พระราชปุจฉาที่ ๑๐

ข้อ ๑ ว่าด้วยอานิสงส์บุญแห่งสัมปัตตวิรัติศีล ซึ่งนิยตมิจฉาทิฐิปฏิบัติพอต้องเข้าแล้ว พลอยสิ้นสูญไปด้วยฤๅจะให้ผลสืบไป

ข้อ ๒ ว่าด้วยธรรมดาศีลแห่งพระพุทธมารดานั้น เกิดด้วยบุญพระพุทธมารดา ฤๅเกิดด้วยอานุภาพบุญแห่งพระโพธิสัตว

ข้อ ๓ ว่าด้วยนิยตมิจฉาทิฐิ จะพ้นจากสังสารทุกข์ได้ฤๅไม่

----------------------------

ทรงพระกรุณาประภาษพระราชปุจฉาต่อไปว่า พระคุณเจ้าทั้งปวงวิสัชนาว่า อันโทษนิยตมิจฉาทิฐินั้น เปนมหันตโทษอันใหญ่ ถึงมาตรว่าปรนนิบัติพอต้องเข้าในสัมปัตตวิรัติศีล อานิสงส์สัมปัตตวิรัตัศีลมิอาจช่วยได้ ครั้นนิยตมิจฉาทิฐิตายแล้วก็ไปในโลกกันตนรกนั้น ก็สมควรอยู่แล้ว แลอานิสงส์บุญแห่งสัมปัตตวิรัติศีลพอถูกต้องเข้านั้นพลอยสิ้นสูญไปด้วยฤๅ ๆ จะให้ผลสืบไปข้างหน้าประการใด

ประการหนึ่ง ประเพณีสมเด็จพระพุทธมารดาทุกๆ พระองค์ ถ้าสมเด็จพระบรมโพธิสัตวเจ้าลงสู่ปฏิสนธิแล้ว พระพุทธมารดาทรงสมาทานศีลด้วยพระองค์เองเปนนิจบริบูรณ์ไปตราบเท่าสิ้นพระชนม์ บมิได้สมาทานในสำนักท่านผู้อื่นเลย แลธรรมดาศีลอันมีแก่สมเด็จพระพุทธมารดาดังนี้ จะว่าเปนเพราะบารมีของพระพุทธมารดาฤๅ ๆ บุญอานุภาพพระบารมีสมเด็จพระบรมโพธิสัตวเจ้า อันเปนปัจฉิมภวิกชาติที่สุด เสด็จเข้าอาไศรยในครรภพระพุทธมารดา เปนมหาเจดียฐาน ไม่ควรจะให้พระมารดานิสีทนาการนั่งต่ำกว่าผู้ใด จึงดลพระทัยให้ทรงธรรมดาศีล

อนึ่งสรรพสัตว์ทั้งปวงอันท่องเที่ยวอยู่ในวัฏสงสาร ยังมิได้พระนิพพานตราบใด ไม่สิ้นอปราปรเวทนียกรรม ๆ ได้ช่วยครั้งใดย่อมให้ผลครั้งนั้น แลฝ่ายนิยตมิจฉาทิฐิ อันปรนนิบัติต้องเข้าในสัมปัตตวิรัติศีล จัดได้ชื่อว่าอปราปรเวทนิยกรรมจะให้ผลต่อภายหลัง แลบุคคลอันเปนนิยตมิจฉาทิฐินั้น จะได้พ้นจากสังสารทุกข์สำเร็จแก่พระนิพานฤๅหามิได้ ให้สมเด็จพระสังฆราชพระราชาคณะทั้งปวงวิสัชนามาให้แจ้ง

แก้พระราชปุจฉาที่ ๑๐

อาตมาภาพ สมเด็จพระสังฆราช พระพุฒาจารย์ พระธรรมไตรโลก พระธรรมเจดีย์ พระเทพมุนี พระโพธิวงศ์ พระพุทธโฆษา พระธรรมโฆษา พระเทพกระวี ๙ รูป พิจารณาเห็นพระบาฬีในสารสงเคราะห์ว่า

