พระราชปุจฉาที่ ๔

ข้อ ๑ ว่าซึ่งกำหนดอายุสัตวในอเวจีมหานรกด้วยอันตรากัลปนั้นเปนด้วยเหตุใด

ข้อ ๒ ว่าโทษปัญจานันตริยกรรมกับโทษกินของสงฆ์ เผาโรงทานข้างไหนจะหนักเบากว่ากัน

ข้อ ๓ ว่าถ้ากัลปใดฉิบหายวันใด สัตวในอเวจีมหานรกพ้นทุกข์ในอันนั้น แลสัตวนรกนั้นพ้นทุกข์ไปทีเดียวฤๅ ฤๅกรรมให้ผลสืบไปในกัลปอื่นอิก

ข้อ ๔ ว่าญาติพระยาพิมพิสาร ต้องทรมานในนรกช้านานถึง ๙๒ แผ่นดินด้วยเหตุใด

----------------------------

๏ ศุภมัศตยุลศักราช ๑๑๔๖ นาคสังวัจฉรนักษัตรฉศกไพศาขมาษกาฬปักษ์ทวาทศดฤถีโสรวารบริเฉทกาลกำหนด พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว เสด็จสถิตย์ณพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ทรงกรุณาดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ประภาษพระราชปุจฉา ให้หลวงศรีวรโวหาราจารย์ราชบัณฑิตไปเผดียงถาม สมเด็จพระสงฆราชพระราชาคณะทั้งปวงว่า เมื่อแรกตั้งปฐมกัลปนั้นพรหมจุติลงมาบังเกิดเปนมนุษย์ อายุยืนได้อสงไขยหนึ่งเปนต้น แล้วถอยน้อยลงมาจน ๑๐ ปี เหตุไรจึงมานับอายุมนุษย์ตั้ง ๑๐ ปีเปนต้นขึ้นไปจนอสงไขย แต่อสงไขยลงมาจน ๑๐ ปี ดังนี้ชื่อว่าอันตรากัลป สำหรับอายุมหาอเวจีนรกนั้นด้วยเหตุอันใด อนึ่งโทษปัญจานันตริยกรรมทั้ง ๕ คือ ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ พุทธโลหิตุบาท สังฆเภทกรรม ผู้ใดกระทำผู้นั้นตกมหาอเวจี แลโทษอนันตริยกรรมทั้ง ๕ นี้ กับโทษญาติพระยาพิมพิสารกินของสงฆ์ เผาโรงทานนั้น ข้างไหนจะหนักจะเบากว่ากัน จะมากจะน้อยกว่ากัน อนึ่งสัตวไปตกในมหาอเวจีกัลปหนึ่งก็ดีกึ่งกัลปก็ดียังวันหนึ่งสองวันจะสิ้นกัลปก็ดี ถ้ากัลปฉิบหายวันใด สัตวในมหาอเวจีพ้นทุกข์วันนั้น แลสัตว์นรกนั้นพ้นทุกข์ไปทีเดียวฤๅ ๆ กรรมให้ผลสืบไปในกัลปอื่น ข้อหนึ่งโทษญาติพระยาพิมพิสารกินของสงฆ์เบากว่าอนันตริยกรรม ได้ไปตกนรกขุมน้อยใหญ่ ครั้นบรรไลยกัลปฉิบหายกัลป สัตว์นรกเหล่านั้นจะได้พ้นโทษสิ้นโทษหามิได้ ด้วยยกไปไหม้อยู่ในจักรวาฬอื่น ส่วนปัญจานันตริยกรรมทั้ง ๕ โทษหนักกกว่ากินของสงฆ์อิก ครั้นไฟบรรไลยกลัปมา ว่าพ้นโทษสิ้นโทษไปสู่พรหมโลกนั้นด้วยเหตุอันใด อนึ่งเมื่อไฟบรรลัยกัลปมาไหม้แผ่นดินให้สูญไปนั้น ว่าสรรพสัตวทั้งปวงจุติแล้วได้ไปสวรรค์สิ้น เว้นไว้แต่นิยตมิจฉาทิฐิจำพวกเดียวนั้นมิได้ไปสวรรค์ อกุศลกรรมยกไปไหม้อยู่ในนรกจักรวาฬอื่น ซึ่งญาติพระยาพิมพิสารได้กินของสงฆ์เผาศาลาโรงทาน ครั้นตายแล้วได้ไปตกนรกขุมน้อยใหญ่ ไม่ได้ไปสวรรค์เลย ทรมานมาในนรกจักกาฬนี้จักรวาฬโน้นนานจน ๙๒ แผ่นดินนั้นด้วยเหตุอันใด ให้สมเด็จพระสังฆราช พระราชาคณะทั้งปวงวิสัชนามาให้แจ้ง

