขึ้นที่น่าโฮเต็ล (เมืองยะโฮ) ขึ้นรถจ้างซึ่งมีแต่รถเดียว นอกนั้นเปนรถเจ๊ก เที่ยวทางแถบตลาดก่อน แวะซื้อของที่โรงจำนำ มีของทองคำที่จะพึงซื้อได้แต่กำไลที่ส่งเข้ามาคู่เดียว นอกนั้นไม่มีอะไรปลาดเลย ถนนพาหุรัดสนุกกว่ามาก สิ่งที่ควรจะสรรเสริญแต่ถนนทั้งสิงคโปร์แลยะโฮ ขึ้นชื่อว่าเปนถนนแล้ว ได้ทำแล้วไม่มีทิ้งเลย ราบเปนน่าโต๊ะบิลเลียดทั้งนั้น ขึ้นรถเที่ยวต่อไปผ่านตลาดของสดจนถึงที่ฝังศพสุลต่านอาบูบะกา ที่นี่เห็นจะเปนป่าช้าเก่า มีศพผู้อื่นมากฝังชิดกันอย่างธรรมเนียมแขก แต่ต้นไม้ของเขาปลูกงามเรียกว่าต้นตำบุดสู อาภารู้จักชื่อภาษาไทย เปนลำต้นตรง พุ่มเปนต้นไม้เงินทอง เขาว่าเปนเร็วด้วย เรียกว่าต้นรุ่ย ศพสุลต่านนั้นอยู่ในตึก พื้นชั้นเดียวหลังใหญ่มีโดมกลาง พอขึ้นไปใกล้ได้ยินเสียงสวด มีนักบวชมาสวดเหมือนอย่างที่ไกโร นึกว่าเขาห้ามก็จะไม่เข้าไป แต่ไม่ห้าม ตาพระกลับมาเชื้อเชิญให้เข้าไป ที่ๆ ตาเหล่านั้นสวดนั้นเปนเตียงนอนแขกๆ แคบยาวคนละหลัง ทีแกจะนอนด้วย ศพสุลต่านอยู่ตรงโดม ข้างซ้ายที่เราเข้าไปมีศพอาอยู่ศพหนึ่ง ข้างขวานั้นมีหลายศพ ที่ตายใหม่คนหนึ่งก็กางมุ้งเหมือนอย่างเมืองตรังกานู ที่ตายเก่าจึงทำรูปโลงด้วยศิลา เปนศิลาฝรั่งอย่างงามๆ ทำเปนอย่างแขกแต่ก็หลงเปนฝรั่งไปบ้าง ออกจากที่ฝังศพตรงไปตามถนน ไปถึงวัดที่อยู่บนที่สูง วัดนี้อยากจะทำเปนแขก แต่ไม่ใช่แขกเปนเจ๊กปนฝรั่ง หลังคาตัดมียอดห้ายอด ออกจะเปนอย่างตามเคย ขี้เกียจเข้าไปดูเพราะเชื่อว่าไม่มีอะไรนอกจากเสื่อ กลับลงมาทางชายทเล ผ่านน่าวังที่เรียกอิสตานาซึ่งเคยไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เห็นเวลามากเหลือหลาย จึงได้หวนกลับขึ้นไปเดินตามอิสตานานั้น ซึ่งไม่วิเศษอะไรกว่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยานัก เจ้าของไม่อยู่ แล้วกลับมาที่โฮเตลเพื่อจะกินน้ำ สุลต่าน[๓๑]รู้เข้ามาหา เอ็ดอึงใหญ่ว่าไม่บอกให้รู้ เลยชวนพ่อไปขึ้นรถโมเตอคาร์ รถนั้นเปนรถเมอเซเด ๔๕ แรงม้า ไม่มีเก๋ง ท่าทางแกคล่องแคล่วมาก พาเที่ยวเสียไม่มีเว้นถนนเลย หมดเมืองในประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นอกจากที่เราไปแล้วมีถนนไปที่ขังน้ำ มีอันหนึ่งเหมือนกันกับที่สิงคโปร์ เปนแต่ย่อมกว่า งามดี มีที่ยิงเป้าสำหรับพวกทหารสมัคไปยิง ถัดนั้นไปก็ถึงไร่ปารารับเบอซึ่งสุลต่านกำลังทำ ไปปลูกเย่าสร้างเรือนอยู่ใหม่ไม่สู้ใหญ่นัก พึ่งจะลงมือปลูกได้ปีเดียว คุยว่าในปีนี้จะปลูกให้ได้ในพันเอเกอ ใช้เจ๊กทำการดิน ใช้พวกชวาปลูก เรื่องรถโมเตอคาร์ สุลต่านคุยว่าได้ไปเอกแซมิเนชั่นที่ปารีส แกชอบรื้อเครื่อง คุมเครื่อง เคยใช้รถร้อยยี่สิบแรงม้าที่ยุโรป เคยขับรถไล่รถอื่น รถอะไรไม่ดีเท่าเมอเซเด กริ้วรถอังกฤษแลรถชาติอื่นๆ ทั้งหมด จนริชาด์บราเซียของฝรั่งเศสเองเปนที่สุด กลับมาถึงโฮเตลยังมีเวลาอิก ๑๖ มินิต ลงจากรถแล้วกลับขึ้นไปหาคนมาถ่ายรูป สุลต่านดูผิดกว่าแต่ก่อนนี้มาก กิริยาว่องไวพูดอังกฤษคล่องคุยจ้อ เปลี่ยนจากองค์วิบูลย์เปนเจ้าศรีใส[๓๒] ดูเหมือนจะมีความคิดความอ่านขึ้นมาก รูปร่างก็อ้วนขึงขังขึ้นมาก สังเกตดูว่าแกดีขึ้น ทำไมเขาฦๅว่าแกเลวลงไม่รู้ มาถึงเรือย่ำค่ำครึ่ง.
วันนี้ (เลี้ยงปีใหม่) เปนวันแต่งตัวสโมกิงแยกเกตครั้งแรก ต่อไปนี้จะต้องเปนฝรั่งเรื่อยทีเดียว แจกขนมคนในเรืออย่างเช่นเนื่อง[๓๓]ซื้อเข้าไปบางกอก แล้วเลี้ยง ๔๐ คน กรมหลวงประจักษ์สปีชอย่างตาโหรว่าเปนกลอนเรื่อยทีเดียว พ่อดื่มให้เจ้าแผ่นดินอังกฤษ เจ้าพระยาสุรวงษ์ให้พรแทนขุนนาง เมื่อแรกมาโจทย์กันว่าจะให้ดุ๊กสปีชภาษาฝรั่ง ดุ๊กไปเกี่ยงให้มิสเตอร์เวสเตนกาด[๓๔]สปีชภาษาไทย มิสเตอร์เวสเตนกาดเชื่อว่าตัวพูดภาษาไทยไม่ได้ ไปวานให้พระรัตนโกษาแต่งท่องเสียจนจำได้ ข้างดุ๊กเชื่อว่าตัวรู้ภาษาอังกฤษ ไม่ได้ตระเตรียมอะไร พอเวสเตนกาดลุกขึ้นยืนพูดหน้าซีดไม่เปนรศ พอเขาจบแล้ว ถึงทีแกจะลุกๆ ไม่ขึ้น เกี่ยงให้กรมสมมตสปีชภาษามคธก่อน กรมสมมตว่าเก่งปรูดปราดได้ ดุ๊กจะตีกินเสียให้ได้ ช่วยกันเขนเอาขึ้นไปหลุดออกมาได้สักห้าหกคำ ไม่เปนภาษาอะไร เลยไม่มีใครรู้ว่าจะควรดื่มเวลาไร มีคนที่นั่งใกล้ๆ ได้ดื่มสักสองคน พ่อตอบแลให้พรเมืองไทยเปนจบ.
