สมุดไทยเล่มที่ ๒๓

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
ปรนนิบัติรักษาพระจักรี กับทั้งพี่นางสีดา
ดั่งองค์สมเด็จพระบิตุเรศ ชนนีก่อเกศเกศา
เป็นนิจนิรันดร์ทุกวันมา ครั้นถึงเวลาก็คลาไคล ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

๏ ลดเลี้ยวเที่ยวเก็บผลาผล ที่บนแนวเนินเขาใหญ่
เห็นหมู่โยคีชีไพร ตกใจวิ่งอึงคะนึงมา
บ้างล้มบ้างลุกคลุกคลาน ซานเข้าพุ่มไม้ใบหนา
หนามไหน่เกี่ยวยับทั้งกายา ปีนป่ายหินผาบรรพต
แล้วได้ยินเสียงอึงมี่ ผงคลีมืดฟ้าบังบด
จึ่งแลไปเห็นพระพรต นำทศโยธามาแน่นนันต์
พิโรธโกรธกริ้วดั่งไฟกาฬ กูจะผลาญชีวิตให้อาสัญ
จึ่งขึ้นศิลป์ลองสายยืนยัน เสียงสนั่นลั่นฟ้าธาตรี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
ได้ยินเสียงกึกก้องโกลี ภูมีรำพึงคะนึงคิด
เจ้าลักษมณ์ไปเก็บผลไม้ เหตุใดจึ่งขึ้นศรสิทธิ์
หรือเกิดปรปักษ์ปัจจามิตร คิดแล้วก็รีบเสด็จมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงเนินแนวสีขเรศ ทอดพระเนตรเห็นองค์กนิษฐา
จึ่งมีพระราชบัญชา แก้วตาจะแผลงอันใด ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ผู้มีอัชฌาสัย
กราบลงแล้วทูลสนองไป น้อยใจพระพรตอหังการ
ฝ่ายแม่ริษยาอาสัตย์ ให้พระองค์พลัดพรากจากสถาน
ตัวได้ครอบครองศฤงคาร สำราญแล้วยังไม่หนำใจ
บัดนี้ยกพลตามมา จะทำร้ายเคี่ยวฆ่าเราให้ได้
องอาจโลภล้นเป็นพ้นไป จะไว้ชีวิตไม่ไยดี
น้องจะอาสาออกต่อยุทธ กับบุตรนางไกยเกษี
ฆ่าเสียให้สิ้นชีวี จงสาใจที่หมิ่นประมาทกัน ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพิษณุรักษ์รังสรรค์
จึ่งห้ามอนุชาวิลาวัณย์ เจ้าอย่าหุนหันโกรธา
อันเราพี่น้องทั้งสี่ เทเวศร์ฤๅษีพร้อมหน้า
ประชุมเชิญให้ไวกูณฐ์มา ปราบหมู่อสุราสาธารณ์
ถ้าพระพรตร่วมคิดกับชนนี ไว้นักงานพี่จะสังหาร
เห็นจะไม่เป็นภัยพาล พระอาจารย์ทั้งสี่ก็ตามมา
แล้วสององค์ทรงเพศเป็นนักสิทธ์ ผิดทีที่จะตามมาเข่นฆ่า
แล้วเดินกันแสงโศกา ไม่ถือศาสตราสิ่งใด
พ่อจงพิศดูให้ประจักษ์ น้องรักอย่าคิดสงสัย
เห็นจะตามมารับกลับไป ยังในอยุธยาธานี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
พิศเพ่งเล็งดูไปทันที เห็นจริงดั่งมีพระบัญชา
จึ่งยอกรขึ้นถวายบังคม ทูลพระบรมเชษฐา
นี่หากพระองค์เสด็จมา หาไม่จะฆ่าชีวิตกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์องค์นารายณ์รังสรรค์
จึ่งชวนอนุชาวิลาวัณย์ กลับมาอารัญกุฎี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น พระสระภังค์มหาฤๅษี
เป็นต้นหนนำพลโยธี จรลีหว่างเขาลำเนาไพร
แลเห็นสัตกูฏภูผา เงื้อมงํ้าเมฆาสูงใหญ่
ยกหัตถ์ชี้บอกพระพรตไป โน่นที่อาศัยพระสี่กร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น น้องพระภุชพงศ์ทรงศร
จึ่งให้หยุดรถรัตน์อัสดร ตามเนินสิงขรคีรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ สองกษัตริย์กับนายกุขัน สุมันตันดาบสทั้งสี่
ออกจากที่ประชุมโยคี จรลีตามแถวแนวธาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงบริเวณจงกรม พฤกษารื่นร่มรโหฐาน
