สมุดไทยเล่มที่ ๖๐

๏ เมื่อนั้น ท้าวสหัสเดชะยักษา
ครั้นเสร็จสั่งมหาเสนา ก็เข้ามายังที่ข้างใน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ พร้อมอนงค์นางนาฏน้อยใหญ่
หมอบฟ้าเกลื่อนกลาดดาษไป ภูวไนยจึ่งมีโองการ
สั่งนางอนงค์อันทรงโฉม เป็นที่ประโลมสงสาร
กูจะไปลงกาเมืองมาร บรรดาพนักงานทุกนารี
จงจัดกันให้ได้ห้าร้อย เลือกล้วนแน่งน้อยเฉลิมศรี
ไปด้วยกับกูผู้ฤทธี ในรถมณีเดียวกัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางสนองพระโอษฐ์คนขยัน
รับสั่งพญากุมภัณฑ์ ถวายบังคมคัลแล้วออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

ชมตลาด

๏ จัดนางกำนัลอันทรงลักษณ์ ผิวพักตร์รูปทรงโอ่อ่า
อรชรอ้อนแอ้นจำเริญตา ห้าร้อยล้วนกัลยาณี
อาบนํ้าลูบไล้เสาวคนธ์ ทาแป้งแต่งตนขัดสี
นุ่งห่มต่างกันทุกนารี ใส่นํ้ามันหวีหัววุ่นไป
ส่องกระจกเก็บไรวิไลลักษณ์ ผัดพักตร์ผ่องเพียงแขไข
งามดั่งนางฟ้าสุราลัย คอยเสด็จภูวไนยยาตรา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสหัสเดชะยักษา
ทั้งมูลพลัมอสุรา เข้าที่ไสยาในราตรี
ครั้นพระอุทัยไขแสง แจ่มแจ้งจำรัสรัศมี
ก็เสด็จย่างเยื้องจรลี มาเข้าที่สรงสาคร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ สองกษัตริย์ชำระสระสนาน สุคนธาธารทิพย์เกสร
ต่างทรงสนับเพลาเชิงงอน อุทุมพรภูษาท้องพัน
ชายไหวชายแครงเครือหงส์ ฉลององค์เกราะเพชรทับทิมคั่น
ต่างทรงทับทรวงสังวาลวัลย์ ตาบทิศกุดั่นประดับพลอย
สอดใส่สร้อยสนสะอิ้งแก้ว รัดองค์วาวแววเฟื่องห้อย
ทองกรแก้วฉลุฉลักลอย พาหุรัดรักร้อยทับทิมพราย
ต่างทรงธำมรงค์เรือนเก็จ มงกุฎเพชรรุ้งร่วงฉานฉาย
กรรเจียกจรเนาวรัตน์จำหลักลาย พระเชษฐากรายหัตถ์ทั้งสองพัน
กรกุมเครื่องสรรพอาวุธ สำหรับรณยุทธ์ทุกมือมั่น
พระอนุชาจับหอกยืนยัน กุมภัณฑ์กวัดแกว่งไปมา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ครั้นเสร็จเสด็จยุรยาตร ลงจากปราสาทยักษา
พร้อมด้วยฝูงสนมกัลยา ไปขึ้นมหาพิชัยรถ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ รถเอยราชรถศึก สองรถพันลึกอลงกต
แอกงอนอ่อนสลวยชวยชด ชั้นลดล้วนแล้วบัลลังก์ลาย
อันรถสมเด็จพระเชษฐา สูงเยี่ยมเทียมฟ้าฉานฉาย
นางกำนัลนั่งรอบเรียงราย งามคล้ายกับเทพกินนร
เทียมด้วยราชสีห์สี่พัน ตัวฉกรรจ์กล้าหาญชาญสมร
สารถีมือถือโตมร ขับจรรวดเร็วดั่งลมพัด
เครื่องสูงครบสิ่งกรรชิงราย ธงชายธงชัยปลายสะบัด
พลมารเดินเบียดเยียดยัด ขนัดฆ้องกลองประโคมโครมครึก
พระอนุชานั้นยกไปหน้า โยธาโห่ร้องก้องกึก
มืดคลุ้มชอุ่มควันพันลึก ขับกันคึกคึกรีบไป ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ กราว