วันนี้ป้าภีได้นำก๊าดมาให้ มีความยินดีเปนอันมาก ได้รับโทรเลขบางกอกก็มากหลายฉบับ นี่หากว่าไปเที่ยว ถ้าขืนอยู่กับเรือวันปีใหม่เช่นนี้เห็นจะเงียบใจมาก เรื่องซื้อของแจกบ่ายอะไรกันก็ไม่สำเร็จทั้งนั้น ข้อที่ว่าห้างโรบินซันโทรเลขเข้าไปถามว่าจะให้เปิดห้างวันอาทิตย์ฤๅไม่ ครั้นมาถึงสิงคโปร์ดุ๊กกลายไปว่าเฮนริกไปเห็นโทรเลข แปลว่าเขาถามวันจันทร์ซึ่งเปนวันอีสเตอโฮลิเดต่างหาก วันอาทิตย์ไม่เปิดเลย เปล่าไปไม่ได้ซื้ออะไร ครั้นวันนี้ไศล[๓๕] มาบอกว่าเมื่อวานนี้เขาก็เปิด วันนี้จะไปก็ไม่ได้ติดไปเยี่ยมเยียน ดุ๊กแกนอกจำนวนได้ไปคนเดียว แกกลับมาบอกว่าไม่มีอะไรนอกจากเครื่องแต่งตัว เรื่องห้างอยู่ข้างเหลวไหลใหญ่ น่ากลัวจะไม่มีอะไรฝากจากสิงคโปร์ แต่ยังมีพรุ่งนี้อิกวันหนึ่งจะไปดูเรือซักเซน ถ้ามีเวลาคิดจะไปแวะตามห้างลองดู หนังสือนี้พ่อคิดจะไปปิดเอาต่อวันที่ ๓ เพราะเรือจะออกเวลาบ่าย มีเวลาที่จะส่งทัน
โคลงนิราศรัตนะต่อไป
๏ มัศยานับร้อยล่อง | ลอยชล |
คุมคู่เปนหมู่วน | ว่ายเคล้า |
ยลปลาประเล่ห์ยล | เยาวลักษณ์ กูเอย |
ล้อมรอบกอบลูกเต้า | อ่อนอุ้มเดินเหิน ฯ |
๏ แลเพลินระลอกพร้อย | พรายแสง จันทร์เฮย |
ถวิลว่าฝูงปลาแฝง | ฟาดน้ำ |
นึกในใคร่ถ่องแถลง | นุชช่วย ชมเฮย |
ชี้เปล่าเขาสรวลซ้ำ | ใส่ถ้อยเทียมถอน ฯ |
๏ ภูธรธิราชไท้ | ทัศนา |
เปิดปิดโคมสัญญา | บอกใบ้ |
เขาเชิดชื่อวนิดา | โดยรับ สั่งแฮ |
เห็นชื่อชวนพี่ไข้ | ขนาดเพี้ยงพลำสพาน ฯ |
๏ เยาวมาลย์โกเมศแก้ว | กับตน พี่เอย |
เรียมบ่เคยจรดล | เด็ดร้าง |
จากแก้วสู่แก้วกล | ใดดั่ง นี้นา |
นอนจักนอนเนตรค้าง | นับเค้าคืนหลัง ฯ |
๏ เล็งฝั่งยลแต่ฟ้า | ต่อสา ครเฮย |
สามรวดราษตรีคลา | คว่างคว้าง |
คืนสี่สบเกาะบรา | ลาแหล่ง ปหังแฮ |
เปลี่ยวแต่เรือเดียวร้าง | เพื่อนผู้เดินหน ฯ |
๏ ดลสิงคบุเรศแก้ว | โกโล นีเอย |
ใจพี่เบิกบานโต | ตื่นกลุ้ม |
แต่งกายอย่างโก้โก | ลาลั่น |
เห็นเนิ่นเดินตุ้มตุ้ม | แต่ตั้งตาชม ฯ |
รูปเรือซักซัน ซึ่งเสด็จจากสิงคโปร์ไปยุโรป
• • • • • • • • •
คืนที่ ๗
เรือมหาจักรี
วันที่ ๒ เมษายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๖
