พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๔

คืนที่ ๘๔

สถานราชทูตสยาม เมืองปารีส

วันอังคารที่ ๑๘ มิถุนายน ร.ศก ๑๒๖

หญิงน้อย

วันนี้เวลาเช้าไปที่สเตชั่น พบแกรนด์ดุ๊กไปคอยอยู่แล้ว มีข้าราชการหลายคนไปส่ง ได้ลากันโดยไมตรีอย่างยิ่ง ออกจากบาเดนบาเดนไปหยุดถอยน่าถอยหลังที่โอสช้านานตามเคย แล้วรถมาตามทางเมืองสตราสเบิคที่ไปวันก่อน เขตรแดนเยอรมันที่ต่อกับเมืองฝรั่งเศสในแถบนี้ดูไม่มีหลักอะไร น่าจะต่อกันที่เขาโวเคซาน ซึ่งเปนเขาหมู่ใหญ่ขวางน่าอยู่ ก็ไม่ยักต่อกันที่นั่น ในเขานี้มีบ้านเรือนคนมาก มีตำบลใหญ่ที่รถหยุด เรียกว่าซาบาน ในหว่างเขานี้ได้ลงมือมีคลองอย่างแถบเมืองฝรั่งเศสเปนต้นไป คลองนั้นคือลำธารเดิมมีอยู่ริมชายเนิน ถ้าจะแต่งลำธารนั้นจะลำบากกว่า เขาจึงขุดเสียใหม่บนเนิน สูงกว่าลำธารขึ้นไปมาก ขุดเปนลำคลองเรือเดินได้ ปิดทำนบกั้นน้ำที่จะตกลำธารเดิมเสีย พอให้ต่ำกว่าฝั่งคลองสักนิดหนึ่ง น้ำคงเต็มฝั่งคลองอยู่เสมอ ถ้าน้ำมากจะล้นคลองก็คงบ่าลงทางทำนบที่ต่ำกว่าคันคลองตกลงในลำธารเดิม คลองนี้ใช้ได้ตลอดไม่ว่าที่สูงที่ต่ำ ถ้าแนวคลองเปนรดับเดียวกันก็ไม่ต้องทำอะไร ถ้ารดับคลองสูงขึ้นไปตามรูปเขาก็ตั้งประตูปิดน้ำไว้ บางทีประตูน้ำอยู่ใกล้ๆ กันไม่ห่างเท่าใด เท่ากันกับเรือขึ้นกระไดได้เปนคั่นๆ ขึ้นไป มีทางโยงข้างคลองแคบๆ สำหรับใช้ม้าโยงเรือ เรือนั้นทำนองเปนเรือลำเลียง ยาวแต่แคบหน่อยหนึ่ง บรรทุกเพียบๆ น้ำในคลองไม่ใคร่ไหลแรงด้วยมีทำนบกั้นเปนตอนๆ จึงไม่กัดตลิ่งคันคลองให้พัง คลองนี้คดเคี้ยวไปตามซอกเขา ตั้งแต่ที่ต่ำขึ้นไปจนถึงที่สูง ส่วนรถไฟที่มานั้นตัดทางตรง เพราะฉนั้นจึงต้องลอดถํ้าลอดปล่องใต้ภูเขาบ่อยๆ พอหมดปล่องที่สุดก็เปนท้องทุ่งถึงเมืองชาเบิค ไปอิกหน่อยหนึ่งจึงถึงดอยชะอาวริคอรต์ ซึ่งเปนสเตชั่นที่สุดเขตรแดนเยอรมัน มีระหว่างกลางอิกข้างหนึ่งเรียกว่า อิคเนอาวรีคอรต์ เปนที่สุดสเตชั่นข้าง (อินเย) คูรต์ ฝ่ายฝรั่งเศส ในหว่างสเตชั่นทั้งสองนี้เปนพรมแดนสองประเทศต่อกัน ความเปลี่ยนแปลงได้มีในทันที คือข้างฝ่ายสเตชั่นเยอรมันก็เปนเจ้าพนักงานเยอรมัน มีทหารกองต่างๆ มาเดินขวักไขว่อยู่ ข้างฝ่ายสเตชั่นฝรั่งเศสก็เปลี่ยนเปนพนักงานฝรั่งเศสทันที มีทหารมาเดินขวักไขว่อยู่เหมือนกัน เจ้าพนักงานภาษีก็กวดขันทั้งสองฝ่าย ต่างกันทั้งกิริยาอาการรูปพรรณสัณฐานแลการแต่งตัว แต่การรักษาสเตชั่น แลรักษาทางรถไฟ ข้างฝรั่งเศสเปนรองเยอรมัน ได้ลงจากรถไฟไปขึ้นรถกินเข้าที่สเตชั่นหลังนี้ รถผ่านแลได้หยุดที่เมืองลอเนวีล บลานวีล แลนองซี รถต้องเข้าถ้ำอิกหลายตอนแต่ไม่สู้ยาวนัก กำลังเดินจากรถกินเข้ามารถที่นั่ง ผเอินเข้าถ้ำต้องเดินคลำกันเสียงอม เหมือนท้าวจุลนีในเรื่องมโหสถ เมืองนองซีนี้เปนเมืองใหญ่มาก ที่จริงถ้าหากว่าไม่ใช่จะไปปารีส เปนเมืองอื่น คงจะได้แวะอยู่วันหนึ่งฤๅสองวัน แต่นี่เมื่อจะไปปารีสเสียแล้วก็ไม่มีใครแวะ อิกระยะหนึ่งก็แวะบาเลดุ๊ แลชลองเซอมานด รถในเมืองฝรั่งเศสนี้แวะน้อย ดูเดินเรื่อยเสียมากไม่ใคร่จะแวะ เหตุด้วยรถหลายสายหลีกกันสับสนไปเสมอ ที่จะไปหยุดตามเขตรแดนก็เปนรถสายหนึ่งต่างหาก ที่จะตรงมาปารีสก็เปนสายหนึ่งต่างหาก จึงได้แวะแต่น้อยแห่ง ต่อจวนจะมาถึงจึงได้หยุดบ่อยๆ แต่ไม่ใช่หยุดสำหรับเมืองใด เพราะคอยหลีกรถกันเท่านั้น

เรื่องเข้าเขตรแดนประเทศใดรู้สึกเปลี่ยนแปลงนี้ประหลาดมากไม่ใช่เปลี่ยนแปลงแต่ภาษาฤๅรูปพรรณสัณฐาน ภูเขาแผ่นดินป่าไม้มันเปลี่ยนไปได้ด้วยจริงๆ ไม่ใช่เปลี่ยนทีละน้อย เปลี่ยนต่างกันเร็ว ด้วยในเขตรแดนเยอรมันมีภูเขาก็เปนเขาจริงๆ ที่ราบก็ราบจริงๆ แต่เมืองฝรั่งเศสมีภูเขาจริงแต่ที่ต้องลอดถ้ำ นอกนั้นเปนแต่เทือกเขายาวๆ ยอดราบเหมือนตีเส้นบันทัด พื้นแผ่นดินที่ราบไม่ใคร่จะราบมาก มักเปนลูกเนินสูงๆ ต่ำๆ ลื่นๆ ไป แต่เห็นปรากฎได้แก่ตาชัดเจนว่าเปนแผ่นดินที่อุดมดีกว่าเยอรมนีเปนอันมาก การเภาะปลูกนอกจากเข้าสาลีมีต้นผักไม้ล้มลุกมาก คลองน้ำอย่างเช่นที่กล่าวมาแล้วมีมากพรรณาไม่ทั่ว ดูประหนึ่งการที่ควรจะพึงทำได้ทำแล้วบริบูรณ์หมดทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่จะขาดยังไม่ได้ทำอยู่อิก ในเรื่องบำรุงการเภาะปลูกแลการไปมาทั้งทางบกทางน้ำ จะยังเหลือสิ่งซึ่งจะมีเพิ่มขึ้นเสมอนั้นแต่โรงเครื่องจักรทำการ ได้ผ่านโรงหล่อเหล็กแต่ขี้เท่ากองสูงเปนพระเจดีย์แลเปนภูเขา ถึงต้องมีรถรางไปขน การเผาปูนถึงโยงสายลวดเปนตพานแต่ยอดเขาไปถึงเตาปูน ใช้ถังให้เดินไปตามสายลวดไม่ต้องขนด้วยล้อเกวียน บรรดาการทั้งปวงซึ่งทำตัดย่นโสหุ้ยให้น้อย ทำงานให้ได้มากที่สุดนั้นเหลือที่จะพรรณา เปนความคิดซึ่งยังจะเดินอยู่เสมอ แลเปนเรื่องที่ใครจะบอกไม่ได้ ว่าการสิ่งนี้ในสิบปีข้างน่าจะไม่ง่ายไม่ดีขึ้นกว่าที่ทำอยู่เดี๋ยวนี้ จนกลายเปนทำอย่างเก่าไปได้ ที่จะพยายามเล่าถึงความเจริญของวิชาในประเทศยุโรปเหลือที่จะพูดสั้นได้ ยิ่งคิดสำเร็จอย่างหนึ่ง ก็ยิ่งเห็นทางที่จะคิดอย่างอื่นได้ออกไป เฟื่องฟูขึ้นทุกที

บัดนี้ขอตัดว่ามาถึงเมืองปารีส จรูญนำมองสิเออมอลาต์ชีฟออฟโปรโตคลอแทนรัฐบาล เมเยอชลุมแบร์เคอมาต้อนรับในชื่อเปรสิเดนต์ มองสิเออโคติเยอิกคนหนึ่ง มาแทนเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศ แลมองสิเออริฟโฟลต์ ที่เปนทูตฝรั่งเศสคนเก่า กับพวกในลิเคชั่นของเรา แลเวสเตนกาด ฟลอเรียวกระทรวงคลัง มารับที่สเตชั่น เขาปลูกกระโจมไว้เปนที่สำหรับขึ้นรถ เมื่อได้สนทนากันแล้วขึ้นรถกับบริพัตร เมเยอชลุมแบร์เคอออกจากสเตชั่น มีคนดูเปนอันมาก ดูแสดงอัชฌาไศรยไมตรีดีกว่าเมื่อมาครั้งก่อน มีโห่ร้องบ้าง แต่ความที่เมืองใหญ่โตเหลือประมาณ ผู้คนแน่นหนาเต็มไปทั้งถนน รถต่างๆ หลีกแซงกันไปไม่หยุดไม่หย่อน เรามาเปนไปรเวต ไม่ได้แห่แหนอันใด พ้นจากสเตชั่นมาหน่อยหนึ่ง ก็ไม่มีใครดูแลอะไร มันหายไปในหมู่รถทั้งปวงนั้นเอง ที่ประหลาดใหม่ไม่เคยเห็นนั้น ในหมู่เอกสหิบิเชนซึ่งล่วงมาแล้ว สะลองที่สำหรับแขวนรูปอันงดงามตั้งขึ้น ถึงต้องถามว่าอะไร ได้ตรงมายังลิเคชั่น ๑๔ อาเวนิว เดโล ได้ปล่อยให้นายทหารนั้นกลับแล้วรับนักเรียน นางลัดดาคำ[๑๖๕] เปนผู้ยื่นช่อดอกไม้ ชายเขจร[๑๖๖] อิทธิเทพ[๑๖๗] ดำรัสดำรง[๑๖๘] ตาต่อ แลอิกสองคน แล้วขึ้นมารับพวกเมียข้าราชการ คือมะดัมดอเรลลี มะดัมเดอริกมัน มะดัมซาราซัง มัดมัวเซล ซาราซัง ลูกสาวมองสิเออซาราซัง มะดัมเกรฮาน แล้วขึ้นมาที่อยู่ จรูญพาช่างที่จะทำเสมาแลเหรียญราชสมบัติเท่าสมเด็จพระรามาธิบดีมาปั้นรูป รูปเก่ายังใช้ได้ แต่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงบ้าง ไม่มีเวลาที่จะปั้นพอ เขาจึงได้เอาดินสอวาดลงไว้ในรูปปั้นของเก่า อยู่ข้างจะเปนการด่วน เพราะถ้าช้าไปจะทำแล้วไม่ทันกลับ เพราะเปนจำนวนมากตั้งแสน

ลิเคชั่นนี้อยู่ข้างจะใหญ่โตมากกว่าแต่ก่อน ชั้นล่างมีห้องฮอลใหญ่ แลมีออฟฟิศ ขึ้นมาชั้นบนเปนห้องรับแขกถึงสามห้อง ห้องนั่งห้องหนึ่ง ห้องกินเข้าห้องหนึ่ง ถ้าจะว่าห้องกว้าง กว้างกว่าพระที่นั่งอัมพรอิก แต่ขึ้นกระไดอยู่ข้างจะฟกเต็มที เพราะไม่มีลิฟต์ ห้องที่พ่ออยู่เปนห้องชั้นสาม เท่ากับพระที่นั่งอัมพรชั้นสูง ยังมีต่อขึ้นไปอิกสองชั้น ชั้น ๔ เปนที่ผู้ดีอยู่ แต่ชั้น ๕ เปนที่บ่าวอยู่ ข้างหลังมีโรงรถ มีสวนเล็กๆ การตกแต่งพร้อมเพรียงดีหมด ขาดอย่างเดียวแต่ลิฟต์ วันนี้กินเข้าพร้อมกัน แล้วสนทนากัน ไม่ได้ไปไหนต่อไป เปนอันหยุดพัก เพราะเดินทางมากชั่วโมงอยู่ข้างจะฟก

• • • • • • • • •

คืนที่ ๘๕

วันพุฒที่ ๑๙ มิถุนายน

เช้า ๔ โมงไปดูสะลอง ที่สะลองนี้เปนตึกหลังคากระจก ตามผนังเปนเล่าเต๊งรอบ คำที่เรียกว่าเล่าเต๊งนี้ เปนคำเจ๊กดูอยู่ข้างสกปรก แต่จะหาคำไทยให้เหมาะไม่มี ถ้าภาษาอังกฤษเรียกแคละรี แต่มันไม่ใช่ตรงยืดไปเฉยๆ มีออกมุข ถ้าจะว่าใหม่ เห็นจะค่อยง่ายขึ้น คือเปนตึกอย่างศาลายุทธนาธิการ แต่รูปร่างไม่เปนเหลี่ยมตรงๆ เช่นนั้น มุงหลังคาด้วยกระจก ที่สนามก็มุงหลังคาด้วย สนามนั้นคงเปนพื้นดิน ตั้งตุ๊กตาทำด้วยศิลาบ้างด้วยปลาสเตอบ้าง หล่อทองแดงบ้าง เต็มไปหลายร้อยตัว ตามเฉลียงรอบในตั้งตุ๊กตาอย่างย่อมๆ ฝาติดรูปภาพต่างๆ ส่วนในประธานรอบนั้นติดรูปภาพสีน้ำมัน ได้ไปเดินดูอยู่สองชั่วโมงเต็มๆ เปนอันนับว่าได้ดูส่วนหนึ่งใน ๔ ฤๅอย่างมากก็ใน ๓ ของสิ่งซึ่งมีอยู่ในนั้นแต่รูปภาพถึงสามพันแผ่นกว่า ทั้งที่ได้คัดเลือกออกเสียแล้วไม่ยอมรับประมาณสักสองพัน รูปที่ได้ติดอยู่ในสะลองนี้ มีอย่างโมเดอนน้อยกว่าอย่างเก่า แต่ถึงจะเปนโมเดอนก็เปนอย่างดี ไม่เหมือนกับเช่นที่พ่อเคยเกลียดมา ได้เห็นรูปองค์ศรีสวัสดิ์เขาปั้นด้วยดินอยู่ในนั้น ออกจะปั้นดี เวลาเที่ยงตกลงต้องเลิกพักไว้ที เพราะกำหนดเวลารับแขกบ่าย ๒ โมง ต้องกลับมากินเข้า

ตั้งแต่บ่าย ๒ โมงไปจนบ่าย ๔ โมง เปนเวลารับแขก ตั้งต้นมองสิเออปิชอง เสนาบดีว่าการต่างประเทศ แล้วบารอน เอลี ดอยเซล เปนหัวน่าแบงก์เดอลินโดชีน ราชทูตจีน มองสิเออเบอนารด์ แลคนอื่นอิก ที่มาเซ็นชื่อเปล่าๆ ก็มาก มีมองสิเออดูแมร์แลเดอฟรานศ์เปนต้น ทั้งเสนาบดีในตำแหน่ง

