สมุดไทยเล่มที่ ๙๘

๏ เมื่อนั้น นนยุพักตร์สุริย์วงศ์รังสรรค์
ได้ฟังวาจาโลทัน กุมภัณฑ์ทอดทัศนาไป
เห็นมนุษย์ทรงโฉมวิไลลักษณ์ ขุนยักษ์ยิ่งโกรธดั่งเพลิงไหม้
กระทืบบาทเร่งราชรถไป ฝ่าพวกพลไกรขึ้นมา
แล้วร้องว่าเหวยมนุษย์ มาต่อยุทธ์ด้วยกูผู้แกล้วกล้า
จะฆ่าเสียให้สิ้นชีวา ด้วยศักดาเดชในวันนี้ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสัตรุดทรงสวัสดิ์รัศมี
ได้ฟังจึ่งตอบไปทันที เหวยเหวยอสุรีใจพาล
เหตุใดไม่คิดถึงตัวก่อน มาอ้างอวดฤทธิรอนว่ากล้าหาญ
พี่ชายทั้งสองขุนมาร บรรลัยลาญอยู่กลางโยธา
ม้ารถคชพลก็ตายสิ้น กาแร้งแย่งกินเป็นภักษา
ตัวเอ็งฮึกฮักออกมา กูจะฆ่าให้ม้วยชีวี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นนยุพักตร์สิทธิศักดิ์ยักษี
ได้ฟังกริ้วโกรธดั่งอัคคี ตบมือชี้หน้าแล้วตอบไป
เหม่เหม่มนุษย์พาลา เย่อหยิ่งเจรจาหยาบใหญ่
เดนตายไม่อายแก่ใจ เดี๋ยวนี้จะได้เห็นกัน
ว่าแล้วมีราชบรรหาร เหวยเสนามารคนขยัน
เร่งขับพวกพลกุมภัณฑ์ เข้าโรมรันจับตัวมนุษย์มา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จิตรพัทนายกองทัพหน้า
รับสั่งแล้วขับโยธา เข้าไล่เข่นฆ่ากระบี่ไพร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ กองหน้าถาโถมโจมยุทธ์ ลางเหล่าก็จุดปืนใหญ่
พุ่งซัดอาวุธวุ่นไป เข้าไล่ต่อแย้งแทงฟัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น โยธาวานรตัวขยัน
แยกทัพออกรับกุมภัณฑ์ โรมรันพิฆาตฟาดตี
หักคอหักแขนหักขา โห่ร้องฉาวฉ่าอึงมี่
หมู่มารตายยับไม่สมประดี ด้วยกำลังฤทธีวานร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ลูกท้าวจักรวรรดิชาญสมร
เห็นกระบี่หักหาญราญรอน ฆ่าพลนิกรกุมภัณฑ์
ตายกลาดดาษพื้นสุธาธาร ขุนมารกริ้วโกรธหุนหัน
ชักศรพาดสายยืนยัน ขบฟันน้าวหน่วงแผลงไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ สะเทือนเลื่อนลั่นทั้งอากาศ ขุนเขากัมปนาทหวาดไหว
ต้องหมู่โยธีกระบี่ไพร บรรลัยกลิ้งเกลื่อนปถพี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสัตรุดทรงสวัสดิ์รัศมี
เห็นนนยุพักตร์วางศรมาราวี ต้องพลกระบี่ล้มตาย
จึ่งชักพลายวาตพระแสง ออกมาจากแล่งแล้วพาดสาย
น้าวหน่วงด้วยกำลังกาย น้องนารายณ์แผลงไปด้วยฤทธา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ สำเนียงดั่งเสียงลมกรด ตรงไปต้องรถยักษา
ราชสีห์สารถีก็มรณา อสุราตายยับทับกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ลูกท้าวจักรวรรดิรังสรรค์
ตกรถผุดลุกขึ้นยืนยัน ขบฟันโลดโผนโจนทะยาน
ทำอำนาจกวัดแกว่งพระแสงศร ไล่ตีวานรทวยหาญ
จนถึงหน้ารถสุรกานต์ ด้วยกำลังขุนมารผู้ศักดา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสัตรุดสุริย์วงศ์นาถา
เห็นกุมภัณฑ์ไล่รุกบุกมา ก็ลงจากรัถาทันที
พระกรกวัดแกว่งศรทรง อาจองเข้าจับยักษี
ดั่งท้าวสุชัมบดี ตีไพจิตราขุนมาร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นนยุพักตร์ฤทธิไกรใจหาญ
รับรองป้องกันประจัญบาน เผ่นโผนโจนทะยานเข้าโรมรัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ถ้อยทีถ้อยตีถ้อยรับ กลอกกลับรวดเร็วดั่งจักรผัน
ต่างตนหมายชนะไม่ละกัน พัลวันหนีไล่ไปในที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสัตรุดทรงสวัสดิ์รัศมี
รบชิดติดพันประจัญตี ได้ทีโจมจับอสุรา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เผ่นขึ้นเหยียบบ่าคว้าเศียร เยื้องกรายหันเวียนเปลี่ยนท่า
หวดด้วยคันศรอันศักดา ต้องกายยักษาซวนไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ แล้วชักพรหมาสตร์พระแสงศร ของพระสี่กรประทานให้
พาดสายหมายล้างชีวาลัย ก็ผาดแผลงไปทันที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ สามโลกลั่นเลื่อนสะเทือนจบ ทุกภพจักรวาลคีรีศรี
ต้องนนยุพักตร์อสุรี สุดสิ้นชีวีด้วยฤทธา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงฝูงเทเวศทุกทิศา
ทั้งนางอัปสรกัลยา เห็นน้องพระจักราฤทธิรอน
สังหารนนยุพักตร์อสุรี สุดสิ้นชีวีด้วยแสงศร
ต่างองค์ปรีดาสถาวร เผยบัญชรรัตน์ชัชวาล
เยี่ยมพักตร์สำรวลสรวลสันต์ ตบหัตถ์สนั่นฉัดฉาน
บ้างโปรยทิพมาศสุมามาลย์ ข้าวตอกแก้วสุรกานต์ลงมา
บ้างประโคมดุริยางค์ดีดสี เอิกเกริกอึงมี่ทั้งเวหา
อวยชัยให้พรพระอนุชา ทั่วทุกนางฟ้าเทวัญ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสัตรุดสุริย์วงศ์รังสรรค์
ครั้นเสร็จสังหารกุมภัณฑ์ เทวัญแซ่ซ้องสาธุการ
โปรยทิพย์บุปผามาลาช สุคนธาเกลื่อนกลาดหอมหวาน
พระหยิบชมดมเล่นสำราญ ทั้งพวกพลหาญชาญชัย
แล้วเสด็จขึ้นยังบัลลังก์รถ ให้เลิกทศโยธาทัพใหญ่
โห่สนั่นลั่นป่าพนาลัย ไปยังสุวรรณพลับพลา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงเกยแก้วอลงกรณ์ บทจรลงจากรัถา
มาเฝ้าสมเด็จพระพี่ยา ทั้งเสนาวานรพร้อมกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ กราบลงแทบเบื้องบาทบงสุ์ พระเชษฐาสุริย์วงศ์รังสรรค์
ทูลความตามได้โรมรัน จนกุมภัณฑ์สุดสิ้นชีวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพรตทรงสวัสดิ์รัศมี
แจ้งว่ามีชัยแก่ไพรี ยินดีด้วยสมอารมณ์คิด
พักตร์ผ่องเพียงดวงจันทรา จึ่งมีบัญชาประกาศิต
เจ้าผู้ร่วมวงศ์ร่วมชีวิต ทรงศักดาฤทธิ์ชัยชาญ
ล้างหมู่อริราชไพริน สุดสิ้นชีวังสังขาร
มิเสียทีที่องค์พระอวตาร บรรหารตรัสใช้ให้เรามา
ปราบหมู่อสุราอาธรรม์ ที่มันทุจริตริษยา
ว่าแล้วเสด็จยาตรา เข้าในพลับพลารูจี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายกองคอยเหตุยักษี
แอบอยู่แทบชายพนาลี เห็นอสุรีนนยุพักตร์
รณรงค์สุดสิ้นชีวิต ด้วยฤทธิแสงศรปรปักษ์
มีความตกใจเป็นพ้นนัก สองยักษ์เร่งรีบเข้าพารา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงนบนิ้วประนมหัตถ์ ทูลท้าวจักรวรรดิยักษา
องค์พระโอรสผู้ศักดา ยกพวกโยธาไปรอนราญ
ต่อกรมนุษย์ปัจจามิตร สุดสิ้นชีวิตสังขาร
ทูลแถลงแจ้งเหตุทุกประการ โดยวิตถารตามซึ่งได้ต่อตี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรวรรดิยักษี
แจ้งว่าโอรสร่วมชีวี ไพรีฆ่าเสียมรณา
ตกใจดั่งสายสุนีบาต มาฟอนฟาดเศียรเกล้ายักษา
ไม่เป็นสติวิญญาณ์ ก็โศกาครวญครํ่ารํ่าไร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้นนยุพักตร์เจ้าพ่อเอ๋ย ทรามเชยยอดรักไม่หาได้
เจ้าเกิดมาตั้งแต่จำเริญวัย นับได้ชันษาสิบสี่ปี
อันไตรเพทเวทมนต์ศรสาตร์ สำหรับราชสุริย์วงศ์เรืองศรี
เรียนรู้เชี่ยวชาญชำนาญดี หวังจะปราบทั้งตรีโลกา
อุตส่าห์ไปตั้งพิธีกรรม์ ยังยอดมารันต์ภูผา
จะขอเทพอาวุธอันศักดา องค์พระอิศราผู้ทรงญาณ
กลับมาแจ้งว่าปัจจามิตร มาตั้งประชิดหักหาญ
โกรธายกพลออกรอนราญ จะรักษาราชฐานมลิวัน
ควรหรือกลับแพ้ไพริน จนสุดสิ้นชีวาอาสัญ
ดั่งหนึ่งใช่ชายชาญฉกรรจ์ อันทรงมหันตศักดา
ถึงเชษฐาทั้งสองหาบุญไม่ เขาก็ได้ความสุขมาหนักหนา
แต่ตัวเจ้าผู้เป็นอนุชา อนิจจาอาภัพพันทวี
มิได้ชมสมบัติพัสถาน อันโอฬารด้วยอนงค์สาวศรี
รํ่าพลางทางทรงโศกี ดั่งหนึ่งชีวีจะบรรลัย ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ แล้วให้คิดแค้นแน่นจิต ดั่งปืนพิษติดทรวงหาหลุดไม่
จึ่งสั่งเสนาผู้ร่วมใจ ให้จัดพหลโยธา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุพินสันผู้มียศถา
รับสั่งพระองค์ทรงศักดา ชุลีลาออกจากพระโรงคัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ยานี