แก้ข้อ ๑

กรรมมี ๓ ประการ คือทิฏฐธรรมเวทนียกรรม อุปปัชชเวทนียกรรม อปราปรเวทนียกรรม

อธิบายว่า ทิฎฐธรรมเวทนียกรรม จะให้สำเร็จผลในชาตินั้น อุปปัชชเวทนียกรรม ให้ผลในลำดับชาติ อปราปรเวทนียกรรม จะให้ผลแก่สัตวทั้งปวง อันสังสารท่องเที่ยวในวัฏสงสาร ก็จะได้สำเร็จผลในชาติใดชาติหนึ่ง อันอานิสงส์สัมปัตตวิรัตินั้น อาตมาภาพพิจารณาเห็นว่าผลนั้น เปนอปราปรเวทนียกรรม ซึ่งโทษนิยตมิจฉาทิฐิกำหนดที่สุดแห่งทุกข์ ถ้าโทษนั้นเคลื่อนคลายเมื่อใด ผลแห่งสัมปัตตวิรัติศีลหาสูญไปไม่ จะให้สำเร็จผลเมื่อนั้น

แก้ข้อ ๒

ประการหนึ่ง ซึ่งข้อพระราชปุจฉาว่า ธรรมดาศีลแห่งสมเด็จพระพุทธมารดานั้น เกิดด้วยบุญของสมเด็จพระพุทธมารดาฤๅ ๆ เกิดด้วยอานุภาพบุญของสมเด็จพระบรมโพธิสัตวนั้น อาตมาภาพทั้งปวงพิจารณาเห็นว่าธรรมดาศีลนั้น เกิดด้วยยพระบารมีของสมเด็จพระพุทธมารดา แลอานุภาพของพระโพธิสัตว อันเปนปัจฉิมภวิกชาติประกอบกันเหมือนด้วยสุวรรณภาชนะทองบริสุทธิ์ จึงอาจจะรับรองไว้ซึ่งน้ำมันพระยาราชสีห์ได้ ถ้าแลเว้นจากภาชนะทองอันบริสุทธิ์แล้วมิอาจที่จะรับรองไว้ซึ่งน้ำมันแห่งพระยาราชสีห์ได้ ฉันใดก็ดี พระอานุภาพทั้งสองประการ คืออานุภาพพระพุทธมารดา อานุภาพพระโพธิสัตวผู้เปนปัจฉิมภวิกชาติประกอบกัน จึงให้พระพุทธมารดานั้นทรงธรรมดาศีลมีพระคุณวิเศษกว่าแต่ก่อน คือมิได้มีราคจิตรในบุรุษนั้นหนึ่ง มิควรจะนั่งอาศนะอื่นต่ำกว่าผู้อื่นหนึ่ง คือท้าวจตุโลกบาลรักษาหนึ่ง ได้ซึ่งครรภบริหารอันประเสริฐเปนอาทิประการหนึ่ง

แก้ข้อ ๓

ข้อซึ่งสรรพสัตว์ทั้งปวงจะออกจากวัฏสงสารได้ก็ดี มิได้ก็ดีอาไศรยกุศลสองประการ คือวัฏคามีกุศล สำหรับบุทคลอันมีบารมีอันอ่อน แลวิวัฏคามีกุศล สำหรับบุทคลมีบารมีอันแก่กล้า บุทคลทำบุญให้ทานแลปราถนาแต่สมบัติในภพ คือมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ มิได้ปราถนาพระนิพพานสมบัติ แลกศุลดังนี้ ชื่อว่าวัฏคามีกุศล เหตุจะนำมาได้แต่มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ มิได้นำมาซึ่งพระนิพพานสมบัติ แลบุทคลผู้นั้นก็ไม่พ้นจากสังสารทุกข์ ถ้าบุทคลผู้บำเพ็ญการกุศลเปนต้นว่า ให้ทานแลรักษาศีลแล้ว ปราถนาซึ่งพระนิพพาน แลกุศลอันนี้ชื่อวิวัฏคามีกุศล เหตุจะนำมาซึ่งมนุษย์สมบัติสวรรค์สมบัติ พระนิพพานสมบัติ แล้วก็จะออกจากสังสารทุกข์ได้ ซึ่งนิยตมิจฉาทิฐิไปตกในโลกันตนรก แล้วแลพ้นมาด้วยกุศลอันเปนอปราปรเวทนียกรรม อันสร้างสมทำมาทีละน้อยแล้วได้มาเกิดในมนุษยโลก ถ้าได้บำเพ็ญกุศลเปนวิวัฏคามีกุศลอันปราถนาพระนิพพาน ก็จะได้พ้นจากทุกข์ได้สำเร็จพระนิพพาน แต่ทว่าเนิ่นนานนักหนา จะกำหนดด้วยพระพุทธญาณนั้นมิได้ ขอถวายพระพร ๚

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