๏ ครั้นถึงลงกาธานี มูลพลัมผู้มีอัชฌาสัย
ให้หยุดพหลพลไกร ตั้งไว้แต่นอกพระพารา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นเสร็จก็เสด็จยุรยาตร จากพิชัยราชรัถา
ไปเฝ้าสมเด็จพระพี่ยา ยังรถรัตนาพรายพรรณ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งน้อมเศียรเกล้าบังคม พระบรมเชษฐารังสรรค์
ทูลว่าพระองค์ทรงธรรม์ ตั้งมั่นอยู่นอกพระนคร
ตัวข้าจะถวายบังคมลา ไปบอกเจ้าลงกาสหายก่อน
ให้มารับเสด็จภูธร บทจรเข้ายังเวียงชัย
จึ่งจะควรแก่เบื้องบทเรศ มงกุฎเกศกษัตริย์สูงใหญ่
พระยศจะปรากฏไป ดั่งในฟากฟ้าธาตรี
ว่าแล้วเสด็จยุรยาตร องอาจดั่งพญาราชสีห์
ขึ้นยังรถรัตน์มณี อสุรีก็เข้าในลงกา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา
รู้ว่าพระสหายเสด็จมา อสุราแสนโสมนัสนัก
ดั่งได้สมบัติพัสถาน ศฤงคารบริวารในไตรจักร
สำรวลสรวลยิ้มพริ้มพักตร์ ไปรับสหายรักด้วยยินดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ จึ่งให้ประทับรัถา กับเกยรัตนาจำรัสศรี
พากันย่างเยื้องจรลี ขึ้นปราสาทมณีอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ สองกษัตริย์นั่งร่วมบัลลังก์อาสน์ สำราญราชฤทัยสโมสร
คำรพกันด้วยใจสถาวร เป็นทางสุนทรไมตรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งมูลพลัมยักษี
ส้วมกอดพระสหายด้วยยินดี จึ่งมีบัญชาถามไป
อันซึ่งอริราชไพริน ถิ่นฐานบ้านเมืองนั้นอยู่ไหน
สุริย์วงศ์พงศ์เผ่าเหล่าใคร จึ่งอาจใจมาทำอหังการ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวราพณาสูรใจหาญ
ได้ฟังจึ่งมีพจมาน อันพวกพาลที่ยกมานี้
นามมันชื่อว่ารามลักษมณ์ หลานรักอัชบาลเรืองศรี
หน่อท้าวทศรถธิบดี อยู่ยังบุรีอยุธยา
ตัวมันมีฤทธิ์ด้วยแสงศร ทั้งพลวานรก็แกล้วกล้า
ยกข้ามมหาสมุทรมา เคี่ยวฆ่าสุริย์วงศ์กุมภัณฑ์
ครั้งนี้ไม่มีที่เห็นใคร จะมล้างมันให้อาสัญ
จึ่งไปเชิญสหายร่วมชีวัน มาคิดกันสังหารไพรี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญามูลพลัมยักษี
ฟังพระสหายร่วมชีวี โกรธดั่งอัคคีไหม้ฟ้า
กระทืบบาทผาดแผดสุรเสียง สำเนียงเลื่อนลั่นดั่งฟ้าผ่า
ไฉนจึ่งไม่แจ้งกิจจา ดั่งหนึ่งว่าเราไม่รักกัน
ให้ยืดยาวใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ จนญาติวงศ์อสุรีอาสัญ
ทำไมกับมนุษย์เท่าแมงวัน ฤทธิ์มันจะมีสักเพียงไร
บัดนี้พระเชษฐาฤทธิรณ โกรธายกพลพยุห์ใหญ่
จะดับเข็ญให้เย็นทั้งเวียงชัย ภูวไนยตั้งทัพพลับพลา
อยู่นอกพระนิเวศน์เขตสถาน ท่านจงไปเฝ้าพระเชษฐา
ทูลเชิญเสด็จเข้ามา คิดฆ่าอริราชไพรี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษี
แจ้งว่าพระเชษฐาธิบดี ยกโยธีมาก็ดีใจ
