สมุดไทยเล่มที่ ๗๔

๏ เมื่อนั้น ท้าวยี่สิบกรยักษา
ยืนช้างอยู่กลางโยธา อสุราเห็นทัพวานร
จึ่งมีพระราชบรรหาร สั่งสองกุมารชาญสมร
ให้เร่งจตุรงค์พลากร เข้าราญรอนหักทัพไพรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งสองโอรสยักษี
รับสั่งแล้วขับโยธี ให้เข้าโจมตีพร้อมกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพลอสุราแข็งขัน
กวัดแกว่งอาวุธเป็นเปลวควัน วิ่งเข้าโรมรันกระบี่ไพร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พุ่งซัดสาตราดั่งห่าฝน บางตนก็ยิงปืนใหญ่
ฟันแทงแย้งยุทธ์กันวุ่นไป มิได้ละลดงดกร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น ฝ่ายกระบี่ทหารชาญสมร
เห็นหมู่ยักษ์หักหาญราญรอน ก็ต้อนกันรุกโรมเข้าโจมตี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ปล้นวิ่งชิงฉวยอาวุธยักษ์ หักเอาด้วยกำลังกระบี่ศรี
ฟันแทงแย้งยุทธ์เป็นโกลี อสุรีแตกพ่ายกระจายไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น ทั้งสี่อสุรานายใหญ่
เห็นหมู่มารตายยับทั้งทัพชัย กระบี่รุกไล่เข้ามา
โกรธาขบเขี้ยวเคี้ยวกราม คำรามสำแดงกำลังกล้า
โลดโผนโจนไปด้วยศักดา เข้าไล่เข่นฆ่าวานร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บ้างตีบ้างแทงอุตลุด พุ่งสาตราวุธธนูศร
พลลิงแตกย่นไม่ทนกร ด้วยกำลังฤทธิรอนอสุรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุรเสนสุรการกระบี่ศรี
นิลเอกนิลขันผู้ฤทธี เห็นสี่ยักษ์ไล่ตีพลมา
สี่นายโกรธาตาเขียว เคี้ยวฟันคำรามยักษา
ผาดแผลงสำแดงฤทธา โถมตีอสุราทั้งสี่ตน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ มือตบตีนถีบปากกัด รวบรัดฟัดกันโกลาหล
ฟาดลงกับพื้นสุธาดล ก็วายชนม์ทั้งสี่อสุรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด โอด

๏ เมื่อนั้น จึ่งทศคิรีวันยักษี
ทั้งทศคิรีธรฤทธี เห็นสี่กุมภัณฑ์บรรลัย
กริ้วโกรธพิโรธกระทืบบาท แผดเสียงสิงหนาทหวาดไหว
ก็ขับสินธพมโนมัย เข้าไล่หักโหมโรมรัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ วานรแตกย่นไม่ทนได้ ด้วยกำลังฤทธิไกรแข็งขัน
วิ่งวุ่นปะทะปะกัน กุมภัณฑ์ยิ่งติดตามตี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
เห็นสองยักษามาราวี กระบี่แตกพ่ายกระจายมา
จึ่งจับพลายวาตขึ้นพาดสาย มาดหมายจะล้างยักษา
น้าวหน่วงด้วยกำลังศักดา ผ่านฟ้าก็ผาดแผลงไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เสียงสนั่นครั่นครื้นอากาศ พระสุธากัมปนาทหวาดไหว
ต้องสองสินธพอาชาไนย ล้มลงบรรลัยด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พี่น้องทั้งสองยักษี
เสียม้าดั่งเสียชีวี อสุรีกริ้วโกรธพิโรธนัก
ต่างตนต่างแกว่งศรสาตร์ อันมีอำนาจสิทธิ์ศักดิ์
โลดโผนโจนด้วยกำลังยักษ์ เข้าหักงอนรถด้วยฤทธา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น น้องพระหริรักษ์นาถา
เห็นสองอสุรีอหังการ์ ผ่านฟ้าก็หวดด้วยศรชัย
ถูกสองยักษาเป็นหลายหน ไม่อาจจะทนกำลังได้
ซวนเซเหหันออกไป ด้วยฤทธิไกรภูมี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ทั้งสองโอรสยักษี
ต้องศรเจ็บช้ำทั้งอินทรีย์ โกรธดั่งอัคคีไหม้ฟ้า
ต่างจับศรสิทธิ์ขึ้นพาดสาย ตาหมายเขม้นเข่นฆ่า