เห็นองค์พระลักษมณ์พระอวตาร กับโฉมเยาวมาลย์สีดา
จึ่งวิ่งเข้ากอดบาทบงสุ์ องค์พระบรมเชษฐา
สองกษัตริย์กันแสงโศกา ดั่งว่าจะสิ้นสมประดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พระรามพระลักษมณ์เรืองศรี
เห็นพระพรตพระสัตรุดโศกี ดั่งหนึ่งชีวีจะจากกาย
ให้เร่าร้อนดั่งนอนในเพลิงพิษ สลดจิตจาบัลย์ขวัญหาย
กลัวสองอนุชาจะวอดวาย พระนารายณ์สะท้อนถอนใจ
จึ่งสวมสอดกอดองค์พระพรต พระทัยหวั่นรันทดละห้อยไห้
พระลักษมณ์กอดพระสัตรุดไว้ ร่ำไรทั้งสี่กษัตรา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

๏ ครั้นคลายโศกาอาวรณ์ พระสี่กรธิราชนาถา
จึ่งมีมธุรสวาจา ถามพระอนุชาธิบดี
ดูกรพระน้องทั้งสององค์ ผู้ร่วมสุริย์วงศ์กับพี่
เหตุไฉนไม่ครองธานี พากันมานี่ด้วยอันใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพรตผู้มีอัชฌาสัย
สะอื้นพลางทางทูลสนองไป ข้าแจ้งใจว่าองค์พระบิดา
จะมอบสมบัติพระจักรี น้องนี้แสนโสมนัสสา
ครั้นเข้ามาถึงพารา แจ้งว่ามารดาข้าอาธรรม์
ยกสัตย์ขัดราชโองการ ชิงที่ราชฐานไอศวรรย์
ขับพระองค์มาอยู่ไพรวัน โทษนั้นถึงสิ้นชีวี
พระพี่จงหั่นบั่นรอน ตัดกรตัดเกล้าเกศี
ให้หนำใจคนใจกาลี ที่คิดริษยาสาธารณ์
ขอเชิญพระองค์ทรงเดช คืนครองนัคเรศราชฐาน
ประชาชนจะได้พึ่งบทมาลย์ ผ่านเกล้าจงทรงพระเมตตา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระตรีภพลบโลกนาถา
ได้ฟังพระพรตอนุชา จึ่งมีวาจาตอบไป
ความสัตย์ท่านปฏิญาณกัน เจ้าว่าดั่งนั้นหาควรไม่
ตัวพี่มิได้น้อยใจ ด้วยความยากไร้กันดาร
ซึ่งพ่อพากันออกมารับ จะให้กลับไปครองราชฐาน
ก็จะเสียความสัตย์ปฏิญาณ พระผู้ประทานโลกา
อันพระองค์บัญชาประกาศิต ดั่งเหล็กเพชรลิขิตแผ่นผา
ตรีโลกจะกระหายนินทา แก้วตาจงฟังพี่พาที
เชิญเจ้าคืนเข้าพระนิเวศน์ ครอบครองนัคเรศเฉลิมศรี
ซึ่งทิ้งพระชนกชนนี ออกมาตามพี่ที่ในไพร
ผู้ใดจะพิทักษ์รักษา ผ่านฟ้าอยู่ดีหรือไฉน
โรคายายีประการใด ในใต้เบื้องบาทพระบิดร ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพรตสุริย์วงศ์ทรงศร
ได้ฟังบัญชาพระสี่กร ยิ่งเร่าร้อนฤทัยรันทด
น้อมเศียรถวายอภิวาทน์ กราบทูลเบื้องบาทบงกช
อันพระบิตุรงค์ทรงยศ กำสรดโศกาจาบัลย์
วันพระองค์ออกจากนัคเรศ ทรงเดชสิ้นชีพอาสัญ
ตัวน้องนี้มาก็ไม่ทัน เมื่อพระสวรรคาลัย
แต่สั่งขาดโดยราชบัญชา แก่สองพระมหาอาจารย์ใหญ่
มิให้แม่ข้ากับข้าไป จุดไฟต้องศพภูมี
น้องนี้ขัดสนเป็นพ้นคิด ดั่งจะสิ้นชีวิตลงกับที่
ไม่มีใครปกเกล้าเมาลี จึ่งเชิญสองชนนีนงลักษณ์
ออกมารับเบื้องบาทบงสุ์ คืนไปดำรงอาณาจักร
ให้สิ้นมลทินโทษของน้องรัก ที่พลอยทรลักษณ์ด้วยมารดา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระทรงครุฑราชปักษา
ทั้งองค์อัคเรศสีดา พระลักษมณ์อนุชาวิลาวัณย์
แจ้งว่าสมเด็จพระบิตุรงค์ พระองค์สิ้นชีพอาสัญ
ตกใจดั่งใครมาฟาดฟัน ก็ครวญคร่ำรำพันโศกี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

โอ้

๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงจักร เมื่อได้ลูกรักทั้งสี่
ต้องให้ห้าพระมุนี ไปขอพระศุลีมีฤทธิ์