เวลาบ่าย ๔ โมงไปเยี่ยมเปรสิเดนต์กับบริพัตรที่วังอิลิเซ มีทหารรับแบตาเลียนหนึ่ง จรูญเปนล่าม เปรสิเดนต์ไม่พากภูมเหมือนอย่างมองสิเออเฟลิกซ์โฟร์ แต่ดูเปนคนอัชฌาไศรยเรียบร้อย พูดจาปราไสยดีมาก กลับมาแล้วได้เจ้าพระยาสุรวงษ์นำตราจักรีไปให้สักครู่หนึ่งก็มาเยี่ยมตอบที่ลิเคชั่น ติดผ้าสีเหลืองที่ดุมเสื้อมาเสร็จแล้ว พอมาถึงก็ชี้ให้ดูว่าได้ติดมาแล้ว นั่งสนทนากันอยู่ข้างจะนาน ทั้งไปเยี่ยมแลมาเยี่ยมตอบ

เปรสิเดนต์ไปแล้วจึงได้ไปเที่ยวร้าน แต่ได้ไปที่ช่างหล่อในเรื่องที่จะหล่อรูปซึ่งตกลงกันให้ทำสำหรับจะไปตั้งในบางกอก[๑๖๙] เขาได้ปั้นตัวอย่างลองขึ้นไว้แลเลือกรูปม้า ตัวอย่างที่ปั้นไว้นั้นสองอย่าง คือรูปขี่ม้าอย่างหนึ่ง รูปที่จะทำเล็กๆ อย่างหนึ่ง สั่งให้เขาเลือกเนื้อทองไว้ให้ดูด้วย แบ่งเปน ๔ ชั้น ชั้นที่ ๑ แลชั้นที่ ๓ แปลกกันแต่แต่งตัวเรียบขึ้นแลแต่งไม่เรียบ ราคาผิดกันถึง ๒ ปอนด์ ชั้นที่ ๒ เปนสีดำ ไทยคงไม่ชอบ ชั้นที่ ๔ ผิวทองหยาบเกินไปคงไม่ชอบ ถ้าที่ ๑ กับที่ ๓ ทำไปทั้งสองอย่าง คนคงหันลงซื้อข้างถูก ที่ ๑ เห็นจะไม่ออก จึงได้ทำแต่ที่ ๓ เขาขอให้ถ่ายรูปไว้ให้ทั้งสี่ด้าน พรุ่งนี้จึงจะได้ไปถ่าย กลับมาก่อนเวลากินเข้า เมื่อกินเข้าแล้วไปดูออปราคอมมิก เพราะเหตุที่วันซึ่งจะได้ดูอะไรได้มีอยู่วันเดียวเท่านั้น จึงได้เลือกไปดูออปราคอมมิกที่ครองด์ออปราได้เห็นแล้วเมื่อมาคราวก่อน แต่ออปราทั้งสองนี้ก็เปนของรัฐบาลอุดหนุนทั้งสองโรง เพราะการลงทุนมันมาก ถ้าเล่นแต่ลำพังทางได้ไม่คุ้มทุน เมืองปารีสเปนเมืองใหญ่สาหัส จึงได้เล่นได้เสมอทั้งในฤดูแลนอกฤดู พิณพาทย์ดีอย่างยิ่ง มะดัมคาเรเสียงเพราะด้วยเล่นดีด้วย การที่เสียงดีแลเล่นดีนั้นหายากนัก ได้ส่งเรื่องมาให้ดู แต่มีความเสียใจที่เปนภาษาฝรั่งเศสจะได้แต่ดูรูปพอเปนเค้า เรื่องนั้นก็ไม่มีอะไรเท่าไร คือหมอความมีเมียสรวย เมียเปนชู้กับกับตันนายทหาร หมอความอิกคนหนึ่งพาลูกศิษย์มาฝาก ลูกศิษย์คนนั้นเปนคนหนุ่ม เมื่อแรกไม่สมัคจะมาเปนลูกศิษย์ตาหมอความที่มีเมีย ต่อมาเห็นเมียของแกเข้าจึงสมัค อยู่มาพวกเสมียนของตาหมอความมาบอกว่าเห็นคนแวบวาบเข้ามาในห้องสงไสยว่าเมียจะมีชู้ ตาผัวก็คอยจับแล้วเข้ามาค้น นางเมียเอาชู้ทหารนั้นซ่อนไว้ในตู้ผ้านุ่ง เมื่อค้นไม่พบแล้วก็ขอโทษเมีย เอาเปนเลิกแล้วแก่กัน ส่วนเจ้าคนหนุ่มที่มาอยู่ด้วยไปรับใช้สอยนางผู้หญิงนั้นๆ แต่แรกก็ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กหนุ่มนั้นรัก จนร้องเพลงแย้มพรายออกมาจึงเข้าใจ ก็ออกสงสารนึกรักขึ้นมา เมื่อเวลาที่เกี้ยวพานกัน นางนั้นไปตัดดอกกุหลาบแดงมาถือ เจ้าหนุ่มนั้นก็ไปขอ นางนั้นทำกระบวนเสียใหญ่เหมือนอย่างกับโกรธ สบัดสบิ้งไปแล้วทิ้งดอกกุหลาบให้วิ่งกลับเข้าเรือน ที่ตรงนี้ทำดีจริงๆ คราวนี้นายทหารมา เจ้าหนุ่มนั้นหลบไปแอบอยู่ข้างเรือนเห็นนางนั่นออกมารับหยอกเอินกันก็เข้าใจ จึงได้ขว้างดอกกุหลาบที่นางให้นั้นเสีย ต่อไปเปนอันต่างคนต่างรู้กันทั้งนายทหารแลเจ้าหนุ่ม นายทหารนั้นหึงษ์จึงล่อให้นางนั้นเขียนหนังสือเรียกให้เจ้าหนุ่มมา แล้วไปจัดการให้ตาหมอความมาคอยจับ นางนั่นเผลอไปเขียนหนังสือให้แล้วจะเรียกคืน ปล้ำแย่งเท่าไรก็ไม่ได้ นายทหารพาไปเสียแล้ว จึงนั่งเปนทุกข์อยู่ พอเจ้าหนุ่มนั้นมา ด้วยความตกใจเปนอันมาก พอตาผัวกับนายทหารมาจับ ก็เอาเจ้าหนุ่มนั้นซ่อนไว้เสียอิก ตาผัวกับนายทหารค้นไม่พบ เลยต้องไปจูบมือเมียขอโทษอิก พอตาสองคนนั้นไปแล้ว เจ้าหนุ่มออกจากที่ซ่อนกอดกัน ก็ปิดม่านเลิก เปนเวลา ๒ ยามกลับ ได้หมายรูปในสมุดตามที่ได้เห็นมาให้ด้วย มะดัมคาเรคนนี้เปนเมียของผู้จัดการออปรานี้ ร้องเสียงดีนัก ตาหมอความก็ดีมาก ร้องเสียงห้าวแลเปนตลก ที่เขียนเรื่องลครลงไว้ในรายวันนี้ เพราะพ่อนึกว่าลูกคงอยากจะรู้

• • • • • • • • •

คืนที่ ๘๖

วันพฤหัศบดีที่ ๒๐ มิถุนายน

เวลาเช้าไปดูรูปที่สะลองอิกคราวหนึ่งสองชั่วโมง รวมเบ็ดเสร็จเปนสี่ชั่วโมงจึงได้ทั่ว สะลองใหญ่ตอนหนึ่ง แล้วมีออกไปข้างหลังอิกตอนหนึ่ง ได้ลงทางข้างหลัง แล้วไปดูร้านอื่นๆ ต่อไปอิก จนถึงเวลากินเข้ากลับมากินกลางวัน

วันนี้มีเหตุซึ่งจะเปนจะต้องเปลี่ยนแปลงการไปใหม่อิก คือเรื่องที่หัวเมืองฝรั่งเศสข้างใต้เกิดหยุกหยิกขึ้นด้วยเรื่องน้ำองุ่นจริงน้ำองุ่นปลอมนั้น ราษฎรเห็นว่ากฎหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ป้องกันนั้นไม่พอ จะเร่งให้รัฐบาลตั้งกฎหมายแก้ไข จึงได้พากันลุกลามกำเริบขึ้น รัฐบาลส่งทหารไปก็ต่อสู้ ถึงยิงกันตาย ราษฎรตายสามคน ยังตระเตรียมจะต่อสู้ต่อไปอิก จึงต้องส่งทหารอิก เสนาบดีต้องประชุมกันแลประจำน่าที่จนการที่จะเลี้ยงดินเนอในค่ำวันนี้จะต้องขาดเสนาบดีไปมาก พ่อเห็นเขาป่วนปั่นกันอยู่ จะไปนั่งกินเลี้ยงในเวลาเขาวุ่นวายดังนี้ ดูเปนไม่มีอัธยาไศรย พ่อจึงได้สั่งนายทหารที่มาประจำให้ไปบอกเปรสิเดนต์ว่ารู้ข่าวความลำบากของรัฐบาลเกิดขึ้น ก็มีความเสียใจ เห็นว่าการที่จะเลี้ยงเวลาค่ำจะเปนความลำบาก ขอให้งดไว้เสียเถิด อันที่จริง การที่จะเลี้ยงวันนี้ เปรสิเดนต์ได้บอกแต่วันแรก ว่าจะเชิญแต่เสนาบดีแลปลัดทูลฉลองกับผู้ที่มีการเกี่ยวข้องอยู่กับเมืองไทย แลได้ส่งร่างสปิชมาด้วย เรากำลังร่างตอบกันอยู่ เมื่อตกลงเปนเลิก ก็เปนอันเลิกได้หมด แต่เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศอยู่ข้างจะอึดอัดรำคาญ ว่าจะมาหาขอโทษเอง คอยอยู่จนสามโมงก็มาไม่ได้ ขอผัดไปพรุ่งนี้ เพราะติดประชุมเซเนต การที่ขอผัดไปนั้น เพราะกลัวคำที่รับไว้ว่าเซเนตจะได้โวตเรื่องสัญญาในวันนี้ ไม่ได้โวตก็จะต้องมาผัดอิกครั้งหนึ่ง จึงตกลงเปนอันเราได้เที่ยวอิกวันหนึ่งไม่ป่วยการมาปารีสทั้งที อันที่จริงก็ไม่ใช่จะเที่ยวอย่างเดียว เปนราชการอยู่บ้าง

เวลาบ่าย ๔ โมงจึงได้ออกจากสถานทูตไปถ่ายรูปก่อน การถ่ายรูปนี้เพื่อจะทำสเตชู เขาขอให้ถ่ายสี่ด้านแลอยากจะให้แต่ยุนิฟอมใหม่ แต่ผเอินยุนิฟอมไม่อยู่หมด เขาเอาไปทำตัวอย่างตัดยุนิฟอมใหม่ เหตุด้วยของเก่านั้นคับใช้ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะอ้วนอย่างเดียว เพราะเสื้อในหนาด้วย ที่ซึ่งถ่ายรูปนี้ ถ้าถ่ายในเมืองแล้วอาการหนัก ไปเห็นที่สตราสเบิคมันถ่ายอยู่ชั้นยอด ได้ออกปากแล้วว่าอ้ายนี่ขืนให้ขึ้นไปถ่ายรูปไม่ถ่ายจริงๆ แต่ที่ไหนวันนี้ถูกเหมือนกันกับที่ว่าว่าจะไม่ถ่ายนั้นเอง มันขึ้นไปอยู่ถึงชั้นที่ ๗ นับแต่ชั้นพื้นดินขึ้นไป เปนชั้นหลังคา เพราะความจริงถ้าจะไม่ขึ้นไปอยู่เช่นนั้นไม่มีแดด แต่รอดตัวที่มีลิฟต์ ขึ้นตั้งแต่พื้นดินทีเดียวตลอดถึงชั้น ๗ ดุ๊กกับจรูญไปด้วย ถูกขึ้นกระไดเกือบตาย ถ่าย ๔ ด้าน แล้วเขาขอถ่ายสำหรับร้านเองต่างหากด้วย

ถ่ายรูปแล้ว ไปที่สตูเดียวมองสิเออคาโรลัสดูรัง แกช่างอยู่ไกลเสียลิบลับ ไปถนนใหญ่แล้วจึงถึงถนนเล็กๆ เข้า ยังต้องไปเข้าในถนนที่มีรั้วกันอิกจึงถึงที่อยู่ ที่จริงมันก็เปนการจำเปน เพราะจะอยู่ในเมืองที่เสียงรถม้าลั่นก้องอยู่ แกไม่มีสมาธิ จึงได้ออกไปอยู่เสียห่าง ตามแถบที่อยู่นั้น มีขายเครื่องเขียนน้ำยาแลพู่กันต่างๆ เปนที่ช่างเขียนเขาอยู่กัน แต่กระไดขึ้นอยู่ข้างลำบาก สตูเดียวมีสองห้อง ที่จริงดูออกจะร้างๆ สู้ของตาเยลลีไม่ได้ นั่นของแกสนุกแลสอาด นี่อยู่ข้างจะทิ้งรกๆ ห้องนอกที่ตั้งรูปไว้ค่อยยังชั่ว แต่ห้องในยิ่งรกหนักขึ้น แต่ขาดอ้ายนาฬิกาซึ่งหน้าตาเหมือนทำด้วยตกั่วที่เคยมีในวังนั้นไม่ได้ ต้องมีอันหนึ่งเหมือนกัน รูปครึ่งตัวหน้าดีกว่าเต็มตัว ถ้าเวลาแลดูใกล้ดูไม่เหมือน ออกมาไกลดีขึ้น ถ้ายิ่งดูในกระจกเงาอิกด้านหนึ่งยิ่งเหมือนมาก เปรสิเดนต์ได้สรรเสริญมองสิเออดุรังมาก ว่าเปนช่างอย่างสูงวิเศษ ที่ได้เลือกให้เขียนนั้นถูก ความจริงเขาเขียนด้วยความกล้าเปนอันมาก ตั้งใจจะอวดฝีมือ ว่าช่างเขียนผู้อื่นจะทำได้โดยยาก ฤๅทำไม่ได้ทีเดียว เพราะเลือกเอาสีเหลืองหมดทั้งแผ่น ดาดหลังก็ใช้กำมหยี่เหลืองพื้นก็ใช้เหลือง เครื่องแต่งตัวเสื้อครุยก็เปนสีเหลือง สายตพายแลตราทั้งปวงก็เปนสีเหลือง ผิวหน้าก็เหลือง เสื้อขาวก็เปนลักษณเหลือง คงที่ตัดสีอยู่แต่กางเกงดำกับสีแดงที่หัวไหล่เท่านั้น แกอยากจะอวดเขามาก จึงขออนุญาตที่จะเอาไปตั้งในสะลองสัก ๗ วัน พ่อก็ยอม รูปที่เขาเขียนๆ ไว้ มีแผ่นโตๆ เท่ารูปหมู่ที่ห้องไปรเวตพระที่นั่งจักรีหลายแผ่น มีเทวดาน้ำองุ่นแผ่นหนึ่งเขียนดีมาก มีคนกว่าสิบคน ตั้งราคาสองพันปอนด์ แฟมะลีของแกเองมากคนด้วยกัน รวมทั้งตัวเองด้วยก็มี มีรูปการิเกชั่วแผ่นหนึ่ง ซึ่งเจ้าแผ่นดินโปรตุเกสเขียนเมื่อเวลาเขาเขียนรูปพระมเหษี เขาให้รูปของเขาเองสองรูป ออกจากบ้านมองสิเออดุรัง มาแวะกินน้ำชาแห่งหนึ่งตามทาง ทำไอสกริมดีเปนอย่างยิ่ง แล้วเที่ยวต่อไปจนถึงเวลากินเข้า ไปกินเข้านอกบ้านแล้วเที่ยวต่อไปอิกจน ๕ ทุ่มเศษ เกือบ ๒ ยามจึงได้กลับ