น้าวหน่วงจำเพาะพระอนุชา อสุราก็แผลงไปด้วยฤทธิ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เกิดเป็นอาวุธเก้าประการ ตกพ่านลงมาอกนิษฐ์
ต้องหมู่โยธาปัจจามิตร สุดสิ้นชีวิตเอนกนันต์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น น้องพระหริวงศ์รังสรรค์
เห็นยักษีแผลงศรมาโรมรัน ต้องพวกพลขันธ์กระบี่ไพร
จึ่งชักพระแสงศรสาตร์ มีอำนาจฟากฟ้าแผ่นดินไหว
พาดสายแล้วผาดแผลงไป ด้วยฤทธิไกรมหิมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เป็นพระพายชายพัดอ่อนอ่อน วานรก็ฟื้นขึ้นพร้อมหน้า
แล้วไปต้องสองอสุรา สุดสิ้นชีวาด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ท้าวราพณาสูรยักษี
เห็นสองโอรสสิ้นชีวี อสุรีกริ้วโกรธดั่งเพลิงกัลป์
พระกรฉวยจักรกวัดแกว่ง ด้วยกำลังแรงแข็งขัน
สิบปากขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กุมภัณฑ์ก็ขว้างไปด้วยฤทธิ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ โชติช่วงดั่งดวงพระสุริยา เสียงสนั่นลั่นฟ้าถึงดุสิต
ต้องหมู่โยธาปัจจามิตร สิ้นชีวิตกลิ้งกลาดดาษดิน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์องค์นารายณ์ทรงศิลป์
เห็นจักรทศพักตร์อสุรินทร์ มาต้องกระบินทร์พลากร
ล้มตายหัวขาดตีนขาด จึ่งจับพรหมาสตร์พระแสงศร
น้าวหน่วงด้วยกำลังฤทธิรอน ภูธรก็ผาดแผลงไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ สำเนียงสนั่นครรชิต เป็นศรอกนิษฐ์ไม่นับได้
ต้องพลมารยับทั้งทัพชัย วานรคืนได้ชีวิตมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวยี่สิบกรยักษา
เสียสองลูกรักคือดวงตา อสุรารำพึงคะนึงคิด
อันมนุษย์พี่น้องนี้องอาจ สามารถชำนาญในศรสิทธิ์
ครั้นกูจะหักเอาด้วยฤทธิ์ ถ้าแพ้ปัจจามิตรจะเสียการ
จะรับรอรั้งประทังไว้ อย่าให้เสียพลทวยหาญ
กว่านางมณโฑนงคราญ เยาวมาลย์จะส่งน้ำทิพย์มา
คิดแล้วจึ่งมีประกาศิต สั่งฤทธิกาลจักรยักษา
ให้แยกกันตั้งมั่นเป็นปีกกา รับหน้าหมู่วานรไว้
อย่าให้ไอ้พวกทรลักษณ์ โหมหักรุกรานเข้ามาได้
ว่าแล้วก็บ่ายคชไกร เข้าแอบชายไพรพนาลี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายนางมณโฑมเหสี
สำรวมใจทำกิจพิธี ถึงที่กำหนดเจ็ดวัน
เดชะพระเวทชัยชาญ บันดาลปัถพีเลื่อนลั่น
น้ำทิพย์ก็เกิดขึ้นพร้อมกัน ในหม้อแก้วสุวรรณอำไพ
กัลยาชื่นชมโสมนัส พูนสวัสดิ์ไม่มีที่เปรียบได้
ก็ให้มโหทรปรีชาไว เอาไปถวายพระสามี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนามโหทรยักษี
รับหม้อน้ำทิพย์ด้วยยินดี อสุรีรีบระเห็จเหาะมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งตรงเข้าไปเฝ้า ยอกรเหนือเกล้าเกศา
ถวายน้ำทิพย์อันศักดา แก่เจ้าลงกาพญามาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ใจหาญ
ครั้นได้ซึ่งทิพย์ชลธาร สำเริงสำราญพระทัยนัก
พักตร์ผ่องดั่งดวงศศิธร อันเขจรลอยมาตามจักร
เสด็จนั่งเหนือคอคชลักษณ์ พญายักษ์เที่ยวประพรมไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น ฝ่ายหมู่อสุราน้อยใหญ่
บรรดาที่ม้วยบรรลัย ครั้นได้น้ำทิพย์วาริน
ตายเก่าตายใหม่ทั้งไพร่นาย ก็เป็นอสุรกายขึ้นสิ้น
ผุดลุกขึ้นจากแผ่นดิน ดั่งหนึ่งว่ามีวิญญาณ์