พร้อมหมู่เทเวศร์มัฆวาน พระทรงญาณบัญชาประกาศิต
ให้อวตารมาผลาญปัจจามิตร จึ่งสมดั่งคิดพระบิดร
ครั้นลูกค่อยจำเริญวัย ก็ตั้งพระทัยสั่งสอน
เลี้ยงมามิได้อนาทร สถาวรดั่งเทวกุมาร
ลูกคิดจะรองฉลองบาท ไปกว่าชีวาตม์อวสาน
เวราตามทันบันดาล มีมารจำพรากให้จากมา
ยังไม่ได้แทนพระคุณก่อน ภูธรมาสิ้นสังขาร์
เพราะลูกนิราศพระบาทา อนิจจามิได้เห็นใจ
แต่ถวายพระเพลิงทรงธรรม์ จะเห็นเปลวไฟนั้นก็หาไม่
สามกษัตริย์โศกาอาลัย สลบไปไม่รู้สมประดี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พระพรตพระสัตรุดเรืองศรี
เห็นสามกษัตริย์โศกี ล้มลงกับที่ศาลา
ตกใจดั่งสายสุนีบาต มาฟอนฟาดชีวังสังขาร์
ชลเนตรคลอดวงนัยนา ทั้งสองกษัตราก็โศกี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ โอ้ว่าสิ้นบุญพระบิตุเรศ ไม่มีใครปกเกศเกศี
เห็นแต่สมเด็จพระจักรี เป็นปิ่นโมลีสืบไป
พระองค์มาม้วยชีวัน น้องจะอยู่ไปนั้นกระไรได้
จะขอตามเสด็จพระภูวไนย ไปยังสวรรค์ชั้นฟ้า
ร่ำพลางพระพรตเข้ากอดบาท พระตรีภูวนาถนาถา
พระสัตรุดกอดพระลักษมณ์พี่ยา โศกาแน่นิ่งสลบไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น สุมันตันเสนาผู้ใหญ่
เห็นห้ากษัตริย์โศกาลัย ร่ำไรสลบลงด้วยกัน
ตกใจตะลึงทั้งกายา คิดว่าสิ้นชีพอาสัญ
แสนโศกโศกาจาบัลย์ ก็จรจรัลมาเฝ้าพระเทวี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ นบนิ้วทูลว่าพระพรต พระสัตรุดโอรสสองศรี
ไปพบพระลักษมณ์พระจักรี กับองค์เทวีสีดา
ต่างแถลงแจ้งความแล้วแสนโศก ต่างวิโยคเศร้าโทมนัสสา
บัดนี้ทั้งห้ากษัตรา กันแสงโศกานิ่งไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองนางผู้ยอดพิสมัย
ได้ฟังพ่างเพียงจะขาดใจ อรไทก็รีบจรลี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงเห็นห้าลูกรัก ซบพักตร์แน่นิ่งอยู่กับที่
สำคัญว่าม้วยชีวี มารศรีก็ร่ำโศกา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

โอ้

๏ โอ้ว่าพระลักษมณ์พระสี่กร สีดาดวงสมรเสน่หา
แต่เจ้าออกจากพารา แม่กินนํ้าตาไม่วายวัน
ตามมาหวังว่าจะเห็นพักตร์ ลูกรักมาม้วยอาสัญ
เมื่อพร้อมสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ จอมขวัญของแม่ไม่เจรจา
โอ้ว่าพระพรตพระสัตรุด ทั้งสองแสนสุดเสน่หา
ซื่อตรงต่อองค์พระพี่ยา ตามมาจนพบกันกลางไพร
หวังเชิญคืนครองนัคเรศ เป็นปิ่นเกศกษัตริย์น้อยใหญ่
ควรหรือมาพากันบรรลัย ทิ้งแม่นี้ไว้ให้ทนทุกข์
ถึงมาตรว่าคงชีวี ที่ไหนจะมีความสุข
ธานีจะเกิดกลียุค แสนทุกข์เวทนาเป็นพ้นนัก
ฝูงมนุษย์เทวาดาบส จะเดือดร้อนไปหมดทั้งไตรจักร
ร่ำพลางค่อนทรวงเข้าฮักฮัก ซบพักตร์แน่นิ่งสลบไป ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝูงนางกำนัลน้อยใหญ่
ทั้งเถ้าแก่ท้าวนางข้างใน บรรดาได้ตามเสด็จจร
เห็นเจ็ดกษัตริย์สุริย์วงศ์ สลบลงในที่สโมสร
ตกใจดั่งใครมาฟันฟอน อาวรณ์ครวญคร่ำโศกา
กลิ้งเกลือกเสือกลงกับปัถพี เสียงมี่ดั่งหนึ่งพายุกล้า
บ้างสลบไม่ติงกายา ที่ในศาลาอารัญ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น สี่พระอาจารย์ฌานขยัน