ฝอยในการเรื่องเที่ยวแลกินเข้าเหล่านี้ต้องแบ่งไว้ต่างหาก เพราะเหตุที่เปนการปิดไม่ได้ให้ใครรู้ ที่กินเข้านั้นคือไปที่ตาทำเป็ด ซึ่งเปนเรื่องสำหรับล้อเยนตราอยู่ ที่แท้เยนตราแกไม่ได้เคยไปถึงโรงตานี่ นายใจพาไปเที่ยวกินที่ชองอิลิเซถนนในเมืองเท่านั้น ที่ที่ตาเจ้าของครูเป็ดแกอยู่นั้น อยู่ฟากข้างโน้นริมแม่น้ำเซน เปนโรงเรสเตอรองต์สามัญ ชื่อแปลเปนภาษาไทยเรียกว่าหอคอยเงิน ตาผู้ที่เปนเจ้าของเรสเตอรองต์นั้นเคยเปนคนทำครัว ไม่ใช่ทำแต่เป็ดอย่างเดียว กับเข้าต่างๆ ของแกมีมากที่แกนึกเองไม่มีที่ไหน ใครเลียนเอาไปทำก็ทำไม่เหมือน พ่อได้ส่งบาญชีกับเข้า ทั้งมีบทกลอนสรรเสริญ แลบอกจำนวนเป็ดตัวที่กินเปนนัมเบอร์ที่เท่าไร เป็ดที่กินนี้สองตัว ตัวหลังที่สุดนัมเบอร์ ๒๘๓๔๘ คิดดูตั้งแต่แกตั้งมา คงมีคนกินปีละ ๑๐๐๐ ตัวเศษ การเลือกกับเข้าเอาบาญชีมาให้เราเลือก แต่เราเลือกพุ่งไปตามบุญตามกรรมแกไม่ชอบก็อึดอัด ถ้าปล่อยให้แกเลือกเองแล้วคิดเรื่อยทีเดียว วันนี้ได้ปล่อยให้แกคิด ตั้งต้นออเดิฟ แล้วถึงซุป ซุปนั้นค่นเผละ แต่อร่อย ต่อไปถึงปลา น้ำซ้อดกุ้งเปนตัวๆ ของแกก็อร่อยอิก แปลกไม่เคยกินที่ไหนนั้นแล คราวนี้จึงถึงเป็ด กับเข้าอื่นๆ นั้นแกนั่งบัญชา แต่ถ้าถึงเป็ดเข้าแล้วต้องกุลีกุจอเอง ตั้งต้นแต่ฆ่าเป็ดถอนขนแล้วเอาเข้าเตาย่าง พอกินปลาแล้วเสร็จก็ได้ยกเป็ดขึ้นมาทำ ลูกสมุนของแกคร่ำหวอดทั้งนั้น ขึ้นมาจัดโต๊ะที่จะทำเป็ดนั้นก่อน เอาเครื่องอัดมาตั้งไว้ริมโต๊ะข้างหนึ่ง แล้วตั้งถาดแลเตาออลกอฮอที่รองถาด มีจานหลายใบ พริกไทยเกลือแลไม้ขีดไฟ มีเปลซ้อด ๒ เปลซึ่งรับเลือดเป็ดฤๅน้ำที่ย่างเป็ดมาจากเตา การที่จะหั่นนั้นไม่ได้ใช้มีดใหญ่ซ่อมใหญ่ ใช้มีดซ่อมโต๊ะธรรมดา แต่มีดของแกคม แรกมาถึงก็ลงมือหั่นขาออกก่อนทั้งสองตัวแล้วฝานน่าอกเปนชิ้นบางๆ วางลงในถาดปนกับโลหิตซึ่งจะเปนน้ำซ้อด หั่นปีกด้วย ครั้นหั่นเสร็จแล้วถลกหนังด้านข้างหลังแลตัดก้นออกทิ้งเสียเอาแต่ตัว ทาเกลือพริกไทยมาก แล้วตัดกลางเปนสองท่อน เอาลงในเครื่องอัด แล้วหมุนเครื่องอัดให้เลือดเดินลงไปในถาดจนหมด แล้วจึงได้จุดตเกียงดวงเดียวก่อน ภายหลังจึงเอามือจิ้มออลกอฮอ จุดไฟไปจุดอิกดวงหนึ่ง คราวนี้พอน้ำที่ในถาดนั้นร้อนก็ตักรด แลกลอกปากถาดด้วยเหตุใดไม่รู้ รดบ้างคนบ้างไปจนซ้อดนั้นค่น แล้วจึงเติมโลหิตลงไปอิก รดไปใหม่กลอกไปใหม่ แล้วก็เรียงเนื้อเป็ดในถาดนั้น โรยพริกไทยอิกชั้นหนึ่ง แล้วจึงได้ยกมาเลี้ยง เป็ดนั้นสุกดี ไม่ดิบๆ สุกๆ อย่างเช่นเยนตราทำ น้ำซ้อดท่วมเนื้อ ถึงปลาก็น้ำซ้อดท่วม ไม่ได้ใส่มนาวใส่เหล้าอะไรอย่างเช่นเยนตราทำ ของแกอร่อยมาก ครั้นกินเป็ดนี้แล้ว คราวนี้ถึงขาเป็ดที่เอาไปย่างใช้ย่างแห้ง เปนหมดเรื่องกับเข้ากัน คราวนี้ถึงของหวาน ลูกไม้ต่างๆ คือ สตรอเบอรีใหญ่ สตรอเบอรีเล็ก ลูกแปร์ เชอรี คว้านแลหั่นเปนชิ้นเล็กๆ ผสมน้ำตาล เจือปอตไวน์ แล้วเอาเข้าในตู้น้ำแข็งให้เย็น ของหวานสิ่งเดียวเท่านั้น คราวนี้ถึงบุหรี่ ประมาทแกว่าคงไม่มีบุหรี่ดี ที่ไหนแกลากออกมาเก่งๆ ทั้งนั้น

ครั้นกิจเข้าเสร็จแล้วปฤกษากันว่าจะไปดูอะไรดี ที่ดีซึ่งควรจะดูก็แต่ออปราใหญ่ ฤๅออปราคอมมิก แต่จำจะต้องแต่งตัว ครั้งจะกลับไปแต่งตัวแล้วกลับออกมาดูอิกทีก็อืดเกียจคร้านเต็มที กระไดลิเคชั่นมันไม่ใช่เล่น ต้องขึ้นสองทอดทอดละสองทบจึงถึงห้องพ่อ เลยลา ครั้นจะไปดูที่มิวซิกฮอลที่จุดไฟสว่างอยู่สองข้างถนน ก็กลัวจะต้องไปนั่งเปิดเผยคนเห็นเสียพระเกียรติยศเปนซุกซนไป เพราะเวลานี้คนในปารีสกำลังมาก เต็มไปด้วยคนผู้ดีคนมั่งมี มาแต่ต่างประเทศ พ่อพึ่งรู้สึกเห็นจริงในคราวนี้ ว่าเมืองปารีสนี้มันเปนเมืองบรมศุข จะหาแห่งใดในเมืองๆ ด้วยกันเสมอเหมือนเปนไม่มี อากาศแจ่มใสร้อนเย็นพอสบาย จนไม่ต้องนึกถึงว่าร้อนฤๅเย็น ขึ้นรถไปในกลางถนนเปนรถเปิดไม่ใส่เสื้อคลุมชั้นนอกก็ไม่หนาว ขึ้นรถปิดฝากระจกก็ไม่ร้อน ไปในกลางแดดแลเห็นสว่างแจ๋ก็ไม่ร้อนกลับสบาย กลางคืนจนกระทั่งห้าทุ่มเศษสองยามไม่ต้องใช้เสื้อโอเวอโก๊ตเลย นั่งกลางแจ้งก็ไม่หนาว ที่ว่านี้เฉภาะในเดือนมิถุนายนที่พ่อมา ไม่กล้าพูดถึงเดือนอื่นซึ่งไม่เคยเห็น เปรสิเดนต์ได้บอกพ่อว่าเดือนนี้เปนดีที่สุด คราวก่อนมาไม่รู้สึกว่าดินฟ้าอากาศเปนอย่างไร ตาเหมือนใยแมงมุมพาน ใจฅอเหมือนตีไข่[๑๗๐] คราวนี้แลเห็นความดีของปารีสได้ มิน่าใครๆ เขาชอบกันหนัก มันสบายจริงๆ การที่จะเที่ยวเตร่อย่างหนึ่งอย่างใดเที่ยวได้หมด ตกลงเปนหาที่ไปดูอย่างสัพเพเหระ ได้แบ่งกันไปคนละพวก พ่อไปกับบริพัตรแลจรูญ กลับมาถึงที่อยู่เกือบ ๒ ยาม

เมืองปารีสเปนเมืองที่นับว่างามที่หนึ่งในยุโรปจริงๆ ของเขาถนนคงจะตัดเปน ๘ แพร่งฤๅ ๖ แพร่งออกจากวงกลมฤๅวงเหลี่ยมกลางๆ ในที่หว่างถนนประชุมเช่นนี้ ใหญ่ที่สุด คือปลัศเดอลาคองคอรด์ แปลว่าสนามสามัคคี แต่ชื่อนี้ไม่สมกับสนามนั้น ด้วยในเวลาริโวลูชั่นได้ฆ่ากันตาย ศพก่ายกันไปในสนามนี้ กลางสนามมีเสาโอบลิกที่ได้มาแต่อิยิปต์ มีน้ำพุใหญ่สองข้าง ที่เรียกว่าสนามอย่าเข้าใจว่าหญ้า ไม่ใช่สนามหญ้า เปิดเปนถนนตลอด ยกแต่แท่นเหมือนเช่นที่เสาชิงช้า มีน้ำพุใหญ่แลเสาโคมนับไม่ถ้วน ถ้ายืนในกลางสนามนี้แลไปดูทิศใดคงจะมีสิ่งซึ่งปลูกสร้างไว้ใหญ่ ให้แลเห็นเปนที่สังเกตในที่สุดถนน เช่นอากตรองฟองประตูไชย แกรนด์ออปรา เชมเบอเดปุตี แลวัด เปนต้น ทุกทิศ เมื่อไปตามถนนสายในสายหนึ่งที่แลเห็นนั้นแล้ว ไปมีสนามแลมีทางแยกออกไปอิกอย่างเดียวกันกับสนามใหญ่นี้ แลมักมีเครื่องสังเกตในที่สุดถนนอย่างเดียวกัน ถนนที่ทำเหมือนใยแมงมุม เหลือที่ผู้มาใหม่ๆ จะจำได้ แต่ถึงอย่างนั้น ยังรู้สึกได้ว่า จำง่ายกว่าที่อื่นๆ เพราะมีสิ่งสำคัญเปนที่สังเกตดังที่ว่านี้ รถสารพัดทุกอย่างที่จะพึงมียกไว้แต่รถแฮนซัมแคบที่มีปิดน่า อันมีแต่เฉภาะเมืองอังกฤษ นอกนั้นมีสารพัดทุกอย่าง รถออมนิบัศทั้งเทียมม้าสามแลสตีมแลเอเลกตริก รถโมเตอคาร์สารพัดทุกอย่าง จนกระทั่งโมเตอคาร์ ๒ ชั้น คนนั่งแน่นคลัก เดินแซงเสียดกันไปหาระหว่างไม่ใคร่จะได้ รถต้องเดินช้าๆ เลื่อนไปตามกันในถนนที่รถมากๆ ในถนนที่ใหญ่ๆ มีทาง ๓ ทางก็มี แต่ทางคนเดินคงจะกว้างที่สุดไม่ว่าถนนเล็กฤๅใหญ่ ถ้านั่งดูในที่แห่งใดข้างถนน จะแลเห็นคนเดินเหมือนอย่างกับจอกที่ไหลลอยมาตามกระแสน้ำ รถที่เดินไปมาเหมือนกับแพแลสวะในเวลาน่าน้ำ บางทีการเดินทาง ถึงจะไปด้วยรถโมเตอคาร์ก็อยู่ข้างจะช้ามาก เพราะติดต้องรอกัน จะเสียดแซงแข่งกันไปไม่ได้ โปลิศอยู่ข้างกวดขัน เวลาบ่ายคนลงมานั่งเล่นข้างถนนใต้ต้นไม้เต็มไปไม่ได้ขาดจนกลางคืน หลังแถวต้นไม้เข้าไป เวลากลางคืนจุดไฟสว่างเหมือนอย่างมีการงานอะไรอยู่เปนนิจ เมืองปารีสเปนเมืองบริบูรณ์ด้วยอาหาร แลด้วยความสนุก แลบริบูรณ์ด้วยเข้าของสารพัดที่จะต้องการอะไรได้ เพราะเหตุฉนั้นคนที่ไปมาเที่ยวเตร่จึงเห็นเปนเมืองสวรรค์ ความจริงก็สมควรจะเทียบ แต่ทางซึ่งจะทำให้คนที่เพลิดเพลิน เปนอันตรายแก่ชีวิตรแลทรัพย์สมบัตินั้น ก็หาประมาณมิได้เหมือนกัน คนมาเที่ยวจำจะต้องระวังตัวแลระวังใจของตัวเปนอย่างที่สุด การที่จะพรรณาถึงเมืองปารีสด้วยกระดาษน้อยๆ เช่นนี้ไม่พอ จึงขอจบไว้เท่านี้

• • • • • • • • •

คืนที่ ๘๗

วันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน

เวลาเช้าทำการซึ่งยังค้างจะรีบให้แล้วจนเวลา ๔ โมงเศษ มองสิเออปิชองเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศมาหาบอกเรื่องสัญญา ได้แลกเปลี่ยนกันเปนอันสำเร็จแล้วในเวลา ๔ โมงเช้า แลรับคำเปรสิเดนต์มาเชิญ ให้ไปอยู่ที่รัมบูเยซึ่งเปนวังที่ประทับร้อนของเปรสิเดนต์ ในเมื่อมาเมืองปารีสคราวน่า ได้ให้เครื่องราชอิศริยาภรณ์ แลเขาขอโทษในการที่ต้องเลื่อนการรับรองต่อไป ต่อนั้นมองสิเออมอลาต์ชีฟเดอโปรโตคอลมา ให้ตราเหมือนกัน เวลา ๕ โมงเศษออกจากสถานทูตไปสเตชั่น มีผู้มาส่งเปนอันมาก ทั้งพวกเขาพวกเรา มีมองสิเออมอลาต์ เปนต้น ดุ๊กรออยู่ปารีส เพื่อจะจัดธุระต่างๆ ให้สำเร็จ ได้ออกจากปารีสราวเที่ยง บ่าย ๓ โมงเศษถึงกาเลส์ ในเมืองฝรั่งเศสตอนนี้ มีหญ้าบริบูรณ์มาก เลี้ยงแกะเลี้ยงโคเปนฝูงๆ ดูเหมือนน้ำเค็มจะเข้าไปได้ลึกมากอยู่ ได้กลิ่นน้ำเค็มเสียเปนนานจึงถึงกาเลส์

เรือลำนี้เปนเรือใหม่สอาดหมดจด ได้ห้องบนดาดฟ้าเปนที่ไป ลมเปลี่ยนเปนตวันตก มีคลื่นแลหนาว คลื่นสาดขึ้นดาดฟ้าเปียกหมดถึงโดเวออยู่ในชั่วโมงหนึ่งถ้วนๆ พระยาวิสูตรแลพวกสถานทูตทั้งปวงกับแมร์ลงมารับไปขึ้นรถไฟ ทางอยู่ข้างไกล ทุ่มหนึ่งจึงได้ถึงลอนดอน ความรู้สึกช่างเปลี่ยนวูบวาบจริงๆ พอก้าวขึ้นแผ่นดินเกาะอังกฤษ ภูมิประเทศบ้านเรือนก็กลายเปนอื่นไปหมด รูปพรรณสัณฐานผู้คนเปลื่ยนหมด จะหลงไปว่าที่อื่นไม่ได้นอกจากอังกฤษ ผูกตาเสียเอามาปล่อยก็รู้ว่าอังกฤษ หลอดครานาดหลอดอินเวดติง แลกับตันวอลเตอแคมเบ็ลครูมอินเวตติง มาต้อนรับในพระนามเจ้าแผ่นดิน ขึ้นรถหลวงมาส่งที่ลิเคชั่น อากาศเปลี่ยนมาตั้งแต่ในทเลกลายเปนหนาวเยือกเย็น มาตามทางเห็นแปลกที่มีเกนซิงตันมิวเซียมทำขึ้นใหม่ใหญ่โต แต่ถ้าเทียบกับเมืองฝรั่งเศสแล้วเงียบกว่ากันมาก เพราะแขวงที่ลิเคชั่นเราอยู่มันอยู่ข้างจะไกลลิบลับ แลเปนที่ต่ำลุ่ม ชื้นอยู่ไม่ใคร่สบาย ที่ลิเคชั่นนี้เมื่อกิงเอดเวอดมาเยี่ยมคราวก่อนได้เคยบ่นว่าไกลนัก ขอให้คิดย้ายเสียใหม่ แต่เราย้ายไม่ได้ เพราะเหตุที่การซื้อที่บ้านเรือนในอิงค์แลนด์นี้ มันไม่ซื้อได้เปนสิทธิ์ แต่ได้ซื้อไว้กำหนด ๙๙ ปี จะขายให้คนอื่นต่อไปอิกก็ขายได้ แต่ต้องนับปีเท่ากับแรกซื้อไปจน ๙๙ ปีตามเดิม ผเอินอ้ายที่แถบนี้ก็ไม่มีคนชอบอยู่ เพราะมันไม่สบาย ราคาก็ลดลงไปเสมอ ขายก็ขาดทุน ถ้าจะไปหาที่ใหม่ ต้องขึ้นเงินมาก เกือบจะเหมือนซื้อใหม่ จึงขายไม่ได้ เลยคงอยู่ที่นี้ พ่อรู้แล้วว่าไม่สู้จะสบาย แต่เมื่อพระยาวิสูตรถามเข้าไปว่าอยู่แห่งใด มีที่เลือกในระหว่างแคลริชโฮเตลกับลิเคชั่น เงินก็ไม่สู้ผิดกันมาก เห็นว่าถ้าจะไปอยู่แคลริชโฮเตลเสียเงินทีเดียวสูญ ถ้าออกเงินให้มาซ่อมลิเคชั่นขึ้นเสียให้ดี จะเปนประโยชน์ของเรายืนยาวไป จึงได้ตกลงออกเงินให้เขาซ่อม ถึงจะไม่สบายหน่อยเราก็ไม่อยู่กี่วัน แต่เขาได้ซ่อมสะสรวยดีขึ้นมาก ดีกว่าเมื่อมาครั้งก่อนอิก เรื่องลิเคชั่นจะไว้พูดต่อภายหลัง รายวันค้างมามากจนพลาดเมล์ เพราะฉนั้นจึงขอยุติเรื่องอิงค์แลนด์ไว้เพียงเท่านี้ที