สิบปากสำรวลสรวลสันต์ ตบหัตถ์สนั่นหวั่นไหว
ก็พากันลีลาคลาไคล ไปขึ้นรถทรงอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ สองกษัตริย์เสด็จตามกัน ให้โลทันรีบขับไกรสร
ออกจากลงกาพระนคร บทจรไปโดยมรรคา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงให้หยุดรถทรง สองสหายก็ลงจากรัถา
พากันยุรยาตรคลาดคลา ไปเฝ้าพญาอสุรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ต่างองค์ประณตบทมาลย์ พระผู้ปิ่นปางตาลเรืองศรี
ด้วยใจชื่นชมยินดี ในที่ท่ามกลางกุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสหัสเดชะรังสรรค์
ครั้นแลเห็นองค์ทศกัณฐ์ มาบังคมคัลก็ปรีดา
จึ่งมีบัญชาอันสุนทร ดูก่อนทศกัณฐ์ยักษา
ซึ่งข้าศึกฮึกหาญอหังการ์ กำลังแกล้วกล้าสักเพียงใด
บรรดาสุริย์วงศ์พรหมาน ต้านทานฝีมือมันไม่ได้
ตัวพี่แจ้งสารก็ร้อนใจ ดั่งนอนอยู่ในอัคคี
รีบเกณฑ์จตุรงค์พยุหบาตร แสนเสนามาตย์ยักษี
มาด้วยหวังจะช่วยต่อตี สังหารชีวีให้มรณา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา
ได้ฟังพระราชบัญชา อสุราแสนโสมนัสนัก
ดั่งได้สมบัติพัสถาน ศฤงคารบริวารทั้งไตรจักร
จึ่งสนองวาจาพญายักษ์ อันมนุษย์รามลักษมณ์ซึ่งอาจใจ
ชำนาญในการธนูศร ฤทธิ์รอนฟากฟ้าดินไหว
อันหมู่โยธีกระบี่ไพร ว่องไวในที่รณยุทธ์
ล้วนรู้เดินฟ้าประดาดิน สิ้นทั้งเจ็ดสิบเจ็ดสมุทร
มาตรแม้นถึงฆ่าด้วยอาวุธ ก็ไม่สุดสิ้นชีพชีวี
ซึ่งพระองค์เมตตาการุญ พระคุณยิ่งฟ้าราศี
ขอเชิญเสด็จเข้าบุรี พักหมู่โยธีในลงกา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสหัสเดชะยักษา
ได้ฟังคั่งแค้นในอุรา โกรธาดั่งไฟบรรลัยกาล
เหม่เหม่มนุษย์กับลิงไพร เหตุใดมาทำอวดหาญ
ไม่รู้ว่าชีวาจะวายปราณ ด้วยมือพระกาลอันเรืองยศ
ตรัสแล้วให้เลิกโยธา แสนสุรเสนาทั้งปวงหมด
ทั้งหมู่คชาม้ารถ บทจรเข้ายังพระบุรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวยี่สิบกรยักษี
นำเสด็จเชษฐาธิบดี ถึงที่ปราการลงกา
แลดูพิชัยรถทรง ขององค์พญายักษา
ใหญ่สูงกว่าช่องทวารา จึ่งบัญชาสั่งมโหทร
จงเร่งไปรื้อกำแพงเมือง ข้างเบื้องทักษิณเสียก่อน
ให้ราบรื่นจนพื้นดินดอน รถพระภูธรจะเข้าไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น มโหทรเสนาผู้ใหญ่
รับสั่งพระองค์ทรงภพไกร ก็ขับไพร่ให้รื้อปราการ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บ้างคัดบ้างขนอุตลุด บ้างขุดบ้างรื้อทุกหน้าด้าน
ทุบปราบราบรื่นพื้นดินดาน ก็เสร็จตามพจมานอสุรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสหัสเดชะยักษี
จึ่งให้เคลื่อนรถรัตนมณี เข้าในบุรีลงกา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ชมตลาด