๏ เกณฑ์เป็นจตุรงค์พยุหบาตร เลือกล้วนองอาจแข็งขัน
กองหนึ่งพื้นถือเกาทัณฑ์ ใส่เสื้อดวงสุวรรณพื้นแดง
หมู่หนึ่งใส่เสื้อเขียวขาบ เหน็บกริชถือดาบกวัดแกว่ง
หมู่หนึ่งมือถือทวนแทง ใส่เสื้อเครือแย่งพื้นดำ
หมู่หนึ่งใส่เสื้อสีหมอก ขัดกระบี่ถือหอกปลอกครํ่า
หมู่หนึ่งเสื้อสีดอกคำ ถือง้าวร่ายรำกรีดกราย
ขุนช้างขี่ช้างซับมัน กุมขอหยัดยันเฉิดฉาย
ขุนม้าขี่ม้าลำพองกาย ถือหอกซัดหมายปัจจามิตร
ขุนรถขี่รถอลงกรณ์ กุมศรลูกดื่มโลหิต
ต่างตนประกวดอวดฤทธิ์ ตั้งไปตามทิศยาตรา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรวรรดิยักษา
ราตรีเข้าที่ไสยา กรก่ายพักตราคะนึงไป
ถึงโอรสทั้งสามผู้ยอดรัก พญายักษ์โศกสร้อยละห้อยไห้
แสนเทวษสะท้อนถอนใจ อาลัยเพิ่มพ้นพันทวี
แล้วตรึกไปถึงพวกปัจจามิตร คั่งแค้นแน่นจิตยักษี
ให้คลั่งคลุ้มรุมร้อนดั่งอัคคี มาจุดจี่ในดวงวิญญาณ์
แต่ผุดลุกผุดนั่งไม่นอนหลับ กลิ้งกลับสับส่ายซ้ายขวา
จนดาวเดือนเลื่อนลับเมฆา แสงทองส่องฟ้าพรายพรรณ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ รื้อพิโรธโกรธกริ้วสองมนุษย์ ไม่ยั้งหยุดคิดถึงชีวาสัญ
เสด็จจากแท่นแก้วแกมสุวรรณ จรจรัลไปสรงชลธาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