• • • • • • • • •

คืนที่ ๘๘

วันเสาร์ที่ ๒๒ มิถุนายน

เช้าวันนี้จะอาบน้ำไม่ได้น้ำร้อน ท่อน้ำเหลว เมื่อคืนนี้ก็เกิดเหตุไฟฟ้าดับ พอกินเข้าแล้วก็ได้การ พ่อหัวเราะ ตาคาแนกแกเอาไปเรี่ยได้ ที่หัวเราะนั้น หัวเราะว่าลอนดอนไฟฟ้าก็ดับเปน ไม่ดับแต่เมืองเรา[๑๗๑] ว่าเท่านั้นแกเห็นเสียเกียรติยศ แก้กลุ้มว่าไม่ใคร่จะดับ พึ่งมาผเอินดับวันนี้ ถ้ามิศเตอเวสเตนโฮลด์ส[๑๗๒]รู้คงจะดีใจ พ่อบอกว่าอย่าให้แกวิตก พ่อจะไม่ให้เวสเตนโฮลด์สรู้ ถ้ารู้จะดับเล่นที่บางกอกบ่อยๆ เอาอย่างที่ลอนดอน เลยถึงฮา

เรียกช่างมาตัดผม เจ้าช่างนี่มาเคลมไว้ก่อนแล้ว ว่าเคยทรงเครื่องครั้งก่อน แล้วเร่งให้กรมสมมตเขียนจดหมายรายวันซึ่งค้างอยู่จนแล้วเสร็จ ออกจะสังเขปเพราะกลัวจะมาพอกสำหรับวันนี้

เวลาเที่ยงหลอดครานาดกับกับตันวอลเตอแคมเบ็ลไปที่ลิเคชั่น รออยู่พอสมควรแก่เวลา ขึ้นรถไปสเตชั่นแปดิงตัน มีพวกเราไปส่งขึ้นรถไฟไปวินด์เซอ รถนี้เปนรถเฉภาะสำหรับทางนี้ออกจะงาม เขาว่าทางครึ่งชั่วโมงเพราะ ๒๐ ไมล์ ไปถึงที่สเตชั่น ปรินซออฟเวลส์[๑๗๓] แลเจ้าพนักงานอิกสองสามคนรับอยู่ที่นั่น ดูปรินซออฟเวลส์แปลกกว่าแต่ก่อน ดูเหมือนจะผอมเหี่ยวไป ขึ้นรถไปที่วินด์เซอคาเซอล มาคราวนี้พึ่งเห็นคนคำนับถอนสายบัวมากที่นี่ เพราะเหตุที่เราไม่ใคร่จะได้เกี่ยวข้องกับเจ้านายจึงไม่ใคร่จะเห็น กิงเอดเวอดรับอยู่ที่ประตูคาเซอล ถัดเข้าไปข้างในกวีน แลเจ้าหญิงวิกตอเรียพระราชธิดา แกรนด์ดุ๊กแลแกรนด์ดัชเชสออฟเฮสดามสต๊าด แกรนด์ดัชเชสพึ่งเคยมาคราวนี้ ปรินซแลปรินเซสแอนเดรเมืองครีศ พากันมาหยุดสนทนากันที่คอริดอร์คือเปนห้องทางเดินยาว แล้วพาตรงมาจนสุดคอริดอร์ เข้าในห้องนั่งซึ่งอยู่มุมคาเซอล มาทั้งกิงแลกวีน แลปรินเซสวิกตอเรีย ชี้ห้องที่อยู่ให้ ห้องนี้ว่าเปนที่เจ้าแผ่นดินเคยเสด็จอยู่เมื่อครั้งเปนปรินซออฟเวลส์ มีห้องนอน ๒ ห้อง ห้องผู้หญิงห้อง ๑ ผู้ชายห้อง ๑ ห้องนั่งดูออกไปทางเทอเรสในสวนเห็นวิวงามมาก ถัดออกไปข้างนอกเปนห้องซึ่งบริพัตรอยู่ ๒ ห้อง มีห้องนอนห้องหนึ่ง ห้องนั่งห้องหนึ่ง แต่ข้าราชการเอาไปไว้ที่หอกลม ไกล มีทางเดินในร่มมาถึงได้ พัก ๑๐ มินิต จึงมาตามไปกินเข้ากลางวัน เปนห้องไม่ใหญ่นั่งโต๊ะกลม มีแต่เจ้านายที่ออกพระนามมาแล้วกับบริพัตรเท่านั้น การจัดโต๊ะ คล้ายอย่างรัสเซียฤๅเดนมาร์ค คือมีเครื่องตั้งขนมปังปิ้งรูปต่างๆ มีขนมปังบางกรอบ ที่กวีนนั้นมีขวดน้ำอะไรต่างๆ ตั้งเปนแถวอย่างเดียวกันกับกวีนออฟเดนมาร์ค มีกระดิ่งสำหรับสั่นเรียกคนเข้ามาจัดโต๊ะเปลี่ยนกับเข้าแบบเดียวกัน กับเข้าก็อย่างไม่ใช่เลี้ยงแขก เปนของกินอย่างอยู่ตามปรกติแลเรียกอะไรเรียกได้ จะกินน้ำกินเหล้าอะไรได้ ไม่ออกเกณฑ์ๆ ตามแบบ พูดกันเล่นเฮฮาโผงผาง ปรินซออฟเวลส์ล้อกวีนพระมารดา ในการที่หยิบขวดขึ้นแกว่งแทนระฆัง รินระฆังแทนขวดน้ำ กวีนทำเขียวควักค้อนว่าค่อนว่า กวีนนั้นเหมือนกวีนลุยซาพระราชมารดาไม่มีผิดเลย เปนแต่ยังไม่แก่ถึงแลงามกว่า เหมือนมากกว่าเอมเปรสมารี ปรินซออฟเวลส์แลปรินเซสวิกตอเรียก็คล้ายพระมารดานั่นเอง แกรนด์ดุ๊กออฟเฮสอยู่ข้างจะเปนคนคนองในการพูดเล่นแลชอบอะไรแผลง ๆ หนวดก็โกนเข้ามาเสียเกือบครึ่งปาก บอกว่าเกลี้ยงเกลาดี แกรนด์ดัชเชสเปนคนหงิมๆ ไม่ช่างพูด เจ้าแอนเดรเมืองครีศ รูปร่างสูงเหมือนปรินซยอช กินเข้าแล้วสูบบุหรี่กันได้ในโต๊ะ เจ้าแผ่นดินดูอ้วนขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แลสนุกเหมือนอย่างแต่ก่อน กินเข้าแล้วพาเที่ยวดูวัง แต่พอแรกออกจากห้อง เซอร์ แคมเบลแบนเนอแมน ไปรม์มินิสเตอร์มาเฝ้า แล้วเจ้าแผ่นดินนำให้รู้จัก มีความประหลาดใจเปนอันมากที่ดูท่าทางหงิมๆ ไกลกันกับหลอดซอลสเบอรีมาก ห้องที่วังวินด์เซอนี้ได้จัดใหม่หลายอย่าง ที่คอริดอร์เองก็แก้ไขย้ายโน่นย้ายนี่หลายแห่ง รูปมิเนียเชอร์เล็กๆ เอาเข้ากรอบเดียวกันแขวนรายตลอด อ่างลายครามใหญ่ที่เคยมี ๒ ใบ เห็นอยู่แต่ใบเดียว ห้องอาวุธประดับใหม่ทั้งห้อง จัดอยู่ข้างจะดี เดินวนไปจนทั่วแล้ว มีเวลาหยุดพัก ๔๕ นาที

เวลาบ่ายก่อน ๕ โมง ประชุมกันที่ห้องด้านหลังที่จะลงสวน คราวนี้เต็มไปด้วยเจ้านายทั้งห้อง ดูเกือบไม่ใคร่จะทันว่าใคร ถึงที่รู้จักกันแล้วแต่ก่อนก็แปลกไปมาก เพราะสิบปีมาแล้ว แต่หากได้ฟังคำนำจึงได้นึกได้ แต่จะจดลงให้ได้หมดก็เห็นจะเต็มที ปรินเซสออฟเวลส์กับลูก ๓ คน ดุ๊กแลดัชเชสออฟคอนนอด กับลูกสาวหนึ่ง ลูกชายหนึ่ง ดัชเชสออฟเอดินเบอเรอ คือแกรนด์ดัชเชสมาเรียเมืองรูเซีย ปรินเซสคริสเตียนกับลูกสาว ดัชเชสออฟอัลบะนีแลลูกสาว ๒ คน ดุ๊กแลดัชเชสออฟอาไกส์ ปรินเซสเบียตริส ปรินเซสเฮนรีออฟแบตเต็นเบิก ปรินเซสอเล็กซานดราออฟเต็ก แลปรินซอเล็กซานดราออฟเต็ก ยังใครที่เจ้าแผ่นดินนำว่าหลานๆ อิกหลายคน ที่มาทีหลังเช่นแกรนด์ดุ๊กไมเคล แกรนด์ดุ๊กบอริส มาที่สนามทีเดียวหมดด้วยกันเกือบ ๓๐ คน ตั้งขบวน พ่อจูงกวีนออกน่าแล้วจูงกันเปนลำดับไป ไม่รู้ว่าใครจูงใครนับไม่ถ้วน คนที่มายืนเปนสองฟากแน่นคลัก เดินผ่านไปจนตลอดถึงที่เต็นต์ ไกลมากอยู่ ก่อนที่จะรับผู้หนึ่งผู้ใด ลงนั่งกินน้ำชา จัดเปนโต๊ะกลมโต๊ะละ ๑๐ แต่เฉภาะเจ้านาย ๒ เต็นต์ ในโต๊ะเจ้าแผ่นดิน มีกวีน มีพ่อ แลแกรนด์ดุ๊ก แกรนด์ดัชเชสออฟเฮส ปรินเซสคริสเตียน แกรนส์ดุ๊กบอริส ปรินเซสแอนดรูออฟคริศแลแกรนด์ดัชเชสมาเรีย ดัชเชสออฟเอดินเบอเรอ นอกนั้นก็นั่งโต๊ะอื่นต่อไป ในเวลาเลี้ยงน้ำชามีลมพยุจัดเมฆตั้ง ปรารภปรารมภ์กันด้วยกลัวฝนจะตก แกรนด์ดัชเชสมาเรียนั้นกลัวแต่เต็นต์จะล้มทับอย่างเดียว บ่นไม่หยุดไม่หย่อน ยังไม่ทันเลี้ยงน้ำชาสำเร็จ ฝนลงเม็ดประปราย แต่ก็ดื้อให้นำแขกมาเฝ้าทั้งกลางๆ ฝน มีเจ้าแขกซึ่งเจ้าแผ่นดินไปทักทายอยู่ด้วยเปนกอง มายืนอยู่ในแถว ไม่ได้เข้ามาในเต็นต์เจ้านาย เลี้ยงเต็นต์หนึ่งรวมกับราชทูตต่างประเทศ ต่อมาเห็นหนังสือพิมพ์ จึงได้ความว่า คนหนึ่งนั้นเปนเมเยอชื่อมหาราชาออฟบิคะนา อิกคนหนึ่งชื่อมหาราชาออฟอัลวา อิกคนหนึ่งชื่อราชาวุดุโกตา มีเจ้าพนักงานอังกฤษกำกับทั้ง ๓ คน แล้วรับทูตต่างประเทศ มีทูตออสเตรียฮังการี คนนี้ดูอยู่ข้างจะโปรดมาก ทูตฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี แลอื่นๆ มีบารอนโกมูระ ทูตยี่ปุ่นซึ่งเคยเปนเสนาบดีว่าการต่างประเทศ เปนคนมีชื่อเสียงมาก เคยเห็นรูปดูเหมือนจะเปนคนโตใหญ่ หน้าตาคล้ายฝรั่ง แต่ครั้นเห็นตัวจริงเข้า เล็กสักเท่าหม่อมอุดม[๑๗๔] เหลืองจ้อยเปนไทยเราดีๆ ไม่ใช่ฝรั่งเลย ทูตเหล่านี้ เจ้าแผ่นดินได้นำให้รู้จักทุกคน คราวนี้ต่อไปนำให้เข้าเฝ้าเปนพวกๆ คือท่านพวกช่างเขียนทั้งพวก พวกหมอที่กำลังตั้งคอมมิชัน ให้ตรวจโรคที่เกิดขึ้นใหม่ คือเปนโรคให้นอนหลับ นอนมากเกินไปจนเลยตาย จะให้รู้ว่ามีสาเหตุเภทผลอย่างไร แลควรจะรักษาอย่างไร หมอที่เปนคอมมิชันนี้ ประมาณสักยี่สิบสี่ยี่สิบห้าคน เปนเดลิเก็ตตั้งมาแต่ต่างประเทศ เมืองละคนสองคน เซอร์แปตริกแมนสัน เปนคอมมิชันเนอในพวกหมอนี้คนหนึ่ง คราวนี้ยังมีพวกหัวน่าคนทำงาน (เลเบอ) แต่งตัวปอนๆ เข้าเฝ้าอิกหมู่หนึ่ง ต้องรับสั่งอยู่ด้วยหมู่ละนานๆ คนที่เชิญมากถึง ๘๕๐๐ นั้น เปนเมมเบอออฟปาลิเมนต์ทั้งสอง คือ เปียแลคอมมันถึง ๑๒๐๐ เศษแล้ว ยังพาเมียพาลูกมาได้ด้วย จึงได้มากขึ้นไปราว ๒๔๐๐-๒๕๐๐ พวกเหล่านี้เจ้าแผ่นดินไม่ใคร่จะรู้จักใคร เปนแต่เดินผ่านๆ ที่ทรงทักทายมากอยู่นั้น ก็พวกข้าราชการเก่าๆ ทั้งฝ่ายทหารแลพลเรือน ที่โปรดมากทีเดียวนั้น คือกับตันวาลช อายุ ๘๖ ปี เอามาเลี้ยงไว้ที่ในวินด์เซอ ริมเวอจิเนียวอเตอ อยู่ข้างจะเปนตลกพูดเล่นสนุก ที่แปลกอิกคนหนึ่งนั้น คือ มาร์กทะเวนชาวอเมริกัน ซึ่งเปนผู้แต่งหนังสือปรากฎชื่อเสียงมาก ในการพูดเล่น แต่เปนชิ้นเปนอันอยู่ข้างจะเอาอกเอาใจกันมาก ใครๆ เปนต้องพูดด้วยทุกคน นำให้พ่อรู้จัก เปนคนแก่แต่งตัวไม่เรียบร้อยแต่พูดสนุก ในเวลากำลังรับคนพวกเหล่านี้อยู่ฝนตกลงมาพากันวิ่งเข้าแอบเต็นต์แน่นคลักไปทุกๆ เต็นต์ จนฝนหายจึงได้ออกเดิน เจ้าแผ่นดินออกเดิน พวกเจ้านายก็เดินตามกันไปทั้งหมู่ คนมันมากล้นหลาม เดินไปเดินมาประเดี๋ยวเจ้าแผ่นดินหาย ประเดี๋ยวพระมเหษีหาย ก็เที่ยวไล่ตามกันไป เดินนุงไม่ได้หยุดได้หย่อน แรกพ่อตามพระมเหษีแยกกันกับเจ้าแผ่นดิน ประเดี๋ยวหายไปแล้ว ตามก็ไม่พบ ไปเจอะเจ้าแผ่นดินเมื่อขาจะเดินกลับ แกชวนให้มาสูบบุหรี่ที่เต็นต์ซึ่งไม่มีใครแล้ว ประเดี๋ยวหนึ่งราชองครักษ์วิ่งมาบอกว่า กวีนจะเสด็จขึ้นหนาวนัก กิงอื๊ด ร้องว่าหยุดพักน่าแข้งสักประเดี๋ยวไม่ได้ฤๅ เมื่อยเต็มที ประเดี๋ยวก็วิ่งมาตามกันอิกหลายเที่ยว ตกลงลุกขึ้นไปพบพระมเหษีแล้ว ยังมีคนคอยดักกั้นหน้าล่อให้ไปรับสั่งข้างโน้นรับสั่งข้างนี้ ไปไม่ได้อิกเปนนาน ค่อยเดินไปทีละน้อยจนกระทั่งถึงกระไดที่จะขึ้น จึงได้กลับจูงกันขึ้นกระไดอิก แต่ที่จริงอยู่ข้างฟกด้วยกันทั้ง ๒ องค์ เจ้าแผ่นดินฟกมาก เล่าว่าตั้งแต่ตกกระไดขาเลยไม่แขงแรง ดีที่ไม่หักถึงเสีย ทุ่ม ๑ จึงได้เสด็จขึ้น เปนเวลาที่ยืนอยู่ถึง ๒ ชั่วโมง บ่นว่าจะต้องหยุดพัก จึงนัดเวลาดินเนอต่ออิก ๑๕ มินิต จะยาม ๑