๏ พินิจพิศดูพระนคร ท้าวยี่สิบกรยักษา
ปราการเชิงเทินจำเริญตา ระยะช่องเสมาเสมอกัน
ซุ้มทวารบานบังทวาเรศ เขื่อนเขตคูรอบเป็นขอบคั่น
ป้อมปืนหอรบเรียงรัน ธงสุวรรณแถวฉัตรอลงกรณ์
ถนนแก้วแล้วล้วนศิลาลาด แสนสะอาดแลเลื่อมประภัสสร
ตึกกว้านร้านเรือนราษฎร ไม่ซับซ้อนเรียงเรียบระเบียบงาม
นิเวศน์วังคลังทิมเป็นทิวท่อง พระลานมีที่ประลองท้องสนาม
ที่นั่งเย็นเห็นลอยพลอยวาม ปราสาทสามดูสูงสุดตา
จตุรมุขสุขแม้นพิมานสวรรค์ ยอดนั้นเป็นพรหมสี่หน้า
หน้าบันสุบรรณจับนาคา บราลีช่อฟ้าช้อยชด
ช่องแกลแลไกลวาวแวว เจียรนำปานแก้วอลงกต
มีพื้นเจ็ดชั้นเป็นหลั่นลด งามหมดเป็นที่จำเริญใจ
อันกรุงลงการาชฐาน แสนสนุกโอฬารไม่เปรียบได้
ชมพลางต่างเร่งรถชัย ไปยังนิเวศน์อสุรี ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศพักตร์ยักษี
นำเสด็จเชษฐาธิบดี เข้ามาถึงที่หน้าพระลาน
จึ่งให้ประทับกับเกยแก้ว อันเลิศแล้วด้วยดวงมุกดาหาร
ทูลเชิญเสด็จพญามาร ขึ้นปราสาทสุรกานต์รัตนา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ให้นั่งเหนือบัลลังก์อาสน์ ท่ามกลางอำมาตย์ซ้ายขวา
หมอบเฝ้าเกลื่อนกลาดดาษดา งามสง่าดั่งท้าวเวสสุวัณ
แล้วมีพระราชวาที สั่งมหาเสนีคนขยัน
จงบอกเจ้าพนักงานทั้งนั้น ให้แต่งเครื่องอันโอฬาร
มาถวายสมเด็จพระเชษฐา เลี้ยงทั้งโยธาทวยหาญ
ข้าวเหล้าเป็ดไก่ชัยบาน ของคาวของหวานทุกสิ่งไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น มโหทรเสนาผู้ใหญ่
รับสั่งพระองค์ทรงภพไตร บังคมไหว้แล้วรีบออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งสั่งกรมวังให้หมายบอก วิเสทในนอกถ้วนหน้า
ให้แต่งเอมโอชโภชนา ตามบัญชาสั่งอสุรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น นายเวรกรมวังทั้งสี่
ได้แจ้งแห่งมหาเสนี หมายไปตามที่พร้อมกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางวิเสทนอกตัวขยัน
แจ้งหมายวิ่งผลุนพัลวัน แบ่งปันกันตามพนักงาน
บ้างคั่วบ้างแกงแพนงปิ้ง ครบสิ่งของคาวของหวาน
แกล้มกับเมรัยชัยบาน เทียบทานแต่ล้วนโอชา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น นวลนางมณโฑเสน่หา
จึ่งจัดสาวสรรค์กัลยา รูปทรงโสภาวิลาวัณย์
เลือกล้วนแน่งน้อยอรชร ดั่งนางอัปสรสาวสวรรค์
พร้อมทั้งสิบสองพระกำนัล พากันขึ้นเฝ้าพระสามี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