ทั้งกุมภกรรณสัทธาสูร วิรุญจำบังยักษา
สัตลุงตรีเมฆอสุรา พญามูลพลัมกุมภัณฑ์
สหัสเดชะอินทรชิต แสงอาทิตย์อสุรากำปัน
ทศคิรีธรคิรีวัน ทั้งมังกรกัณฐ์อสุรี
อิทธิกายมหากายสองทหาร ทัพนาสูรมารยักษี
กวัดแกว่งอาวุธเป็นโกลี สำแดงฤทธีมหิมา
นั่งลงประณตบทบงสุ์ องค์ท้าวทศพักตร์ยักษา
เยียดยัดอัดพื้นพระสุธา ต่างหน้าก็เข้าพร้อมกัน ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ คุกพาทย์

๏ เมื่อนั้น ท้าวราพณาสูรรังสรรค์
เห็นโยธาสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ ทั้งนั้นเป็นขึ้นก็ดีใจ
ยี่สิบหัตถ์ตบหัตถ์แย้มสรวล สิบปากสำรวลหาเว้นไม่
จึ่งบัญชาสั่งปีศาจไป ให้เข้าหักโหมโจมตี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายหมู่อสุรกายยักษี
ได้ฟังพญาอสุรี ก็เข้าไล่ราวีวานร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ดากันโรมรันฟันฟาด ยิงสาตร์หน้าไม้ธนูศร
วิ่งหมุนผลุนแทงตะลุมบอน ด้วยฤทธิรอนอสุรกาย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น หมู่กระบี่โยธาทั้งหลาย
แยกกันออกรับทั้งไพร่นาย วุ่นวายรบชิดติดพัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เป็นหมู่หมู่เหล่าเหล่าสัประยุทธ์ ด้วยกำลังฤทธิรุทรแข็งขัน
ต่างหาญต่างกล้าไม่ลดกัน แทงฟันตบกัดฟัดตี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น จึ่งพวกปีศาจยักษี
เกลื่อนกลุ้มรุมกันเข้าราวี คลุกคลีต่อกรกระบี่ไพร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ หักเอาด้วยกำลังฤทธิรอน วานรไม่ต่อมือได้
วิ่งแยกแตกยับทั้งทัพชัย ไม่เป็นตำบลสนธยา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น สุครีพทหารใหญ่ใจกล้า
องคตหนุมานชาญฤทธา ขุนอัษฎาทศโยธี
เห็นกระบี่แตกยับทับกัน ไม่ประจัญต่อกรกับยักษี
ต่างตนกริ้วโกรธดั่งอัคคี แกว่งตรีเข้าไล่รอนราญ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ แทงฟันรวบรัดฟัดฟาด ปีศาจไม่ทนกำลังหาญ
หายไปกับพื้นสุธาธาร ตรงที่หน้าฉานเจ้าลงกา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศพักตร์ยักษา
เห็นอสุรปีศาจโยธา เบาตาหายเนื่องเปลืองไป
จึ่งต้อนพหลพลมาร ออกรุกรานจู่โจมโถมไล่
ไสช้างวางมาด้วยว่องไว ยืนในท่ามกลางโยธี
แล้วเอานํ้าทิพย์ประลง ที่ตรงซากศพยักษี
ปีศาจกลับเป็นขึ้นราวี ต่อตีด้วยพวกวานร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น สุครีพหนุมานชาญสมร
องคตผู้มีฤทธิรอน ทั้งสิบแปดวานรโยธา
รบพลางทางคิดสงสัย เหตุใดอสุรศักดิ์ยักษา
ฆ่าตายหายไปกับตา กลับมากขึ้นมาด้วยอันใด
ต่างตนกริ้วโกรธกระทืบบาท พระสุธาอากาศหวาดไหว
โลดโผนโจนจ้วงทะลวงไป เข้าไล่สังหารกุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์สุริย์วงศ์รังสรรค์
เห็นพลอสุราอาธรรม์ หนุนกันเนื่องเข้ามาราวี
จึ่งจับพลายวาตขึ้นพาดสาย พระเนตรหมายล้างเหล่ายักษี
น้าวหน่วงด้วยกำลังฤทธิ์ ภูมีก็แผลงไปทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เปรี้ยงเปรี้ยงดั่งเสียงฟ้าฟาด พลมารตายกลาดไม่นับได้
ที่เป็นปีศาจก็หายไป ซากศพไม่เห็นประจักษ์ตา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศพักตร์ยักษา
เห็นศรพรหมาสตร์แผลงมา ต้องหมู่โยธาบรรลัยลาญ