กับมหาเสนาสุมันตัน กุขันพรานป่าพนาลี
ต่างคนตระหนกตกใจ โศการ่ำไรทั้งฤๅษี
วิ่งวุ่นไปทั่วกุฎี เรียกหาหมอมี่เป็นโกลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งหมู่แพทยาถ้วนหน้า
ซึ่งเป็นหมอนวดหมอยา ได้ยินเสียงเรียกมาก็ตกใจ
ฉวยผ้าสมปักเข้านุ่ง จะมีผ้าพันพุงก็หาไม่
คว้าได้ล่วมยาก็พาไป ยังในอรัญกุฎี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ จึ่งเห็นกษัตริย์ทั้งเจ็ดองค์ กับฝูงอนงค์สาวศรี
แน่นิ่งไม่ติงอินทรีย์ ดั่งสิ้นชีวีด้วยกัน
บรรดาแพทย์หมอที่เข้ามา ตกประหม่าหน้าซีดตัวสั่น
บ้างเป่ายานัตถุ์บ้างนวดฟั้น ช่วยกันแก้ไขวุ่นไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางท้าวเถ้าแก่ผู้ใหญ่
ทั้งฝูงสนมกำนัลใน ก็ได้สติคืนมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายพระดาบสพรตกล้า
สุมันตันกับหมู่แพทยา เห็นเจ็ดกษัตราไม่ฟื้นกาย
ให้เร่าร้อนฤทัยดั่งไฟลน ทุกคนตกใจใจหาย
ปรึกษาหารือกันวุ่นวาย แล้วสั่งเจ้าขรัวนายพนักงาน
จงเอาสุคนธาวาริน อันมีรสกลิ่นหอมหวาน
เข้าไปลูบไล้รำเพยพาน ให้ซาบซ่านองค์เจ็ดกษัตรา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางท้าวเถ้าแก่ถ้วนหน้า
จึ่งเอาจอกแก้วอลงการ์ มาใส่สุคนธาวารี
เข้าไปลูบไล้ชะโลมองค์ เจ็ดกษัตริย์สุริย์วงศ์เรืองศรี
บ้างเข้าโบกปัดพัดวี ก็ได้สมประดีพร้อมกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระรามสุริย์วงศ์รังสรรค์
กับพระลักษมณ์นางสีดาวิลาวัณย์ ผันพักตร์มาเห็นพระชนนี
ต่างน้อมเศียรเกล้าลงกราบบาท พระราชมารดาทั้งสองศรี
สามองค์ทรงโศกโศกี ดั่งหนึ่งชีวีจะมรณา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น สองพระชนนีเสน่หา
สวมกอดพระลักษมณ์พระรามา กับนางสีดาดวงจันทร์
พิศพักตร์แล้วลูบอินทรีย์ มีพระเสาวนีย์รับขวัญ
จงระงับโศกาจาบัลย์ อย่ากันแสงนักเลยนะลูกรัก
พระบิตุรงค์ปลงชีพชีวา แม่แสนโศกาเพียงอกหัก
ทั้งทุกข์ถึงเจ้าเป็นพ้นนัก เพียงจักสุดสิ้นพระชนมาน
บัดนี้พระพรตผู้น้อง ก็ไม่ครองพาราราชฐาน
กริ้วโกรธมารดาดั่งเพลิงกาฬ จะประหารให้สิ้นชีวี
จึ่งพาแม่นี้ออกมาตาม ไม่ฟังความนางไกยเกษี
เชิญเจ้าเข้าไปยังธานี ครอบครองบุรีภิรมยา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรแก้วสุริย์วงศ์นาถา
ได้ฟังสมเด็จพระมารดา กราบกับบาทาแล้วทูลไป
ตัวลูกรับสัตย์พระบิตุเรศ จะให้คืนนิเวศน์กระไรได้
แม้นมาตรจะยากลำบากใจ ที่ในอรัญกันดาร
จะอยู่ตามบัญชาประกาศิต ถึงจะสิ้นชีวิตสังขาร
มิให้ไตรโลกทายประมาณ แก่พระผู้ผ่านธาตรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนวลนางไกยเกษี
นั่งอยู่ท้ายรถมณี เทวีนิ่งนึกตรึกไป
สะเทิ้นจิตคิดเกรงพระอวตาร จะนิ่งอยู่นานก็ไม่ได้
จึ่งเรียกกุจจีผู้ร่วมใจ ลงจากรถชัยรีบมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ ชุบ

๏ ครั้นถึงมิใคร่เข้าชิด ดำรงจิตนั่งลงตรงหน้า
แล้วมีมธุรสวาจา พระจักราจงได้ปรานี
แม่ทำชั่วช้าสาหัส ให้พ่อพลัดจากสุขเกษมศรี
จนพระบิตุรงค์ทรงธรณี ภูมีสิ้นชีพชีวัน