เช้านอนเสียไม่ไปไหน รับตอบโทรเลข กินเข้ากลางวันแล้วจึงขึ้นบก ตรงไปห้างรอบินซันซื้อของฝาก การไปห้างนี้เสียเวลามากจริงๆ แลร้อนไม่สนุกด้วย แล้วไปห้างแกลลีแอนด์วอลซ์ซื้อสมุดไปให้ลูกบรรจุตู้หนังสือ ได้ไปที่ท่าบอเนียวกัมปนีต่อเวลาบ่าย ๓ โมง เศษเกือบ ๔ โมง ดูเรือซักเซน ห้องที่อยู่เปิดเปนสองห้องติดกัน ห้องนอกมีโต๊ะเขียนหนังสือ เก้าอี้ยาว ห้องในเปนห้องนอน ตั้งเตียงทองเหลืองก้าไหล่ เหมือนอย่างในเรือเบอม่า เปนกว้างอย่างห้องเรือ แต่ไม่เท่าที่เคยนอน มีห้องน้ำต่อไปข้างหลัง เรียบร้อยดีหมด ฝาเพดานแต่งสรวยมาก ทำขึ้นใหม่เฉภาะ ในห้องสลูนที่กินเข้าเพิ่มเติมลวดลายปั้นเขียนมาก ขึ้นไปชั้นบนเขาเตรียมห้องเลดีสลูนไว้ให้เป็นที่นอนอิกแห่งหนึ่ง ดูสบายดี แต่ใกล้ทางเดินอยู่หน่อย จะให้กั้นด้วยม่าน มีห้องสโมกิงรูมตอนหลัง เปนห้องใหญ่ แต่ท่วงทีเปนห้องที่สำหรับนั่งโปกฮามากกว่าจะอยู่ การที่ว่าเปนห้องสูบบุหรี่นั้นน่าจะแปลว่าเปนห้องกินเหล้ามากกว่า เพราะมีขายอยู่ในที่นั้นทั้งเหล้าทั้งบุหรี่ บุหรี่นั้นจะสูบที่ไหนๆ ก็ได้ เว้นเสียแต่ในสลูน แต่ในการที่พ่อจะไปนั้นที่ไหนก็สูบได้หมดทั้งสิ้น ดาดฟ้าก็กว้างมากอยู่ ถ้าเปนเรือเช่นมหาจักรี นอนได้ตั้งร้อย เซกันด์คลาสนั้นอยู่ตอนข้างท้ายขาดคนละดาดฟ้า มายืนทึ่งดูกันได้ ยังบนตพานชั้นบนขึ้นไปอิกชั้นหนึ่ง มีห้องกับตันแลห้องเดินเรือติดกัน ถ้าเปนเจ้านายแลพระราชาก็ขึ้นไปนั่งเล่นได้ กำหนดวันออกวันถึงดูเปนเลื่อนได้มากๆ เหมือนอย่างที่ปินัง เดิมกำหนดว่าจะแวะเพียง ๖ ชั่วโมง คราวนี้ว่ามีสินค้ามากจะต้องหยุดถึง ๑๒ ชั่วโมง การที่จะออกจากสิงคโปร์แลออกจากปินังนั้น เปนแล้วแต่จะโปรดทั้งนั้น จะให้ออกเรือเมื่อไรก็ได้ แต่เราจะต้องเกรงใจเขา บอกแต่เวลาที่เราจะต้องการ คือต้องการเวลาแต่ ๔ โมงเช้าไปถึงบ่าย ๒ โมง แกจึงกะจะออกจากสิงคโปร์นี้บ่าย ๔ โมง ถึงปินังวันศุกร์ ๑๐ ทุ่ม ลงมือบรรทุกของบ่าย ๔ โมงจึงจะออก ถ้าเราจะโย้ให้แกไปออกต่อค่ำก็ได้ แต่เห็นว่าพอแล้ว จิงได้ตกลงกันเช่นนั้น กับตันชื่ออะไรยังจำไม่ได้ แต่ท่าทางดีเปนนายทหารเรือกองหนุน ได้ตราเจ๊กถึงดวงติดอก ไม่รู้ว่าชั้นใด ได้รูปปรินซเฮนรี[๓๖] เซ็นชื่อด้วย มีนกคีรีบูนตัวหนึ่งพูดไม่ได้ขาดเลยอยู่ในห้อง