บรรดาพลหมู่อสุรกาย สูญหายไม่เห็นออกหักหาญ
พิโรธโกรธกริ้วดั่งเพลิงกาล เอาทิพย์ชลธารประไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดเดี๋ยวก็เป็นปีศาจ เกลื่อนกลาดขึ้นมาไม่นับได้
สำแดงแผลงฤทธิ์เกรียงไกร กลับเข้าชิงชัยด้วยวานร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น องค์พระอวตารชาญสมร
เห็นพลท้าวยี่สิบกร ต้องศรตายกลาดดาษดา
แล้วกลับเป็นขึ้นมาชิงชัย ภูวไนยให้คิดกังขา
จึ่งมีพระราชบัญชา ถามพญาพิเภกทันที
เหตใดกุมภกรรณอินทรชิต ทั้งแสงอาทิตย์ยักษี
ท้าวสหัสเดชะอสุรี ตรีเมฆแลมังกรกัณฐ์
บรรดาอสุราทั้งหลาย ซึ่งล้มตายสิ้นชีพอาสัญ
เป็นไฉนกลับได้ชีวัน ดูอัศจรรย์ประหลาดใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาพิเภกโหราใหญ่
รับสั่งแล้วพิเคราะห์ไป โดยในตำราปรีชาชาญ
ก็รู้แจ้งดั่งหนึ่งทิพเนตร จึ่งน้อมเกศสนองพระบรรหาร
บัดนี้มณโฑเยาวมาลย์ ทำการสญชีพพิธี
ได้นํ้าทิพย์แล้วส่งมาที่รบ ประซึ่งซากศพยักษี
ทั้งตายใหม่ตายเก่าเหล่านี้ ก็เป็นผีปีศาจขึ้นมา
อันในพิธีนั้นห้าม ซึ่งความประดิพัทธ์เสน่หา
ขอให้ทหารผู้ศักดา ไปทำลายวิทยาตบะกรรม์
พระองค์ผู้ทรงฤทธิรอน จึ่งแผลงศรชัยเป็นข่ายกั้น
กันหมู่ปีศาจกุมภัณฑ์ อย่าให้มันออกมารอนราญ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรกฤษณ์ฤทธิ์ลํ้าสุริย์ฉาน
ได้ฟังพิเภกโหราจารย์ ผ่านฟ้าจับศรแผลงไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เกิดเป็นข่ายเพชรเจ็ดชั้น ขึงมั่นมิให้หวั่นไหว
ล้อมหมู่ปีศาจเข้าไว้ ด้วยฤทธิไกรมหึมา
เสร็จแล้วมีราชวาที สั่งศรีหนุมานทหารกล้า
ตัวท่านผู้มีศักดา จงพานิลนนท์ชมพูพาน
กับโยธีกระบี่กึ่งสมุทร เลือกล้วนฤทธิรุทรอาจหาญ
ไปทำลายล้างพิธีการ มณโฑเยาวมาลย์ด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สามทหารผู้ชาญชัยศรี
รับสั่งสมเด็จพระจักรี ชุลีลาแล้วรีบออกไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ จัดกันสรรเอาแต่แกล้วกล้า ล้วนมีปัญญาอัชฌาสัย
กึ่งสมุทรพื้นเรืองฤทธิไกร ก็ลอบรีบไปยังเมืองมาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาถึงกึ่งที่วิถีจร ใกล้นครลงการาชฐาน
หยุดอยู่ริมชายดงดาน หนุมานจึ่งมีวาจา
ปรึกษาวานรทั้งสองนาย ว่าองค์พระนารายณ์นาถา
โองการตรัสใช้ให้เรามา ทำลายวิทยาพิธีกรรม์
ของนางมณโฑนงลักษณ์ เมียรักทศเศียรโมหันธ์
ซึ่งพิเภกบอกมาเป็นนัยนั้น เราจักคิดกันฉันใดดี
ด้วยนางนั้นเป็นมารดร องคตฤทธิรอนเรืองศรี
ก็นับกันตามโลกย์ประเวณี เกลือกลูกพาลีจะน้อยใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นิลนนท์ชมพูพานทหารใหญ่
ฟังวายุบุตรวุฒิไกร จึ่งตอบคำไปด้วยปรีชา
ซึ่งคิดแก่หน้าองคต พจนานี้ชอบหนักหนา
เราเป็นข้าบาทพระจักรา ใช้มาให้ล้างพิธี
แม้นว่ามิได้ราชการ ของพระอวตารเรืองศรี
พระองค์ผู้ทรงธรณี ภูมีจะลงโทษทัณฑ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หนุมานฤทธิแรงแข็งขัน
จึ่งตอบสองทหารชาญฉกรรจ์ อันท่านว่ามานั้นก็ควรนัก
ซึ่งจักทำลายพิธี ครั้งนี้ไม่ชอบด้วยหาญหัก
จำจะแปลงตนเข้าปนยักษ์ จึ่งจักสำเร็จด้วยจินดา
นิลนนท์จงแปลงเป็นคชกรรม์ คชาธารซับมันตัวกล้า
ชมพูพานผู้มีปรีชา จงแปลงกายาด้วยฤทธี