เพราะว่าแม่นี้อัปลักษณ์ ทรลักษณ์โลภล้นโมหันธ์
กริ้วโกรธพิโรธดั่งไฟกัลป์ เพียงจักฆ่าฟันให้มรณา
พ่อได้เมตตาปรานีก่อน มารดรขอประทานโทษา
เชิญเจ้าคืนเข้าพารา ครอบครองไพร่ฟ้าประชาชี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระหริวงศ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
ได้ฟังจึ่งตอบวาที ลูกนี้ไม่ผูกเวรา
ด้วยผลกรรมนำสนอง จึ่งให้ต้องสัญจรนอนป่า
มิได้แทนคุณพระบิดา เมื่อผ่านฟ้าสวรรคาลัย
ซึ่งจะให้กลับคืนพระนคร จะฟังคำมารดรกระไรได้
จะเสียสัตย์ซึ่งปฏิญาณไป คือใครจะนับว่าดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งนวลนางไกยเกษี
ฟังรสพจนารถพระจักรี เทวีก็ร่ำพิไรวอน
โอ้พระหริวงศ์ทรงสังข์ จงเอ็นดูแม่ครั้งหนึ่งก่อน
เจ้าอย่าสลัดตัดรอน ให้ได้เดือดร้อนเวทนา
แม้นไม่เมตตาจะฆ่าฟัน ให้สิ้นชีวันสังขาร์
หรือจะหั่นบั่นรอนทั้งกายา ทำโทษโทษาประการใด
ตามเถิดที่แม่ได้ทำผิด จะน้อยใจสักนิดก็หาไม่
แต่เชิญเจ้าคืนเข้าเวียงชัย ให้ไพร่ฟ้าเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระปิ่นภพลบโลกเรืองศรี
ได้ฟังมธุรสพระชนนี วอนว่าพาทีรำพันไป
จึ่งมีพระราชบัญชา ลูกจะเคืองมารดาก็หาไม่
ข้าบาทเป็นชาติอาชาไนย จะตั้งใจแทนคุณพระบิดร
อันในสุริย์วงศ์เทวัญ สัจธรรม์มั่นคงไม่ย่อหย่อน
ครั้งพระอัยกาฤทธิรอน ภูธรก็ครองสัตยา
สู้เสียชีวาไม่อาลัย เชือดเนื้อออกให้พรานป่า
จนถึงสมเด็จพระบิดา ผ่านฟ้ารักสัตย์กว่าชีวี
ยกสมบัติให้แก่พระองค์ ขับข้าทรงพรตเป็นฤๅษี
มาอยู่ป่ากำหนดสิบสี่ปี คำนี้ของพระบิดร
ตัวลูกจะรักษาสัตย์ ตามบัญชาตรัสไว้แต่ก่อน
เชิญกลับคืนเข้าพระนคร ให้ถาวรเป็นสุขสวัสดี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระวสิษฐ์สวามิตรฤๅษี
ได้ฟังสมเด็จพระจักรี พาทีคงครองสัตยา
จึ่งว่าดูกรหลานรัก ผินพักตร์มาฟังตาว่า
กูเป็นอาจารย์บุราณมา ย่อมแจ้งกิจจาทุกประการ
อันกษัตริย์ในวงศ์ของเจ้า ล้วนเหล่าจักรพรรดิมหาศาล
แต่ครั้งหิรัณย์ขุนมาร สาธารณ์อาจองทะนงใจ
ม้วนเอาแผ่นดินสี่ทวีป หนีบรักแร้ไปบาดาลได้
พระนารายณ์ตามผลาญบรรลัย แล้วเกิดไทอโนมาตัน
พระอิศวรให้ครองราชฐาน เนื่องมาอัชบาลรังสรรค์
จนถึงบิตุเรศของเจ้านั้น สืบวงศ์เทวัญเป็นหลั่นมา
ซึ่งน้องครองเมืองก่อนพี่ ไม่มีในสุริย์วงศ์พงศา
ชนนีกับสองอนุชา แสนโศกโศกาจาบัลย์
ควรแล้วที่หลานจะกลับไป เสวยราชัยไอศวรรย์
จะได้สืบสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ เป็นจรรโลงโลกธาตรี ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระหริรักษ์จักรแก้วเรืองศรี
นบนิ้วสนองวาที พระอัยกาว่านี้ผิดไป
เดิมห้าพระอาจารย์ไปเฝ้า พระเป็นเจ้าไกรลาสเนินไศล
พร้อมด้วยเทวาสุราลัย ให้ข้านี้ไวกูณฐ์มา
ปราบหมู่อสุราสาธารณ์ พวกพาลทุจริตริษยา
ชนนีขอสัตย์พระบิดา ให้หลานอยู่ป่าสิบสี่ปี
ถึงยุคจะได้ดับเข็ญ ให้โลกอยู่เย็นเกษมศรี
พระอัยกาก็แจ้งแต่เดิมที จะให้คืนบุรีด้วยอันใด
คำพระบิดาประกาศิต ดั่งเหล็กเพชรลิขิตหาลบไม่
จะรักษาสัตย์พระองค์ไว้ มิได้อาลัยแก่ชีวัน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองพระอาจารย์ฌานขยัน
