คำปรารภของผู้เรียบเรียงพระประวัติ

เนื่องในงานพระราชทานเพลิงพระศพ นายพลเอก พระเจ้าบรมวงศเธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ที่พระเมรุหลวงวัดเทพศิรินทราวาส ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ พระเจ้าวรวงศเธอ พระองค์เจ้าหญิงประภาวสิทธนฤมล ผู้เป็นพระชายา ได้ทรงขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้แต่งพระประวัติพระเจ้าบรมวงศเธอซึ่งได้กล่าวพระนามแล้ว

ข้าพเจ้ายินดีรับสนองความไว้วางพระทัย เพราะนอกจากความยินดีที่ได้มีโอกาสรับใช้ พระเจ้าวรวงศเธอ พระองค์เจ้าหญิงประภาวสิทธ ฯ ในยามที่ท่านมีทุกข์อย่างมหันต์เช่นนี้แล้ว ยังเป็นโอกาสที่ข้าพเจ้าจะได้ทำอะไรถวายเสด็จในกรม ผู้ได้ทรงจากข้าพเจ้าไปด้วยความอาลัยรักนั้นด้วยพร้อมกัน

ในฐานที่ข้าพเจ้าเป็นพระญาติและแก่กว่าพระองค์ท่านเพียง ๔ ปีเศษ จึงได้รู้จักกันมาตั้งแต่พอจำความได้ และได้เคยเล่นหัวมาด้วยกันแต่เล็ก ๆ ทั้งได้เคยร่วมสำนักศึกษากันมาแต่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ความสนิทสนมในทางวิสสาสะจึงมีมากกว่าพระญาติอื่นๆ เมื่อจวนจะย่างเข้ามัชฌิมวัย และเมื่อได้ออกไปศึกษาอยูในทวีปยุโรปนั้น ก็ได้เคยพบปะวิสสาสะกันอยู่จนตลอดเวลา ข้าพเจ้าจึงหาญกล่าวได้ว่า จะหาผู้ที่ได้เคยวิสสาสะกับเสด็จในกรมตลอดพระชนม์ชีพเหมือนข้าพเจ้าได้โดยยาก

พระเจ้าบรมวงศเธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินนั้น เมื่อยังทรงพระเยาว์เป็นผู้ที่ซนมาก แต่ซนเอาการเอางาน ไม่ใช่เหลวไหล ทรงมีความฉลาดและขยันหมั่นเพียรต่อการศึกษาอย่างที่จะหาผู้ในวัยเดียวกันเปรียบได้ด้วยยาก เพราะฉะนั้น ถึงแม้พระองค์ท่านจะได้เสด็จออกไปยุโรปภายหลังข้าพเจ้าตั้ง ๓ ปีเศษ ก็ได้ทรงเรียนไล่ข้าพเจ้าทัน คือได้สำเร็จวิชาทหารในปีเดียวกัน และเป็นนายร้อยตรีพร้อม ๆ กัน

เมื่อเป็นหนุ่มด้วยกันนั้น มีนิสสัยตรงกันอยู่อย่างหนึ่ง คือต่างคนต่างเชื่อตนเอง ประกอบกับที่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักเจียมตัว จึงมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยๆ แต่ไม่เคยโกรธกันถึง ๓ ชั่วโมงเลย เพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้จักใจกันดี และความจริงก็รักกันมากด้วย ความอาฆาตคุมแค้นจึงเกิดขึ้นไม่ได้

เมื่อได้กลับประเทศสยามและเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันแล้ว ก็ได้ร่วมราชการด้วยกันทั้งในราชการทหารและพลเรือน จนถึงวันที่ข้าพเจ้าได้กราบถวายบังคมลาออกจากราชการเพื่อรับพระราชทานเบี้ยบำนาญ

การที่ข้าพเจ้าได้ออกไปจากราชการก่อนครบเกษียณอายุนั้น ทราบว่ามีคนภายนอกเข้าใจว่า “เพราะไม่ถูกกับเสด็จในกรม” ข้าพเจ้าจึงขอถือโอกาสนี้เพื่อชี้แจงว่า การที่เป็นคู่ทะเลาะกันมาแต่หนุ่มจนแก่นั้นเป็นความจริง แต่ไม่เคยถือกันและไม่เคยโกรธกันนานกว่า ๓ ชั่วโมงดังได้กล่าวแล้วข้างต้น ข้าพเจ้าได้ไปกราบทูลร้องขอให้พระองค์ท่านทรงช่วยจัดการให้ข้าพเจ้าได้ออกรับพระราชทานเบี้ยบำนาญ พระองค์ท่านทรงทราบความดื้อของข้าพเจ้าดี เมื่อทรงรั้งไว้ไม่อยู่ ก็ได้ทรงช่วยจัดการให้ข้าพเจ้าได้ออกตามประสงค์

คนภายนอกที่ไม่ทราบความจริงเข้าใจไปว่าเสด็จในกรมกับข้าพเจ้าโกรธกัน เพราะได้เคยมีความเห็นในราชการที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่นั้นเป็นความเข้าใจผิด เพราะความเห็นในหน้าที่ราชการกับกิจการส่วนตัวนั้นต้องแยกจากกันไว้อย่างเด็ดขาด ไม่นำมาเป็นอารมณ์เลย ดังนั้นจึงคงติดต่อกันอยู่ตลอดเวลาแห่งพระชนม์ชีพ เมื่อมีทุกข์ร้อนอะไรในส่วนตัวและครอบครัวก็ทุกข์ด้วยกัน เป็นห่วงกัน ไม่มีอะไรจะมาทำให้แตกร้าวคลายความรักกันได้เป็นอันขาด

ตามที่ได้กล่าวมานี้ จึงเห็นได้ว่าข้าพเจ้าเป็นทั้งพระญาติ พระสหาย และคู่ทะเลาะในบางคราว เพราะฉะนั้นพระเจ้าวรวงศเธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธนฤมล จึงได้ทรงมอบให้ข้าพเจ้าเป็นผู้เขียนพระประวัติ อันเป็นโอกาสที่ข้าพเจ้าจะได้ถวายความอาลัยไว้ในวาระสุดท้ายนี้ด้วย

ในการที่พระเจ้าวรวงศเธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธนฤมล ทรงพิมพ์หนังสือเล่มนี้แจกนั้น ย่อมได้ชื่อว่าเป็นการทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจอันควรแก่การจะพึงบำเพ็ญ เพราะนับว่าเป็นวิทยาทานส่วนหนึ่ง และถ้าหากว่าในการทรง บำเพ็ญพระกุศลครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะมีส่วนได้บุญด้วยแล้ว ก็ขออุททิศส่วนบุญกุศลนั้นทั้งหมดถวายแด่ นายพลเอก พระเจ้าบรมวงศเธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ซึ่งข้าพเจ้ายังมีความอาลัยรักอยู่เสมอ ขออำนาจกุศลบุญราศีนั้น จงเป็นปัตติทานมัยอำนวยวิบูลยผลแด่พระองค์ตามควรแก่คติวิสัยนั้น ๆ เทอญ

พล. ท. พระยาเทพหัสดิน

บ้านถนนศรีอยุธยา

วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