โทน

๏ ชำระสระสนานสำราญองค์ วารินกลิ่นส่งหอมหวาน
ทรงสุคนธ์ปนปรุงสุมามาลย์ เสาวรสซาบซ่านอินทรีย์
สนับเพลาเชิงงอนช่องกระจก ภูษายกแย่งรูปราชสีห์
ชายไหวชายแครงเครือมณี เกราะเกล็ดนาคีประดับพลอย
ตาบทิศทับทรวงสังวาลวัลย์ รัดองค์แก้วกุดั่นเฟื่องห้อย
ทองกรพาหุรัดจำหลักลอย ธำมรงค์เพชรพลอยอลงการ์
สี่เศียรนั้นทรงมงกุฎแก้ว กรรเจียกจรวาวแววซ้ายขวา
แปดหัตถ์จับเทพสาตรา เสด็จมาขึ้นรถสุพรรณพราย ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

โทน

๏ รถเอยรถทรง กำกงสุรกานต์ฉานฉาย
แอกงอนเนาวรัตน์จำรัสราย บัลลังก์แก้วลายอลงการ
ครุฑสิงห์พริ้งภาพกาบกระหนก บุษบกบันดวงมุกดาหาร
เทียมด้วยราชสีห์ลำพองพาล โลทันขับทะยานดั่งลมพัด
เครื่องสูงชุมสายรายริ้ว ธงชายปลายปลิวโบกสะบัด
ปี่กลองก้องดงพงพนัส โยธาเยียดยัดมรคา
เสียงพหลโห่เร้าเอาฤกษ์ เอิกเกริกครื้นครั่นสนั่นป่า
บดคลุ้มชอุ่มเมฆา รีบเร่งรัถาดำเนินไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงให้หยุดจตุรงค์ ตั้งลงเป็นกระบวนพยุห์ใหญ่
ในที่สมรภูมิชัย มั่นไว้คอยท่าจะราวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น พระพรตทรงสวัสดิ์รัศมี
เสด็จออกหมู่มุขมนตรี ยังที่สุวรรณพลับพลา
ปรึกษารณรงค์ราชกิจ ซึ่งจะล้างพวกผิดริษยา
ในกรุงมลิวันพารา อันเป็นเสี้ยนโลกาสุธาธาร
กับหมู่ท้าวพญาพานรินทร์ พร้อมสิ้นทุกหน้าทวยหาญ
พอได้ยินเสียงพวกพลมาร โห่สะท้านสะเทือนธาตรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ จึ่งมีพระราชบัญชา ถามพญาพิเภกยักษี
อันทัพซึ่งยกมาวันนี้ จะเป็นอสุรีตนใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พิเภกผู้มีอัชฌาสัย
รับสั่งแล้วจับยามไป ก็แจ้งในสังเกตอสุรา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จึ่งน้อมเกล้าประณตบทบงสุ์ ทูลองค์บรมนาถา
อันทัพซึ่งยกออกมา คือเจ้าพารามลิวัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพรตสุริย์วงศ์รังสรรค์
ได้ฟังพิเภกกุมภัณฑ์ ทรงธรรม์จึ่งมีบัญชาการ
ดูก่อนพญาไวยวงศา เร่งจัดโยธาทวยหาญ
ตัวเราจะยกไปรอนราญ ผลาญท้าวจักรวรรดิอสุรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาสุครีพกระบี่ศรี
รับสั่งพระองค์ทรงฤทธี ถวายอัญชุลีแล้วออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ยานี

๏ จัดหมู่โยธาวานร เลือกล้วนฤทธิรอนแกล้วกล้า
แต่ละตนล้วนวงศ์เทวา ศักดาเลิศลบภพไตร
รู้เดินนํ้าดำด้นสุธาธาร ช้อนเขาจักรวาลพระเมรุได้
เหาะลิ่วปลิวฟ้าว่องไว อึดใจหายตนทนอาวุธ
สามารถอาจหาญในการศึก คั่งคึกแน่นนันต์นับสมุทร
ต่างประกวดอวดกล้าจะต่อยุทธ์ อุตลุดอื้ออึงอลวน
บ้างถือเครื่องสรรพสาตรา กวัดแกว่งเงื้อง่ากุลาหล
ตั้งเรียบเพียบพื้นสุธาดล ทุกตนคอยเสด็จจรลี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพรตทรงสวัสดิ์รัศมี
กับพระอนุชาร่วมชีวี จรลีไปสรงสาคร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

