สมุดไทยเล่มที่ ๔๖

ยานี

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงเทพไทเรืองศรี
อันสถิตถํ้าธารคีรี มีทิพโสตนัยนา
เล็งมาเห็นลูกพระพาย พาองค์พระนารายณ์นาถา
ออกจากกรงเหล็กอสุรา มาไว้ปากถํ้าสุรกานต์
บัดนี้จะกลับไปชิงชัย ฆ่าไอ้ไมยราพใจหาญ
ก็พาฝูงเทพบริวาร เหาะทะยานมายังพระจักรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เหาะ

๏ ครั้นถึงจึ่งเข้าแวดล้อม ขับกล่อมบำเรอดีดสี
จำเรียงเสียงทิพย์ดนตรี ฉ่ำเฉื่อยเรื่อยรี่จับใจ
บ้างโบกปัดพัดวีระวังองค์ บ้างล้อมวงตามเชิงเขาใหญ่
พิทักษ์รักษาภูวไนย มิให้ราคีบีฑา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ กล่อม

๏ บัดนั้น วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า
เขม้นหมายจะล้างอสุรา ก็ตรงมายังหน้าพระลาน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงปราสาทอลงกรณ์ วานรสำแดงกำลังหาญ
กระทืบบาทผาดโผนโจนทะยาน ถีบบานสีหบัญชรชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เสียงสนั่นครั่นครื้นกุลาหล พังลงไม่ทนกำลังได้
แล้วมีวาจาประกาศไป เหวยไอ้ไมยราพกุมภัณฑ์
เป็นไฉนตัวมึงไปลอบลัก องค์พระหริรักษ์รังสรรค์
กูเป็นทหารชาญฉกรรจ์ ตามมาโรมรันอสุรี
ชื่อว่าหนุมานชาญณรงค์ อาจองดั่งพญาราชสีห์
ตัวมึงดั่งหนึ่งมฤคี วันนี้จะม้วยวายปราณ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาไมยราพใจหาญ
ผวาตื่นจากแท่นอลงการ ขุนมารก็เหลือบแลไป
เห็นวานรเข้ามาถึงปราสาท องอาจกล่าวคำหยาบใหญ่
โกรธาฉวยคว้าพระขรรค์ชัย ผุดลุกขึ้นได้ก็ร้องมา
เหม่เหม่ดูดู๋ไอ้ชาติลิง เย่อหยิ่งอวดฤทธิ์ว่าแกล้วกล้า
ตัวกูผู้ทรงศักดา ใต้ฟ้าไม่มีใครเทียมทัน
มึงดั่งหิ่งห้อยน้อยแสง หรือจะแข่งกับดวงสุริย์ฉัน
ว่าพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แกว่งพระขรรค์ออกไล่ราญรอน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น คำแหงหนุมานชาญสมร
รับรองป้องกันประจัญกร วานรโถมถีบด้วยฤทธา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ถ้อยตีถ้อยรับสับสน ไล่ประจญถอยประจัญเข่นฆ่า
ฟันแทงแย้งยุทธ์กันไปมา ต่างหาญต่างกล้าไม่ลดกัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ไมยราพฤทธิแรงแข็งขัน
รับรองป้องปัดโรมรัน ขบฟันโลดโผนโจนมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เท้าหนึ่งเหยียบเข่าวานร กรแกว่งพระขรรค์เงื้อง่า
กลอกกลับจับกันเป็นโกลา หันเหียนเปลี่ยนท่าในที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น หนุมานผู้ชาญชัยศรี
รบชิดติดพันประจัญตี ได้ทีโจมจับกุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ โผนเผ่นขึ้นยืนเหยียบบ่า กรขวาฉวยชิงพระขรรค์
กลอกกลับสัประยุทธ์พัลวัน ฟาดฟันต้องกายขุนมาร
พระขรรค์ก็หักเป็นสองท่อน วานรถีบด้วยกำลังหาญ
อสุรีล้มลุกคลุกคลาน ขุนกระบี่ทะยานตามตี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ไมยราพสิทธิศักดิ์ยักษี
เสียพระขรรค์เพชรอันฤทธี อสุรีคว้าได้คทาวุธ
กวัดแกว่งแสงวาบปลาบตา กระทืบบาทาอึงอุด
ผาดแผลงสำแดงฤทธิรุทร กลับเข้าสัประยุทธ์ชิงชัย ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ต่างตนต่างรับต่างตี เข้าออกเป็นทีหนีไล่
จนกระบองนั้นหักกระเด็นไป ฉวยได้หอกใหญ่เข้ารอนราญ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น วายุบุตรวุฒิไกรใจหาญ