เป็นการุณราชขุนมาร ควาญท้ายขับคชสารศรี
ตัวเราจะนิมิตอินทรีย์ ให้เหมือนอสุรีทศกัณฐ์
อันพวกวานรบรรดามา เป็นพลอสุราแข็งขัน
เมื่อเข้ามาในลงกานั้น จึ่งสำรวลสรวลสันต์กันไป
ว่าสองมนุษย์รามลักษมณ์ ซึ่งทำฮึกฮักหยาบใหญ่
บัดนี้สุดสิ้นชีวาลัย ทั้งพวกไอ้สวาวานร ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายสองทหารชาญสมร
ทั้งหมู่โยธาพลากร สโมสรชื่นชมยินดี
ต่างตนนบนิ้วอภิวาทน์ พระจอมไกรลาสคีรีศรี
สำรวมใจร่ายเวทอันฤทธี กระบี่นิมิตกายา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ นิลนนท์กลายเป็นคชสาร สูงตระหง่านเงื้อมงํ้าเวหา
อันชมพูพานผู้ศักดา เป็นการุณราชฤทธิไกร
บรรดาวานรทั้งหลาย แปลงกายเป็นอสูรน้อยใหญ่
ถือเครื่องแห่แหนแน่นไป เหมือนกับทัพชัยทศกัณฐ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น วายุบุตรฤทธิแรงแข็งขัน
นบนิ้วถวายบังคมคัล ทรงธรรม์ธิราชเจ้าโลกา
กับองค์พระพายเทเวศ ซึ่งบังเกิดเกศเกศา
สะกดใจร่ายเวทวิทยา วานรนิมิตอินทรีย์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ ด้วยเดชะพระเวทสิทธิศักดิ์ ก็กลายเป็นทศพักตร์ยักษี
สิบเศียรทรงมงกุฎรูจี อาวุธครบยี่สิบกร
งามทรงงามองค์งามวิลาศ งามเครื่องโอภาสประภัสสร
เสร็จแล้วย่างเยื้องบทจร มาขึ้นกุญชรคชาธาร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ ช้างเอยช้างนิมิต ลำพองคะนองฤทธิ์กล้าหาญ
ผูกเครื่องเนาวรัตน์ชัชวาล อลงการกุดั่นดาวทอง
ปักมหาเศวตฉัตรชัย เครื่องสูงไสวเป็นทิวท่อง
ยกเท้าก้าวเดินโดยทำนอง ขับคล่องว่องไวดั่งลมพัด
พลมารแห่แหนแน่นมา ซ้ายขวาหน้าหลังเป็นขนัด
คับคั่งเบียดเสียดเยียดยัด ธงทิวปลิวสะบัดโบกบน
ปี่กลองฆ้องขานประสานเสียง สำเนียงกึกก้องกุลาหล
รีบช้างรีบม้ารี้พล จนเข้าในเมืองลงกา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ กราวนอก

๏ บัดนั้น หมู่กระบี่นิกรซ้ายขวา
ครั้นล่วงเข้าในทวารา ก็สำรวลสรวลร่าอึงไป
ร้องบอกชาวเมืองที่ริมทาง โรงร้านสองข้างถนนใหญ่
วันนี้เสร็จการชิงชัย ฆ่ามนุษย์เสียได้ทั้งสองคน
อันหมู่วานรโยธา ตายกลาดดาษดาทุกแห่งหน
ไม่หนีไปได้แต่สักตน ด้วยพลปีศาจราวี
อันกรุงลงการาชฐาน จะสำราญเป็นสุขเกษมศรี
ทั้งหมู่อสุรโยธี จะพ้นที่รณรงค์ชิงชัย ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หญิงชายชาวเมืองน้อยใหญ่
ไม่รู้กลกระบี่ก็ดีใจ ยกมือขึ้นไหว้พร้อมกัน
ต่างตนอวยชัยให้พร สโมสรสำรวลสรวลสันต์
ตบมืออึงมี่นี่นัน เสียงสนั่นเอิกเกริกเป็นโกลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น คำแหงหนุมานทหารกล้า
รีบเร่งพหลโยธา เข้ามาถึงหน้าพระลานชัย
จึ่งลงจากคอคชสาร ทำอาการพักตร์ผ่องดั่งแขไข
ยูรยาตรนาดกรคลาไคล เข้าในโรงราชพิธี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งขึ้นนั่งร่วมบัลลังก์อาสน์ มณโฑเยาวราชโฉมศรี
ยอกรลูบหลังนางเทวี แล้วมีมธุรสวาจา
ดูก่อนเจ้าดวงชีวิต ร่วมคิดร่วมชีพสังขาร์
อันน้ำทิพย์ขององค์กัลยา ศักดาล้ำเลิศประเสริฐนัก
ยิ่งกว่าอมฤตเทเวศ บรรดาที่วิเศษทั้งไตรจักร
พี่ได้ประลงที่ศพยักษ์ เป็นขึ้นโหมหักปัจจามิตร
ลักษมณ์รามกับหมู่โยธา ตายกลาดดาษดาอกนิษฐ์
ไม่มีใครรอต่อฤทธิ์ สุดสิ้นชีวิตทั้งทัพชัย