ได้ฟังพระองค์ทรงสุบรรณ ถือสัตย์ตัดมั่นตรงไป
ดั่งหนึ่งเขาพระเมรุมาศ ต้องเวรัมพวาตไม่หวาดไหว
กดัญญูสู้เสียชีวาลัย ตั้งใจจะล้างอสุรา
โดยได้อวตารมาปราบเข็ญ จะให้เย็นทั่วภพแหล่งหล้า
สุดคิดสุดที่จะเจรจา พระสิทธานิ่งไปไม่พาที ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระพรตพระสัตรุดเรืองศรี
ได้ฟังพจนารถภูมี ดั่งหนึ่งชีวีจะบรรลัย
ต่างองค์ต่างกอดบทเรศ แสนโศกแสนเทวษสะอื้นไห้
โอ้ว่าพระตรีภูวไนย แม้นไม่คืนเข้าพารา
น้องจะโดยเสด็จไปรองบาท เพื่อนอนาถพระองค์ในป่า
ไม่อาลัยจะถวายชีวา ไปกว่าจะสิ้นสุดปราณ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรีผู้ปรีชาหาญ
กอดสองอนุชาชัยชาญ ผ่านฟ้าแสนโศกโศกี
แล้วมีบัญชาประกาศิต เจ้าดวงชีวิตของพี่
อันเราทั้งสี่องค์นี้ เทวัญฤๅษีนิมนต์มา
หวังจะให้เป็นหลักโลก จะแสนโศกไปไยหนักหนา
ตัวพี่รับสัตย์พระบิดา จะคืนเข้าพาราก็จนใจ
รู้แล้วว่าเจ้ารักพี่ แต่จะทิ้งบุรีกระไรได้
ไพร่ฟ้าจะพึ่งผู้ใด จงคืนไปรักษาพระนคร

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพรตสุริย์วงศ์ทรงศร
ได้ฟังบัญชายิ่งอาวรณ์ ชุลีกรสนองวาจา
สุดคิดที่น้องจะจากบาท พระตรีภูวนาถนาถา
แม้นพระจะให้คืนเข้าพารา จงประหารชีวาให้บรรลัย
ทูลพลางซบพักตร์กับบทเรศ แสนทุกข์แสนเทวษสะอื้นไห้
ดั่งจะสิ้นชีวิตจิตใจ ไม่เป็นสติสมประดี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

ยานี

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายรุกขเทวาเรืองศรี
สถิตในสัตกูฏคีรี เป็นที่สำราญภิรมยา
เห็นพระพรตพระสัตรุดสุริย์วงศ์ ทูลอ้อนวอนองค์พระเชษฐา
พระรามไม่คืนเข้าพารา ต่างแสนโศกาจาบัลย์
แม้นเรานิ่งไว้ไม่ทานทัด น่าที่แปดกษัตริย์จะอาสัญ
ไหนจะได้ไปปราบอาธรรม์ ซึ่งมันเป็นเสี้ยนธาตรี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ คิดแล้วจึ่งฝูงสุรารักษ์ เยี่ยมพักตร์โดยช่องบัญชรศรี
สำแดงให้เห็นอินทรีย์ แล้วมีบัญชาลงไป
พระรามคือองค์พระทรงนาค เสด็จจากเกษียรสมุทรใหญ่
หวังจะปราบอาธรรมทั้งแดนไตร ชอบให้ทำตามนิมนต์มา
พระพรตพระสัตรุดฤทธิรอน ไปรักษาพระนครไว้ท่า
จงเชิญสมเด็จพระมารดา เข้ามหานิเวศน์วังจันทน์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์องค์นารายณ์รังสรรค์
ได้ฟังซึ่งรุกขเทวัญ ทรงธรรม์จึ่งมีวาจา
น้องรักได้ยินหรือไม่ เทพไทแซ่ซ้องร้องว่า
เจ้าจงคืนเข้าไปพารา รักษาไพร่ฟ้าประชาชี
ตัวพี่ก็จะไปปราบเข็ญ ให้เย็นทั่วโลกเกษมศรี
ไม่ช้าแต่ในสิบสี่ปี พี่น้องก็จะได้พบกัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพรตสุริย์วงศ์รังสรรค์
ได้ฟังดั่งใครมาฟาดฟัน ด้วยคำเทวัญประกาศมา
ให้ร้อนฤทัยดั่งไฟพิษ สุดคิดที่จะวอนพระเชษฐา
ชลเนตรคลอดวงนัยนา จึ่งสนองบัญชาด้วยจนใจ
อันอยุธยาธานี เป็นที่พึ่งสามโลกสูงใหญ่
กษัตราเทวาสุราลัย ย่อมได้อาศัยทั้งจักรวาล
น้องดั่งหิ่งห้อยน้อยแสง ไม่ควรตำแหน่งพระสุริย์ฉาน
จะขอฉลองบาทพระอวตาร ไปไว้ในสถานสวรรยา
ต่างองค์พระทรงจักรภุช เป็นจอมเมืองมงกุฎแหล่งหล้า