หลีกหลบรบรันประจัญบาน โถมทะยานเข้าไล่ราวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ มือขวาฉวยชิงโตมร ได้ด้วยฤทธิรอนกระบี่ศรี
แทงต้องกุมภัณฑ์เป็นหลายที จนหอกอสุรีนั้นหักไป
แล้วชักตรีเพชรออกจากกาย ลูกพระพายฟอนฟันกระชั้นไล่
หวดซ้ายป่ายขวาว่องไว มิให้ดำรงกายทัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ไมยราพฤทธิแรงแข็งขัน
สิ้นสุดอาวุธโรมรัน กุมภัณฑ์ถวิลจินดา
วานรตนนี้สามารถ ฤทธิรงค์องอาจแกล้วกล้า
ยิ่งกว่าเทวัญในชั้นฟ้า นักสิทธ์วิทยานาคี
จำเป็นจะคิดอุบายกล ด้วยแยบยลลวงฆ่ากระบี่ศรี
ถึงมาตรมันจะกลับตี กูนี้ไม่ครั่นคร้ามใจ
ด้วยดวงจิตไม่อยู่กับกาย อันที่จะตายนั้นหาไม่
คิดแล้วจึ่งร้องว่าไป เหวยไอ้ลิงไพรพาลา
ตัวเราทั้งสองประลองยุทธ์ สัประยุทธ์ขับเคี่ยวกันหนักหนา
ถ้อยทีไม่แพ้ฤทธา มาตั้งสัจจาสัญญากัน
ให้เป็นธรรมยุทธ์สุจริต ต่างตนอย่าคิดผิดผัน
จะเอาตาลสามต้นมาพัน ตะบิดฟั่นให้เป็นตระบองตาล
ผลัดกันตีคนละสามที ใครดีก็ไม่ม้วยสังขาร
ให้ปรากฏไว้ในไตรดาล ตัวท่านจะเห็นประการใด ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น คำแหงหนุมานทหารใหญ่
ได้ฟังก็ดำริตริไตร อันไอ้ไมยราพอสุรา
มันคิดเปรียบเทียบมาดั่งนี้ เห็นจะมีอุบายยักษา
กูก็ไม่เกรงฤทธา จะซ้อนกลฆ่ามันให้วายปราณ
ถึงจะตายแม้นต้องพระพายพัด ก็อุบัติคืนชีพสังขาร
อันตัวของไอ้ขุนมาร นัยจะแหลกหลาญด้วยฤทธี
คิดแล้วจึ่งร้องตอบไป ว่าจริงหรือไฉนยักษี
เกลือกจักไม่เหมือนหนึ่งพาที ที่คำอสุรีสัญญา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาไมยราพยักษา
ได้ฟังจึ่งตอบวาจา อันคำเราว่านี้โดยธรรม์
แม้นมาตรมิคงในสัจ ขอจงหัสนัยน์รังสรรค์
กับฝูงเทวาทั้งนั้น สังหารชีวันให้บรรลัย
แต่เราจะตีสามทีก่อน ครบแล้วจะนอนลงให้
ตัวเอ็งจงลุกขึ้นตีไป ตามที่เราได้ปฏิญาณ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น วายุบุตรวุฒิไกรใจหาญ
ฟังคำไมยราพขุนมาร ตบหัตถ์ฉัดฉานแล้วตอบไป
ไฉนจึ่งมาเลือกว่า สัญญาเอาเปรียบก็เป็นได้
ตัวเราเป็นแขกมาแต่ไกล ชอบให้ตีก่อนอสุรี
ซึ่งว่าทั้งนี้แต่พึงรู้ ใช่กูจะโง่กว่ายักษี
เอ็งจะตีก่อนก็เร่งตี ใครดีจะรอดชีวา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พญาไมยราพยักษา
ได้ฟังกระบี่ก็ปรีดา อสุราเข้าถอนเอาต้นตาล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เท้ายันบ่าดันกระชากฉุด ก็หลุดขึ้นด้วยกำลังหาญ
สามต้นสูงเทียมคัคนานต์ ขุนมารบิดเป็นคทาธร
แล้วร้องว่าเหวยไอ้ลิงป่า มึงอวดฤทธาว่าชาญสมร
ใครดีจะได้เห็นกร จงนอนลงให้กูตี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หนุมานผู้ชาญชัยศรี
ได้ฟังอสุราพาที ขุนกระบี่ร่ายวิทยามนต์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

๏ ครั้นครบเจ็ดคาบก็เป่าไป กลั้นใจลูบกายสามหน
ให้คงทรหดอดทน แล้วทอดตนกวักเรียกอสุรา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาไมยราพยักษา
เห็นกระบี่นอนทอดกายา ก็ปรีดาเงือดเงื้อตระบองตาล
กวัดแกว่งสำแดงแผลงฤทธิ์ เสียงสนั่นครรชิตทุกทิศาน
สองเท้ากระเหย่งเผ่นทะยาน ขุนมารก็ตีลงไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ สามทีสนั่นดั่งฟ้าฟาด ปัถพีกัมปนาทหวาดไหว
อันกายหนุมานชาญชัย ก็จมลงในพื้นพสุธา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า
