พระราชปุจฉาที่ ๑๒

ว่าด้วยท้าวสุทธาวาศมหาพรหมมาดูดอกบัวอันเปนบุพนิมิตร ถ้าแผ่นดินเปนสูญกลัปก็ดี อสงไขยกลัปก็ดี ท้าวสุทธาวาศมหาพรหมองค์ใดจะมาดูดอกบัวนั้นเล่า

----------------------------

ศุภมัศดุจุลศักราช ๑๑๔๖ นาคสังวัจฉรนักษัตรฉศกอาสาฬหะมาศสุกปักษ์ จตุรสดฤถีครุวารปริเฉทกาลกำหนด พระบาทสมเด็จบรมพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งท้องพระโรงอำมรินทรวินิจฉัย ทรงพระกรุณาดำรัสเหนือเกล้าฯ ประภาษพระราชปุจฉาให้ออกหลวงศรีวรโวหารราชบัณฑิตไปผเดียงถามสมเด็จพระสังฆราชพระราชาคณะทั้งปวงว่า มีพระบาฬีในคัมภีร์สัมบิณฑ์คัมภีร์โลกสัณฐานว่า กลัปมีสองประการ คือสูญกลัป อสูญกลัป

สูญกลัปนั้น ปราศจากพระพุทธเจ้า พระปัจเจกโพธิ พระอรหันต์ แลพระยาจักรพรรดิ

อสูญกลัปนั้น พร้อมมูลบริบูรณ์ไปด้วยพระพุทธสาสนา มีสมเด็จพระพุทธเจ้าเปนประธาน แลพระปัจเจกโพธิ พระอรหันต์ พระยาจักรพรรดิราชฉนี้

เมื่อกลัปฉิบหายแล้วตั้งแผ่นดินขึ้น ท้าวสุทธาวาศมหาพรหมก็ชวนกันมาดูดอกประทุมชาติ อันเปนบุพนิมิตรในที่ศีศะแผ่นดิน ถ้าเห็นมีดอก ๑, ๒, ๓, ๔, ๕ ก็ดี ก็โสมนัศยินดี ว่าครั้งนี้ฝ่ายอบายภูมินั้นสัตวนรกจะเบาบาง สวรรค์ก็จะพร้อมไปด้วยเทวบุตรเทวธิดา สุทธาวาศจะบริบูรณ์ไปด้วยพระอริยเจ้าทั้งปวง ถ้ามิได้เห็นดอกประทุมชาติก็โทมนัสว่ากลัปอันนี้เปนสูญกลัป ปราศจากพระพุทธเจ้า พระปัจเจกโพธิ พระอรหันต์ พระยาจักรพรรดิ สัตวทั้งปวงจะเปล่าจากมรรคผล จะมืดมนไปด้วยอกุศลในสันดาน จะไปบังเกิดบริบูรณ์อยู่ในนรก ฝ่ายสวรรค์เทวโลกสุทธาวาศนั้นจะเบาบาง พระบาฬีมีอยู่ฉนี้

เมื่อพิเคราะห์ดูอายุสุทธาวาศทั้ง ๕ ชั้นอวิหามีอายุ ๑๐๐๐ กลัป ชั้นอตัปปามีอายุ ๒๐๐๐ กลัป ชั้นสุทัสสาอายุ ๔๐๐๐ กลัป ชั้นสุทัสสีอายุ ๘๐๐๐ กลัป ชั้นอกนิฏฐกาอายุ ๑๖๐๐๐ กลัป มาตรว่าถึงพระอริยเจ้าจะชมสมบัติขึ้นไปทุกๆ ชั้นตลอดทั้ง ๕ ชั้นจึงนิพพาน ก็มีอายุได้แต่ ๓๑๐๐๐ กัลปแต่เท่านี้ ก็เห็นว่าสิ้นพระอรหันต์แล้ว ถ้าแผ่นดินเปนสูญกลัปไปถึงแสนกลัปก็ดี อสงไขยกลัปก็ดี คือท้าวสุทธาวาศพระองค์ใดจะมาดูดอกประทุมชาติซึ่งเปนบุพนิมิตรเล่า