อันคุณของเจ้าอยู่พี่ ครั้งนี้เป็นหาที่สุดไม่
จะปรากฏพระยศอรไท ไปกว่าจะสิ้นกัลปา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางมณโฑเสน่หา
ไม่แจ้งแห่งกลมารยา สำคัญว่าองค์พระสามี
ก็ลืมพระเนตรชำเลืองไป อรไทเห็นท้าวยักษี
ยอกรเหนือเกล้าเมาลี เทวีกราบลงกับบาทา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า
แย้มยิ้มพริ้มพักตร์จำนรรจา ด้วยกลมารยาวานร
อันตัวของเจ้าเยาวลักษณ์ ผิวพักตร์เพียงเทพอัปสร
ไม่เคยยากลำบากอดนอน ดวงสมรมัวคล้ำโรยไป
ขอเชิญโฉมเฉลาเยาวเรศ ดวงเนตรผู้ร่วมพิสมัย
คืนเข้ามหาปราสาทชัย ให้สำราญฤทัยเยาวมาลย์
ว่าพลางจูงกรวรนาฏ ลงจากอาสน์แก้วมุกดาหาร
ไปยังปราสาทสุรกานต์ สาวสนมบริวารก็ตามมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

๏ ครั้นถึงนั่งเหนือแท่นทอง ในห้องไสยาสน์ของยักษา
แอบองค์มณโฑกัลยา แล้วมีวาจาอันสุนทร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ดูก่อนเจ้าผู้จำเริญสวาท นุชนาฏนิ่มเนื้อนวลสมร
แต่พี่ยกพลไปราญรอน ต่อกรด้วยสองมนุษย์
เสียหมู่จตุรงค์โยธา แสนสุรเสนานับสมุทร
ไม่มีผู้ใดจะต่อยุทธ์ สิ้นสุดสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์
นี่หากว่าพี่ได้เจ้า จึ่งล้างเหล่าไพรีอาสัญ
แต่นี้จะเป็นสุขทุกนิรันดร์ ทั่วทั้งขอบขัณฑเสมา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางมณโฑเยาวยอดเสน่หา
ได้ฟังมธุรสวาจา กัลยาสนองพระวาที
แต่ศึกมาติดพระนคร อกเมียเร่าร้อนดั่งเพลิงจี่
เดชะความสัตย์ข้าภักดี จึ่งสำเร็จพิธีดั่งใจ
พระองค์สังหารปัจจามิตร สุดสิ้นชีวิตหาเหลือไม่
ตัวข้ายินดีเป็นพ้นไป ดั่งได้สวรรค์ชั้นฟ้า ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

โอ้โลม

๏ เมื่อนั้น วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า
ยิ้มแล้วจึ่งกล่าววาจา แต่พี่เคี่ยวฆ่าไพรี
ทั้งเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่ยั้งหยุด ปิ้มจักสิ้นสุดกำลังพี่
พึ่งได้สบายในวันนี้ จะขอชมเทวีให้สำราญ
ว่าพลางอิงแอบแนบชิด จุมพิตด้วยความเกษมสานต์
ค่อยประคองต้องดวงปทุมาลย์ ซาบซ่านในรสกรีฑา
ภุมรินร่อนลงประจงเคล้า เรณูเสาวคนธ์บุปผา
เป็นละอองต้องทั่วกายา ก็สมเจตนาวานร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ กล่อม

ช้า

๏ เมื่อนั้น นวลนางมณโฑดวงสมร
สำคัญว่าท้าวยี่สิบกร บังอรเพลิดเพลินจำเริญใจ
ทั้งยินดีที่จะเลื่องลือนาม สิ้นเสี้ยนสงครามศึกใหญ่
ดับเข็ญเป็นสุขทั้งกรุงไกร ด้วยได้นํ้าทิพย์วารี
ยิ่งแสนบันเทิงเริงจิต อิงแอบแนบชิดกระบี่ศรี
สำรวลยวนยั่วยินดี อยู่ยังแท่นมณีไสยา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายชมพูพานทหารกล้า
ครั้นหนุมานผู้ศักดา พานางมณโฑขึ้นไป
กับหมู่วานรทั้งนั้น ชวนกันล้างโรงพิธีใหญ่
ราชวัติฉัตรธงที่ปักไว้ หักเสียไม่เป็นสมประดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น หนุมานผู้ชาญชัยศรี
เสร็จสมมณโฑเทวี กระบี่จึ่งกล่าวด้วยมารยา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เจ้าผู้จำเริญสิริลักษณ์ องค์อัคเรศเสน่หา
อันซึ่งพี่กลับเข้ามา หวังจะแจ้งกิจจาแก่ทรามวัย
ว่ามนุษย์กับพวกพานรินทร์ ตายสิ้นหาหลอเหลือไม่