มิได้เจ็บช้ำกายา ผุดลุกขึ้นมาด้วยว่องไว ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ร้องว่าเหวยเหวยขุนมาร รู้จักพระกาลหรือหาไม่
เร่งนอนลงเถิดไอ้จังไร ส่งตระบองมาให้กูตี
แม้นมึงรักตัวกลัวตาย จะถ่ายชีวิตยักษี
กราบลงที่ตีนของกูนี้ จึ่งจะไว้ชีวีอสุรา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พญาไมยราพยักษา
เห็นวานรไม่สิ้นชีวา อหังการ์เยาะเย้ยไยไพ
ให้ประหวั่นครั่นคร้ามขามฤทธิ์ ร้อนจิตดั่งหนึ่งเพลิงไหม้
แล้วรื้อมานะหักใจ กูจะเกรงมันไยไอ้สาธารณ์
คิดแล้วจึ่งตอบวาจา เหวยไอ้พาลาเดียรัจฉาน
กูไม่ประณตบทมาลย์ มึงอย่าอวดหาญพาที
ว่าแล้วก็ทอดกายลง ส่งตระบองให้กระบี่ศรี
ตัวเอ็งจงเร่งมาตี ตามที่ซึ่งได้สัญญา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า
ฉวยจับตระบองตาลมา เงื้อง่าด้วยกำลังฤทธิรอน
ตาหมายเขม้นจะพิฆาต องอาจดั่งพญาไกรสร
สองมือกวัดแกว่งคทาธร วานรก็ฟาดลงสามที ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เสียงสนั่นครั่นครื้นอากาศ ตระบองแหลกกายขาดไปกับที่
แล้วฉีกแขนขาอสุรี ขุนกระบี่ขว้างไปด้วยฤทธา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาไมยราพยักษา
เท้ากรกลับติดเป็นกายา อสุราไม่ม้วยบรรลัย
ลุกขึ้นกระทืบบาทผาดร้อง กึกก้องกัมปนาทหวาดไหว
โผนไปด้วยกำลังว่องไว เข้าไล่ประจญประจัญบาน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น วายุบุตรวุฒิไกรใจหาญ
หักเอาด้วยกำลังชัยชาญ โถมทะยานถีบต้องอสุรี
ล้มลงกับพื้นพสุธา ด้วยศักดาเดชเรืองศรี
โลดโผนโจนไปทันที ขุนกระบี่เหยียบอกลงไว้ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ จึ่งถามพิรากวนนงลักษณ์ ไมยราพขุนยักษ์นี้ไฉน
ฆ่ามันจึ่งไม่บรรลัย สงสัยเป็นพ้นพรรณนา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางพิรากวนยักษา
ฟังวายุบุตรก็ปรีดา จึ่งร้องบอกมาทันที
ซึ่งว่ามันฆ่าไม่ตาย เพราะด้วยอุบายยักษี
ถอดจิตออกเป็นภุมรี ใส่กล่องมณีอลงกรณ์
แล้วเอาลงไปซ่อนไว้ ในยอดตรีกูฏสิงขร
ท่านจงคิดฆ่าตัวภมร ไมยราพฤทธิรอนจะวายปราณ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น วายุบุตรผู้ปรีชาหาญ
ฟังนางบอกแจ้งทุกประการ ยินดีปานได้ฟากฟ้า
เท้าเหยียบอสุราไว้มั่น กรนั้นประนมเหนือเกศา
ก็ร่ายพระเวทอันศักดา นิมิตกายกายาวานร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ รูปนั้นใหญ่เท่าพรหมาน สูงตระหง่านดั่งหนึ่งสิงขร
พร้อมทั้งสี่พักตร์แปดกร สำแดงฤทธิรอนเกรียงไกร
เท้าซ้ายเหยียบอกอสุรี มิให้เคลื่อนจากที่ขึ้นได้
เท้าขวานั้นก้าวทะยานไป ยังในตรีกูฏบรรพตา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ มือหนึ่งง้างยอดคีรินทร กรหนึ่งนั้นค้นคว้าหา
จับได้แมลงภุมรา ก็เอาขึ้นมาชูไว้
เหวยเหวยไมยราพยักษี นี่หัวใจมึงหรือมิใช่
ว่าแล้วขยี้เป็นจุณไป ตัดเศียรลงให้พร้อมกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ดั่งหนึ่งพระกาลพาลราช มาฟันฟาดด้วยคมพระแสงขรรค์
กายดิ้นระด่าวแดยัน กุมภัณฑ์ก็ม้วยชีวี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ เสร็จซึ่งฆ่าไมยราพตาย ลูกพระพายผู้ชาญชัยศรี
คลายเวทอันเรืองฤทธี ก็รีบจรลีเข้ามา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงขึ้นนั่งบัลลังก์แก้ว แล้วถอดไวยวิกยักษา
ออกจากเรือนตรุพันธนา มอบแสนสวรรยาราชัย