แกว่าเปนเพื่อนเดินทางของแกมาแปดปีแล้ว ที่จริงมันก็จะจู๊เต็มที ปีหนึ่งมีเวลาอยู่บ้านเพียง ๔ วิก แล่นไปแล่นมาอยู่เปนนิจ พวกออฟฟิศเซออื่นๆ เปนคนที่คัดมาทั้งนั้น จนกระทั่งอินยิเนีย ไม่เคยคุมกันเปนสำรับเดียวดังนี้ เมื่อแรกเห็นเรือเบอม่า เอามาผูกใจนึกว่ามันจะอัดแอไม่สบาย นึกถึงเรือเมล์ออกคร้ามๆ แต่ครั้นเมื่อไปเห็นแล้วออกโล่งไปเปนอันมาก กลับมาบ่าย ๕ โมง
เวลาค่ำแต่งเสื้อเย็น ไปดินเนอที่คอเวอนเมนต์เฮาส์ การมันออกจะพิลึกอยู่บ้าง ผิดกว่าแต่ก่อน คือพวกแขกที่ไป ไปยืนอยู่น่ากระไดเรือนชั้นล่าง พอพ่อไปถึง เซอยอนแอนเดอซันลงมาพาผ่านแขกเดินขึ้นไปอยู่ห้องหนึ่งต่างหาก ตัวลาออกมารับแขก พาเข้าไปในห้องรับแขก ดูเหมือนจะพอจับมือกันทั่วก็มาพาพ่อออกไป ท่านพวกเหล่านั้นยืนเข้าแถวกันอย่างเฝ้า พอจับมือทั่วก็ลงไปกินเข้า เจ้าเมืองนั่งตรงกับเยเนอราลคอมมานดิง พ่อนั่งขวากับสุลต่าน ชายบริพัตรกับเจ้าพระยาสุรวงษ์นั่งซ้าย ได้ขอน้ำกินอย่างตรง ในเวลาที่กินเข้า ดูเหมือนแกไม่อยากจะพูดถึงการงานแต่เอาไว้ไม่อยู่ มันไหลออกมาเองทีละน้อยๆ สุลต่านนั้นขัดตาทัพเรื่องยิงเสือยิงสางอะไร เอาไว้ไม่อยู่ เลยคุยกันไปเปนกอง ครั้นถึงเวลาจวนจะสปีช พ่อได้ถามว่าแกจะพูดอะไรบ้าง แกบอกว่าคิดจะไม่พูดถึงการงานอะไร ซึ่งจะทำให้พ่อต้องนึกตอบลำบาก จะพูดแต่เพียงให้พรเล็กน้อย พ่อก็นึกเตรียมตอบไว้อย่างสั้น ครั้นพอแกลุกขึ้นยืนพูด เดิมก็ตั้งวงแคบได้เรียงตอบในใจสำเร็จครั้งที่หนึ่ง พอนึกเสร็จเท่านั้น แกกว้างออกไปอิกแล้ว นึกใหม่พอเสร็จแกก็กว้างออกไปอิก ลงปลายบรรดาที่จะพูดอะไรได้แกได้พูดหมด รวบรวมใจความที่พูดนั้น ปราดถนาดีทั้งเวลานั่งพูดกันแลยืนพูด ปรากฎชัดว่าในใจแกรู้สึกว่า เมืองเราไม่ใช่สิวิลัยเซชั่นอย่างผิวๆ ได้จับหลักยึดมั่นมากแล้ว พูดกันเปนอย่างคนรู้จักการงานได้เสีย ดินเนอแล้วขึ้นไปฟังซอ ผู้หญิงกับผู้ชายสองคนเปนชาวอิตาเลียน ผู้ชายสีซอตราเต็มน่าอก ว่าเคยสีถวายเจ้าแผ่นดิน ผู้หญิงดีดหีบเพลง แกสีเพราะจริงๆ คราวนี้นำใครต่อใครเฝ้า จนจวน ๕ ทุ่ม จึงได้กลับ กลับลงมาเวลา ๕ ทุ่มจัดของที่ซื้อมอบให้ป้าภี แต่ยังไม่ได้มาหมด พรุ่งนี้ยังจะซื้อเติมอิก นัดจะพบกันในเรือ ก่อนเวลาเรือออก.