โทน

๏ สองกษัตริย์สนานกายา สุคนธาธารทิพย์เกสร
สนับเพลาเครือแก้วอลงกรณ์ เชิงงอนรายบุษราคัม
พระเชษฐาภูษาลายทอง พื้นตองกรองเกี้ยวเขียวขำ
พระอนุชาผ้าทรงพื้นดำ เชิงช่อลายชํ้าดวงสุวรรณ
ต่างทรงชายไหวปลายสะบัด ชายแครงนพรัตน์สลับคั่น
ฉลององค์ทรงประพาสต่างกัน ทับทรวงดวงกุดั่นทับทิมพราย
ตาบทิศสร้อยสนสังวาลแก้ว เฟื่องห้อยพลอยแววจำรัสฉาย
พาหุรัดทองกรมังกรกลาย ธำมรงค์เพชรพรายอรชร
ต่างทรงมงกุฎดอกไม้ทัด พระหัตถ์นั้นจับพระแสงศร
งามดั่งสุริยันกับจันทร ตามกันบทจรขึ้นรถ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

โทน

๏ รถเอยรถทรง ดุมกงดวงแก้วมรกต
บัลลังก์บดหลั่นชั้นลด เครือขดครุฑเคียงเรียงราย
เทพนมแถวพนักจำหลักรอบ กาบประกับแก้วประกอบบัวหงาย
กระจกแววกระจังวามอร่ามพราย บุษบกบันระบายกระหนกงอน
เทียมสินธพสี่อาชาชาติ เผ่นผงกผกผงาดดั่งไกรสร
พระอนุชานั่งประณตประนมกร เพียงจันทรแจ่มเทียมสุริยัน
ขุนรถขับเร่งดำรงราช รีบผาดเร็วเพียงจักรผัน
เครื่องสูงครบสิ่งพรายพรรณ แถวฉัตรถัดชั้นธงชัย
เสียงฆ้องซ้องขานประสานกลอง หลากกันลั่นก้องแผ่นดินไหว
ทหารเร้าโห่ร้องสนั่นไพร รีบไปโดยพยุหยาตรา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรวรรดิยักษา
ยืนรถอยู่กลางโยธา อสุราเหลือบเล็งเพ่งพิศ
เห็นมนุษย์ยกพวกพลขันธ์ วานรแน่นนันต์อกนิษฐ์
โกรธาดั่งหนึ่งไฟพิษ จึ่งมีประกาศิตสั่งไป
เหวยเหวยมหาเสนามาร เร่งพลทวยหาญน้อยใหญ่
เข้าหักทัพมนุษย์วานรไพร อย่าให้ทันตั้งได้ด้วยศักดา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งนายทหารทัพหน้า
รับสั่งแล้ววิ่งออกมา ขับพวกโยธาเข้าราญรอน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พลช้างไสช้างเข้าโจมแทง พลรถยิงแย้งธนูศร
พลม้าพุ่งซัดโตมร พลเท้าฟันฟอนวุ่นไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น โยธาวานรน้อยใหญ่
แยกกองออกรับชิงชัย นายไพร่หนุนเนื่องกันเข้ามา
พลลิงพลยักษ์สับสน ต่างตนต่างหักที่กล้า
คลุกคลีตีกันเป็นโกลา อสุราแตกตายไม่สมประดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น มหาเมฆมหากาลยักษี
นนทยักษ์จักรสูรอสุรี เห็นวานรไล่ตีพลมาร
บ้างตายบ้างแตกลงมา สี่นายโกรธาสำแดงหาญ
ต่างตนโลดโผนโจนทะยาน ออกไล่รอนราญกระบี่ไพร
หวดซ้ายป่ายขวาอุตลุด จะรอรั้งยั้งหยุดก็หาไม่
วานรแตกย่นร้นไป ด้วยฤทธิไกรกุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สี่ทหารพระนารายณ์รังสรรค์
เห็นสี่ยักษ์ไล่รุกบุกบัน โกรธาขบฟันทะยานมา
นิลพัทเข้ารับมหาเมฆ นิลเอกรับนนทยักษา
อันนิลนนท์ผู้ศักดา เข้ารับหน้าจักรอสูรอสุรี
โอรสวายุบุตรชัยชาญ เข้ารับมหากาลยักษี
กลอกกลับจับกันเป็นโกลี ถ้อยทีไม่ลดงดกร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทั้งสี่ขุนมารชาญสมร
ต่างตนกวัดแกว่งคทาธร เข้าไล่ราญรอนบุกบัน
กลอกกลับจับกันวุ่นไป ว่องไวรวดเร็วดั่งจักรผัน
รวบรัดฟัดชิงอาวุธกัน ต่างตีต่างฟันเป็นโกลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นิลนนท์นิลพัทแกล้วกล้า
นิลเอกอสุรผัดผู้ศักดา โถมถารับสี่ขุนมาร
รวบได้บาทาทั้งสี่ตน ด้วยกำลังฤทธิรณกล้าหาญ
ฟาดลงกับพื้นสุธาธาร ก็วายปราณทั้งสี่อสุรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ แล้วฉีกแขนขาโยนไป ยังหน้ารถชัยยักษี
บรรดาวานรโยธี โห่มี่อื้ออึงเป็นโกลา
อสุรผัดตบมือร้องเย้ย ว่าเหวยจักรวรรดิยักษา
อวดหาญมาต่อฤทธา ด้วยน้องพระจักราเรืองชัย
ทั้งสามลูกชายก็วายปราณ พลมารตายยับไม่นับได้
ตัวกูผู้เรืองฤทธิไกร รู้จักหรือไม่อสุรี
ไอ้ไพนาสุริย์วงศ์ไปไหนเล่า จึ่งไม่เอามาชิงชัยศรี
หรือจะหวงมันไว้ให้บุตรี อันรักร่วมชีวีของกุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรวรรดิรังสรรค์
ได้ฟังกริ้วโกรธดั่งเพลิงกัลป์ แผดเสียงสนั่นเกรียงไกร
เหม่เหม่ลูกไอ้เดียรัจฉาน วาจาสามานย์หยาบใหญ่
จะแหวะปากตัดหัวเสียบไว้ ให้สาใจมึงอหังการ์
ว่าแล้วเข่นเขี้ยวกระทืบบาท ให้โลทันขับราชรถา
แปดกรกวัดแกว่งสาตรา เข้าไล่เข่นฆ่าราวี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพรตทรงสวัสดิ์รัศมี
เห็นจักรวรรดิไล่รุกคลุกคลี ภูมีขับรถออกรอนราญ
อันรถต่อรถกระทบกัน เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสนั่นฉาดฉาน
หมู่กระบี่ไล่ตีพลมาร บรรลัยลาญเกลื่อนกลาดดาษดา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรวรรดิยักษา
ชักศรพาดสายด้วยโกรธา อสุราน้าวหน่วงแล้วแผลงไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ต้องเกราะเพชรซึ่งพระพรตทรง จะตลอดถึงองค์ก็หาไม่
ศรแสงสำแดงฤทธิไกร ไปไล่สังหารวานร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น น้องพระอวตารชาญสมร
ชักอัคนิวาตฤทธิรอน ภูธรแผลงไปด้วยศักดา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ สำเนียงดั่งเสียงฟ้าฟาด เป็นศรเกลื่อนกลาดเวหา
ตกต้องจักรวรรดิอสุรา ติดเต็มตรึงตราทั้งอินทรีย์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวแปดกรยักษี
ต้องศรปิ้มสิ้นชีวี อสุรีร่ายเวทอันเรืองชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เป่าลงศรหลุดออกจากกาย บาดแผลจะระคายก็หาไม่
จึ่งจับจักรแก้วเกรียงไกร ขว้างไปด้วยกำลังขุนมาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จักรนั้นบันดาลเป็นพันดวง โชติช่วงร้อนแรงแสงฉาน
เวียนรอบรถแก้วสุรกานต์ เสียงสะเทือนสะท้านโลกา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพรตสุริย์วงศ์นาถา
จึ่งชักพลายวาตอันศักดา พาดสายเงื้อง่าแล้วแผลงไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ศรชัยไล่ล้างจักรกรด ละเอียดหมดไม่ทานกำลังได้
ต้องเจ้ามลิวันกรุงไกร ล้มบนรถชัยอลงการ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรวรรดิใจหาญ
ต้องศรเจ็บเพียงบรรลัยลาญ ขุนมารอ่านเวทอันเพริศพราย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถ้วนคำรบก็เป่าลง ที่เจ็บปวดทั้งองค์นั้นเสื่อมหาย
ศรนั้นหลุดออกจากกาย พอบ่ายชายแสงอโณทัย
มิได้กลับเข้ารอนราญ ให้เลิกพลมารน้อยใหญ่
รีบมาตามมรคาลัย คืนเข้าพิชัยธานี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพรตทรงสวัสดิ์รัศมี
เห็นจักรวรรดิอสุรี กลับไปธานีมลิวัน
จึ่งให้เลิกพลนิกร เสนาวานรทัพขัน
รีบเร่งมาด้วยแสงจันทร์ คืนเข้าสุวรรณพลับพลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