การเฝ้าแหนในราชสำนักดูฟรีกว่าประเทศอื่นๆ ในคอนติเนนต์ ไม่สู้จะต้องระมัดประหยัดกายอะไรนัก เดินล้อมน่าล้อมหลัง ผ่านไปผ่านมาก็ได้ แต่ก่อนมาคนอังกฤษไม่ใคร่ชอบเจ้าของตัว เพราะเปนเยอรมันตั้งแต่กวีนวิกตอเรียมา ไว้พระองค์เปนอังกฤษมากขึ้นคนชอบ เจ้าแผ่นดินองค์นี้จึงจัดการรับแขกเปนอย่างธรรมเนียมอังกฤษ ไม่แต่งยุนิฟอมแลไม่ทำยศศักดิ์ คลุกคลีกับคนอังกฤษมาก จึงเปนที่ชอบใจนิยมของชาวเมือง

การดินเนอในวังวินด์เซอนี้อยู่ข้างจะจุกจิกมาก พวกข้าราชการในวังเขามียุนิฟอมอย่างหนึ่ง เรียกว่าวินด์เซอยุนิฟอม คือเสื้ออิวนิงเดรสธรรมดา แต่ฅอแดงมือแดง กางเกงสั้น ถุงตีนดำ เกือกเตี้ย ไม่แต่เฉภาะชาววังฤๅชาวอังกฤษ คนต่างประเทศมาก็ต้องแต่งเช่นนั้น เว้นแต่ไม่ต้องสรวมเสื้อฅอแดงมือแดง ใช้อิวนิงเดรสธรรมดา เพราะฉนั้นต้องตัดกางเกงใหม่ หาถุงตีนใหม่ หาเกือกใหม่ จนชั้นเสื้อกั๊กจะสรวมเสื้อดำก็ไม่ถูกแผน ที่จริงเขาก็ไม่ได้ห้ามปราม เปนแต่เขาว่าถ้าเช่นนั้นจะดีเช่นนี้จะดี เราไม่อยากให้เปนการฝืนพระไทยเจ้าแผ่นดินก็ต้องถามเขา ก็เปนทางที่เขาจะพูดเตือนเราได้ ยังมีแปลกกว่านั้นต่อไปอิก คือหมวกไม่ใช้ถือ ถุงมือไม่สรวม ข้าราชการฝ่ายทหารไม่สรวมเสื้อทหาร แต่มหาดเล็กส่วนที่เปนคนใช้โต๊ะนั้น แต่งตัวใส่เสื้อปิดอก ดุมสองแถว ทาหัวขาวอย่างเต็มที่ มหาดเล็กที่ใช้อยู่ข้างในไม่ได้ออกหน้าสรวมเสื้อแดงเปิดอกก็มี ที่ห้องพ่อมีนั่งประจำสองคนเสมอ ตาเสื้อแดงคนหนึ่ง เสื้อดำคนหนึ่ง ใช้อย่างบ่าวเรา ติดตราอยู่เต็มที่ไม่มีเวลาเปลื้อง ถึงเวลาดินเนอ หลอดครานาดมาบอกทุกเวลา ห้องที่พ่ออยู่นั้นอยู่ที่สุดคอริดอร์ ต้องเดินไปไกล จึงถึงที่เจ้านายทั้งปวงคอยอยู่ แต่เจ้าแผ่นดินมักจะออกมาอยู่ก่อน พระมเหษีออกทีหลัง ประชุมกันอยู่ที่น่าประตู ซึ่งเปนทางกวีนจะเสด็จออก แต่เฉภาะเจ้านายทั้งผู้หญิงผู้ชายทักทายปราไสยแลพูดเล่นกันอยู่ในที่นั้น ครั้นกวีนเสด็จออก พ่อจึงได้จูงออกน่า เจ้าแผ่นดินจูงแกรนด์ดัชเชสออฟเฮสเหมือนกันทั้งสองวัน เจ้านายที่มาในวันแรก คือปรินซแลปรินเซสออฟเวลส์ แกรนด์ดุ๊กแลแกรนด์ดัชเชสออฟเฮส ปรินซแลปรินเซสแอนเดรเมืองครีศ ผู้ที่มานั่งโต๊ะที่เปนตัวสำคัญ คือทูตออสโตรฮังเกเรียน ไวสเคานต์แลไวสเคาน์เตสเชอชิล หลอดโนลไปรเวตสิเกรตารี แลเลดีโนลกับลูก เซอชาลส์ฮาดดิงปลัดทูลฉลองประจำกระทรวงต่างประเทศกับเมีย แลข้าราชการที่เกี่ยวข้องอยู่ในวังกับผู้อื่นๆ บ้าง พวกข้าราชการของเราหมด ผู้ตามเสด็จเจ้านายรวม ๔๒ คน ข้าราชการนั้นคอยอยู่ห้องที่ ๒ ถัดจากห้องประทับออกไป กวีนแลเจ้าแผ่นดินไม่ใคร่จะได้ทักทายใครก่อนเวลาดินเนอ จับมือแลนำให้รู้จักบางคน แล้วก็ไปห้องเสวยทีเดียว ห้องเสวยนั้นผ่านห้องโบไปอิกห้องหนึ่ง ในห้องนี้ไว้รูปซึ่งกิงเอดเวอดถวายกวีนวิกตอเรียเมื่อครั้งยูบิลีปีที่พ่อออกมาคราวก่อน เวลานั้นยังพิงอยู่ไม่ได้ขึ้นติด พอเห็นก็จำได้ เครื่องโต๊ะใช้เครื่องทองทั้งสิ้นในวันแรก วันที่สองใช้กระถางต้นไม้เซฟวร์สีเขียวประดับดอกกุหลาบสีชมภู ตั้งเต็มทั้งโต๊ะงามจริงๆ เสวยเช้าเสวยกลางวันใช้เครื่องทองทั้งสิ้น เจ้าแผ่นดินกับพระมเหษีนั่งตรงกัน พ่อนั่งข้างซ้ายพระมเหษี ถัดไปปรินเซสวิกตอเรีย แกรนด์ดุ๊กออฟเฮสนั่งข้างขวาพระมเหษี ถัดไปปรินเซสออฟเวลส์ แกรนด์ดัชเชสออฟเฮสนั่งขวาเจ้าแผ่นดิน บริพัตรนั่งถัดไป ปรินเซสอันเดรนั่งซ้ายเจ้าแผ่นดิน ถัดไปปรินซออฟเวลส์ ต่อปรินเซสวิกตอเรียทางนี้ปรินซอันเดร เจ้าแผ่นดินลุกขึ้นกล่าวคำต้อนรับแลดื่มให้พ่อ พ่อขอบพระไทยแลขอให้ดื่มให้เจ้าแผ่นดินแลพระมเหษี กลับมาจากโต๊ะแล้วเจ้านายผู้หญิงอยู่ห้องซึ่งขุนนางเฝ้า เจ้านายผู้ชายเข้ามาในห้องสูบบุหรี่แลกินกาแฟสนทนากัน ที่ห้องโบข้างนอกเลิกพรมเรียกพวกซอเข้ามาทำ มีการเต้นรำ เจ้าแผ่นดินแลปรินซอันเดรไม่เต้น กวีนก็เสด็จออกไปเต้น แต่ดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อยมาก เวียนพระเศียร การสมาคมในราชสำนักเมืองอังกฤษนี้อยู่ข้างจะเปนบ้านๆ มาก ไม่ใคร่จะเปนอย่างในวังเหมือนคอนติเนนต์ ยืนบ้างนั่งบ้าง พูดกันอึงเอ็ด พระมเหษีนั่งที่เก้าอี้ยาว กรมวังเข้าไปนั่งไขว่ห้างเคียงกันอยู่ในเก้าอี้เดียวก็ได้ จวนสองยามกวีนจึงได้เสด็จขึ้นพร้อมกับเจ้านายผู้หญิงทั้งปวง พ่อแลเจ้านายผู้ชายก็ตามเข้ามา ล่ำลากันที่ประตูที่จะไปห้องกวีน แล้วจึงเดินต่อไป ห้องใครใครก็เข้า ด้วยอยู่แถบเดียวกันทั้งนั้น

ที่วังวินด์เซอนี้ ได้ตกแต่งเปลี่ยนแปลงมาก ในคอริดอร์ก็เปลี่ยนไปหลายอย่าง เติมไฟฟ้าขึ้นในรางที่น่ารูปให้สว่างที่รูปทุกๆ แผ่น ในตู้ที่ไว้ของก็มีไฟฟ้าหย่อนลงไปอยู่ในนั้น มีเครื่องถ้วยจานฝรั่งที่เปนของวิเศษหลายตู้ มีเครื่องหยกอยู่ตู้หนึ่ง อ่างมังกร ๕ เล็บที่เคยมีอยู่สองใบหายไปใบหนึ่ง แต่ใบที่ยังอยู่นี้ เดินดูทุกวันทุกวันเห็นเล็กไปกว่าที่บางกอกมาก ครามก็จางกว่า แต่รูปคนมีดีๆ แลเปนคนที่มีตัวเกี่ยวข้องในพงษาวดารในพระราชวงษ์มาก รูปการใหญ่ๆ เช่นราชาภิเศกแต่งงานอะไรเหล่านี้ติดอยู่ที่นั่นทั้งสิ้น ในห้องนั่งแลห้องนอนของพ่อเปนรูปเจ้านาย ชั้นลูกเธอกวีนวิกตอเรีย ตั้งแต่ยังเยาว์มาจนตลอดเวลาแต่งงานทั่วไปทั้งห้อง การตกแต่งห้องงดงามดี เล็กๆ แต่สบายพร้อมบริบูรณ์ทุกอย่าง จนกระทั่งหนังสือพิมพ์มีวางเรียงรายไว้ที่โต๊ะ เปลี่ยนทุกวันไม่มีสิ่งไรที่ขาดเลย

• • • • • • • • •

คืนที่ ๘๙

วันอาทิตย์ที่ ๒๓ มิถุนายน

เวลาเช้า ๔ โมง ไปกินเข้าเช้าพร้อมด้วยเจ้าแผ่นดินแลเจ้านายที่มาอยู่ในวัง แต่กวีนแลปรินเซสวิกตอเรียไม่ได้ออก เพราะยังเช้าอยู่ เจ้าแผ่นดินอ่านหนังสือพิมพ์แลอะไรตามปรกติ เล่าอะไรกันฟังเปนเวลาเปลี่ยนทหารกาด เปนการใหญ่กว่าปรกติอยู่หน่อย คือมีพวกกลองเดี่ยวเปนอันมาก ทั้งมีแตรวงด้วย แตรวงนั้นมาเป่าที่ตรงน่าต่างลงไป เปนการมาเป่าแตรถวาย จนเสวยแล้วจึงได้เปลี่ยนกาด

พอเวลา ๕ โมงเช้า เจ้าแผ่นดินแลเจ้านายเหล่านั้นไปวัด พ่อลงทางกระไดเล็กน่าห้อง ขึ้นรถไปในป๊ากตรงไปโมสเลมซึ่งเปนที่ฝังศพกวีนวิกตอเรีย โมสเลมอันนี้ได้เคยไปแต่ครั้งก่อนแล้ว เปนที่กวีนวิกตอเรียโปรดปรานนัก เพราะคิดทำเองจึงสั่งให้ไปดูให้ได้ ทำเปนกระโจมห้ากระโจมไม่สู้ใหญ่โตอะไรนัก อยู่ในกลางสวน เดิมมีแท่น แต่มีรูปอยู่ข้างเดียว เดี๋ยวนี้มีรูปสองรูปเคียงกันอยู่บนแท่น ดูเหมือนศิลาแผ่นเดียวมีรูปสองรูปบนศิลานั้น ไม่เห็นรอยต่อเลย การที่เข้ากันได้สนิทสนมเช่นนี้ เพราะกวีนวิกตอเรียได้ทำไว้เสียสำเร็จแล้วทั้งรูปนั้นด้วย เพราะฉนั้นรูปกวีนวิกตอเรียจึงได้ยังสาวอยู่มาก มีศพปรินเซสอาลิสฝังอยู่ในนั้นด้วย เจ้าแผ่นดินองค์นี้ทำแผ่นศิลาอุทิศน่าต่างให้ดุ๊กออฟอัลเบอนีช่องหนึ่ง ให้ดู๊กออฟเอดินเบอเรอช่องหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ติด ได้วางพวงมาไลย แลดูในที่นั้นแล้ว เขาพาขับรถไปในป๊าก วินด์เซอเกรตป๊ากนี้ใหญ่โตมาก ปันเปนตอน เลี้ยงเนื้อมีกวางดาว แลกวางขาวกวางแดงต่างๆ ไว้พืชพรรณตัวใหญ่ ๑๕๐ ตัวรุ่นๆ แลเล็กๆ ๑๐๐๐ ถ้ามากไปกว่าจำนวนนั้นก็ยิงเสีย เลี้ยงนกเฟซันต์สำหรับยิงประจำปี ปีละตั้งพัน นกเฟซันต์นี้ เปนนกที่ไม่ฟักฟองฤๅฟักแต่เลี้ยงไม่ดี ฤๅจะว่าต้องการจะยิงมากๆ เกิดไม่ทัน จึงต้องช่วยให้แม่ไก่ฟัก นกชนิดนี้ไม่จับไม้สูงชอบเดินหมกๆ อยู่ในหมู่ต้นเฟิน ซึ่งเขาปลูกขึ้นเฉภาะให้อาไศรยเปนอันมาก เชื่องเสียนักหนา รถไปใกล้ๆ ก็ไม่บิน เดินเฉย การที่จะยิงต้องต้อนให้ตกใจ บินถลาขึ้นไปก็ยิง ลักษณนกพริกนกกวัก เมื่อเวลาจะไข่ก็ไข่หมกไว้ตามใต้ต้นเฟิน ผู้ที่รักษาไปเก็บไข่นั้นมาให้แม่ไก่ฟัก ถ้าแม่ไก่ใหญ่ๆฟักได้ถึง ๒๐ ที่ย่อมก็ลดลงมาตามส่วน ทำกรงดินมีฝาสามด้าน เปิดแต่ด้านน่า กว้างประมาณสักคืบเศษ ยาวสัก ๒๐ นิ้ว ไปตั้งรายไว้เปนจังหวะในกลางป่าหญ้า เมื่อแม่ไก่กกฟองออกเปนตัวแล้ว ก็เอาแม่ไก่นั้นกับทั้งลูกนกเฟซันต์ที่ยังเล็กๆ ไปเข้าไว้ในกรง ซี่กรงนั้นห่างแต่พอกันไม่ให้แม่ไก่ออกได้ ส่วนลูกนกวิ่งเข้าวิ่งออกได้ ตัดกิ่งสนไปทิ้งไว้ริมกรงนั้น กรงละท่อนละท่อน ถ้าเวลาร้อนจัดลูกนกจะได้วิ่งเข้าอาไศรยร่มรำไร อาหารนั้นใช้แป้งที่ทำด้วยเข้าต่างๆ ประสมกับไข่ไปโปรยสาดให้กินทั้งแม่ไก่แลลูกนก ได้ลงจากรถเดินดู ที่อายุได้ ๗ วันเท่าลูกไก่เล็กๆ แลดูเหมือนลูกไก่ เดือนหนึ่งโตสักเท่านกคุ่ม ฤดูไข่เดือนเอปริลฟักฟองแลเลี้ยงลูกจนเดือนออคัสต์ เปนบินไปได้หมด ตัวที่เขื่องๆ วิ่งเร็วและบินถลาว่องไว ดูดูก็นึกน่าสงสาร ทำธุระเลี้ยงดูเปนนักเปนหนา พอโตขึ้นเต็มที่ก็ยิง ฤดูยิงอยู่ในเดือนโนเวมเบอ