ให้ครองบาดาลเขตขัณฑ์ พร้อมสนมกำนัลน้อยใหญ่
อันมัจฉานุฤทธิไกร ตั้งไว้ในที่บัญชาการ
เป็นพญามหาอุปราช พร้อมหมู่อำมาตย์ทวยหาญ
กินกึ่งนคราบาดาล แสนสนมศฤงคารเสมอกัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เสร็จซึ่งมอบราชธานี ขุนกระบี่ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
หิ้วเศียรไมยราพกุมภัณฑ์ จรจรัลไปยังพระสี่กร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งเข้าช้อนองค์ พระนารายณ์สุริย์วงศ์ทรงศร
วางเหนือหัตถาวานร งามดั่งศศิธรแจ่มฟ้า
มือหนึ่งหิ้วเศียรอสุรี สำแดงฤทธีแกล้วกล้า
ชำแรกแทรกพื้นพสุธา ขึ้นมาจากใต้บาดาล ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ พอถึงสุวรรณพลับพลาชัย อโณทัยจวนแจ้งแสงฉาน
วางองค์สมเด็จพระอวตาร เหนือแท่นสุรกานต์รูจี
แล้วจึ่งยอกรอภิวาทน์ พระอนุชาธิราชเรืองศรี
แจ้งความตามเรื่องซึ่งราวี กระบี่ถวายเศียรอสุรา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์สุริย์วงศ์กนิษฐา
กับพิเภกสุครีพผู้ศักดา องคตลูกพญาพาลี
ทั้งสิบแปดมงกุฎวานร พวกพลนิกรกระบี่ศรี
ต่างตนสร่างโศกโศกี ยินดีเข้าเฝ้าพร้อมกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น พระกฤษณุรักษ์รังสรรค์
ครั้นสิ้นพิษยากุมภัณฑ์ ทรงธรรม์ฟื้นจากนิทรา
แลเห็นท้าวพญาวานร พวกพลนิกรพร้อมหน้า
จึ่งตรัสแก่องค์อนุชา แก้วตาผู้ร่วมชีวี
ซึ่งพญาพิเภกทำนาย ทายว่าไมยราพยักษี
จะขึ้นมาจากปัถพี สะกดพี่พาไปยังบาดาล
บัดนี้ก็พ้นเวลา สุริยาแจ่มแจ้งแสงฉาน
เห็นจะสิ้นอันตรายภัยพาล ผิดคำขุนมารทายไว้ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ผู้มีอัชฌาสัย
ก้มเกล้าสนองบัญชาไป ว่าในมัชฌิมราตรี
ไมยราพลอบมาสะกดทัพ หลับสิ้นทุกหมู่กระบี่ศรี
มันลักพาองค์พระภูมี ลงไปบุรีบาดาล
ข้ากับท้าวพญาพานรินทร์ แสนโศกเพียงสิ้นสังขาร
พิเภกบอกแจ้งเหตุการณ์ จึ่งให้หนุมานตามไป
ขุนกระบี่ผู้มีฤทธิรงค์ เชิญเสด็จพระองค์ขึ้นมาได้
ต้องคำพิเภกทำนายไว้ โดยในสุบินพระจักรา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์องค์นารายณ์นาถา
ได้ฟังพระศรีอนุชา ผ่านฟ้าตะลึงรำพึงคิด
ให้ฉงนสนเท่ห์พระทัยนัก ผินพักตร์บัญชาประกาศิต
ดูกรหนุมานผู้ชาญฤทธิ์ ท่านติดตามเราลงไป
ถึงกรุงพระนครบาดาล ได้รบยักษ์หักหาญเป็นไฉน
ไม่ทันสร่างแสงอโณทัย จึ่งได้เรากลับคืนมา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ลูกพระพายผู้มียศถา
ก้มเกล้าสนองพระบัญชา ข้าตามไปยังบาดาล
ตีด่านอสุราห้าชั้น ได้โรมรันกันหนักหักหาญ
แล้วฆ่าไมยราพขุนมาร วายปราณสุดสิ้นชีวี
อันนางพิรากวนกัลยา มารดาไวยวิกยักษี
พาข้าเข้าไปในบุรี ความชอบนั้นมีมากนัก
จึ่งให้ลูกชายนางนั้น ขึ้นผ่านสวรรยาอาณาจักร
อันมัจฉานุผู้ใจภักดิ์ ลูกรักของข้าบทมาลย์
ให้เป็นอุปราชอยู่ด้วย ช่วยกันบำรุงราชฐาน
เป็นข้าสมเด็จพระอวตาร ดูการผิดชอบในธานี
กราบทูลแต่ต้นจนปลาย บรรยายแจ้งความถ้วนถี่
เสร็จแล้ววางเศียรอสุรี ท่ามกลางกระบี่โยธา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระตรีภพลบโลกนาถา
ฟังความตามเรื่องที่ทูลมา ทั้งเห็นเศียรอสุราสาธารณ์
ประจักษ์แจ้งจริงทุกสิ่งไป ภูวไนยชื่นชมเกษมศานต์
จึ่งตรัสสรรเสริญหนุมาน ความชอบของท่านนี้มากนัก
ตามไปด้วยใจกตัญญู ผู้เดียวทำการหาญหัก
แม้นเสร็จสงครามในเมืองยักษ์ เราจักให้ผ่านอยุธยา
ตรัสพลางถอดแหวนนพรัตน์ จากนิ้วพระหัตถ์เบื้องขวา