ช้า

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวจักรวรรดิยักษา
ราตรีเข้าที่ไสยา กรก่ายพักตราคะนึงคิด
มนุษย์พี่น้องนี้สามารถ รณรงค์องอาจด้วยศรสิทธิ์
ทั้งทหารของมันก็มีฤทธิ์ ใช้ได้ดั่งจิตทุกตน
ลูกกูยกออกไปโรมรัน มีชัยแก่มันถึงสองหน
ควรหรือยังว่าไม่วายชนม์ กลับมาประจญประจัญตี
ฆ่าสุริยาภพบรรลัยจักร นนยุพักตร์ตายสิ้นทั้งสามศรี
ตัวกูก็ยกออกราวี ถึงสองครั้งไม่มีชัยมัน
เสียหมู่ม้ารถคชสาร ทวยหาญฤทธิแรงแข็งขัน
นับด้วยสมุทรอเนกนันต์ เพราะพิเภกอาธรรม์มันเป็นตา
ทั้งตัวก็ต้องศรสิทธิ์ ปิ้มสิ้นชีวิตสังขาร์
ก็ไม่สู้เจ็บช้ำวิญญาณ์ เหมือนวาจาไอ้ลูกลิงไพร
ไฉนจะได้ใครเป็นคู่คิด ล้างเหล่าปัจจามิตรเสียได้
แต่ผุดลุกผุดนั่งคลั่งใจ จนปัจจุสมัยเวลากาล ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ จึ่งคิดได้ว่าองค์พระสหาย เพื่อนตายร่วมชีพสังขาร
ทรงนามชื่อท้าวไวยตาล ผ่านกรุงกุรุราชพารา
มีเทพสาตราวุธ ฤทธิรุทรปราบได้ทุกทิศา
มาตรแม้นชี้ใครก็มรณา จะให้เชิญมายังธานี
ช่วยคิดการสังหารสองไพริน ให้สุดสิ้นพวกพลกระบี่ศรี
ทั้งไอ้พิเภกอสุรี ที่มันอิจฉาสาธารณ์
คิดแล้วสระสรงทรงเครื่อง อร่ามเรืองด้วยมุกดาหาร
เสด็จจากห้องแก้วอลงการ พญามารออกท้องพระโรงคัล ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์รัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรฉายฉัน
ปโรหิตมาตยาพร้อมกัน กุมภัณฑ์มีราชวาที
อาลักษณ์จงแต่งราชสาร แจ้งการซึ่งชิงชัยศรี
ไปยังกุรุราชธานี เชิญสหายร่วมชีวีกูมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาลักษณ์ผู้มียศถา
รับสั่งพระองค์ทรงศักดา แล้วแต่งสาราอันสุนทร
จารึกลงแผ่นสุพรรณบัฏ ใส่กล่องเนาวรัตน์ประภัสสร
ส่งให้เสนาผู้ฤทธิรอน โดยดั่งภูธรบัญชาการ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุพินสันผู้ปรีชาหาญ
รับราชสาราพญามาร ชุลีลาแล้วคลานออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ทำอำนาจผาดแผลงสำแดงฤทธิ์ เสียงสนั่นครรชิตทุกทิศา
ชำแรกแทรกพื้นพระสุธา ไปพารากุรุราชกรุงไกร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งแจ้งราชการ แก่เสนามารผู้ใหญ่
ตามข้อซึ่งรับสั่งใช้ แล้วส่งสารให้ทันที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาบาดาลบุรีศรี
รับสารเร่งรีบจรลี พากันไปที่พระโรงคัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จึ่งน้อมเกล้าประณตบทบาท พระผู้ปิ่นกุรุราชไอศวรรย์
ทูลว่าพระสหายร่วมชีวัน ให้สุพินสันถือสารมา
ยังเบื้องบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์ ด้วยเกิดปัจจามิตรเคี่ยวฆ่า
ทูลแล้วก็อ่านสารา ถวายองค์พญาอสุรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