• • • • • • • • •
คืนที่ ๘
เรือมหาจักรีทอดที่ท่าโบเนียวกัมปนีวอฟ
วันพุฒ ที่ ๓ เมษายน
พ่อพึ่งจะกลับมาจากห้างเดี๋ยวนี้บ่าย ๒ โมงเศษ ได้ขึ้นบกบ่ายโมง ๑ ให้เรืออ้อมมาเทียบท่านี้ เพื่อจะได้ขนของง่าย แลจะได้เลยบรรทุกถ่าน เรือพึ่งมาเทียบท่าเดี๋ยวนี้เอง พ่อได้ไปห้างแกศบรอเทอ มีของมากเปนห้างใหญ่ทีเดียว เท่ากับห้างที่ปัตตาเวียทั้งปวง เครื่องเพ็ชร์พลอยจะดีขึ้นกว่าเก่า แต่กลั้นเสียไม่ซื้อ ได้ซื้อแต่ของอื่นเล็กน้อยพอเปนที่รฦก แล้วไปห้างดาซิลวาเปนคนลังกา ขายของเครื่องเงินเครื่องทองทำเองโดยมาก แปลว่าร้านตาครูช่างทอง[๓๗] ของสิงคโปร์ แต่มีของดีกว่ามาก เจ้าของร้านแป้นถึงขนาด ขอแอบปอยน์เมนต์ด้วยซื้อของหลายอย่าง แต่น่าที่จะพรรณาว่าสิ่งไรให้ใครไม่ทันจะจดฉลากติดไปสำหรับแจก เพราะเปนของฝากป้าภีไม่แน่นหนาหน่อยหนึ่งก็ได้.
วันนี้เปนวันหลังที่สุดที่จะได้กินกับเข้าไทย ได้ขยักเข้าแช่ไว้กินที่นี่ แลจะกินหมากเปนคำหลังที่สุดด้วย เลิกอย่างไทยๆ กันหมด เมื่อสองสามวันมานี้ดูใจคอค่อยตามเคยขึ้น เพราะเปนถิ่นที่เคยมาบ่อยๆ แต่วันนี้มาถึงนี่รู้สึกเปนจากบ้านอิกแล้ว ใจคอมันให้ระส่ำระสายอิกเปนครั้งที่สอง คิดถึงใครๆ หมดทุกคน ขอลาตั้งต้นที่จะเดินทาง มีแต่จะห่างกันไปทุกวัน แต่ที่ห่างจะห่างแต่กาย ใจคงจะผูกพันกลับไปบ้านทุกวัน วันละหลายหน ขออำนวยพรให้อยู่เปนศุขสบายด้วยกันทุกคน อนึ่งได้ซื้อต้นไม้ มีกล้วยไม้ดอกแดงเปนต้น ฝากอาภามาให้แม่ สำหรับจะได้ทำนุบำรุงปลูกให้งาม ถ้าพบที่อื่นจะส่งอิก.
พ่อขอลาทุกๆ คน ขอฝากความอาไลยไว้ทุกคนจนกว่าจะกลับ.
จุฬาลงกรณ์ ป.ร.