ประทานให้กระบี่ผู้ศักดา แล้วเข้าพลับพลาอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตรีพัทเมฆนาทชาญสมร
เห็นพญาไมยราพฤทธิรอน วานรฆ่าเสียบรรลัย
คิดกลัวไวยวิกขุนมาร จะอยู่ในบาดาลนั้นไม่ได้
สองนายก็พากันขึ้นไป ยังพิชัยลงกาธานี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ กราว

๏ ครั้นถึงพระนิเวศน์วังจันทน์ สุริย์ฉันพอรุ่งรังสี
ก็ขึ้นเฝ้าพญาอสุรี ยังที่พระโรงรัตนา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ต่างน้อมเศียรเกล้าบังคมทูล ท้าวราพณาสูรยักษา
ว่าคืนนี้องค์พระนัดดา ขึ้นมาสะกดทัพชัย
เมื่อเพลาล่วงมัชฌิมยาม จับองค์พระรามลงไปได้
ให้ใส่กรงเหล็กรักษาไว้ ที่ในท้ายเมืองดงตาล
มีวานรหนึ่งสามารถ ท่วงทีองอาจกล้าหาญ
ชื่อว่าคำแหงหนุมาน หักด่านเข้าไปถึงธานี
องค์พระนัดดาออกชิงชัย บรรลัยด้วยมือกระบี่ศรี
มันให้ไวยวิกอสุรี เป็นปิ่นโมลีประชากร
แล้วพาพระรามขึ้นมา ยังมหามรกตสิงขร
ตัวข้านี้หนีวานร รีบจรมาทูลบทมาลย์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรผู้ปรีชาหาญ
ฟังข่าวเร่าร้อนดั่งเพลิงกาล พญามารสลดระทดใจ
ความรักความเสียดายนั้นหนักหนา ชลนาคลอเนตรหลั่งไหล
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนอาลัย สะอื้นไห้ครวญครํ่าถึงหลานรัก
อนิจจาเสียแรงที่มีฤทธิ์ ทั้งความคิดปรีชาแหลมหลัก
หรือมาแพ้ไอ้ลิงทรลักษณ์ เสียศักดิ์สุริย์วงศ์พรหมาน
ทั้งนี้เพราะพิเภกทรชน บอกกลแก่ไอ้เดียรัจฉาน
จึ่งลงไปได้ถึงบาดาล ฆ่าหลานกูม้วยชีวา
นิ่งไว้ข้าศึกจะฮึกไป จำจะยกทัพใหญ่ออกเข่นฆ่า
จะได้ใครเป็นจอมโยธา ออกหักที่กล้าไพรี
ตรึกไตรดูในพงศ์พันธุ์ เห็นแต่กุมภกรรณยักษี
น้องกูผู้เรืองฤทธี มีโมกขศักดิ์เชี่ยวชาญ
ทั้งได้พรบรมพรหเมศ ทรงเดชปรีชากล้าหาญ
จะให้เป็นจอมพลมาร ออกไปรอนราญปัจจามิตร
คิดแล้วมีราชวาที สั่งนางอสุรีคนสนิท
จงไปหากุมภกรรณผู้มีฤทธิ์ น้องร่วมชีวิตกูขึ้นมา ฯ

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางกำนัลผู้มียศถา
ก้มเกล้ารับราชบัญชา ชุลีลาแล้วพากันลงไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ ครั้นถึงปราสาทกุมภกรรณ อภิวันท์นบนิ้วประนมไหว้
ทูลว่าพระจอมภพไตร ให้ข้ามาเชิญบทมาลย์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น กุมภกรรณฤทธิไกรใจหาญ
ได้แจ้งแห่งราชโองการ ก็ชำระสระสนานกายา
ทรงเครื่องประดับสำหรับองค์ อลงกตจำรัสพระเวหา
ลงจากปราสาทแก้วแววฟ้า เสด็จมากับนางกำนัล ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงน้อมเศียรอภิวาทน์ พระเชษฐาธิราชรังสรรค์
ท่ามกลางสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ คอยฟังบัญชาอสุรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวราพณาสูรยักษี
เห็นน้องรักมาก็ยินดี จึ่งมีพระราชโองการ
คืนนี้ไมยราพสะกดทัพ หลับสิ้นทั้งพวกทวยหาญ
จับได้มนุษย์สาธารณ์ ไอ้ลิงหนุมานมันตามไป
ฆ่าไมยราพสิ้นชีวัน แล้วพาเจ้ามันขึ้นมาได้
ข้าศึกฮึกฮักกำเริบใจ ไม่มีผู้ใดจะต่อกร
ตัวเจ้าผู้ทรงศักดา องอาจแกล้วกล้าชาญสมร
จงยกทหารไปราญรอน ฟันฟอนให้สิ้นไพรี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญากุมภกรรณยักษี
ได้ฟังพระราชวาที ชุลีกรสนองพระบัญชา
อันมูลศึกสงคราม ซึ่งลุกลามเคี่ยวเข็ญเข่นฆ่า
เป็นต้นด้วยนางสีดา ที่ไปลักพาเอามาไว้
ใช่จะชิงสมบัติพัสถาน ศฤงคารบริวารนั้นหาไม่