ช้า

๏ ราชสารพระผู้ผ่านนคเรศ มงกุฎเกศมลิวันบุรีศรี
มายังพระสหายร่วมชีวี โดยทางไมตรีสถาวร
ด้วยบัดนี้มีสองมนุษย์ ชื่อพระพรตพระสัตรุดชาญสมร
หน่อท้าวทศรถฤทธิรอน ซึ่งผ่านนครอยุธยา
คุมพลกระบินทร์วานรินทร์ราช ฮึกหาญองอาจแกล้วกล้า
หักด่านสองชั้นเข้ามา ตั้งอยู่มยุราคีรี
อันสุริยาภพบรรลัยจักร นนยุพักตร์โอรสทั้งสามศรี
ออกต่อยุทธ์สุดสิ้นชีวี ด้วยมือไพรีอันเกรียงไกร
บัดนี้ไม่มีที่เห็น ใครจะช่วยดับเข็ญแผ่นดินได้
ผู้เดียวขัดสนจนใจ ดั่งว่ายอยู่ในทะเลลึก
ขอเชิญพระสหายผู้ปรีชาญ มาคิดการเข่นฆ่าข้าศึก
ให้สิ้นพวกพาลที่หาญฮึก จารึกเกียรติไว้ในโลกา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวไวยตาลยักษา
ได้แจ้งแห่งราชสารา โกรธาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
กระทืบบาทผาดแผดสุรเสียง สำเนียงดั่งหนึ่งฟ้าลั่น
เหม่เหม่มนุษย์เท่าแมงวัน มาดูหมิ่นกันถึงเพียงนี้
องอาจพิฆาตพระโอรส วอดวายตายหมดทั้งสามศรี
ไม่เกรงกูผู้วงศ์อสุรี ฤทธีเลิศลบภพไตร
ว่าแล้วมีราชบรรหาร สั่งเสนามารผู้ใหญ่
จงจัดพหลพลไกร กูจะไปมลิวันพารา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ภัทรจักรเสนียักษา
รับสั่งพระองค์ทรงศักดา ชุลีลาออกจากพระโรงคัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เกณฑ์พลล้วนพวกอาจอง เป็นกระบวนจตุรงค์ทัพขัน
พลช้างพื้นช้างชาญฉกรรจ์ บ้าบิ่นบ่มมันกระหึ่มฮึก
พลม้าพื้นม้าพลาหก เผ่นผกลำพองคะนองศึก
เหล่ารถหุ้มเหล็กพันลึก คั่งคึกรายเรียบระเบียบงอน
พลเท้าพื้นเหล่าตัวหาญ เคยการรณรงค์มาแต่ก่อน
บ้างถือหอกง้าวโตมร ธนูศรกำซาบปืนไฟ
ต่างประกวดอวดแรงสำแดงฤทธิ์ เสียงสนั่นครรชิตแผ่นดินไหว
ตั้งระเบียบเพียบหน้าพระลานชัย นายไพร่พร้อมเสร็จดั่งบัญชา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวไวยตาลยักษา
ครั้นรุ่งสางสว่างเวลา เสด็จมาโสรจสรงชลธาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ชำระสนานสำอางองค์ ทรงสุคนธ์กลิ่นส่งหอมหวาน
สนับเพลาเครือมาศดวงประพาฬ ภูษาก้านกระหนกงอนงาม
ชายแครงชายไหวรายบุษย์ ฉลององค์พื้นผุดทองอร่าม
ทับทรวงตาบแก้วแวววาม สังวาลสามสายรายพลอย
ทองกรพาหุรัดค่าเมือง ธำมรงค์เพชรเรืองดั่งหิ่งห้อย
มงกุฎแก้วรุ้งร่วงดวงลอย ดอกไม้ทัดช่อช้อยประดับกรรณ
พระหัตถ์ทรงจับกระบองตาล จักรแก้วสุรกานต์ฉายฉัน
สง่างามดั่งองค์เวสสุวัณ จรจรัลมาขึ้นพิชัยรถ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ รถเอยรถทรง กำกงล้วนแล้วด้วยมรกต
เรือนแปรกแอกงอนอ่อนชด ชั้นลดบัลลังก์กระจังราย
ประดับด้วยเทพนมประนมนิ้ว ครุฑจับนาคหิ้วเฉิดฉาย
บุษบกบันแววด้วยแก้วลาย งามคล้ายวิมานพรหมินทร์
เทียมด้วยคชสีห์สี่พัน โลทันมือถือธนูศิลป์
สำทับขับเร็วดั่งหงส์บิน เครื่องสูงครบสิ้นรายเรียง
ปี่ฆ้องกลองประโคมโครมครึก กงลั่นพันลึกสนั่นเสียง
จตุรงค์สี่หมู่เป็นคู่เคียง สำเนียงโห่ร้องโกลา
รีบเร่งม้ารถคชพล เกลื่อนกล่นตามซ้ายฝ่ายขวา
ชำแรกแทรกพื้นพสุธา ตรงไปพารามลิวัน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงให้หยุดพลหาญ หน้าพระลานนิเวศน์เขตขัณฑ์
เสด็จจากรถแก้วแพรวพรรณ จรจรัลขึ้นพระโรงรูจี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรวรรดิยักษี
ครั้นเห็นพระสหายก็ยินดี จรลีมารับอสุรา
ร้องเชิญด้วยคำอันสุนทร จูงกรไวยตาลยักษา
ขึ้นนั่งร่วมอาสน์อลงการ์ พญามารคำรพต่อกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวไวยตาลรังสรรค์
นั่งใกล้สหายร่วมชีวัน กุมภัณฑ์จึ่งตรัสถามไป
ปัจจามิตรมาติดนคเรศ จะบอกเหตุให้แจ้งก็หาไม่
จนลูกรักทั้งสามบรรลัย เออไฉนมาเป็นดั่งนี้
คิดคิดน่าน้อยใจนัก ดั่งใช่วงศ์ยักษ์อันเรืองศรี
มาตรแม้นว่าบอกแต่เดิมที ไพรีหรือจะได้อหังการ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรวรรดิยักษา
ฟังพระสหายจำนรรจา ชลนาคลอเนตรแล้วตอบไป
อันซึ่งมิได้ไปบอกขาน หมายการหาถึงเพียงนี้ไม่
ต่อเคี่ยวขับสัประยุทธ์ชิงชัย โอรสบรรลัยด้วยไพรี
จึ่งฉุกใจให้ไปเชิญมา หวังว่าจะพึ่งบทศรี
ช่วยแก้แค้นแทนมันให้ถึงที ด้วยปรีชาความคิดสหายรัก ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวไวยตาลทรงจักร
ได้ฟังคำท้าวสี่พักตร์ พญายักษ์จึ่งตอบวาจา
ทำไมกับศึกสองมนุษย์ ซึ่งอวดฤทธิรุทรว่าแกล้วกล้า
ตัวมันจะเป็นกระไรมา ไว้นักงานข้าจะราวี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรวรรดิยักษี
ได้ฟังพระสหายพาที ดั่งวารีทิพย์มาโซมกาย
แปดหัตถ์ตบหัตถ์เสียงสนั่น สี่พักตร์เพียงจันทร์จำรัสฉาย
สี่โอษฐ์สรวลยิ้มพริ้มพราย กอดสหายเข้าแล้วก็บัญชา
ครั้งนี้มนุษย์ที่ฮึกฮัก กับไอ้ทรลักษณ์ลิงป่า
มันจะสิ้นชีพชีวา ด้วยศักดาเดชไม่เหลือไป
ว่าแล้วจึ่งมีบรรหาร สั่งเสนามารผู้ใหญ่
จงบอกวิเสทนอกใน ให้แต่งโภชนาสาลี
กับเมรัยชัยบานมาถวาย องค์พระสหายเรืองศรี
เลี้ยงทั้งรี้พลโยธี อันมาแต่ธานีบาดาล ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุพินสันผู้ปรีชาหาญ
ก้มเกล้ารับราชโองการ ชุลีลาแล้วคลานออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จึ่งสั่งนายเวรให้หมายบอก วิเสทในนอกซ้ายขวา
ตามมีพระราชบัญชา ขององค์พญาอสุรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ฝ่ายนางวิเสทสาวศรี
แจ้งหมายจ่ายของเป็นโกลี มาทำตามที่พนักงาน
บ้างคั่วแกงพะแนงทอดมัน ครบครันสำเร็จทั้งคาวหวาน
รีบรัดจัดใส่โต๊ะพาน เทียบทานแต่ล้วนโอชา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายนางพระกำนัลซ้ายขวา
แน่งน้อยเสาวภาคย์จำเริญตา ล้วนทรงลักขณาวิลาวัณย์
บ้างแต่งตัวประกวดอวดโฉม ประโลมรักน่าชมภิรมย์ขวัญ
หวีหัวกันไรใส่นํ้ามัน ผัดพักตร์เพียงจันทร์ไม่ราคี
ยกเครื่องเนื่องตามบทจร มารยาทงามงอนทุกสาวศรี
ขึ้นยังปราสาทรูจี ถวายองค์อสุรีผู้ศักดา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรวรรดิยักษา
จึ่งเชิญพระสหายร่วมชีวา เสวยโภชนาเมรัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายนางพระกำนัลน้อยใหญ่
ทรงโฉมเลิศลักษณ์อำไพ เข้ามาหมอบใช้อยู่งาน
ลางนางก็รินสุรา ใส่จอกรัตนามุกดาหาร
ถวายสององค์พญามาร กรานเกล้าโบกปัดพัดวี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฝ่ายนางบำเรอก็ครวญขับ ร้องรับฉ่ำเฉื่อยเรื่อยรี่
โหยหวนโอดพันไปในที จับปี่สีซอนี่นัน
รำมะนาท้าทับสลับเสียง สำเนียงดั่งหนึ่งเพลงสวรรค์
ฉิ่งกรับขับขานประสานกัน เสนาะสนั่นเป็นที่ภิรมยา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฝ่ายนางระบำก็กรายกร ฟายฟ้อนร่ายรำทำท่า
แทรกเปลี่ยนหน่วงเวียนไปมา เคล้าคลอต่อหน้าพระยายักษ์
แล้วรำร่อนอ้อนแอ้นกรีดกราย ย้ายเป็นนารายณ์ขว้างจักร
ชม้ายชายเนตรนงลักษณ์ ใส่จริตค้อนควักเป็นที
แล้วยกบาทนาดหัตถ์พร้อมกัน ผินผันเมียงม่ายชายหนี
งามเพียงนางเทพกินรี เป็นที่จำเริญนัยนา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวไวยตาลยักษา
เสวยพลางทางทอดทัศนา หมู่นางกัลยาระบำบัน
อรชรอ้อนแอ้นทุกนารี ส่งศรีเพียงอัปสรสวรรค์
ทั้งนํ้าเสียงสำเนียงโอดพัน ซาบกรรณเสนาะจับใจ
ให้เพลิดเพลินจำเริญในรสรัก พญายักษ์ครวญคิดพิสมัย
ยิ่งดูยิ่งเคลิ้มสติไป ที่ในรูปทรงกัลยา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายวิเสทนอกซ้ายขวา
เสร็จแต่งเครื่องเลี้ยงโยธา ก็หาบหามเข้ามาตามกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ตั้งไว้ยังที่หน้าพระลาน เป็ดห่านควายปิ้งกระทิงหัน
ช้างพล่าช้างแกงช้างทอดมัน เหล้ากลั่นใส่ตุ่มเต็มไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพลทหารน้อยใหญ่
ซึ่งมาแต่บาดาลกรุงไกร นายไพร่ยินดีปรีดา
เป็นหมู่หมู่เหล่าเหล่าล้อมกิน เทรินเมรัยกลั่นกล้า
ทำทีส่งเวียนกันไปมา เมาซานทุกหน้าไม่สมประดี
บ้างเต้นบ้างรำวุ่นไป คว้าไขว่วิเสทสาวศรี
บ้างว่าเสร็จศึกที่ราวี อี่แม่หม้ายเหล่านี้ไม่พ้นกัน
ที่วิเสทปากร้ายก็บ่นด่า ถือฝาชีง่าตัวสั่น
เหล่าพลเขาล้อหัวร่องัน หยิบนั่นฉวยนี่วุ่นไป
ลางพวกกินมากก็รากท้น จะเอาดีสักตนก็ไม่ได้
อื้ออึงคะนึงทั้งเวียงชัย นายไพร่เกษมเปรมปรีดิ์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวจักรวรรดิยักษี
ครั้นเสร็จซึ่งเลี้ยงโยธี ภูมีชื่นชมภิรมยา
พอพระสุริยาอัสดง ลดลงลับเหลี่ยมภูผา
จึ่งชวนพระสหายผู้ศักดา ไสยาร่วมอาสน์เดียวกันฯ