๏ จึ่งน้อมเศียรประณตบทบงสุ์ องค์สหัสเดชะยักษี
ทั้งมูลพลัมอสุรี ในที่ปราสาทรัตนา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายนางกำนัลซ้ายขวา
ยกเครื่องเนื่องตามกันขึ้นมา ถวายองค์พญากุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์รังสรรค์
จึ่งเชิญทั้งสองกษัตริย์นั้น ให้กุมภัณฑ์เสวยโภชนา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายนางพนักงานซ้ายขวา
ทั้งสิบสองกำนัลกัลยา ก็เข้ามาโบกปัดพัดวี
ลางนางบ้างรินสุรากลั่น ใส่จอกสุวรรณจำรัสศรี
ถวายองค์พญาอสุรี ตามที่ตำแหน่งพนักงาน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เซ่นเหล้า

พระทอง

๏ ฝ่ายนางบำเรอก็ขับครวญ โหยหวนรี่เรื่อยเฉื่อยฉาน
ประสานเสียงโอดพันบรรเลงลาน เป็นคำหวานพร้อมเพราะจับใจ
บ้างตีรำมะนาท้าทับ ฉิ่งกรับขานขัดจังหวะให้
ดีดสีมี่อึงคะนึงไป พร้อมทั้งขับไม้มโหรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี

ปะวะหลิม

๏ ฝ่ายนางระบำก็รำฟ้อน ถวายกรองค์ท้าวยักษี
ชม้ายกรายหัตถ์เป็นที ในที่จังหวะเพลงรำ
ร่ายตีวงเวียนเปลี่ยนขวา ย้ายเป็นกินราเลียบถํ้า
ดั่งนางฟ้าลงมาจับระบำ งามขำอ้อนแอ้นทุกนางใน
แล้วตีวงเวียนเปลี่ยนซ้าย ย้ายเป็นผาลาเพียงไหล่
แกล้งทำกระบวนให้ยวนใจ แก่สามท่านไทอสุรา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เพลง

๏ เมื่อนั้น ท้าวสหัสเดชะยักษา
ทั้งมูลพลัมอสุรา เสวยพลางทัศนาระบำบัน
ล้วนโฉมอำไพวิไลลักษณ์ ผิวพักตร์เพียงอัปสรสวรรค์
ทั้งจริตกรีดงอนก็คล้ายกัน กุมภัณฑ์พิศเพลินเจริญใจ
สุรเสียงสำเนียงก็น่ารัก พญายักษ์พิศวงหลงใหล
ให้เกิดประดิพัทธ์ประหวัดไป ที่ในรูปรสกิริยา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายนางวิเสทนอกซ้ายขวา
หุงต้มปิ้งจี่เป็นโกลา ยำพล่าอุตลุดวุ่นไป
ช้างสารคั่วแกงแพนงอั่ว ควายวัวทอดมันชุบไข่
แกล้มกับสำหรับเมรัย เสร็จแล้วยกไปตามกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ตั้งเป็นระเบียบเรียบเรียง ในที่เลี้ยงหมู่พลขันธ์
ของหวานของคาวครบครัน เหล้าต้มเหล้ากลั่นอย่างดี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พวกพลปางตาลยักษี
นั่งล้อมพร้อมกันทำที กินเหล้าอึงมี่เป็นโกลา
เมามายพูดโป้งโฉงเฉง เต้นรำทำเพลงกลอกหน้า
ฉวยฉุดยุดนางอสุรา ไขว่คว้าอุตลุดวุ่นไป
ที่เหล่ากินมากก็รากท้น จะเอาดีสักคนก็ไม่ได้
อึงคะนึงทั้งหน้าพระลานชัย นายไพร่เกษมเปรมปรีดิ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เซ่นเหล้า