แต่ไอ้พิเภกจังไร มันหนีเข้าในพนาดร
เกลือกว่าจะกลับมาแก้กัน ให้พวกมันเป็นขึ้นเหมือนแต่ก่อน
ตัวพี่จะลาบังอร ยกหมู่นิกรโยธา
ออกไปไล่จับไอ้สาธารณ์ ผลาญเสียให้สิ้นสังขาร์
เสียบไว้ยังที่ทวารา อย่าให้ใครดูเยี่ยงมัน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ ว่าพลางย่างเยื้องจากอาสน์ อันโอภาสพรรณรายฉายฉัน
ลงจากปราสาทสุวรรณ จรจรัลมาเกยรูจี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งขึ้นคชาธาร พร้อมหมู่ทหารกระบี่ศรี
ออกจากลงกาธานี มิให้อสุรีสงกา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ กราว

๏ มาใกล้ที่สนามรณยุทธ์ ก็หยุดอยู่ริมเชิงภูผา
สามนายผู้มีศักดา กับพวกโยธาวานร
กลับกลายจากเพศอสุรินทร์ คืนเป็นกระบิลเหมือนแต่ก่อน
พากันลัดป่าพนาดร บทจรมาเฝ้าพระจักรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงสามนายบังคมทูล นเรนทร์สูรธิราชเรืองศรี
ตามซึ่งได้ล้างพิธี ถ้วนถี่เสร็จสิ้นทุกประการ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระทรงภพลบโลกทุกสถาน
ฟังสามกระบี่ปรีชาชาญ ดั่งได้ผ่านฟ้าสุราลัย
จึ่งมีพระราชบัญชา ชมวายุบุตรทหารใหญ่
ตัวท่านผู้มีปรีชาไว ทำการสิ่งใดก็ลํ้าลึก
ซึ่งจะพรรณนาความชอบ อันประกอบทำไว้ไม่รู้ตรึก
ใช้ไหนได้ดั่งใจนึก เป็นเขี้ยวศึกคู่สร้างของเรามา
อันนิลนนท์ชมพูพาน ความชอบของท่านก็หนักหนา
ควรที่เป็นอัครโยธา จะหาไหนเปรียบไม่เทียบทัน
ว่าแล้วสั่งลูกพระอาทิตย์ ผู้มีฤทธิแรงแข็งขัน
ให้ขับวานรทั้งนั้น เข้าไล่โรมรันอสุรี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุครีพผู้ชาญชัยศรี
รับสั่งสมเด็จพระจักรี ขุนกระบี่ก็ร้องประกาศไป
บัดนี้คำแหงหนุมาน ล้างพิธีการเสียได้
ชาวเราจงเร่งเข้าชิงชัย ลุยไล่หักเอาให้พร้อมกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพวกวานรพลขันธ์
ต่างตนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หนุนเข้าโรมรันทันที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ อสุรกายไม่รอต่อกร กลัวฤทธิรอนกระบี่ศรี
แตกตายหายไปกับปถพี ซากผีไม่เห็นประจักษ์ตา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ท้าวราพณาสูรยักษา
เห็นวานรไล่รุกบุกมา โยธาสุรกายก็หายไป
ทั้งน้ำทิพย์ที่ประก็สิ้นลง ใครจะเอามาส่งก็หาไม่
โกรธาขับพญาคชไกร ออกไล่โจมแทงวานร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ พุ่งซัดอาวุธลงมา สำแดงศักดาดั่งไกรสร
พลลิงแตกย่นไม่ทนกร ด้วยฤทธิรอนอสุรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระกฤษณุรักษ์เรืองศรี
เห็นทศกัณฐ์ขับช้างเข้าราวี กระบี่แตกยับทับกัน
จึ่งจับพรหมาสตร์ศรชัย อันปราบได้ทั่วทั้งสรวงสวรรค์
พาดสายน้าวหน่วงยืนยัน ทรงธรรมแผลงไปด้วยศักดา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ สำเนียงดั่งเสียงลมกาล สะเทือนสะท้านทุกทิศา
ต้องทศกัณฐ์อสุรา กายาตลอดด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวสิบพักตร์ยักษี
ต้องศรเจ็บชั้าทั้งอินทรีย์ ดั่งหนึ่งชีวีจะวายปราณ
แข็งใจดำรงกายา เหนือคอคชาตัวหาญ
คิดคุณพรหเมศอันชัยชาญ ขุนมารร่ายวิทยามนต์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ ครั้นครบเจ็ดคาบก็เป่าลง แล้วลูบไปทั่วองค์สามหน