[๑] ลมจับ เปนคำแผลง หมายความว่าตระหนี่
[๒] สมเด็จพระ (ศรีพัชรินทรา) บรมราชินีนาถ
[๓] ทึ่ง เปนคำแผลง หมายความว่าใคร่ดู
[๔] สมเด็จพระจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัติวงศ
[๕] คือพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมขุนสุทธาสินีนาฏ พระมารดาของสมเด็จเจ้าฟ้านิภานภดล
[๖] พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ นพ ไกรฤกษ จางวางมหาดเล็ก
[๗] คือ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสรรพสาตรศุภกิจ
[๘] เด็กเงาะเมืองพัทลุง ทรงพระกรุณาเลี้ยงมาแต่น้อย
[๙] นายคนังเรียพระอรรคชายาเธอ ฯ ว่าคุณแม่
[๑๐] หลวงศักดิ ม.ร.ว. ลบ อรุณวงศ์ ณกรุงเทพ นายเวรมหาดเล็ก (ในรัชกาลปัจจุบัน เปนพระยาพิพิธไอสูรย์)
[๑๑] พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสมมตอมรพันธุ์
[๑๒] สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนนครสวรรควรพินิต
[๑๓] เจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ โต บุนนาค สมุหราชองครักษ์
[๑๔] พระรัตนโกษา เล็ก สุจริตกุล ได้เปนพระยาในคราวตามเสด็จ
[๑๕] นายพันเอก หม่อมนเรนทรราชา ม.ร.ว. สิทธิ สุทัศน ณกรุงเทพ ราชองครักษ์ ต่อมาเปนนายพล (ถึงรัชกาลปัจจุบันเลื่อนเปนพระยาสุรินทราชา แล้วเปนพระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร)
[๑๖] พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
[๑๗] พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์
[๑๘] โก้ เปนคำแผลง หมายความว่าทำเปนฝรั่ง
[๑๙] จับคาง เปนคำแผลง หมายความว่าระอา ว่าเบื่อ
[๒๐] หลวงสรลักษณลิขิต มุ่ย จันทรลักษณ (เดี๋ยวนี้เปนพระสรลักษณลิขิต)
[๒๑] เรือเมล์เยอรมันลำที่จะเสด็จไปยุโรปจากเมืองสิงคโปร์
[๒๒] เมื่อนายคนังหัดพูดไทยแต่ยังเล็ก รู้คำว่า “อร่อย” โดยได้กินอาหารที่ชอบ เลยจำคำนั้นมาใช้ในบรรดาการที่ชอบว่า “อน่อย” ทุกอย่าง.
[๒๓] ในโคลง ๓ บทนี้ มีชื่อหม่อมกรมหลวงปรจักษ ฯ ครบหมด
[๒๔] คือนิราสลอนดอนที่หม่อมราโชทัยแต่งเมื่อรัชกาลที่ ๔
[๒๕] หม่อมเจ้าหญิงสารภี ในกรมหมื่นภูมินทรภักดี เปนหัวหน้าพนักงานห้องเครื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ในพระอรรคชายาตรัสเรียกว่า “ป้าภี”
[๒๖] หมายความว่ากรมขุนสรรพสาตร ฯ
[๒๗] พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
[๒๘] พระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชื่น บุนนาค)
[๒๙] พระยาดำรงสุจริต คอซิมก๊อง ณระนอง จางวางเมืองระนอง
[๓๐] หลวงฤทธิ ฟ้อน ศิลปี นายเวรมหาดเล็ก (ในรัชกาลปัจจุบันเลื่อนเปนพระยาบุษยรถบดี แล้วเปนพระยาไชยสวรรยาธิบดี)
[๓๑] สุลต่านอิบราฮิม ทรงคุ้นเคยมาตั้งแต่ยังเปนรายามุดา.
[๓๒] พระองค์เจ้าวิบูลยพรรณรังษี ในกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ และนายพลตรี หม่อมเจ้าศรีใสเฉลิมศักดิ์ ในกรมหมื่นบริรักษ์นรินทรฤทธิ์
[๓๓] คุณหญิงเนื่อง ภรรยาพระพิศาลศุภผล ฉาย พิศาลบุตร
[๓๔] เปนอเมริกัน เข้ามารับราชการเปนตำแหน่งที่ปฤกษา อยู่ในกระทรวงต่างประเทศ ได้เปนที่พระยากัลยาณไมตรี.
[๓๕] หม่อมเจ้าไศลทอง ในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม.
[๓๖] พระอนุชาเยอรมันเอมปเรอ เคยเข้ามากรุงเทพฯ
[๓๗] ชื่อ เครเลิต เปนเยอรมัน ตั้งห้างทำเครื่องทองเงินที่ตึกถนนบ้านตนาว.