๏ เมื่อนั้น ท้าวสหัสเดชะยักษี
เสร็จเสวยโภชนาสาลี อสุรีปราศรัยทศกัณฐ์
อนิจจามณโฑเมียเจ้า พักตราสร้อยเศร้าโศกศัลย์
ซูบผอมเสียโฉมโนมพรรณ ด้วยโศกาจาบัลย์ถึงลูกรัก
อันการสงครามครั้งนี้ ไว้นักงานพี่จะช่วยหัก
ฆ่าเสียให้สิ้นทั้งรามลักษมณ์ ที่มันฮึกฮักอหังการ์
ด้วยคทาวุธพระทรงญาณ ประทานให้เราผู้เชษฐา
ทรงอานุภาพมหิมา ใต้ฟ้าไม่มีของผู้ใด
แม้นชี้ข้างต้นก็ตาย ชี้ปลายกลับเป็นขึ้นมาได้
ทำไมกับมนุษย์เท่าตัวไร กับไอ้ลิงไพรอัปรีย์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวราพนาสูรยักษี
ฟังพระเชษฐาพาที ยินดีดั่งได้โสฬส
สิบปากสำรวลสรวลสันต์ สิบพักตร์เพียงจันทร์ทรงกลด
ทีนี้ไพรีที่คิดคด จะตายหมดด้วยพระเดชา
ตัวข้าจะยกจตุรงค์ ออกไปตามองค์พระเชษฐา
จะดูหน้ามนุษย์ทั้งสองรา กับพวกสวาวานร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสหัสเดชะชาญสมร
ได้ฟังท้าวยี่สิบกร ภูธรจึ่งสั่งเสนี
จงเตรียมจตุรงค์ทวยหาญ คชาธารรถรัตน์หัตถี
กูจะไปปราบราชไพรี แต่นาทีเดียวให้พร้อมกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาปางตาลคนขยัน
กับเสนีทศเศียรกุมภัณฑ์ ถวายบังคมคัลแล้วออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ยานี

๏ เสนีปางตาลก็จัดพล สับสนโดยซ้ายฝ่ายขวา
เป็นกระบวนจตุรงค์โยธา คชารถรัตน์อัสดร
ให้กองพญาอุปราช ล้วนเหล่าอาจหาญชาญสมร
ทั้งสามสิบสมุทรพลากร เป็นทัพหน้าราญรอนไพรี
ทัพหลวงนั้นองค์พระเชษฐา โยธาดั่งพญาราชสีห์
แต่ละตนโตดำลํ่าพี มีมือถือสรรพอาวุธ
ฝ่ายข้างลงกาพระนคร พลากรสามสิบเจ็ดสมุทร
เลือกล้วนหมู่มารชำนาญยุทธ์ ฤทธิรุทรดั่งไฟบรรลัยกาล
เป็นทัพหลังรั้งท้ายกระหนาบศึก โห่ฮึกผาดแผลงสำแดงหาญ
เตรียมทั้งรถแก้วอันโอฬาร คอยสามพญามารเสด็จจร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสหัสเดชะชาญสมร
กับสองอนุชาฤทธิรอน กรายกรไปสรงวาริน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ สามกษัตริย์สระสนานกายา สุคนธาหอมฟุ้งจรุงกลิ่น
สนับเพลารายพลอยโกมิน ภูษาธงข้าวบิณฑ์เชิงครุฑ
ต่างทรงชายแครงชายไหว เกราะเพชรเจียระไนสลับบุษย์
ทับทรวงสังวาลชมพูนุท ตาบทิศมุกดาดวงลอย
รัดอกกระหนกเนาวรัตน์ สะอิ้งแก้วจำรัสเฟื่องห้อย
ทองกรกุดั่นประดับพลอย พาหุรัดรักร้อยอลงการ
ต่างทรงธำมรงค์เรือนเก็จ มงกุฎเพชรพรรณรายฉายฉาน
ทรงมหากุณฑลแก้วประพาฬ ห้อยพวงกุสุมาลย์กรรเจียกจร
ต่างทรงคทาวราวุธ หอกแก้วฤทธิรุทรธนูศร
เสด็จจากปราสาทอลงกรณ์ บทจรขึ้นรถสุรกานต์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ

๏ รถเอยรถศึก พันลึกด้วยแก้วมุกดาหาร
งอนระหงกงก้องจักรวาล สูงตระหง่านเงื้อมงํ้าอัมพร
เทียมด้วยคชสีห์สองพัน ถัดนั้นเทียมพญาไกรสร
รถหลังเทียมเสือฤทธิรอน สารถีขับจรดั่งลมพัด
พร้อมเครื่องอภิรุมชุมสาย ธงฉานธงชายกรรชิงฉัตร
โยธาเบียดเสียดเยียดยัด ขนัดฆ้องกลองประโคมโครมครึก
เสียงปี่เสียงแตรเสียงสังข์ ประดังพร้อมสามกองก้องกึก
เสียงเท้าโยธาคึกคึก โห่ฮึกขับแข่งกันมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ กราว

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศพักตร์ยักษา
เดินเป็นทัพหลังรั้งโยธา อสุรารื่นเริงบันเทิงไป
จนล่วงแว่นแคว้นนคเรศ เข้าเขตวิถีทางใหญ่
ให้เกิดนิมิตประหลาดใจ เมื่อจะเสียทัพชัยปางตาล
สุริยาแจ่มแจ้งแสงส่อง ฟ้าคะนองลั่นเปรี้ยงผ่าผลาญ
ถูกงอนรถทรงพญามาร บันดาลหักสะบั้นลงทันที
แล้วต้องซึ่งเศวตฉัตรทรง ขององค์พญายักษี
ย่อยยับเป็นภัสม์ธุลี อสุรีตะลึงทั้งกายา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสองพันกรยักษา
เห็นรถทศกัณฐ์อสุรา ฟ้าผ่างอนหักทำลาย
เป็นลางวิปริตผิดนัก พญายักษ์คิดไปก็ใจหาย
อันเจ้าลงกานี้เคราะห์ร้าย แม้นไปจะตายด้วยไพรี
ให้หยุดรถแล้วกล่าวสุนทร ดูก่อนอนุชาเรืองศรี
บัดนี้เหตุใหญ่บังเกิดมี เจ้าพี่จงกลับเข้าพารา
แต่เราสองทัพจะชิงชัย ด้วยมนุษย์กับไอ้ลิงป่า
ให้สิ้นพวกมันที่ยกมา อนุชาอย่าได้อาวรณ์ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรขุนมารชาญสมร
ได้ฟังบัญชาอันสุนทร ยอกรชุลีแล้วตอบไป
ซึ่งพระองค์ทรงพระเมตตา พระคุณนั้นหาที่สุดไม่
จะขอพึ่งเดชภูวไนย ไปกว่าจะสิ้นชีวัน
ทูลแล้วให้กลับรถทรง จตุรงค์โยธาทัพขันธ์
รีบเร่งม้ารถคชกรรม์ กุมภัณฑ์คืนเข้าลงกา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสหัสเดชะยักษา
ครั้นทศกัณฐ์อสุรา เลิกโยธากลับเข้าธานี
จึ่งสั่งให้เคลื่อนจตุรงค์ บากตรงออกตามวิถี
โบกธงสำคัญสามที อสุรีรีบเร่งยกไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เสียงม้าเสียงรถคชสาร พลหาญโห่ฮึกแผ่นดินไหว
สะเทือนถึงฟากฟ้าสุราลัย ดั่งเขาใหญ่สัตภัณฑ์จะลั่นทรุด
พญามูลพลัมเป็นทัพหน้า โยธาถ้วนสามสิบสมุทร
กวัดแกว่งสาตราอาวุธ สำแดงฤทธิรุทรเป็นโกลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงสมรภูมิชัย จึ่งให้หยุดพลไกรซ้ายขวา
ตั้งเป็นกระบวนนาคา คอยท่าอริราชไพรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระหริวงศ์ทรงสังข์เรืองศรี
ไสยาสน์ในราษราตรี เหนือที่แท่นแก้วอลงกรณ์
ดาวเดือนเลื่อนลับเมฆา สุริยาเรืองแสงประภัสสร
พระพายพัดเรณูขจายจร หอมกลิ่นอ่อนอ่อนรวยมา
ทิชากรร่อนร้องถวายเสียง สำเนียงเสนาะสนั่นป่า
ฟื้นองค์จากที่ไสยา ในเวลารุ่งแสงสุริยัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ จึ่งโสรจสรงทรงเครื่องเทวราช อันโอภาสพรรณรายฉายฉัน
เสด็จจากห้องแก้วแพรวพรรณ ทรงธรรม์ออกหน้าพลับพลาชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พร้อมอัษฎาทศมงกุฎ ทหารฤทธิรุทรน้อยใหญ่
พอได้ยินสำเนียงเกรียงไกร หวาดไหวทั่วทั้งธาตรี
จึ่งมีพระราชบัญชา ถามพญาพิเภกยักษี
อันทัพซึ่งยกมานี้ จะเป็นอสุรีในลงกา
หรือว่าญาติวงศ์พงศ์พันธุ์ ของทศกัณฐ์ยักษา
เสียงมี่เอิกเกริกโกลา ยิ่งกว่าทุกครั้งทุกทีไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พิเภกผู้มีอัชฌาสัย
ได้ฟังบัญชาพระภูวไนย ก็ดูไปตามยามนาที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ขับไล่โดยในตำรา ก็แจ้งโดยปรีชายักษี
จึ่งบังคมคัลอัญชุลี อสุรีสนองพระบัญชา
ทัพนี้มิใช่สุริย์วงศ์ ขององค์ทศพักตร์ยักษา
คือสหายรักร่วมชีวา เป็นมหาอุปราชปางตาล
ชื่อมูลพลัมขุนยักษ์ เรืองฤทธิ์สิทธิศักดิ์กล้าหาญ
กับสหัสเดชะชัยชาญ พี่ชายขุนมารร่วมอุทร
เพื่อนนั้นเป็นปิ่นนคเรศ เลื่องชื่อลือเดชชาญสมร
ยกหมู่โยธาพลากร มาช่วยพระนครลงกา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระภุชพงศ์องค์นารายณ์นาถา
ได้แจ้งแห่งคำโหรา ผ่านฟ้าจึงตรัสถามไป
อันสองขุนมารซึ่งมีฤทธิ์ ทศทิศไม่ทานกำลังได้
ครั้งนี้ท่านจะเห็นผู้ใด ที่จะออกชิงชัยอสุรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พิเภกสุริย์วงศ์ยักษี
ได้ฟังบรรหารพระจักรี ชุลีกรสนองพระบัญชา
อันท้าวพญาวานร ซึ่งจะไปต่อกรยักษา
ยากที่จะชนะอสุรา ด้วยว่าสงครามนั้นใหญ่นัก
ขอเชิญเสด็จบาทบงสุ์ องค์พระภุชพงศ์ทรงจักร
ออกไปสังหารขุนยักษ์ เห็นจะหักเอาได้ด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระกฤษณุรักษ์เรืองศรี
ได้ฟังพิเภกอสุรี จึ่งมีพระราชโองการ
ดูกรพญาสุครีพ เร่งรีบตรวจเตรียมทวยหาญ
เราจะยกออกไปรอนราญ กับสองขุนมารชาญฉกรรจ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุครีพฤทธิแรงแข็งขัน
รับสั่งพระองค์ทรงสุบรรณ ถวายบังคมคัลแล้วออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ยานี

