ประพาสเขา น้ำพุโยง

วันที่ ๒ จันทร์ที่ ๒๓ เมษายน พุทธศก ๒๔๗๑

๏ วันที่สอง ปรองประวิง ชมสิงขร

น้ำตกชะง่อน โยงผาง ลงอ่างผา

ลูกหญิงใคร่ ไปข้าง พระนางพา

แต่เกีดมา ยังเลย มิเคยลอง

สะอางองค์ ทรงเครื่อง เที่ยวเมืองป่า

เก้านาฬิกา พาหนะ เตรียมสนอง

พรั่งพร้อมเสร็จ เสด็จคลา มรรคาปอง

ชมทำนอง เมืองใหม่ รถไฟยั้ง

ตำรวจนำ ดำเนีร เกรี่นแถลง

บ้านตึกแบงก์ สยามแนว โรงแถวลั่ง

เรือนราชะการ ร้านตลาด ดาษประดัง

มากระทั่ง เกยช้าง ที่ต่างคอย

ปลูกเกยใหญ่ ใช้ละดา ผะกาพัน

สวยคมสัน เกีนใคร่ จะใช้สรอย

ข้างที่นั่ง หลังคา กระโจมลอย

หมอชะม้อย คอยเหยียบ ประเทียบเกย

พระนางประทับ กับชนก เกรงตกใย

บนเบาะไหม อุไรพริ้ง อิงเขนย

เจ้าหญิงหญิง ลิงโลด กระไรเลย

พึ่งจะเคย ทั้งคนอง สยองครัน

หญิงวรรณีฯ พี่นาง เกรงช้างฟัด

ใม่อยากหัด แสร่หา ข้อน่าพรั่น

ขอองค์พัก รักผงม ทมกลางวัน

ชอบวางชั้น เชีงแหวก แปลกกว่าคน

กูบละสอง องค์ประทับ ขยับโยก

หัตถ์ยึดแต้ แม้ชะโงก กลัวโกร๊กหล่น

แต่ชายฉันทน์ฯ นั้นมิเกรง เขยงซน

วรวีร์ฯ นี่พิกล ทนเดีรเอือม

สิบสองเชือก เลือกช้าง อย่างเชื่องเชื่อง

กระนั้นเยื้อง ย่างหย่ง องค์กระเพื่อม

คอยยอโยก โงกงัน สั่นสะเทื้อม

นั่นแถวเหลื่อม รยะหลั่น เรียงกันไป

ขุนณรงค์ ฯ หย่งย่าง ขึ้นช้างนำ

กับนายตำ รวจสกอ นั่งคลอไหล่

ช้างช่วยเทา บ่าวขึ้น สบายใจ

ดูเขาใม่ ย่อท้อ หัวร่อเรีง

เดีรถนน พ้นวุ้ง บ้านทุ่งสง

เลียบเลาะลัด ตัดดง พง ระเพีง

ไม้สองฟาก หลากชม สมลเลีง

ชระเดียรเซีง กุสุมา ละดาวัลย์

ดอกมังไร ไหมหมอก ออกแดงเรื่อ

ดอกเกลื่อนป่า ผะกาเฟื้อ เพรื่อสีสัน

ดังดอกเรต วิเศษสี น้ำเงินมัน

ยิเข่งอิน ทนิลหลั่น ลเวงตา

ดอกตะรัง ตังช้าง อย่างเข็มม่วง

เป็นพู่พู่ ชูดวง รดาษป่า

ดอกเข็มแดง เข็มขาว พราววะนา

พิศผะลา ตำซำ ฟังเข้าใจ

ผลกรวยป่า ใม่น่า โอชาชด

สับปะรส ปลูกราย ไร่ชายไศล์

มิใคร่ยล ปักษิณ โบกบินไพร

ยลแต่ไร่ แต่นา และป่าเซีง

ผ่านดงเยี้ย เงี่ยเสียง ชะนีโหย

ปั๋วปั๋วโหวย โชยตัว โยนยั้วเยี่ง

คนใม่ยัก ดักเสาะ แม้เหมาะเชีง

ใครกระเจีง จากเมือง เห็นเชื่องซื้อ

ช้างเลียบหลั่น บรรพต เลี้ยวลดนาน

ลำธารผ่าน ลหาลใหญ่ น้ำไหลพรื่อ

ก้อนหินขวาง พร่างฟอง ฟูฟ่องปือ

บอกหนังสือ ปักป้าย ทุกรายเลี้ยว

ถึงคตเหนื่อ วังคลุ้ม ไต้วังคลุ้ม

แดดฉะอุ่ม พุ่มไม้ บังไพรเขียว

เหมืองเจ้าถ้าย คตท้าย วังยาวเพรียว

คตถ้ำนาง ทางเที่ยว แวะถ้ำนาง

คูหาต่ำ น้ำเสอะ เกรอะตะใคร่

มองแล้วใม่ กระดี้กระเดียม ใคร่เยี่ยมย่าง

คตทุเรียน ไหนทุเรียน รเมียรค้าง

เห็นแต่ค่าง ลิงโลด โขตสุมทุม

เสียงนกร้อง ก้องกุ๊วู้ อยู่ไกลไกล

นกอไร ใม่ตระหนัก เหลือจักสุ่ม

เห็นกล้วยไม้ มีแต่ใบ มีใม่ชุม

ช้างดุ่มดุ่ม ดั้นเดีร ถึงเถีนเกย

ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน แถบย่านนั้น

ชุมนุมกัน ขนานหน้า ท่าเถ่ยเถ่ย

หมากอ้อยกับ สับปะรส ขนชดเชย

มะพร้าวอ่อน ป้อนเสวย ดอกกระมัง