ฯ ๔ คำ ฯ กล่อม

๏ เมื่อนั้น ท้าวไวตาลรังสรรค์
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงพระสุริยัน จึ่งสั่งเจ้ามลิวันธานี
ตัวเราจะยกโยธา แสนสุรเสนายักษี
ออกไปรณรงค์ราวี ผลาญพวกไพรีให้วายปราณ
ว่าแล้วเสด็จยุรยาตร จากอาสน์รัตนามุกดาหาร
ลงจากปราสาทชัชวาล พระยามารไปยังพลับพลาชัย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งมีบัญชา สั่งมหาเสนาผู้ใหญ่
จงเตรียมพหลพลไกร กูจะไปรณรงค์ด้วยไพรีฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ภัทรจักรเสนายักษี
รับสั่งพระองค์ทรงฤทธี ถวายอัญชุลีแล้วออกมาฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ จัดกระบวนพยุหจตุรงค์ คงกองตามซ้ายฝ่ายขวา
ขุนช้างรีบผูกคชา ขุนม้าผูกม้ามโนมัย
ขุนรถเทียมรถอลงกรณ์ ธงชัยปักงอนงามไสว
ขุนพลตรวจเตรียมพลไกร ตามในบาญชีกำหนดนับ
ครบกระบวนถ้วนเกณฑ์ที่ยกมา สี่หมู่โยธาพร้อมสรรพ
ทั้งสาตราวุธสำหรับทัพ ต่างตนต่างจับครบกร
ตั้งระเบียบเรียบริ้วเป็นทิวแถว ทั้งรถแก้วขุนมารชาญสมร
โยธาเพียบพื้นดินดอน ดั่งนํ้าในสาครไหลมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวไวยตาลยักษา
ครั้นเสร็จซึ่งจัดโยธา เสด็จมาโสรจสรงวาริน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ชำระสระสนานสำราญองค์ สุคนธ์ทรงหอมฟุ้งจรุงกลิ่น
สนับเพลารายพลอยมณีนิล ภูษาลายกินรีรำ
ชายไหวชายแครงเครือขด ประดับด้วยมรกตเขียวขำ
เกราะเพชรสลับบุษราคัม ฉลององค์พื้นดำดวงลอย
ตาบทิศทับทรวงสังวาลวัลย์ รัดอกกุดั่นเฟื่องห้อย
ทองกรพาหุรัดประดับพลอย ธำมรงค์เพชรพร้อยพรายตา
ทรงมหามงกุฎกรรเจียกจร จับจักรคทาธรเงื้อง่า
เสด็จลงจากพลับพลา มาขึ้นราชรัถาอลงการ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ รถเอยราชรถทรง กำกงล้วนดวงมุกดาหาร
บัลลังก์ทองรองเรือนแก้วประพาฬ บุษบกแม้นวิมานอมรินทร์
ครุฑสิงห์พริ้งพรายรายเรียบ สามชั้นหลั่นระเบียบด้วยภาพสิ้น
บันระบายเครือวงเป็นหงส์บิน ทวยแก้วรูปกินรีเรียง
เทียมด้วยคชสีห์สี่พัน โลทันยืนผาดตวาดเสียง
เครื่องสูงบังแทรกเป็นคู่เคียง ฆ้องกลองสำเนียงโกลา
เสียงช้างม้าร้องก้องกึก เสียงพลโห่ฮึกฉาวฉ่า
แกว่งอาวุธพรายดั่งสายฟ้า เร่งรีบโยธาดำเนินไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงซึ่งที่สนามยุทธ์ ให้หยุดจตุรงค์พยุห์ใหญ่
มั่นไว้คอยทีจะชิงชัย เต็มไปตามแนวพนาวัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