จึ่งจะรับรักษาพารา ไว้ท่าเสด็จพระจักรี
แม้นสิบสี่ปีพระไม่กลับ น้องกับพระสัตรุดเรืองศรี
จะขอถวายชีวี เข้ากองอัคคีมรณา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์องค์นารายณ์นาถา
สวมสอดกอดสองอนุชา แก้วตาของพี่อย่าอาวรณ์
เจ้าจงรักษาพระบุรี ให้เสนีไพร่ฟ้าสโมสร
บำรุงทั้งสามพระมารดร อย่าให้อนาทรสิ่งใด
ตรัสแล้วหยิบฉลองพระบาทหญ้า สำหรับทรงเดินป่าประทานให้
เกือกนี้ต่างตาต่างใจ ต่างองค์พี่ไปธานี
ว่าแล้วอำนวยอวยพร ให้ถาวรเป็นสุขเกษมศรี
โรคันอันตรายอย่ายายี เจ้าพี่จงคืนเข้าพารา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระพรตสุริย์วงศ์นาถา
รับเอาฉลองพระบาทมา ทูนเหนือเกศาด้วยภักดี
แล้วว่าน้องนี้จะจำไกล ด้วยคำเทพไทเรืองศรี
จะกินนํ้าตาสิบสี่ปี กว่าภูมีจะคืนพระนคร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์สุริย์วงศ์ทรงศร
ได้ฟังจึ่งมีสุนทร เจ้าอย่าทุกข์ร้อนอาลัย
อันเกิดมาในภพสงสาร จะประมาณแต่สุขนั้นไม่ได้
จำเป็นตัวพี่จะเดินไพร ใช่จะตายจากไปเมื่อไรมี
ว่าแล้วประณตบทบงสุ์ องค์พระมารดาทั้งสามศรี
ขอเชิญสมเด็จพระชนนี คืนเข้าบุรีภิรมยา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สามพระชนนีเสน่หา
ฟังรสพจนารถพระรามา ต่างแสนโศกาอาลัย
จึ่งสวมสอดกอดสามพระลูกรัก ชลนานองพักตร์สะอื้นไห้
อนิจจาต้องมาเดินไพร เพราะจะไปสังหารอาธรรม์
จะได้ยากลำบากสิบสี่ปี ไม่มีสิ่งสุขเกษมสันต์
แม่จะแสนโศกาจาบัลย์ นับวันกว่าเจ้าจะกลับมา
ตรัสแล้วจึ่งมีสุนทร ดูกรสีดาเสน่หา
แม่จะไปตามองค์พระภัสดา ที่ในแนวป่าพนาลัย
จะแสนทุกข์แสนยากลำบากนัก ลูกรักจะเดินที่ไหนได้
เจ้าเป็นยอดอนงค์นางใน อย่าไปจงอยู่ด้วยมารดร
แม่นี้จะได้เห็นพักตร์ ต่างพระหริรักษ์ทรงศร
จะคลายทุกข์ค่อยสุขสถาวร กว่าพระสี่กรจะกลับมา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสีดาเยาวยอดเสน่หา
ฟังสามสมเด็จพระมารดา กัลยาสนองพระวาที
ซึ่งทรงพระเมตตาการุญ พระคุณควรไว้เหนือเกศี
ใช่ว่าจะขัดพระเสาวนีย์ แต่ลูกนี้เป็นบาทบริจา
ร่วมสุขร่วมทุกข์ร่วมชีวิต กับพระจักรกฤษณ์นาถา
ถึงทุกข์ยากลำบากกายา ตามแต่เวราไม่อาวรณ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สามพระมารดาดวงสมร
ฟังพระสุณิสาบังอร ต่างองค์สะท้อนถอนใจ
โอ้อนิจจาสีดาเอ๋ย ทรามเชยผู้ยอดพิสมัย
เจ้าจะตามพระภัสดาไป ไม่อาลัยแก่ชีพชีวัน
ควรแล้วที่เป็นพระมเหสี พระจักรีธิราชรังสรรค์
จงจำเริญสุขทุกนิรันดร์ โรคันอันตรายอย่าบีฑา
ตรัสแล้วอำนวยอวยพร แก่พระสี่กรโอรสา
กับองค์พระลักษมณ์อนุชา จงทรงศักดาวราฤทธิ์
จะล้างอริราชไพรี อย่าให้มีผู้รอต่อติด
ปราบไปทั่วทั้งทศทิศ จงประสิทธิ์ดั่งไวกูณฐ์มา
แปดกษัตริย์ถ้อยลาสั่งกัน รำพันเศร้าโทมนัสสา
ประทับแรมอยู่ในศาลา นับได้สิบห้าราตรี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระมหาดาบสทั้งสี่
ตระหนักว่าพระลักษมณ์พระจักรี จะไปล้างอสุรีพวกพาล
พระพรตพระสัตรุดอนุชา จะคืนไปรักษาราชฐาน
ยินดีดั่งแรกสำเร็จฌาน องค์พระอาจารย์ก็อวยชัย