บ้างจับนก ยกกรง จำนงถวาย

ทั้งแก่เด็ก หญิงชาย เรียงรายนั่ง

เราจากข้าง ลงเกย เลยมายั้ง

ปราศรัยทั้ง ชื่นช่วย อำนวยพร

มือท่วมหัว ทั้งกลัว ทั้งภักดี

ได้เงินแจก ยินดี โจทกระฉ่อน

โรยทรายอย่าง พรมทาง ให้ย่างจร

ประทับร้อน มาลก แต่งตกเตรียม

ล้วนไม้ใผ่ ใบหญ้า น่าประทับ

เสาประดับ เฟีนพัน คมสันเยี่ยม

มีห้องสรง เสวยหลั่น กั้นฝาเฟี้ยม

ใบไม้เทียม ชั้นฉาก งามหลากตา

มีถ้วยเยื้อก เลือกใช้ ไม้ใผ่บั้ง

เลียนฝรั่ง เครื่องสำอาง วางภูษา

ทรงซับพักตร์ ทรงผลัด จัดประดา

ทั้งลาดผ้า ที่เสวย เคยเจ้านาย

ในแอ่งน้ำ ทำแพ ตระแหน่น้อย

โยงพวนลอย ถึงกลาง อ่างง่ายง่าย

ฉุดก็พอ ถ่อค้ำ ทำวางราย

พื้นฟากปร่ง สรงสบาย สายน้ำพุ

ชะโงกผา ชะลาโถม โครมโครมตก

ราวกับยก ถังเท ประเดดุ

เป็นลำขาว พราวลออง ฟุ้งฟองพรู

ครั้นไหลลุ อ่างเอ่อ ถั่นเท้อลง

ลำธารตอน ชะง่อนกั้น ดันทลั่ง

ขาวโพลงพลั่ง กระแสรสาย กระจายหย่ง

พ่างพะเพียง เสียงอุทก ที่ตกตรง

เหมือนเมฆส่ง ฝนพรู สรู้สรู้ดัง

ฟังพิลึก กึกก้อง ในห้องเขา

รอบลำเนา แอ่งอ่าง เหมือนช่างตั้ง

พฤกษาสูง พยูงเยียง เรียงประนัง

เฉกฉากบัง พุโยง สโองอม

อาบน้ำพร้อย ลอยลม ผงมทุม

ชระอุ่มชุ่ม สดชื่น ยืนสยม

เรียมชื่นเชย สเบยบาน ร่านรมย์ชม

เป็นแหล่งสม กวีเผยอ เพ้อประพนธ์

ผลัดเครื่องทรง ต่างลง สระสนาน

แม้ ! สท้าน ปานแท่ง น้ำแข็งป่น

ลูบสรีร์ ทีละน้อย ค่อยค่อยทน

พอสร้านทราบ อาบสกนธ์ พ้นหนาวเกีน

ฉา ! ชายฉันทน์ ฯ ใม่หวั่น ร่ารันโลด

อ่างกระโดด ดำดึ่ง ทลึ่งเพี่น

โผนขนแพ คางสั่น แทบฟันเยีน

บุญบังเอีญ เปลี่ยวดำ ใม่ซ้ำเค็ม

วรวีร์ ฯ ทีกล้า ถาลงว่าย

เดี๋ยวตกาย ขึ้นบวบ หายฮวบเหีม

ทุกทุกองค์ คงเย็น กระเซ็นสเทิ้ม

จึงต่างเริ่ม แต่งองค์ เลีกสรงชล

หญิงอุบล ฯ หญิงฤดี ฯ พี่ฉันทน์ ฯ กล้า

ชวนจางวาง ดีถา อ้อมผาด้น

ขึ้นขั้วพุ ดุดั้น ถึงชั้นบน

แลเห็นคน ขนาดลิง ตลิ่งโกร๊ก

มองลำธาร ผ่านไพร ไปอีกโข

ไหลมาโผล่ ตอชะง่อน กระดอนโกร่ก

เสโทโทรม โถมคนอง ใยร้องโอ๊ก

ยามชโงก ยอดพลิ้ว ใจหวิวเชียว

เราอยู่ล่าง ต่างสบาย ฉายรูปเรื่อย

ใม่ต้องเมื่อย โลดโผน กระโจนเที่ยว

เขาตั้งเครื่อง กลางวัน พร้อมกันเกรียว

อร่อยเคี้ยว กว่าเคย เสวยเพลีน

ขุนณรงค์ ฯ จงใจ ให้สนุก

ทั้งให้สุข ปลุกขวัญ น่าสรรเสรีญ

ใครมีวัน ว่างพอ น่าขอเชีญ

ไปชมเถีน พุโยง โปร่งชีวา

นกในกรง ส่งถวาย พระนางปล่อย

กระเหว่าน้อย เขาเปล้า เนาพฤกษา

เอาไปขัง วังใน ใช่เม็ตตา

มนุษย์น่า นึกอก นกเหมือนตน

ตวันบ่าย ขยายขบวร ช้างทวนลง

สู่ทุ่งสง ซ้ำรยะ แต่ปะฝน

ถึงหนาวเหนื่อย เมื่อยล้า ก็น่าทน

สำเรีงชนม์ ชื่นตา พาเบีกบาน

ค่ำรับแขก แจกของ สำรองมี

แด่ท่านที่ อารี ไมตรีสมาน

เสวยเย็น เจรจา ร่าสำราญ

ตีสิบขาน กู๊ดไน้ต์ ไปบรรทม

ส่วนพวกช้าง พวกไพร่ ให้ทั่วหน้า

ทุกคนเคิน เงินตรา ผ้านุ่งห่่ม

สมขอบใจ ไพร่ฟ้า พานิยม

พระบรม ะราชะวงศ์ มิ่งมงคล ฯ ๗๘ คำ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