ยังกระต่ายก็มีมากมาย ปืน ๔ กระบอก ยิงวันเดียวได้ ๘๐๐ น่าสงไสยว่ายิงคราวหนึ่งเปนนักเปนหนาเช่นนั้น จะเอาไปทำอะไร ได้ความว่าเอาไปให้โรงพยาบาล ซึ่งนับว่าเปนทาน ว่าตามความเห็นของเราการที่ฆ่าสัตว์ลงทำทาน บุญกับบาปมันจะแลกเปลี่ยนกันอย่างไร ข้างไหนจะหนัก ถ้าจะว่าด้วยเจตนา เจตนายิงเล่นสนุกๆ ทำทานมันออกจะเปนปล่อยพระพุทธบาทอยู่[๑๗๕] ได้พูดๆ กันกับฝรั่ง บางคนก็เห็นว่าเปนการดุร้ายน่าสงสาร บางคนก็เห็นเปนเกิดมาเปนอาหาร แต่ไปมีความเห็นปรินเซสวิกตอเรีย ซึ่งพ่อไม่ได้หาฤๅเรื่องบุญบาปเลย พูดกันถึงแต่เรื่องที่ไปเห็นเท่านั้น เธอบุ้ยปากเอาพ่อ แล้วสั่นหัวว่าน่าสงสารเต็มที มันเซื่องออกเช่นนั้นแล้วยังไปยิงมันได้ ความสงสารเปนชั้นเหมือนสัตว์ที่เลี้ยงไว้ไม่ควรจะฆ่า ฆ่าสัตว์ซึ่งไม่มีกำลังจะหลบหลีกหนีได้ การยิงๆ ของฝรั่งมักจะเปนสัตว์ที่เลี้ยงไว้ยิงเช่นนี้ ถึงเนื้อถึกก็ใช้ต้อนไปยิงเปนเป้าทีเดียว ไม่ให้มีทางหลบทางหลีก ถึงจะไม่พูดในทางสาสนาก็ออกน่าสงสารอยู่

มีทางหนึ่ง ที่เรียกว่าลองว้อก ตัดตรงลิ่วจากคาเซอลไปทางสามไมล์ ถึงลูกเนินที่สูง มีรูปกิงยอชที่ ๓ ขี่ม้าตั้งขวางทาง ทางตรงลิ่วงามจริงๆ มีต้นโอ๊กปลูกสองข้าง ข้างละสองแถว ปลูกแต่กิงชาลส์ สองร้อยสามร้อยปี งามดีมาก แต่ต้นโอ๊กมันเปนไม้ขี้ล้มแลมักจะกิ่งหักเปนโพรง ทำนองพิกุล มีล้มเสียก็ตอนหนึ่ง น่าเสียดายเต็มที แต่เขาได้ปลูกซ่อมใหม่ขึ้นไว้ ทางนี้ห้ามรถโมเตอคาร์ เหตุผลที่ห้ามนั้น เจ้าแผ่นดินรับสั่งเองว่า ถ้าปล่อยรายหนึ่ง ต้องปล่อยเลยหมด จึงได้ห้ามกันไว้เสีย ที่จริงไม่จำเปนจะต้องเดินรถไปในถนน ที่ไปเที่ยววันนี้ขับรถไปบนหญ้าเฉยๆ โดยมาก หญ้างามเต็มที ในที่ซึ่งตัดรักษาอย่างดีแล้วเหมือนอย่างโต๊ะบิลเลียด

เที่ยวเตร็จเตร่จนเวลาบ่ายโมงหนึ่ง ซึ่งเปนกำหนดปรินซออฟเวลส์กลับจากวัดแล้ว จึงได้บ่ายรถกลับมาเข้าที่เรือนฟรอกมอ เข้าไปตามทางในสวน เรือนนั้นไม่ใหญ่โตเท่าใด แต่มีสระที่เปนสระขุดอยู่ข้างน่า ภูมที่งามมาก เรือนนี้เปนเรือนลูกเธอครั้งยอชที่ ๓ เมื่อแผ่นดินกวีนวิกตอเรีย ดัชเชสออฟเกนต์พระราชมารดาอยู่ แลสิ้นพระชนม์ในที่นี้ ได้นั่งสนทนากันอยู่ถึงเรื่องที่ได้พบกันแต่คราวก่อน แล้วกลับไปวินด์เซอคาเซอล บัดเดี๋ยวหนึ่งก็ถึงเวลากินเข้ากลางวัน ไปกินเข้ากลางวันที่ห้องโอ๊กเช่นวันก่อน กวีนเสด็จออก

กินเข้ากลางวันแล้วพากันไปดูห้องในวังนั้นทั่วทุกแห่ง มีของที่จัดเปลี่ยนแปลงแก้ไขมาก แต่ก่อนตามแถบนั้นของกองซับซ้อนกันอยู่ไม่เปนจังหวะจะโคน เดี๋ยวนี้จัดขึ้นใหม่ เครื่องอาวุธประดับงามอย่างยิ่ง ตู้ที่ไว้ของยาวใหญ่ รื้อของเข้าไปเก็บไว้ที่อื่นเสียหมด กลายเปนเครื่องปอสเลน ดูเหมือนจะโปรดเครื่องปอสเลนมาก เที่ยวทั่วทุกห้องจนเซนต์ยอชฮอลแลห้องอื่นๆ ซึ่งเปนที่สำหรับเปิดให้คนเข้าไปดูได้ แลเปนที่รับแขกเมืองอย่างออฟฟิเชียล เจ้าแผ่นดินไม่ได้ประทับในที่นั้น แบ่งเปนคนละตอน ตอนที่พ่อไปอยู่เปนข้างตอนที่ประทับ เว้นไว้แต่ไลบรารีคือห้องสมุด อะไรยังไม่เสร็จอย่างหนึ่ง จึงไม่พาเข้าไปดู แต่กำหนดว่าจะให้ไปดู เพราะพ่อเคยเห็น แลเล่าเรื่องกันได้

วินด์เซอคาเซอลนี้ เปนที่เก่าแก่ จนเรื่องเดิมกลายเปนนิทานว่าเปนป้อมบ้าง เปนค่ายโรมันบ้าง เปนที่อยู่ของพวกแซกซันบ้าง ที่เปนที่เสาธงสแตนดาดอยู่เดี๋ยวนี้ ได้ก่อกำแพงขึ้นเมื่อแผ่นดินเฮนรีที่ ๑ แปดร้อยปีมาแล้ว ชื่อวินด์เซอนั้น ว่ามาจากแองโคลแซกซัน เรียกเวนเดลอูรา หมายความว่าฝั่งเวนดิลฤๅเวนเดน มูลแห่งคำเวนดิลนั้นมาจากวันดัลฤๅนอถยุต แล้วเจ้าแผ่นดินได้ทำกันต่อๆ มาจนกระทั่งถึงกวีนแอนน์ ต่อมาเจ้าในราชวงษ์นี้ได้ทิ้งร้างไม่ใคร่จะได้เปนที่ประทับจนกระทั่งถึงยอชที่ ๔ ยอชที่ ๔ ได้ทำเปนอันมาก กวีนวิกตอเรียโปรดอยู่ในที่นี้มาก เจ้าแผ่นดินองค์นี้ไม่ใคร่จะได้เสด็จไปอยู่นาน ไปเปนเวลาเปนฤดู เพราะโปรดที่เดิมซึ่งได้ซื้อไว้เปนสมบัติส่วนพระองค์เรียกว่าแซนดริงฮัมนั้นมาก อยู่ในลอนดอนก็มากกว่ากวีนวิกตอเรีย แต่ได้เอาพระไทยใส่ในการตกแต่งดีขึ้นกว่าแต่ก่อน

เที่ยวดูวังตลอดแล้ว นัดกันว่าจะไปเวอยิเนียวอเตอ มีเวลา ๔๕ มินิตสำหรับหยุดพักเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเปนอย่างไปเที่ยว บริพัตรไปเข้ากระบวนปรินซออฟเวลส์ที่ฟรอกมอ พ่อไปกระบวนเจ้าแผ่นดินใช้รถเทียม ๔ ม้า เปนม้าแซมดำเปนดวงๆ ทั้งนั้นงามจริงๆ ในรถแรกเจ้าแผ่นดินกับพ่อ แกรนด์ดุ๊กออฟเฮส แลปรินซแอนเดร รถกวีนแกรนด์ดัชเชส ปรินเซสวิกตอเรียแลแอนเดร รถปรินซแลปรินเซสออฟเวลส์กับบริพัตรไปถึงก่อน คอยอยู่ที่นั่นกับลูกเล็กๆ แล้ว เราไปทางลองว้อก แลผ่านคัมเบอแลนด์ลอช ซึ่งเปนที่ปรินเซสคริสเชียนอยู่ ไปถึงที่พลับพลาริมน้ำภายหลัง พลับพลานั้นเปนจตุรมุข มุขนั้นสั้นๆ มีชานไปข้างริมน้ำเปนสองชั้น มีเรือกระเชียงหลายลำ มีเรือปิดทองลำหนึ่งใหม่เรี่ยม เจ้าแผ่นดินทายว่าเรือนั้นใหม่ฤๅเก่า พ่อบอกว่ารูปแปลกอยู่ แต่ดูใหม่ ไปได้ความว่าเรือนั้นได้ทำ ๒๕๐ ปีแล้ว ทำด้วยไม้โอ๊ก ไม้ยังไม่ได้ผุพังอันใดเลย มีเรือกำปั่นใบลำหนึ่ง เรือใบลำหนึ่ง ทอดอยู่ในน้ำนั้นด้วย เวอยิเนียวอเตอนี้เปนสระขุดแคบๆ กว้างๆ ยาวประมาณสักไมล์หนึ่ง ดุ๊กออฟคัมเบอแลนด์ใช้ทหารขุด ปางแห่งก็ลึกมาก บางแห่งตื้น ปลูกต้นไม้แลแต่งฝั่งให้เปนอย่างเปนเองงามมาก มีกับตันวาลชคนหนึ่ง ที่เปนคนโปรดปรานของเจ้านายทั้งปวงมาก อายุ ๘๖ ปี ซึ่งได้นำให้รู้จักเมื่อวันการ์เดนปาตีนั้น มารับอยู่ที่นั่น เปนผู้รักษาแลอยู่คอตเตชของหลวงใกล้พลับพลานั้น เจ้านายทุกคน ตั้งแต่เจ้าแผ่นดินไปล้อกันเล่น ตบหัวตบหูได้ ตานั่นก็เล่นตลกต่างๆ เวลาเลี้ยงน้ำชาก็เรียกตาแก่นั้นนั่งโต๊ะด้วยในหมู่เจ้านาย นั่งข้างกวีนด้วย เพราะไม่มีคนอื่นเลย นอกจากเจ้านาย เลี้ยงกันแล้วเดินเลียบริมน้ำไปหน่อยหนึ่งจึงขึ้นบกไปตามทางเล็กๆ ไปที่คอตเตชกับตันวาลช แกปลูกต้นไม้มีต้นกุหลาบแลอื่นๆ ในคอตเตชนั้นเจ้านายที่ไปด้วยกันหมด เข้าไปในห้องรับแขกเกือบจะพอจุเต็มพอดี มีรูปเจ้าแผ่นดินแลเจ้านายแทบทุกคน มีรูปเยอรมันเอมเปอเรอกิงออฟสเปน เอาหนังสือกิงออฟสเปนตอบขอบใจที่ให้พรในการมีลูกมาอวดเปนหนังสือภาษาฝรั่งเศส เจ้าแผ่นดินถามว่าแกอ่านได้ฤๅ บอกว่าให้ลูกเขาอ่าน อายุแกไม่เห็นใครเขารู้ภาษาฝรั่งเศสกัน มีห้องอิกห้องหนึ่งแกเรียกสโมกกิงรูมแต่มิใช่แกสูบบุหรี่ แปลว่าห้องควันเพราะติดไฟกรุ่นไว้เสมอ ด้วยทนหนาวไม่ได้ ออกจากบ้านตากับตันวาลชมาขึ้นรถกลับ เปลี่ยนไปทางข้างขวา ไปบนหญ้าเฉยๆ ไม่มีถนน แต่สองข้างมีดอกไม้สีม่วงช่อโตๆ เหมือนกับฉนวนกั้นตลอด แลสุดตาพื้นเปนเขียวขอบเปนม่วง ช่างงามจริงๆ มีผ่านหมู่ต้นไม้ใหญ่บ้างเปนครั้งเปนคราว แล้วออกทางระหว่างตำบลบ้านวินด์เซอ มีบ้านที่เปนสวนงามๆ ข้างทางมาก แล้วเลี้ยวลงริมแม่น้ำเทมส์ ซึ่งมีเรือขึ้นล่อง ตีกระเชียงบ้างตกเบ็ดบ้าง แต่เย็นเกินไปคนน้อยเสียแล้ว แล้วจึงเลี้ยวไปเข้าสวนสำหรับวังวินด์เซอ ที่เรียกว่าสวนกวีน ซึ่งกรมนเรศร์ชอบพูดถึงนั้น[๑๗๖] เจ้าแผ่นดินได้แก้ไขใหม่แปลกไปหมดทั้งสิ้น คือก่อกำแพงเตี้ยๆ กั้นสวนผักเสียตอนหนึ่ง ฟากหนึ่งเปนเรือนกระจกที่ปลูกไม้ดอก นอกเรือนกระจกปลูกต้นกุหลาบเปนดอกดกแลดูสุดสายตา ในเรือนกระจกนั้นปลูกไม้ดอก ซึ่งจัดเปนสีต่างๆ ตามพวกงามเปนที่สุดเหลือที่จะพรรณา ดอกคาร์เนชั่น ลักษณดอกกำมหยี่ซ้อน ช่อโตๆ เท่าดอกชบา หอมเปนที่สุดกลิ่นร่ำๆ กวีนเด็ดแจก แลกล้วยไม้มันช่างออกดอกพร้อมกันตั้งร้อยสองร้อยช่อ เขาจัดต้นไม้เปนหมวดๆ หมวดนี้น่าร้อน หมวดนี้น่าหนาว ในหมวดหนึ่งกำหนดได้ว่า เมื่อไม้พวกนี้สิ้นดอกแล้ว ไม้พวกนั้นจะออกทันกัน คงมีดอกทอยกันอยู่เสมอ ไม่มีเวลาขาดทุกฤดู ผลไม้เน๊กตรินที่เหมือนกับปีช แต่ไม่มีที่อื่น มีอยู่แต่ที่วินด์เซอนั้น จนแลเห็นต้นเข้าไม่รู้ว่าอะไร ปลูกในเรือนกระจก โคนใหญ่เกือบ ๒ กำ แต่ตัดลงไปเหลือพ้นดินประมาณสักคืบเศษ คราวนี้เลี้ยงกิ่งขึ้นมาเปนแฉก ๆ แลดูเหมือนรูปพัดขนนก ลูกติดตั้งแต่ฅอขึ้นไปจนกระทั่งถึงปลายกิ่งที่จดหลังคา องุ่นดำเลี้ยงในเรือนแก้ว ลูกโตเท่าลมุดไทยอย่างย่อมๆ จริงๆ ในโต๊ะกินเข้าช่อเดียวตั้งพานลูกไม้โต๊ะเต็มพอดี ครีนเคชยังไม่แก่ ลืมเล่าถึงเรื่องลูกไม้ที่ได้พบเสียหลายอย่าง ฤดูแก่เข้าลูกไม้ดีขึ้นเปนอันมาก เชอรีทั้งดำแลทั้งเหลืองแต้มแดง กำลังหวานอย่างวิเศษ สตรอเบอรี รูปร่างลูกเปนกระสอบ โตเท่ามังคุดขนาดเล็ก ในสวนนี้ใช้ปลูกกระถาง แลวางเรียงไว้บนหิ้ง มีถึงหมื่นกระถาง การที่จะพรรณาให้ทั่วถึงจะจดลงไม่ได้ พ่อได้ออกปากว่า ตั้งแต่ได้เห็นเฟลาเวอโชมา ไม่ได้มีเหมือนที่นี่ ขึ้นรถกลับมาถึงวังเวลาทุ่มหนึ่งตรง เวลาก่อนดินเนอวันนี้ เจ้าแผ่นดินมานั่งคอยอยู่ที่คอริดอร์ตอนข้างใกล้ห้องพ่อคนเดียว หมายว่าอะไร พอไปถึง ส่งซองบุหรี่ซิกาเรตทองคำอักษรพระนามประดับเพ็ชร์มงกุฎลงยาให้พ่อ ให้ซองหนัง เกบได้ทั้งบุหรี่ใหญ่แลบุหรี่ซิกาเรต มีอักษรพระนามประดับเพ็ชร์แก่ชายบริพัตร ไม่คอยให้ขอบใจ พาเดินไปดินเนอทีเดียว