ประการหนึ่ง เจ้าคุณทั้งปวงวิสัชนาว่า มงคลจักรวาฬนี้มีประการฉันใด จักรวาฬทั้งปวงก็มีประการฉันนั้น เว้นแต่สมเด็จพระพุทธเจ้ามิได้ตรัส เมื่อแรกจะตั้งกลัปขึ้นนั้น จะสังเกตนิมิตรอันใด ฤๅจะมีแต่กอบัวหามีดอกไม่ แลพรหมชั้นใดลงมาดูบุพนิมิตรเล่า ฤๅว่าหามีผู้มาดูไม่ฉิบหายเองเกิดเองตามธรรมดาประการใด ให้พระผู้เปนเจ้าทั้งปวงวิสัชนามาให้แจ้ง

แก้พระราชปุจฉาที่ ๑๒

อาตมาภาพ สมเด็จพระสังฆราช พระราชาคณะทั้งปวง ๘ รูป ขอพระราชทานถวายพระพรวิสัชนา ข้อซึ่งพระราชปุจฉาว่า โลกธาตุเปนสูกลัปช้านาน ถึงแสนกลัปแผ่นดิน อสงไขยกลัปแผ่นดินก็ดี สิ้นพระอริยเจ้าในสุทธาวาศแล้ว จะได้สุทธาวาศพรหมที่ไหนมาดูดอกประทุมชาตินั้นเล่า ซึ่งพระราชปุจฉาข้อนี้ เปนสุขุมภาพเกินสติปัญญานักยากที่จะถวายวิสัชนา แลอาตมาภาพทั้งปวงดูในอรรถกถาบาฬียังมิได้พบ พิจารณาเห็นโดยเนื้อความเปนอธิบายว่า เมื่อสิ้นพระอริยเจ้าในชั้นสุทธาวาศแล้ว ยังแต่ท้าวมหาพรหมอันเปนปุถุชน ครั้นเมื่อตั้งกลัปนั้น ท้าวมหาพรหมทั้งหลาย อันเปนปุถุชน ก็ลงมาดูประทุมนิมิตรตามประเวณีโลก เหมือนพระอนาคามิบุทคลอันอยู่ในชั้นสุทธาวาศ แต่ทว่าน้อยนานๆ จึงจะมีแต่ละครั้ง ซึ่งมีสุทธากาสพรหมลงมาดูนั้นโดยมาก จึงมีพระบาฬีว่า “อถโข สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน สปริสา” ข้อซึ่งว่าจักรวาฬนี้มีประการฉันใด จักรวาฬทั้งปวงก็มีประการฉันนั้น เว้นแต่สมเด็จพระพุทธเจ้ามิได้ตรัสนั้น

อาตมาภาพทั้งปวงถวายวิสัชนาไว้ว่าเหมือนกันฉันนั้น เหมือนแต่ภูมิโลกธาตุแลกอบัว แลที่บัลลังก์พระมหาโพธิ แลที่ฐานสำหรับพระพุทธเจ้า พระปัจเจกโพธิ พระอรหันต์ พระยาบรมจักร มิได้มีในจักรกาฬอันอื่น ๆ ฉิบหายเองเกิดเองตามธรรมดา มหาพรหมองค์ใดจะมาดูบุพนิมิตรหามิได้ ซึ่งธรรมชาติอันเศษกว่านั้นก็มีเหมือนกัน แลเทวดาอินทร์พรหมทั้งหลายในกามาวจรรูปาวจร ซึ่งมีในหมื่นจักรวาฬนั้น ก็ได้มรรคผลเหมือนมงคลจักรวาฬนี้ เหตุเทวดาอินทร์พรหมในหมื่นจักรวาฬขณะเมื่อพระเจ้าตรัสแล้ว ย่อมมากระทำสักการบูชาฟังพระธรรมเทศนาเนือง ๆ

อาตมาภาพทั้งปวงพิจารณาได้เนื้อความแต่เท่านี้ ขอถวายพระพร ๚

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