แก้พระราชปุจฉาที่ ๔

๏ อาตมาภาพ สมเด็จพระสังราช พระราชาคณะทั้งปวง ๑๕ รูป ขอพระราชทานถวายพระพรว่า ซึ่งข้อพระราชปุจฉา ว่าเมื่อแรกตั้งปฐมกัลปนั้น พรหมจุติลงมาเกิดเปนมนุษย์ อายุยืนได้อสงไขยหนึ่งเปนต้น แล้วถอยน้อยลงมาจน ๑๐ ปี เหตุไรจึงนับอายุสัตวแต่ ๑๐ ปีขึ้นไปจนอสงไขย แต่อสงไขยลงมาจน ๑๐ ปี ดังนี้ชื่อว่าอันตรากัลป สำหรับอายุในมหาอเวจีนรกนั้น ด้วยเหตุอันใดนั้น

แก้ข้อ ๑

อาตมาภาพทั้งปวงเห็นพระบาฬีในคัมภีร์ต่างๆ ว่าวิธีนับอันตรากัลปนั้นมี ๒ ประการ ถ้าจะนับอันตรากัลปสำหรับอายุแผ่นดินว่านานา ๖๔ อันตรากัลปนั้น ให้นับแต่อสงไขยลงมาถึง ๑๐ ปีแต่ ๑๐ ปีขึ้นไปถึงอสงไขย ชื่อว่าอันตรากัลปหนึ่ง ซึ่งพระราชดำริห์อธิบายนั้นสมควรนักหนา ถ้านับอายุอเวจีนั้น ให้นับอายุมนุษย์ตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไปถึงอสงไขย แต่อสงไขยไปถึง ๑๐ ปีดังนี้ ชื่อว่าอันตรากัลปหนึ่งสำหรับอเวจีนรก

แก้ข้อ ๒

ข้อหนึ่งซึ่งโทษปัญจานันตริยกรรมทั้ง ๕ คือฆ่าบิดา ฆ่ามารดาฆ่าพระอรหันต์ พุทธโลหิตุบาท สังฆเภทกรรม ผู้ใดกระทำผู้นั้นตกนรกมหาอเวจี แลโทษอนันตริยกรรมทั้ง ๕ นี้ กับโทษญาติพระยาพิมพิสารกินของสงฆ์เผาโรงทานนั้น ข้างไหนจะหนักจะเบากว่ากันจะมากจะน้อยกว่ากันนั้น ข้อนี้อาตมาภาพพบพระบาฬีว่า “ครุกมฺมํ พหุลกมฺมํ” ว่าปัญจานันตริยกรรมนั้น ชื่อว่าครุกรรมอันหนัก แต่มีที่กำหนดสิ้นโทษเร็ว อันโทษลักของสงฆ์ทำร้ายในสงฆ์นั้น ชื่อพหุลกรรมเปนกรรมอันมากยืดยาว จะสิ้นโทษนั้นช้า เหตุพระเจ้าเทศนาว่าพระสงฆ์เปนที่ตั้งพระสาสนาแลมรรคผล จึงอนุญาตบรรพชาแก่พระสงฆ์ว่า “สุณาตุ เม ภนฺเต สงฺโฆ” เปนอาทิ ยังกุลบุตรสมมุติยกขึ้นเปนภิกษุสงฆ์ได้ แลคุณในสงฆ์ทรงพระอรหันต์ได้ เหตุดังนั้นพระเจ้าจึงสรรเสริญสังฆทานว่าเปนใหญ่กว่าบุคคลิกทาน จะทำสังฆกรรมทั้งปวง มีผูกพัทธสีมาเปนต้นก็สำเร็จกิจด้วยสงฆ์ พระเจ้าสรรเสริญว่าสงฆ์เปนมูลแห่งพระสาสนา ผู้จะทำคุณโทษในพระสงฆ์จึงเปนพหุลกรรม ให้ผลมากยืดยาวกว่าอนันตริยกรรม ในปัญจานันตริยกรรมนั้นยกเอาสังฆเภทเปนใหญ่ให้ผลแรงกว่าทั้งปวง ถ้าทำอนันตริยกรรมทั้ง ๕ อันว่าสังฆเภทสิ่งเดียวนั้น ให้ผลได้ทนทุกขเวทนาในมหาอเวจี แลกรรมทั้ง ๔ นั้นเปนอโหสิกะกรรมสูญโทษทีเดียว เหตุว่าอยู่ในหมู่ครุกรรม