จงจำเริญศักดาวราฤทธิ์ ปัจจามิตรอย่ารอต่อได้
ล้างเหล่าอาธรรม์ให้บรรลัย อันตรายสิ่งใดอย่าบีฑา
ว่าแล้วพระอาจารย์ทั้งสี่องค์ ลาพระหริวงศ์นาถา
เหาะขึ้นยังพื้นเมฆา ไปสู่ศาลาด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระพรตพระสัตรุดเรืองศรี
เชิญฉลองพระบาทพระจักรี ใส่พานมณีชัชวาล
แล้วลาเพศจากชีป่า พอสุริยาเรืองแรงแสงฉาน
พาสามมารดานงคราญ มายังสถานโยธี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งเชิญฉลองบาท พระเชษฐาธิราชเรืองศรี
ขึ้นยังรถแก้วรูจี ให้คลายคลี่พหลโยธา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

โทน

๏ รถเอยรถเนาวรัตน์ พระพี่น้องสองกษัตริย์นั้นไปหน้า
อันรถสามสมเด็จพระมารดา งามดั่งมหาเวไชยันต์
ถัดมารถราชสุริย์วงศ์ รถฝูงอนงค์สาวสรรค์
ล้วนเทียมสินธพชาญฉกรรจ์ สารถียืนยันขับทะยาน
ประดับด้วยอภิรุมชุมสาย ธงชัยธงชายธงฉาน
ปี่กลองกึกก้องดงดาน หมู่พรานนำหน้าพลากร
เสียงรถเสียงทศโยธี สนั่นมี่ถํ้าธารสิงขร
ผงคลีชอุ่มอัมพร บทจรไปตามมรคา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ ข้ามธารผ่านทุ่งวุ้งเขา ตามลำเนาเนินทรายชายป่า
ให้คะนึงถึงองค์พระจักรา ชลนาคลอพักตร์แล้วถอนใจ
โอ้ว่าสมเด็จพระจักรี ป่านนี้พระองค์จะเป็นไฉน
จะพากันสัญจรนอนไพร หรือจะอยู่ที่ในศาลา
น้องหมายว่าเป็นเกือกทอง รองบาทบรมเชษฐา
น้อยใจด้วยไทเทวา จำให้จากบาทาสิบสี่ปี
เสียแรงที่เกิดร่วมวงศ์ พระนารายณ์ฤทธิรงค์เรืองศรี
มิได้โดยเสด็จจรลี ไปล้างเหล่าอสุรีพวกพาล
สองกษัตริย์ฟูมฟายชลเนตร แสนเทวษเพียงสิ้นสังขาร
ร้อนแรมมาในดงดาน ประมาณได้สิบห้าคืนวัน ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ ครั้นถึงปลายแดนอยุธยา จึ่งหยุดโยธาทัพขันธ์
สองกษัตริย์ย่างเยื้องจรจรัล ขึ้นสุวรรณพลับพลารูจี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ แล้วมีมธุรสพจนารถ สั่งมหาอำมาตย์ทั้งสี่
จงตั้งเป็นราชธานี ลงที่ต้นทางพนาดร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทั้งสี่เสนาชาญสมร
รับสั่งน้องพระสี่กร แล้วรีบบทจรออกไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ยานี

๏ จึ่งกะเกณฑ์กันบันดาล ตั้งปราการเรือนหลวงน้อยใหญ่
ทั้งทิมชาววังตำรวจใน ก็ได้ตามราชวาที
แล้วให้สมญาโดยนาม ชื่อประจันตคามบุรีศรี
แสนสนุกดั่งมหาธานี เป็นที่ผู้คนไปมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระพรตสุริย์วงศ์นาถา
ครั้นเสร็จซึ่งการพารา ผ่านฟ้ามีราชวาที
สั่งพระสัตรุดฤทธิรอน ให้เชิญพระมารดรทั้งสามศรี
ไปยังอยุธยาธานี กับมหามนตรีสุมันตัน
อีกทั้งฉลองพระบาท พระตรีภูวนาถรังสรรค์
ไว้ในปราสาทแก้วแพรวพรรณ เป็นมหาจรรโลงอยุธยา
สั่งแล้วน้อมเศียรอัญชุลี พระชนนีธิราชนาถา
อันตัวลูกนี้จะขอลา อยู่ท่าสมเด็จพระสี่กร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระสัตรุดฤทธิรงค์ทรงศร
ครั้นรุ่งแสงสีรวีวร ชุลีกรเชิญสามพระชนนี
มาขึ้นพิชัยรถทรง พร้อมหมู่อนงค์สาวศรี
ให้เลิกพหลโยธี คืนเข้าบุรีอยุธยา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