ดินเนอวันนี้เปลี่ยนบ้าง คือปรินเซสคริสเชียนแลลูกสาว ปรินเซสรอยัลลูกสาวใหญ่ของเจ้าแผ่นดิน แต่ปรินซกับปรินเซสออฟเวลส์ไม่ได้มา จำนวนก็เท่าๆ กันกับวานนี้ วันนี้ไม่มีสปีช ไม่มีเต้นรำ เพราะเหตุที่เปนวันอาทิตย์ เจ้าแผ่นดินให้พ่อพูดกับเซอชาลสฮาดดิง เปนปลัดทูลฉลองประจำกระทรวงต่างประเทศ ดูเปนคนฉลาดมาก แลรู้การสารพัดอย่างเลอียด เขาว่าคนนี้เองเปนหลักในกระทรวงต่างประเทศ

• • • • • • • • •

คืนที่ ๙๐

วันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน

กินเข้าเวลาเช้าเหมือนวันก่อน ร่นเวลาเข้ามา ๑๕ มินิต เวลา ๔ โมง ๑๕ นาที ขึ้นรถมาด้วยกันกับเจ้าแผ่นดิน มาส่งถึงสเตชั่น เมื่อได้ขอบอกขอบใจกันเสร็จแล้วก็ออกจากวินด์เซอมา หลอดเชมเบอเลียนมาด้วยในรถ ถึงแปดิงตัน พบลูก ยกเสียแต่แดงยังมาไม่ได้ วันนี้ฝนตกไม่เปนเรื่องตั้งแต่เช้ามา ยิงสายก็ยิ่งหนาขึ้น ยิ่งบ่ายลงก็ยิ่งมากขึ้น ดุ๊ก จรูญมาถึงพร้อมกัน กินเข้ากลางวันแล้วไปเที่ยวห้าง ไม่เห็นใคร่จะมีอะไร ออกจะหาของยากกว่าเมืองฝรั่งเศส

วันนี้ไฟฟ้าดับอิกเหมือนเมื่อวันแรกมาถึง เหตุไฉนจึงได้ขลึกถึงเพียงนี้เปนน่าพิศวง แกสก็จุดไม่ติดเหมือนอย่างวันก่อน

ความรู้สึกใจที่ได้เห็นการเกี่ยวพันในระหว่างเจ้าแผ่นดินแลการปกครอง แลความรู้สึกในระหว่างเจ้าแผ่นดินแลชาติ ในเมืองอังกฤษนี้แปลกอยู่ เจ้าแผ่นดินเปนชาติต่างประเทศมาเสียแต่ดึกดำบรรพ์ ไม่ใช่เปนแต่เฉภาะชาติ เปนชาวเมืองอื่นมาเปนเจ้าแผ่นดินก็มาก ว่าแต่โดยชั้นหลังในราชวงษ์นี้ เจ้าแผ่นดินเปนชาติเยอรมัน เปนชาวเยอรมัน ชอบอยู่เมืองเยอรมัน พูดภาษาเมืองนี้ก็ไม่ได้ถึงสององค์ต่อกัน ได้มาเปนเจ้าแผ่นดินโดยเปนเชื้อสายฝ่ายมารดาเปนเจ้าอังกฤษ ได้เปนโดยความยินยอมของชาติอังกฤษ ได้ยกเว้นสายซึ่งตรงกว่าแต่ไม่เปนที่ชอบใจชาวเมืองอังกฤษเสีย เพราะฉนั้นราชวงษ์จึงต้องเอาใจชาติอังกฤษ การที่ได้มาเปนเจ้าแผ่นดินประเทศอังกฤษนับเปนอติเรกลาภ เติมขึ้นจากเมืองแฮนโนเวอ ซึ่งได้เปนเจ้าแผ่นดินปกครองอยู่แล้ว เว้นไว้แต่กวีนวิกตอเรียซึ่งเปนผู้หญิง กฎหมายเมืองแฮนโนเวอห้าม จึงต้องแยกเปนเจ้าแผ่นดินเฉภาะแต่อังกฤษ

ข้างฝ่ายชาติอังกฤษ มีวิธีปกครองบ้านเมืองด้วยการประชุมราษฎรแลผู้มีบรรดาศักดิ์ ลงรเบียบเรียบร้อยมาเสียหลายร้อยปีแล้ว จนถึงไม่มีเจ้าแผ่นดินปกครองเมืองเองได้ก็มี เจ้าแผ่นดินมีน่าที่รวบยอดอันหนึ่ง ซึ่งเปนหัวน่าพนักงานฝ่ายข้างที่จะจัดการให้สำเร็จตามความเห็นชอบพร้อมกัน คือฝ่ายข้างการปกครองเจ้าแผ่นดินต้องปล่อยการงานให้ชาวเมืองเขาทำตามชอบใจ ถ้าขวางกันเข้าก็เลยเกะกะจนถึงฆ่าเจ้าแผ่นดินเสียก็ได้ เพราะฉนั้นความเอาใจกันจึงมีมาก ชั้นแรกๆ พวกอังกฤษไม่ใคร่จะชอบ เกลียดว่าเปนเยอรมัน ก็ค่อยเอาใจทำเปนอังกฤษมากขึ้นทุกชั้นมา จนทีหลังเจ้าแผ่นดินยิ่งถ่อมตัว ทำกว้างขวางอารีเปนฉันมิตรสหายกับชาวเมืองมากขึ้น จนถึงเจ้าแผ่นดินองค์นี้เปนที่ชอบใจกันมาก เพราะทักทายปราไสยไม่เลือก อย่างเช่นเวลารับแขกไม่ต้องเคร่งครัดประหยัดกาย ใครจะเข้ามาเฝ้ามาแหนพูดทักทายกันได้เหมือนรับแขกธรรมดา ไม่ใคร่ใช้แต่งตัวเต็มยศ นอกจากเวลาที่เปนการงานสำหรับเมือง เช่นเลวี เต้นรำประจำปี ถ้าเปนการจรฤๅตามปรกติก็แต่งธรรมดา เปนที่พอใจของพวกชาวอังกฤษจะว่าข้างความสบาย ดูน่าจะสบายมาก แต่ต้องเปนผู้ที่ไม่ฝักฝ่ายในการที่จะทำอะไรทำตามชอบใจตัว ปล่อยให้เขาทำ เขาคิดจะทำอย่างไรเขามาบอกให้รู้ ถ้ามีความเห็นอย่างอื่นจะโต้ทานบ้างก็ได้ แต่ถ้าความเห็นยืนดันกันไปคนละทางเปนต้องยอมแพ้เขาเสีย อย่าไปดึงดันให้ถึงเกิดวิวาทกันขึ้น การที่จะวางได้เช่นนี้ก็เฉภาะเมืองอังกฤษเปนอย่างวิเศษ ด้วยการปกครองเรียบเดินเครื่องจักร์มาเสียช้านานแล้ว ถ้าหากว่าอย่างเช่นเราไปเอาอย่างเข้าบ้างก็ได้หกคะเมนกัน

ความผิดกันในระหว่างเรากับอังกฤษมันขันจริงๆ ข้างฝ่ายอังกฤษการมันเดินจากผู้น้อย ผู้น้อยกลับจะต้องเปนผู้นำผู้ใหญ่ให้ทำเช่นนั้นเช่นนี้ ผู้ใหญ่จะทำอะไรออกจะต้องถามผู้น้อย ว่าจะเอาเช่นนั้นฤๅอย่างนี้ฤๅ ผู้น้อยต้องพุ้ยผู้ใหญ่ ไม่ว่าการอะไรๆ มันต่อกันขึ้นมาเปนชั้นๆ เช่นไปขี่รถจะไปทางไหนผู้จะบัญชาออกสั่งแกมหาฤๅเจ้าของท้องที่ฤๅคนขับรถ ต้องเสนอขึ้นมาว่าอย่างนั้นดี ไปทางนั้นดี แก้ไขกันเล็กน้อยก็ตกลงได้ เช่นนี้เปนตัวอย่าง ดูเปนไปตามลำดับทุกๆ ชั้น ที่สุดนายทหารสัญญาบัตร นายสิบก็มาบอกได้ ว่าน่าที่ต้องทำเช่นนั้นๆ เปนน่าประหลาด ว่าคนพวกนั้นทำไมมันไม่ขี้เกียจฤๅไม่เหลว ส่วนของเรามันตรงกันข้าม ถ้าหัวน่าหยุดแล้วก็หยุดตามกันลงไปเปนแถว งานมันเดินด้วยหัวน่า ข้างอังกฤษมันเดินข้างปลายขึ้นมา ด้วยเหตุฉนั้นเปนเจ้าแผ่นดินอังกฤษ ถึงจะไม่ธุระอะไรด้วยการงานเลย คอยแต่พยักอย่างเดียว การก็ไม่มีเสีย ถ้าทำอะไรได้บ้างก็ยิ่งดีขึ้น พ่อจึงได้กล่าวว่าสบายดี แต่ถ้าเราเอาอย่างเข้าเมื่อไรเปนยับกันเมื่อนั้น เจ้าแผ่นดินอังกฤษองค์นี้นับว่าเปนอย่างดี ด้วยรู้ท่วงทีในการที่จะผ่อนผัน ไม่มีข้อขัดขวางกันกับชาวเมือง ทั้งมีสติปัญญาพอจะให้เปนที่น่าเลื่อมใส แลการงานสำเร็จได้ด้วยลำภังพระองค์บ้าง ทั้งไว้ตัวเปนอังกฤษ ไม่เปนเยอรมันอย่างแต่ก่อน แต่ในหมู่ราชวงษ์ยังรับสั่งภาษาเยอรมันชัดเจนสนิท จะว่าดีกว่าอังกฤษก็แทบได้ เพราะเชื้อวงษ์คงจะเนื่องพัวพันกันอยู่ในหมู่เยอรมัน เหมือนอย่างเติมเชื้ออยู่เสมอ ไม่มีเวลาที่จะจางได้ พระมเหษีกับลูกสาวพูดกันแต่ลำภังก็ใช้ภาษาเดนิช ความสามัคคีรักใคร่ในราชวงษ์อยู่ข้างสนิทสนมกันดีมาก อัธยาไศรยเปนนักเลงกว้างขวาง พูดจาเล่นก็สนุกสนาน พ่อมีความเลื่อมใส เห็นสมควรเปนที่ชอบของคนทั่วไป

พระบรมรูปทรงเครื่องดอกเตอ ออฟ ลอ ของมหาวิทยาลัยเคมบริดช์

พระบรมรูปทรงเครื่องดอกเตอ ออฟ ลอ ของมหาวิทยาลัยเคมบริดช์

• • • • • • • • •

คืนที่ ๙๑

วันอังคารที่ ๒๕ มิถุนายน

เวลาเช้าไปส่งก๊าดตอบ ปรินซออฟเวลส์ ปรินซอาเทอออฟคอนนอต แลแกรนด์ดุ๊กบอริส ซึ่งเธอมาส่งก๊าดเยี่ยมไว้ที่นี่ แล้วกลับมาเสียทอดหนึ่ง มิสเตอคาแนกพาไปเที่ยวห้างแห่งหนึ่ง เวลาอยู่ข้างจะจอแจ ทางที่ไปมันไกลเหลือไกล ถ้าไกลเปล่าก็ไม่เปนไร ติดรถคั่งเดินไม่ได้ หยุดเสียนานนาน ซื้อเครื่องเงินแล้วรีบกลับมาให้ทันเวลา มีเวลาที่ดูของอยู่ประมาณสักครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เพราะกำหนดไปที่มิสเตอเวอนี เวลาบ่ายโมงหนึ่ง มาก็ทัน แต่ยังหาทางไม่ได้ ต้องถามกันโลเลอยู่อิก มหาดเล็กก็พากันไปเที่ยวหมด เลยได้ออกช้าไปสัก ๑๕ มินิต แขกเขาไปพร้อมกันแล้ว คนที่มิสเตอเวอนีเชิญวันนี้ คือเอกอรรคราชทูตเยอรมัน อเมริกัน อิตาเลียน ยี่ปุ่น มีเสนาบดีกระทรวงกอลอนีคนหนึ่ง กับผู้อื่นอิก มิสซิสเวอนีแต่งตัวเสื้อเยี่ยรบับเต็มที่ มีของเครื่องไทยต่างๆ ตั้ง จัดดอกไม้สีขาวสีแดง แกลุกขึ้นดื่มให้ได้ตอบ เตรียมจะดีดหีบเพลงแต่ไม่ได้ดีด เพราะเวลาหมด

ออกจากบ้านมิสเตอเวอนี ไปเดวอนไชรเฮาส์สำหรับรับดีกรี[๑๗๗] ถึงเข้ายังไม่มีใคร ออกจะโตงๆ เตงๆ อย่างพิธีฝรั่ง สักครู่หนึ่งเจ้าพนักงานจึงมาแต่งตัวให้ สวมกาวน์แลหมวก ดุ๊กออฟเดเวนไชรชานเซลเลอเจ็บ ไวสชานเซลเลอเปนผู้ที่จะทำพิธีแทน จึงเข้ามานัดหมายแล้วไปตั้งกระบวนแห่แต่ห้องชั้นล่างขึ้นไปห้องชั้นบน สักครู่หนึ่งจึงมีพนักงานที่ถือไม้เงินสองคน สวมกาวน์ดำแลหมวกสี่เหลี่ยมมานำขึ้นกระไดไปชั้นบนเปนห้องใหญ่ที่ประชุม ในห้องนั้นตั้งเก้าอี้สองแถวอย่างเช่นในวัด มีพวกเสื้อดำหมวกเหลี่ยมนั่งอยู่ข้างน่า พวกเราแลคนอื่นนั่งอยู่ข้างหลังทั้งสองข้าง ไวสซานเซลเลอห่มผ้าสีแดงขลิบขนคลุมยาวลงมาตลอดเท้า สวมหมวกดำสี่เหลี่ยม มีผู้ช่วยสวมกาวน์ดำยืนอยู่ข้างหลังสองคน ปับลิกออเรเตอสวมกาวน์แดง ยืนอยู่ข้างซ้าย พ่อยืนอยู่ตรงหน้า แล้วอ่านหนังสือเปนภาษาลติน จบแล้วไวสชานเซลเลอยื่นมือมาจับมือพ่อ ว่าภาษาลตินอิกยาว แล้วเชิญให้ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ข้างขวา ผู้ที่อยู่ข้างล่างตบมือ แล้วเปนเสร็จพิธีกันเท่านั้น ตั้งกระบวนแห่กลับลงมาข้างล่าง พ่อเดินข้างขวาไวสชานเซลเลอ ลงมาถึงห้องที่แต่งตัว แล้วมอบสำเนาคำสปีชภาษาลติน ๖ ฉบับ แปลเปนภาษาอังกฤษ ๖ ฉบับให้ กับคัตตาลอค เอตโนโลยิกัล คอเล็กชั่นแหลมมลายู คอเล็กชั่นของมิสเตอสกีตให้ เสร็จแล้วก็กลับ

ได้ไปถ่ายรูปแต่งเครื่องหมอกฎหมายตามดีกรีที่เขาให้ ที่กรมดำรงขอให้ถ่าย อากาศมันช่างมืดมัว ถ่ายช้าเหลือเกิน ตั้งห้าหกเซกันด์ กลับมาถึงลิเคชั่นเวลาบ่าย ๔ โมง ฝนตกตั้งแต่เช้ามาไม่ได้หยุดเลย จนหนาวเยือกเย็น