แก้ข้อ ๓

ข้อซึ่งว่าสัตวไปตกในมหาอเวจีกัลปหนึ่งก็ดี กึ่งกัลปก็ดี ยังวันหนึ่งสองวันจะสิ้นกัลปก็ดี ถ้ากัลปฉิบหายอันใด ว่าสัตว์อวิจีพ้นทุกข์วันนั้น แลสัตวนรกนั้นพ้นทุกข์ไปทีเดียวฤๅ ๆ กรรมให้ผลสืบไปในกัลปอื่นบ้างนั้น พบพระบาฬีว่า อันบุคคลต้องในครุกรรมทั้ง ๕ มีสังฆเภทเปนต้น สมเด็จพระพุทธเจ้าตรัสกำหนดไว้แต่ในกัลปหนึ่ง ซึ่งบุคคลกระทำในต้นในกลางในที่สุดกัลปก็ดี ผู้นั้นจะได้เสวยทุกขเวทนาแต่ภายในอันตรากัลปเดียวเปนกำหนด ครั้นกัลปฉิบหายแล้วผู้นั้นสิ้นสูญโทษ ครุกรรมนั้นจะให้ผลสืบไปอิกหามิได้

แก้ข้อ ๔

ข้อซึ่งว่าโทษญาติพระยาพิมพิสารกินของสงฆ์ เบากว่าอนันตริยกรรม ได้ไปตกนรกขุมน้อยใหญ่ ครั้นไฟบรรลัยกัลปฉิบหายกัลป สัตว์นรกเหล่านั้นจะได้พ้นสิ้นโทษหามิได้ กรรมยกไปไหม้อยู่ในนรกจักรวาฬอื่นที่ไม่ไหม้ ส่วนปัญจานันตริยกรรมทั้ง ๕ โทษหนักกว่ากินของสงฆ์อิก ครั้นไฟบรรลัยกัลปมาว่าพ้นโทษไปสู่พรหมโลกนั้น ด้วยเหตุอันใดนั้น ข้อนี้พบพระบาฬีเหมือนหนหลัง ส่วนปัญจานันตริยกรรมนั้น ชื่อครุกรรมตกถึงอวิจีมหานรก แต่มีพุทธฎีกากำหนดโทษแต่อันตรากัลปหนึ่งสิ้นโทษแล้วจึงไปสู่พรหมโลก ส่วนโทษกินโทษลักของสงฆ์ ชื่อว่าพหุลกรรมเปนโทษมากช้านานยืดยาว ได้เสวยทุกขเวทนาไม่สาหัสเหมือนอวิจีนั้นหามิได้ เปนแต่อปราปรเวทนิยกรรมจึงให้ผลยืดยาวไปช้านาน เหตุว่ามินับเข้าในกองครุกรรม ข้อซึ่งว่าเมื่ออายุแผ่นดิน ไฟบรรลัยกัลปมาไหม้ให้สิ้นสูญนั้น ว่าสรรพสัตวทั้งปวงจุติแล้วได้ไปสวรรค์สิ้น เว้นไว้แต่นิยตมิจฉาทิฐิจำพวกเดียวมิได้ไปสวรรค์ อกุศลกรรมยกไปไหม้อยู่ในนรกจักรวาฬอื่น ซึ่งญาติพระยาพิมพิสารกินของสงฆ์แลเผาโรงทาน ไปตกนรกอยู่ช้านานถึง ๙๒ แผ่นดินนั้น อาตมาภาพพบพระบาฬีว่า

“สํฆารามาทิลาภเมติ นิจฺจํ ปาณวโธ สิยา
สํฆสนฺตกสฺส หรโก มิจฺฉาทิฏฐิ จ ทารุณํ
เต ชนา นิรยคตา โลกนฺตฺจ นิสํสยํ”

แปลเนื้อความว่า เมื่อกัลปวินาศแผ่นดินสิ้นสูญบรรลัยกัลปนั้น สัตวทั้งปวงจะได้ไปสวรรค์สิ้นหามิได้ “เยภุยฺยวเสน” แต่ทว่าได้ไปโดยมาก ด้วยสามารถอำนาจอปราปรเวทนิยกุศลหนหลังอันสร้างสมไว้ สัตวจำพวกใดมิได้เปนนิยตมิจฉาทิฏฐิมิได้ทำอกุศลเปนอาจิณ มิได้ทำครุกรรมอันหยาบช้าทารุณ แลกุศลผลบุญนั้นน้อยก็ได้ไปเกิดในจักรวาฬอื่น อันมิได้บรรไลยนั้นโดยยถากรรม เว้นไว้แต่พระบรมโพธิสัตวเจ้า อันได้ลัทธยาเทศทำนายแล้วนั้นมิได้ไปจักรวาฬอื่น บุคคลจำพวกใดเปนนิยตมิจฉาทิฐิแท้นั้น กรรมยกไปไหม้อยู่ในโลกันตนรกหว่างจักรวาฬอื่น บุคคลจำพวกใดได้กระทำกรรมอันหยาบช้าทารุณ คือได้เผาพระพุทธรูป พระสถูปเจดีย์ วัดวาอารามทั้งปวง แลโรงทานแห่งสงฆ์ ลักของสงฆ์ก็ดี กินของสงฆ์ก็ดี จำพวกนี้กรรมยกไปไหม้อยู่ในนรกจักรกาฬอื่น อาตมาภาพพบพระบาฬีแต่เท่านี้ ขอถวายพระพร ๚

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