๏ เกณฑ์ให้คำแหงวายุบุตร ถือพลสิบสมุทรเป็นกองหน้า
เกียกกายหลานอมรินทรา โยธาห้าสมุทรวานร
กองหลวงนั้นพระจักรภุช ทวยหาญสิบสมุทรชาญสมร
เลือกล้วนกระบี่ฤทธิรอน กรกุมเครื่องสรรพอาวุธ
ยกระบัตรกระบินทร์นิลนนท์ คุมพลวานรห้าสมุทร
กองหลังนั้นคือโคมุท คุมพวกพลยุทธ์เสมอกัน
พร้อมทั้งปีกซ้ายปีกขวา เสือป่าแมวมองตัวขยัน
สามหอกเจ็ดหอกครบครัน เลือกสรรแต่ล้วนตัวดี
ศักดาเพียงพลิกแผ่นดินหงาย ไพร่นายอุตลุดอึงมี่
เทียมทั้งรถรัตน์มณี คอยพระจักรีเสด็จจร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์สุริย์วงศ์ทรงศร
กับองค์พระลักษมณ์ฤทธิรอน กรายกรไปสรงชลธาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ สุหร่ายแก้วโปรยปรายดั่งสายฝน ทรงสุคนธาทิพย์หอมหวาน
สนับเพลาเครือหงส์อลงการ เชิงงอนแก้วก้านอรชร
พระเชษฐาผ้าทิพย์พื้นตอง เครือทองรูปราชไกรสร
พระอนุชาภูษาอุทุมพร ลายรูปกินนรกรกราย
ต่างทรงชายไหวปลายสะบัด ชายแครงเนาวรัตน์ฉานฉาย
ฉลององค์เกราะเพชรแพรวพราย สังวาลศึกสามสายทับทรวง
ตาบทิศมรกตเฟื่องห้อย ทองกรรายพลอยโชติช่วง
พาหุรัดกุดั่นชิงดวง ธำมรงค์รุ้งร่วงเรือนครุฑ
พระอนุชาทรงชฎาเทเวศ พระเชษฐานั้นทรงมงกุฎ
ห้อยพวงมาลัยชมพูนุท จับศรฤทธิรุทรทั้งสององค์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ ครั้นเสร็จก็เสด็จลีลาศ ดั่งสองเทวราชครรไลหงส์
พร้อมหมู่วานรสุริย์วงศ์ มาทรงพิชัยราชรถ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ รถเอยรถทรง จำหลักแก้วกำกงอลงกต
แปรกแอกงอนอ่อนชด ชั้นลดช่อตั้งบัลลังก์ลอย
หน้าบันชั้นสิงห์พริ้งเพรา พนักเสากาบกระหนกช่อห้อย
มุขบันแวววับประดับพลอย ห้ายอดสุกย้อยสุพรรณพราย
เทียมด้วยสินธพเทเวศ กำลังเดชดั่งม้าพระสุริย์ฉาย
มาตุลีขี่ขับกรีดกราย น้องนารายณ์นั่งหน้าประนมกร
ประดับด้วยเครื่องสูงมยุรฉัตร พัดโบกธงทิวปลิวสลอน
ชุมสายบังแทรกจามร แตรงอนแตรฝรั่งอึงอล
โยธาโห่เร้าเอาฤกษ์ เอิกเกริกโลกากุลาหล
ผงคลีฟุ้งคลุ้มบดบน เร่งพลขับแข่งกันไป ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น โยธาวานรน้อยใหญ่
ครั้นใกล้สมรภูมิชัย แลไปที่ชายพนาวัน
เห็นสหัสเดชะฤทธิรงค์ ทรงรถอยู่กลางพลขันธ์
กายใหญ่ดั่งเขาอัศกรรณ พักตร์นั้นถึงพันพักตรา
ฟันเขียวเขี้ยวขาวช่วงโชติ ยาวออกนอกโอษฐ์ยักษา
ตาแดงดั่งแสงสุริยา สองพันหัตถากุมอาวุธ
วานรครั้นเห็นกุมภัณฑ์ ตัวสั่นตกใจเป็นที่สุด
ให้เข็ดขามคร้ามกลัวฤทธิรุทร วิ่งหนีอุตลุดวุ่นไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เหลือแต่สุครีพหนุมาน องคตชมพูพานทหารใหญ่
ทั้งสิบแปดมงกุฎวุฒิไกร พิเภกผู้ไวปัญญา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรแก้วสุริย์วงศ์นาถา
กับองค์พระศรีอนุชา เห็นวานรแตกยับไม่สมประดี
เหลือแต่โอรสพระสุริยัน กับพิเภกกุมภัณฑ์ยักษี
หนุมานองคตขุนกระบี่ ทั้งสิบแปดเสนีวานร
ให้คิดฉงนสนเท่ห์นัก พระทรงจักรเขม้นไม่วางศร
จึ่งถามน้องท้าวยี่สิบกร ดูก่อนพิเภกโหรา
ตัวเรายกพลมาสังหาร ผลาญโคตรวงศ์ยักษา
แต่หลังทุกครั้งทุกทีมา วานรอาจองทะนงฤทธิ์
ดั่งไกรสรเข้าจับมฤคี วันนี้เราดูเห็นผิด
พากันแตกตื่นไปทุกทิศ คิดคิดเป็นน่าอัศจรรย์ใจ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พิเภกผู้มีอัชฌาสัย
ได้ฟังบรรหารพระภูวไนย บังคมไหว้สนองพระบัญชา
อันสหัสเดชะตนนี้ มันมีฤทธีแกล้วกล้า
ได้พรบรมพรหมา เป็นมหาวิเศษยิ่งนัก
แม้นว่าจะเข้าต่อตี ให้ไพรีเกรงฤทธิ์สิทธิศักดิ์
วานรครั้นเห็นขุนยักษ์ จึ่งไม่รอต่อพักตร์กุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์องค์นารายณ์รังสรรค์
ได้ฟังน้องท้าวทศกัณฐ์ ทรงธรรม์สั่งองค์อนุชา
ทั้งพญาสุครีพวายุบุตร กับสิบแปดมงกุฎแกล้วกล้า
จงไปไล่พลโยธา ให้คืนเข้ามายังทัพชัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์กับหมู่ทหารใหญ่
รับสั่งพระตรีภูวไนย บังคมไหว้แล้วพากันรีบจร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เที่ยวไปในแนวพนาเวศ ขอบเขตธารท่าสิงขร
เรียกหมู่โยธาวานร ขับต้อนอื้ออึงเป็นโกลา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