ตอนเย็นนี้ดุ๊กออฟคอนนอตเอาก๊าดมาส่ง เพื่อจะให้เปนการแล้วสำเร็จกันที จึงได้กลับออกไปอิกครั้งหนึ่ง ไปส่งก๊าดที่แคลแรนสเฮาส์ เมืองลอนดอนที่แปลกขึ้นมากนั้น มีแห่งเดียวแต่ที่น่าวังบักกิงฮัม ตัดเปนบังเวียนกลมปลูกต้นไม้รอบ ที่กลางกำลังก่อวิกตอเรียเมมมอเรียล ต่อนั้นไปเปนถนน ปลูกต้นไม้สองแถวเหมือนถนนราชดำเนิน ถนนก็จะกว้างเกือบขนาดเดียวกัน แต่สั้นกว่าถนนราชดำเนินมาก ต้นไม้ยังเล็ก เพราะพึ่งจะทำขึ้นใหม่ หน้าตาแปลกกว่าเมืองลอนดอน แต่ยังเงียบ ไม่เห็นมีท่วงทีที่จะมีผู้คนจอแจ มีคนอยู่สองหย่อมที่น่าวังเซนต์เยมส์หย่อมหนึ่ง น่าวังบักกิงฮัมหย่อมหนึ่ง เพราะมีทหารม้าแลรถจอดมาก ด้วยวันนี้เจ้าแผ่นดินออกเลวี นอกนั้นไม่เห็นอะไรแปลกขึ้น จำได้ว่าคนเขาชอบนั่งกันเสียที่ไฮด์ป๊ากสำหรับดูรถดูม้า เพราะมืคนขี่ม้ามากเสมอ แต่เวลานี้ก็ไม่มีใคร ไปนั่งไม่ได้อยู่เอง เพราะฝนตกไม่หยุดสองวันมาแล้ว ที่ดูที่เที่ยวอะไรในเมืองลอนดอนมันไม่ใคร่จะมี เพราะสิ่งที่งามฤๅที่ใหญ่โตมีน้อย ถ้าจะออกเที่ยวดูอะไรก็เห็นการซื้อขายจอแจไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ที่ไหนยิ่งมีการซื้อขายมากถนนยิ่งแคบ การที่จะซื้อขายดีย่อมอยู่ในถนนแคบ ถ้าถนนกว้างๆ ก็มีแต่ตึกคนอยู่ที่ทำเหมือนๆ กันทั้งแถวโดยมาก คนอังกฤษไม่มีนั่งกินเข้าริมทางฤๅกลางแจ้งเลย เรสเตอรองต์ที่เห็นในเมืองอิตาลีฤๅเมืองฝรั่งเศสรํ่าไปนั้น ในเมืองอังกฤษไม่เห็น เห็นแต่การซื้อขายอย่างเดียวเท่านั้น เปนเมืองซึ่งต้องการเอางานมากกว่าที่จะให้งดงาม

วันนี้ทูตนอรเวนำพระราชหัดถเลขามาอ่านให้ฟัง ว่าให้ทูตมาหาบอกให้รู้ในการที่เตรียมจะรับ จะบอกหนังสือพิมพ์ให้รู้ว่าเสด็จไปเปนไปรเวต แต่เจ้าแผ่นดินเสนาบดีข้าราชการทั้งปวงจะแต่งเต็มยศลงมารับ ให้อยู่ที่ในวัง จะมีเลี้ยงเวลาค่ำวันแรก รุ่งขึ้นดูเอกสหิบิเชนแลดูเรือ พ่อก็เข้าใจว่าจะรับอย่างออฟฟีเชียล จึงบอกแก่ทูตว่า ถ้าเช่นนั้นจะแต่งเต็มยศ ก็เปนอันถูกตามความประสงค์

เวลาย่ำค่ำครึ่ง พวกนักเรียน ทั้งเจ้าแลลูกขุนนางมาหา เกือบ ๔๐ คน แล้วมีการเลี้ยงทั้งหมด กับตันคัมมิง[๑๗๘]มาด้วย เวลายามหนึ่งเชิญพวกที่เกี่ยวข้องในราชการของเรา มีพวกบางกอกที่ลาหยุดพักมาอยู่หลายคน จน ๔ ทุ่มเศษจึงได้เลิก วันนี้รู้สึกเหนื่อยมาก เพราะหมุนคว้างอยู่กว่า ๑๒ ชั่วโมงไม่ได้พักเลย จะหาเวลาเขียนหนังสือตอบก็ไม่ใคร่จะมี อะไรต่ออะไรค้างเปรอะใหญ่ อยู่ที่ลิเคชั่นนี้ลำบากเพราะมันไม่เปนพื้นเดียวกัน ซ้อนขึ้นไปหลายชั้นแลห้องเล็กๆ จะติดตามเรียกหาใครยาก หาคนใช้ก็ไม่ใคร่จะได้ ขึ้นกระไดเองก็ไม่ไหว ประดักประเดิดเต็มที ทำอะไรไม่เปลือง

ตาตอมซันที่เปนช่างถ่ายรูป เข้าไปถ่าย ๔๒ ปีมาแล้วนั้นยังอยู่ เอารูปที่ถ่ายแต่เมื่อพ่อยังเด็กมาให้ ได้สั่งให้เขาพิมพ์อิกอย่างละ ๖ แผ่น บัดนี้ได้ส่งสามแผ่นนั้นเข้ามาให้ดูก่อน กับส่งคำแอดเดรสเคมบริชยูนิเวอซิตีที่แปลเปนภาษาอังกฤษฉบับหนึ่ง เข้ามาให้ดูด้วย

• • • • • • • • •

คืนที่ ๙๒

คืนวันพุฒที่ ๒๖ มิถุนายน

วันนี้ลมในห้องน้ำรั่ว หนาวสั่นต้องถึงขึ้นที่นอน เวลา ๔ โมงไปห้างเมเปอล ของมันมากมายเหลือเกิน เหลือที่จะเล่าว่ามีอะไร เพราะมันเปนสตอร์เก็บของสารพัดในนั้น แต่ข้อที่ประหลาดนั้นซื้อเครื่องลายครามได้เปนอันมาก เก่าๆ ดีๆ ประหลาดที่เขาตั้งราคา ถ้าชิ้นโตๆ ฤๅชิ้นคู่ ฤๅพื้นคราม ไม่ว่าผิดฝาฤๅขาดฝา เรียกราคาแพง ถ้าเปนชิ้นเล็กๆ เช่น ชาม จาน ไม่ว่าดีว่าเลว ราคาอยู่ใน ๓๐ ชิลลิงปอนด์หนึ่ง ช่างเพลิดเพลินใจเสียนี่กระไร ถ้าของมีหลายชิ้น ราคาเพียง ๓ บาท ๔ บาท ข้อลำบากยากเย็นนั้นมีอยู่สิ่งเดียวแต่เพียงจะห้ามไม่ให้ดุ๊กร้องซึ้ด ร้องชิชิ จุ๊จุ๊ กรรมการสองคน คือดุ๊กแลบริพัตรกับผู้ชี้ขาด[๑๗๙]ได้เลือกโดยเต็มกำลัง เกือบจะคุมเปนโต๊ะจับช่ายได้โต๊ะหนึ่ง เว้นแต่ขาดหลัก คือลับแลกระถาง เจ้าของร้านแลดูด้วยความพิศวงเปนอันมาก ฝรั่งกำลังคลั่งเล่นปอสเลนจัด ของใหม่ๆ ที่ขายบางกอกไม่ได้ ออกมาอยู่เมืองฝรั่งตั้งครึดไปแทบทุกร้าน จำได้ว่าอ้ายของที่เราสั่งนั้นเอง ชิ้นใหม่ๆ แล้วมีทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าได้หมายมาเรียกผ้าแดงเลยเปนอันขาด พระยาวิสูตรซื้อไว้ในลิเคชั่นนี้ตั้งออกดื่นไป หมายว่าเปนของซื้อครั้งกรมนเรศร์ อยากจะกลับไปปรับเอาแต้มให้จงได้ แกบอกว่าแกซื้อเองก็ต้องยกโทษ ประหลาดที่ทำไมของเก่าๆ เราซื้อทางตวันออกแพงเหลือเกิน ฝรั่งขายถูกที่สุด เห็นจะเปนด้วยซื้อรวมกันมามากๆ แล้วมาตั้งราคาตามใจฝรั่ง ฝรั่งเขาไม่ถือผิดฝาขาดฝาแลไม่บังคับลาย ความจริงที่เขาดูไปดูมา เห็นสู้ชิ้นฝรั่งไม่ได้ กิงเอดเวอดกำลังทรงชิ้นฝรั่งมาก

ที่เปนน่าพิศวงอิกอย่างหนึ่งก็ของยี่ปุ่น ฝีมือดีอย่างประเสริฐ เครื่องงาฝรั่งทำไมไม่ได้ ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อของยี่ปุ่น เพราะไม่ได้ไปเมืองยี่ปุ่น แต่ไปเดินๆ ดูอดซื้อไม่ได้ ได้สิงห์โตแลกิเลนเกาหลีคู่หนึ่งเปนของเก่าฝีมืองามมาก ได้ซื้อรูปสีน้ำ แลเครื่องของเก่าๆ ที่เปนชิ้นหลายสิ่ง

ถึงเวลากินเข้ากลางวัน ไปกินที่ริตชโฮเตล ซึ่งเจ้าแผ่นดินแนะนำว่าอาหารดีนัก ให้ไปกินที่นั่น อาหารดีจริงๆ ด้วย กินเข้าแล้วไปแวะซื้อหัวฮิโปโปตอมัสจะเอาไปให้ดูกันเล่นหัวหนึ่ง แล้วกลับไปห้างเมเปอลอิก ห้างเมเปอลนี้ก็เปนห้างที่เจ้าแผ่นดินเคยเสด็จ ซื้อตุ๊กตาหล่อได้คู่หนึ่ง เหมือนกันเท่ากันกับตุ๊กตาศิลาที่ตั้งอยู่ในวัดพระแก้ว นึกจะเอาไปให้ซ้ำชิ้นกัน ว่าของที่มีเข้าไปเมืองเราแต่โบราณยังมีอยู่ในเมืองฝรั่งจนเดี๋ยวนี้ กลับมาเวลาทุ่มหนึ่ง กินเข้าแล้วไปดูลครเรื่องเมอรีวิโด ซึ่งกวีนแนะนำให้ไปดู เจ้าแผ่นดินได้บอกอนุญาตให้บอกซ์หลวง วันแรกมาถึงจะไปดู เขาไม่ได้เตรียมเสด็จ ขายให้เศรษฐีไปเสียแล้ว มีวันดูได้แต่วันเดียว ที่จริงกวีนแนะนำสองโรง เมื่อวานนี้หาเวลาไปดูไม่ได้ เจ้าของโรงจัดการรับแขงแรง ถึงพิมพ์โปรแกรมหลังเปนอามแผ่นดิน ได้ส่งเข้ามาให้ดู ทั้งตามปรกติแลที่พิมพ์วิเศษ เขาให้สมุดท้องเรื่องเล่มหนึ่งแต่ยังไม่ได้อ่าน จะเอาไว้ดูก่อน ได้ส่งแต่เพลงที่เขาให้เข้ามาด้วย เพลงนี้เปนเพลงที่ชอบใจกันมาก เพราะอ่อนหวาน ที่วินด์เซอแตรแลซอทำบ่อยๆ

ขาไปได้ไปด้วยรถไฟใต้ดินสายใหม่ ซึ่งเขาเรียกว่า ตยูบ (ท่อ) เพราะเจาะเปนรูปกลมเหมือนท่อ ลึกลงไปกว่ารถไฟใต้ดินสายเดิม เวลาจะลงไปต้องลงลิฟต์แต่ลิฟต์นั้นโต จุคนประมาณสักยี่สิบ เปนรถไฟฟ้า มีสูบบุหรี่ได้แลไม่ได้เปนหลังๆ ในพวงเดียวกัน เมื่อถึงสเตชั่นแห่งใด คนที่อยู่น่ารถขานชื่อในเวลาเปิดประตู เวลาปิดประตูขานชื่อสเตชั่นน่าให้รู้ไว้ก่อน เมื่อไปที่โรงลครไม่ได้ขึ้นรถอิก เพราะทางเดินใกล้นิดเดียว ขากลับกลับด้วยรถแฮนซัมแคบ เพื่อจะอยากลองดู เพราะเมื่อคราวก่อนพ่อได้เคยขึ้น รถนี้เทียมม้าเดี่ยวสองล้อ สารถีขึ้นไปนั่งอยู่ข้างหลังเก๋ง ใช้คล่อง แต่มีวิธีเข้าออก ต้องหันหลังเข้าไปอย่างขึ้นบุษบกพระราเชนทร์ฤๅบุษบกเรือกิ่ง ถ้าหันหน้าเข้าไปต้องหมุนเกะกะเปนอันขึ้นไม่เปน สบายดีที่มีกระดานบังน่าไม่เย็นขา

กลับมาถึงที่ลิเคชั่น ได้รับพระรูปกวีนส่งเติมมาให้อิกแผ่นหนึ่งกับดุมมือสองคู่ เปนตัว เอกับอี มีลายพระหัดถ์จดมาที่หลังหีบว่า “ของที่ระฦกเล็กน้อย จากอเล็กแซนดรา มิถุนายน ๑๙๐๗” พ่อมีความรำคาญเปนที่สุด ด้วยเรื่องรูปที่สัญญาว่าจะส่งไปถวาย ไม่ได้ มาครั้งนี้ไม่มีอะไรเคราะห์ร้ายยิ่งกว่าเรื่องรูป เสียฤกษ์มาตั้งแต่บางกอกแลวันไดก์ มันให้มีอันเปนไปต่างๆ จนกระทั่งวันนี้ยังไม่มีรูปจะแจกใครสามเดือนแล้ว เลยต้องส่งรูปที่แต่งกาวน์หมอกฎหมายไปถวายเปนประกันไว้พลาง แลได้ส่งเข้าไปบางกอกด้วยบ้าง ได้ให้ดุ๊กส่งกาวน์ล่วงน่าเข้าไปไว้บางกอก เพราะจะหอบไปเปนการลำบาก

เมื่อวานนี้เปนวันมหาปวารณา ได้มีโทรเลขเข้าไปถึงกรมดำรง วันนี้ได้รับตอบ ที่จริงก็นานอยู่ จำพรรษาถึงสามเดือนแล้ว

อนึ่งวันนี้มิศเตอคาแนคได้ไปพาเจ้าของหนังสือพิมพ์กาเดนมาหาเรื่องที่จะจัดดอกไม้ส่งไปบางกอก เขาเขียนแบบมาให้ พ่อได้ขอให้ส่งตามที่เขาเห็นว่าจะปลูกในบางกอกได้ มีบอกตำรามาในแบบนั้นด้วย ได้ส่งเข้ามาเพื่อจะได้อ่าน

วันนี้เปนวันที่ควรจะต้องจบ เพราะจะเปลี่ยนเมือง คิดถึงเปนอันมาก ยิ่งเมื่อได้เห็นลูกไม้ที่ดีๆ ดอกไม้ที่งามๆ อยากจะส่งเข้าไปให้ แต่ไม่รู้จะส่งอย่างไร จนกลุ้มใจ ดึกแล้ว ขอจบเท่านั้นที จะลาไปนอน สำหรับไปพรุ่งนี้

จุฬาลงกรณ์ ป.ร.



[๑๖๕] ลัดดาคำหลานสาวเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้านครเชียงใหม่

[๑๖๖] หม่อมเจ้าเขจรจรัสฤทธิ ในกรมหลวงนเรศวรฤทธิ

[๑๖๗] หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร ในกรมหลวงนเรศวรฤทธิ

[๑๖๘] หม่อมเจ้าดำรัสดำรง ในกรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการ

[๑๖๙] คือพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งประชาชนชาวสยามจะถวายเปนของพระขวัญ ในงานพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก (เดี๋ยวนี้ประดิษฐานอยู่ที่น่าพระลานพระราชวังดุสิต)

[๑๗๐] เมื่อเสด็จยุโรปคราวก่อนเปนเวลาทางไมตรีในระหว่างกรุงสยามกับฝรั่งเศสหมองหมางยังไม่เรียบร้อย

[๑๗๑] มักมีพระราชดำรัสอยู่แต่ก่อนเนืองๆ ว่าโคมไฟฟ้าอย่าง ๑ หลังคาตัดอย่าง ๑ เพดานโบกปูนอย่าง ๑ ไทยเอาอย่างฝรั่งมาทำในประเทศนี้ยังไว้ใจไม่ได้ โคมไฟฟ้านั้นมักดับในเวลามีงานการด้วย

[๑๗๒] มิศเตอเวสเตนโฮลด์ส ชาติเดนมารค ผู้จัดการบริษัทไฟฟ้าในกรุงเทพ ฯ

[๑๗๓] คือพระเจ้ายอชที่ ๕ พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษในปัจจุบันนี้

[๑๗๔] หม่อมอุดมพงศเพ็ญสวัสดิ ม.ร.ว. ประยูร อิศรศักดิ์ ณกรุงเทพ (เดี๋ยวนี้เปนพระยาอุดมพงศเพ็ญสวัสดิ์

[๑๗๕] คำว่า “ปล่อยพระพุทธบาท” นี้ เปนคำแผลง หมายความว่าเอาของที่ใช้ไม่ได้แล้วไปทำบุญ มาแต่ในเรื่องพงศาวดาร ครั้งพระเจ้าบรมโกษฐให้ปล่อยช้างต้นบรมจักรพาฬซึ่งไส้งาทลุเกรงจะล้ม ถวายเปนพุทธบูชาที่พระพุทธบาท

[๑๗๖] กรมหลวงนเรศวรฤทธิ์ เคยเปนราชทูตเสด็จไปประจำอยู่ลอนดอนหลายปี

[๑๗๗] การที่ถวายดีกรีนี้ มหาวิทยาลัยเคมบริชถวายเปนพระเกียรติยศ

[๑๗๘] กัปตันคัมมิง เคยบังคับเรือมหาจักรีคราวเสด็จยุโรปครั้งแรก

[๑๗๙] คือพระองค์เอง

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