พระองค์จงส่งนางไป ให้แก่พระรามผู้สามี
ก็จะสิ้นเสี้ยนศึกภัยพาล ไม่รำคาญใต้เบื้องบทศรี
ทั้งจะได้เป็นมิตรไมตรี ต้องที่ในทศธรรมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา
ได้ฟังสมเด็จพระอนุชา อสุราจึ่งตรัสตอบไป
เจ้าว่าเหมือนไม่รักพงศ์ พี่จะส่งสีดากระไรได้
น้องเราเป็นหญิงไปเล่นไพร ควรหรือมาไล่ราวี
ตัดเท้าตัดกรแล้วมิหนำ ซ้ำฆ่าสุริย์วงศ์ยักษี
ทูษณ์ขรตรีเศียรอสุรี ก็สิ้นชีวีด้วยมือมัน
แล้วใช้ไอ้ลิงหนุมาน มาหักรานมิ่งไม้ในสวนขวัญ
ฆ่าหลานเจ้าตายถึงพัน ทั้งมันลวงเผาเวียงชัย
เมื่อไอ้องคตมาสื่อสาร อหังการเจรจาหยาบใหญ่
ฆ่าสี่เสนาบรรลัย เจ็บใจเป็นพ้นพันทวี
แล้วให้สุครีพมาหักฉัตร ก็หยาบช้าสาหัสต่อพี่
ไม่ขอเป็นมิตรไมตรี เร่งยกโยธีไปรอนราญ ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น กุมภกรรณฤทธิไกรใจหาญ
ได้ฟังพระราชโองการ ขุนมารสนองพระบัญชา
อันน้องของเรานี้หนักนัก ทรลักษณ์เกี้ยวชายให้ขายหน้า
ชั่วชาติกว่าหญิงทั้งโลกา แล้วกลับมาว่าเอาแต่ดี
พระองค์เชื่อฟังคำมัน ให้เสียธรรม์เสียศักดิ์เสียศรี
สงครามจึ่งตามถึงบุรี เพราะอีอัปรีย์จังไร
อันสุครีพองคตหนุมาน ตัวมันก็เป็นทหารใหญ่
รณรงค์สุดแต่จะเอาชัย เป็นบำเหน็จไว้กับกร
ซึ่งจะให้ยกไปต่อตี น้องนี้ไม่เห็นด้วยก่อน
พระองค์ผู้ทรงฤทธิรอน จงคิดผันผ่อนให้ชอบธรรม์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์รังสรรค์
ได้ฟังกริ้วโกรธดั่งเพลิงกัลป์ ขบฟันกระทืบบาทา
เหวยไอ้อัปรีย์ไม่มีอาย กลัวตายกระไรหนักหนา
ดั่งเนื้อได้กลิ่นพยัคฆา เหมือนกาตาแววเห็นธนู
ยังไม่ทันเห็นธงชัย แต่ได้ข่าวศึกก็ทรุดอยู่
เจรจายกตนอวดรู้ ว่ากูผิดนั้นด้วยอันใด
เสียชาติที่เกิดร่วมครรภ์ จะเจ็บร้อนด้วยกันนั้นหาไม่
มึงว่ากูชั่วแล้วเร่งไป เข้าพวกไพรีกับน้องชาย
จะได้ครองสมบัติพัสถาน เป็นเจ้าแก่หมู่มารทั้งหลาย
ตัวกูผู้เดียวจะสู้ตาย มิให้อายแก่หมู่โลกา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญากุมภกรรณยักษา
ตกใจเพียงสิ้นชีวา นบนิ้ววันทาแล้วทูลไป
ข้าทัดทานนี้ด้วยสุจริต จะเกรงปัจจามิตรนั้นหาไม่
คิดว่าจะระงับดับภัย มิให้รณรงค์ราวี
เมื่อว่าพระองค์ไม่เห็นด้วย จะสู้ม้วยมิให้เคืองบทศรี
ก็จะยกโยธาไปต่อตี ตามมีพระราชโองการ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ใจหาญ
ฟังพระอนุชาชัยชาญ ดั่งได้วิมานในเมืองฟ้า
ความโกรธก็หายคลายสิ้น อสุรินทร์แสนโสมนัสสา
สวมสอดกอดองค์พระน้องยา ลูบหลังลูบหน้าแล้วตรัสไป
ทำไมกับมนุษย์วานร หรือจะรอต่อกรเจ้าได้
พ่อจงเร่งยกทัพชัย ฆ่าเสียให้สิ้นไพรี
แล้วจึ่งมีพระราชบรรหาร สั่งมโหทรมารยักษี
น้องกูจะไปราวี ต่อตีด้วยพวกพาลา
จงจัดทหารชาญสมร เลือกล้วนฤทธิรอนแกล้วกล้า
พร้อมทั้งเครื่องสรรพสาตรา โดยกระบวนมหาโยธี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น มโหทรมารยักษี
รับสั่งถวายอัญชุลี ออกมาจากที่พระโรงคัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ประถม

ยานี

๏ ทัพหน้าจัดเอามหากาล ทวยหาญเลือกล้วนแข็งขัน
ยี่สิบเอ็ดกองครบครัน จัดสรรเป็นสรรพเสนา
ธงเขียวสำคัญไว้ซ้าย ธงแดงสามชายอยู่เบื้องขวา
แถวกลางธงทองรจนา ให้ดูธงสัญญาพญายักษ์
โบกเข้าเบื้องซ้ายให้ซ้ายตี ที่โบกเข้าขวาให้ขวาหัก
ถ้าโบกตรงจงเข้าให้พร้อมพักตร์ หนุนหนักฟันแทงให้ย่อยยับ
ถ้าโบกออกซ้ายให้ซ้ายล่า ถ้าโบกออกขวาให้ขวากลับ