ศรนั้นก็หลุดด้วยฤทธิรณ บาดแผลกับตนก็ไม่มี
จึ่งชักศรสิทธิ์ขึ้นพาดสาย หมายองค์พระรามเรืองศรี
น้าวหน่วงด้วยกำลังอินทรีย์ อสุรีผาดแผลงไปด้วยฤทธิ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ พระสุธาอากาศก็หวาดไหว สนั่นไปถึงชั้นดุสิต
ต้องหมู่วานรปัจจามิตร ล้มตายอกนิษฐ์ดาษดา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรรัตน์แก้วนาถา
เห็นวานรสุดสิ้นชีวา ด้วยศรอสุรากลาดไป
จึ่งชักพรหมาสตร์ฤทธิรงค์ อันทรงกำลังแผ่นดินไหว
พาดสายน้าวหน่วงด้วยว่องไว ภูวไนยก็แผลงไปทันที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ต้องหมู่พลมารล้มตาย ด้วยฤทธิ์พระนารายณ์เรืองศรี
ทั้งช้างทรงขององค์อสุรี ล้มกับปถพีวายปราณ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวราพณาสูรใจหาญ
เสียพลเสียพญาคชาธาร ขุนมารกริ้วโกรธพิโรธนัก
ยืนอยู่กับพื้นปถพี อสุรีกวัดแกว่งพระแสงจักร
หมายองค์พระรามพระลักษมณ์ พญายักษ์ขว้างไปด้วยศักดา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ โชติช่วงดั่งดวงทินกร เวียนร่อนรอบราชรัถา
สำเนียงอื้ออึงเป็นโกลา ไหวหวาดฟากฟ้าธาตรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงภพลบโลกเรืองศรี
เห็นจักรยักษ์สำแดงฤทธี ภูมีจับศรพาลจันทร์
พาดสายกรายกรเงื้อง่า งามสง่าดั่งเทพรังสรรค์
น้าวหน่วงด้วยกำลังยืนยัน ทรงธรรม์ก็ผาดแผลงไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ แผ่นดินสองแสนสี่หมื่นโยชน์ ก็อุโฆษกัมปนาทหวาดไหว
ต้องจักรละเอียดลงทันใด วานรคืนได้ชีวิตมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา
รณรงค์จนสิ้นสาตรา อสุราขัดสนเป็นพ้นนัก
ทั้งสองโอรสก็บรรลัย ให้ระทดพระทัยดั่งต้องจักร
หิวโหยโรยแรงเหนื่อยพักตร์ พญายักษ์เพียงสิ้นสมประดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพลนิกรกระบี่ศรี
เห็นทศพักตร์ไม่ต่อตี ก็ทำทีเยาะเย้ยอสุรา
เหวยเหวยดูก่อนทศกัณฐ์ วันนี้เคี่ยวขับเป็นหนักหนา
ทั้งรี้พลพหลโยธา เห็นมากยิ่งกว่าทุกครั้ง
ช่างได้ใครมาเป็นอาจารย์ ประกอบการในกิจพิธีขลัง
เหตุไรไม่รบจึ่งรอรั้ง ละล้าละลังด้วยอันใด
หรือสิ้นน้ำทิพย์วารี ที่ดาบสินีทำให้
สาละวนหลับตาชิงชัย ไม่รู้เหตุใหญ่ในลงกา
เมื่อกี้พายุวุ่นวาย แล้วอาศรมทลายกระมังหนา
จึ่งไม่เห็นเอานํ้ามนต์มา รดศพโยธาอสุรี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวยี่สิบกรยักษี
ได้ฟังดั่งต้องอสุนี เอะเหตุจะมีประการใด
ชะรอยว่าพวกปัจจามิตร ล้างพิธีกิจเสียได้
มันจึ่งเยาะเย้ยไยไพ ล่วงเอาความในมาเจรจา
ครั้นกูจะอยู่สู้รบ สุริยาก็พลบลงหนักหนา
จำจะเลิกกลับเข้าลงกา ให้แจ้งกิจจาว่าร้ายดี
คิดแล้วจึ่งกล่าวสุนทร ดูก่อนพระรามเรืองศรี
เราสองสัประยุทธ์ราวี บัดนี้ก็เข้าสนธยา
ท่านจงเลิกทัพกลับไป ยังตำหนักไพรในป่า
ฝ่ายเราก็จะเข้าไปลงกา พรุ่งนี้จึ่งมารบกัน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระตรีภูวไนยรังสรรค์
ฟังทศเศียรกุมภัณฑ์ ทรงธรรม์ยิ้มแล้วตอบไป
ซึ่งท่านจะกลับเข้าธานี ทั้งนี้ก็ตามอัชฌาสัย
ว่าแล้วให้เลิกพลไกร ไปยังสุวรรณพลับพลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