ถ้าธงชัยโบกถอยให้ถอยทัพ กำหนดสรรพสิ้นทุกประการ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น กุมภกรรณฤทธิไกรใจหาญ
ลาพระเชษฐาชัยชาญ ขุนมารเข้าที่สรงชล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ให้ไขท่อแก้วปทุมทอง เป็นละอองโปรยปรายดั่งสายฝน
กลิ่นตลบอบอาบเสาวคนธ์ หอมฟุ้งปรุงปนสุมามาลย์
ทรงสอดสนับเพลาเพราตา ภูษาแย่งยกกระหนกก้าน
ชายแครงเครือหงส์อลงการ แก้วประพาฬเกาะเกล็ดเพชรพราย
รัดอกฉลององค์ทรงประพาส แสงตาดเลื่อมศรีมณีฉาย
พาหุรัดทองกรจำหลักลาย โกมินนิลรายสลับกัน
แล้วทรงธำมรงค์เรือนครุฑ กรกุมคทาวุธขึงขัน
งามสง่าดั่งท้าวเวสสุวัณ จรจรัลไปขึ้นพิชัยรถ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

โทน

๏ รถเอยราชรถทรง พิลึกลํ้ากำกงอลงกต
เรือนแปรกแอกงอนอ่อนชด ชั้นลดช่อตั้งบัลลังก์ทอง
เทียมโตสองพันชำนาญศึก เริงร่านหาญฮึกเผ่นผยอง
โลทันสันทัดในทำนอง ขับคล่องรีบเร่งดั่งลมพัด
พร้อมเครื่องอภิรุมชุมสาย ธงชัยเก้าชายปลายสะบัด
โยธาเบียดเสียดเยียดยัด กวัดแกว่งอาวุธดั่งแสงไฟ
เสียงฆ้องกลองประโคมโครมครึก เสียงพลโห่ฮึกแผ่นดินไหว
เร่งหมู่ม้ารถคชไกร ออกจากพิชัยธานี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ กราว

๏ ครั้นถึงซึ่งสนามรณยุทธ์ จึ่งให้หยุดจตุรงค์ยักษี
ตั้งอยู่ริมเชิงคีรี คอยทีข้าศึกจะยกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

ช้า

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์องค์นารายณ์นาถา
เสด็จอยู่ยังหน้าพลับพลา ท้าวพญาวานรพร้อมกัน
พอได้ยินสำเนียงโห่ร้อง กึกก้องสะเทือนเลื่อนลั่น
จึ่งถามพิเภกกุมภัณฑ์ อันเสียงครื้นครั่นสนั่นไป
จะเป็นทัพเจ้ากรุงลงกา ยกพลออกมาหรือไฉน
หรือจะเป็นสุริย์วงศ์องค์ใด ที่ในพระราชธานี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาพิเภกยักษี
รับสั่งสมเด็จพระจักรี อสุรีจับยามสามตา
แจ้งแล้วน้อมเศียรอภิวาทน์ ทูลพระภูวนาถนาถา
อันทัพซึ่งยกออกมา ทรงนามชื่อว่ากุมภกรรณ
เป็นพญามหาอุปราช มีอำนาจฤทธิแรงแข็งขัน
เชษฐาของข้าร่วมครรภ์ อยู่ในสัจธรรม์มั่นนัก
ไม่เบียดเบียนเทวานาคินทร์ ก็ย่อมรู้อยู่สิ้นทั้งไตรจักร
ชะรอยเจ้าลงกาพญายักษ์ หักหาญให้ออกมาชิงชัย
จนใจจึงยกออกมา ด้วยกลัวอาชญาไม่ขัดได้
พระองค์ผู้ทรงภพไตร จงไว้ชีวิตอสุรี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระกฤษณุรักษ์เรืองศรี
ได้ฟังก็คิดปรานี จึ่งมีพระราชบัญชา
ดูกรพิเภกกุมภัณฑ์ ซึ่งว่ากุมภกรรณยักษา
ตั้งอยู่ในทศธรรมา มิได้เบียนโลกาให้เดือดร้อน
ไม่ควรที่เราจะสังหาร ขุนมารจงห้ามพี่ก่อน
ให้ยกทัพกลับเข้าพระนคร แม้นอยู่ต่อกรจะบรรลัย
ถ้าฟังถ้อยคำเราว่า สมบัติลงกาจะยกให้
ตัวท่านจงเร่งรีบไป บอกให้แจ้งใจอสุรี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาพิเภกยักษี
รับสั่งสมเด็จพระจักรี ถวายอัญชุลีแล้วรีบมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงซึ่งที่รณรงค์ แลเห็นรถทรงพระเชษฐา
อยู่ในท่ามกลางโยธา อสุราประหวั่นพรั่นใจ
ความกลัวเพียงสิ้นชีวิต ดำรงจิตแล้วเดินเข้าไปใกล้
นั่งลงตรงหน้ารถชัย ยอกรกราบไหว้พระพี่ยา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญากุมภกรรณยักษา
เหลือบแลไปเห็นอนุชา โกรธาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
จึงร้องว่าเหวยไอ้ทรลักษณ์ ชั่วช้าอัปลักษณ์โมหันธ์
ธรรมดาพี่น้องผิดกัน ไม่ช้าพลันก็จะกลับคืนดี
ถึงมาตรถ้าองค์พระเชษฐา โกรธาขับไล่มึงหนี
ญาติวงศ์พงศาก็ยังมี เหตุใดอสุรีจึ่งไม่ไป
กลับมาเข้าด้วยลักษมณ์ราม บอกความตื้นลึกทั้งปวงให้
จะแกล้งฆ่าพงศ์พันธุ์ให้บรรลัย มาหากูไยไอ้อัปรีย์ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาพิเภกยักษี
ยอกรถวายอัญชุลี อสุรีสนองพระวาจา
อันตัวของข้านี้จงรัก ภักดีต่อองค์พระเชษฐา
ใช่จะตัดขาดญาติกา ความรักวงศาดั่งชีวิต
ข้าจึ่งกราบทูลพระนารายณ์ ว่าพระพี่ร่วมสายโลหิต
ตั้งอยู่ในธรรมทศพิธ ไม่คิดเบียนโลกาธาตรี
พระองค์จึ่งทรงพระเมตตา ใช้ข้ามาทูลบทศรี
ว่าทศเศียรอสุรี ไปลักพระลักษมีแจ่มจันทร์
อันเป็นอัคเรศดวงสวาสดิ์ จึ่งตามมาพิฆาตให้อาสัญ
พระเชษฐาสิตั้งอยู่ในธรรม์ จะมาพลอยโมหันธ์ด้วยอันใด
จงอยู่ในสัตย์สุจริต ใครผิดก็ตามอัชฌาสัย
แม้นเสร็จสงครามเมื่อใด จะให้ผ่านพิชัยลงกา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น กุมภกรรณสิทธิศักดิ์ยักษา
ได้ฟังถ้อยคำอนุชา ตบมือสรวลร่าแล้วตอบไป
ตัวมึงเป็นไส้สงคราม พระรามก็จะยกเมืองให้
ฝ่ายกูผู้ออกมาชิงชัย ก็จะซ้ำให้ซึ่งราชธานี
ลงกาเป็นสองเมืองหรือ ให้น้องแล้วจะรื้อให้พี่
ลวงได้แต่มึงไอ้อัปรีย์ กูนี้มิได้เชื่อฟัง
อันนารายณ์นั้นสี่หัตถา ทรงตรีคทาจักรสังข์
ภุชงค์เป็นอาสน์บัลลังก์ เสด็จยังเกษียรสาคร
นี่เป็นมนุษย์สองมือ ถือแต่ธนูศิลป์ศร
เที่ยวอยู่ในป่าพนาดร เอาวานรมาเป็นโยธา
แม้นจริงเหมือนมึงมายกยอ ก็จะแจ้งในข้อปริศนา
คือชีโฉดหญิงโหดมารยา ช้างงารีชายทรชน
ถ้าว่าเป็นองค์พระจักรกฤษณ์ ก็จะคิดแก้ได้ไม่ขัดสน
ตัวกูผู้มีฤทธิรณ จะเลิกพลคืนเข้าไปธานี ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พญาพิเภกยักษี
จำข้อปริศนาอสุรี ชุลีกรแล้วรีบกลับมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงประณตบทบงสุ์ ทูลองค์พระนารายณ์นาถา
บัดนี้กุมภกรรณอสุรา ไม่เชื่อว่าองค์พระอวตาร
กล่าวเป็นปริศนาสี่ข้อ ย่นย่อมิได้วิตถาร
ให้ข้ามาทูลบทมาลย์ ก็แจ้งการตามคำกุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์องค์นารายณ์รังสรรค์
ได้ฟังปริศนากุมภกรรณ ทรงธรรม์นิ่งนึกตรึกไป
เห็นเป็นโวหารติดต่อ จะสมข้อปริศนาก็หาไม่
ให้เวียนวนฉงนพระทัย ภูวไนยจึ่งมีบัญชา
แก่เหล่าท้าวพญาพานรินทร์ สิ้นทั้งพิเภกยักษา
ตัวท่านผู้มีปัญญา ใครจะเห็นว่าประการใด ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาวานรน้อยใหญ่
ต่างตนต่างคิดพิเคราะห์ไป ในข้อปริศนาอสุรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นว่าไม่เห็นอธิบาย ต้นปลายปริศนาทั้งสี่
จึ่งกราบทูลองค์พระจักรี ข้านี้ขัดสนพ้นปัญญา
ลึกลับสุดที่จะแก้ไข จนจิตจนใจหนักหนา
ขอให้องคตผู้ปรีชา ออกไปเจรจาด้วยขุนมาร
ล่อลวงไต่ถามโดยอุบาย ซึ่งชั้นเชิงแยบคายโวหาร
เห็นจะไม่เสียเกียรติพระอวตาร ยืนนานชั่วฟ้าธาตรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระกฤษณุรักษ์เรืองศรี
ฟังคำทูลตอบเห็นชอบที ภูมีจึ่งตรัสแก่องคต
อันซึ่งข้อความปริศนา เราพิจารณาทั้งสี่บท
เห็นเป็นโวหารเลี้ยวลด กำหนดแต่งว่าประสาใจ
ที่จะทั่วไปแก่หมู่ปราชญ์ อันชาญฉลาดนั้นหาไม่
ตัวท่านผู้ปรีชาไว จงรีบออกไปเจรจา
กับกุมภกรรณขุนมาร ให้วิตถารในข้อปริศนา
อย่าให้มันรู้มารยา ฟังดูจะว่าประการใด ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