สมุดไทยเล่มที่ ๑๖

๏ เมื่อนั้น ท้าวชนกจักรวรรดินาถา
ครอบครองไอศูรย์สวรรยา เป็นมหาจรรโลงเลิศไกร
ประกอบด้วยสนมศฤงคาร เสนาทวยหาญน้อยใหญ่
ไพร่ฟ้าประชาชนสำราญใจ ศัตรูหมู่ภัยไม่ราวี
จึ่งดำริถวิลในวิญญาณ์ ด้วยพระธิดาโฉมศรี
ชันษาก็ได้สิบหกปี ควรที่มีคู่ภิรมย์รัก
จำจะตั้งพิธียกศิลป์ บอกกษัตริย์ให้สิ้นทั้งไตรจักร
ใครยกได้จะให้นงลักษณ์ เป็นอัครชายายาใจ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ คิดแล้วพอดวงทินกร เยี่ยมยอดยุคุนธรเขาใหญ่
ก็สระสรงทรงเครื่องอำไพ ภูวไนยออกท้องพระโรงคัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์รัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรฉายฉัน
เสนาเกลื่อนกลาดอภิวันท์ ดั่งดาวล้อมจันทร์ในเมฆา
จึ่งมีพระราชบรรหาร แก่โหราจารย์ซ้ายขวา
กูจะอภิเษกพระธิดา ให้กษัตริย์มายกศิลป์ชัย
วันใดจะเป็นศุภผล ซึ่งจะทำมงคลพิธีใหญ่
จงพินิจพิเคราะห์ดูไป อย่าให้อันตรายราคี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ขุนโหรผู้เฒ่าทั้งสี่
รับสั่งพระองค์ทรงธรณี ก็ดูโดยคัมภีร์อันชำนาญ
ตั้งซึ่งสมผุสพระจันทร์ ลบบวกคูณกันตามฐาน
ได้อุดมฤกษ์ศุภวาร กราบกับบทมาลย์แล้วทูลไป
วันพฤหัสเดือนสี่ขึ้นสี่คํ่า อมฤตโชคฤกษ์ใหญ่
ควรจะตั้งพิธียกศิลป์ชัย ภูวไนยจะได้เขยรัก
สุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์เทเวศร์ เรืองเดชเลิศลํ้าพญาจักร
ไตรโลกจะได้พึ่งพัก เป็นหลักโลกาธาตรี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวชนกจักรวรรดิเรืองศรี
ได้ฟังดั่งทิพวารี จึ่งมีพจนารถบัญชา
เสนาจงตั้งมณฑปมาศ ให้โอภาสยอดเยี่ยมเวหา
แล้วเชิญธนูพระอิศรา มาวางไว้หน้าพระลานชัย
อันเหล่าคณะพระนักสิทธ์ ซึ่งสถิตอยู่ในป่าใหญ่
นิมนต์มาอ่านเวทสำรวมใจ ที่ในโรงราชพิธี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาผู้ใหญ่ทั้งสี่
รับสั่งถวายอัญชุลี ก็ออกมาจากที่พระโรงคัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ยานี

๏ จึ่งตั้งมณฑปสุวรรณรัตน์ สี่เหลี่ยมจำรัสฉายฉัน
สี่มุขช่อฟ้าหน้าบัน เพียงเวไชยันต์พิมานลอย
พื้นอาสน์ลาดพรมสุจหนี่ พวงมณีอัจกลับประดับห้อย
เพดานดาราระย้าย้อย แท่นธนูรายพลอยเนาวรัตน์
ฉัตรจรงธงชายหลายหลั่น ราชวัติแก้วกั้นตามขนัด
ใหญ่กว้างกลางกรุงจักรพรรดิ ก็จัดสำเร็จดั่งบัญชา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

ร่าย

๏ แล้วจึ่งสั่งขุนธรรมการ ไปนิมนต์พระอาจารย์ที่ในป่า
ให้สิ้นคณะพระสิทธา เข้ามายังราชธานี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งขุนธรรมการทั้งสี่
รับคำเสนาธิบดี ยอกรชุลีแล้วรีบไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ องค์พระดาบสผู้ใหญ่
แจ้งว่าพระทรงภพไตร ภูวไนยจะตั้งพิธีการ
ยกมหาโมลีธนูศิลป์ ของพระปิ่นไกรลาสราชฐาน
ให้นิมนต์พระองค์กับบริวาร ไปเป็นประธานในพิธี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายพระมหาฤๅษี
ได้ฟังมีความยินดี บอกคณะโยคีวุ่นไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ ต่างองค์ครองเครื่องนักพรต ถือกลดจับตาลิปัตรใหญ่
ออกจากอาศรมศาลาลัย บ่ายหน้าเข้าในพารา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงโรงราชพิธีการ พระอาจารย์ผู้ทรงสิกขา
ก็นั่งสำรวมกายา เหนืออาสน์รัตนารูจี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงกษัตริย์สุริย์วงศ์เรืองศรี
ทั่วทุกนัคราธานี ล้วนมีเสาวภาคย์ศักดา
แจ้งว่าท้าวชนกจักรวรรดิ ปิ่นกษัตริย์สุริย์วงศ์นาถา
ไปสร้างพรตอดใจภาวนา ได้พระธิดาวิลาวัณย์
ในดวงกุสุมปทุมทอง นวลละอองเพียงอัปสรสวรรค์
บัดนี้ลาพรตพรหมจรรย์ มาครอบครองเขตขัณฑ์ธานี
จะแต่งพระธิดาโฉมตรู ให้มีคู่ภิรมย์สมศรี
แม้นใครทรงกำลังฤทธี ยกมหาโมลีศิลป์ชัย
ขึ้นได้ก็จะให้เยาวมาลย์ บัดนี้ตั้งการพิธีใหญ่
ต่างองค์ใคร่ได้อรไท ก็ยกไปทุกกรุงกษัตรา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ มาถึงให้หยุดจัตุรงค์ ตั้งลงโดยซ้ายฝ่ายขวา
แต่ล้วนกองทัพพลับพลา ดาษดารอบราชธานี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระวสิษฐ์สวามิตรฤๅษี
จึ่งบอกพระลักษมณ์พระจักรี บัดนี้ท้าวชนกภูวไนย
มีพระบุตรีศรีสวัสดิ์ ให้ประชุมกษัตริย์น้อยใหญ่
จะยกมหาธนูชัย ที่ในกรุงมิถิลา
ศรนี้ของพระจอมไกรลาส ครั้งพิฆาตตรีบุรัมยักษา
ทรงอานุภาพมหิมา ชื่อมหาธนูโมลี
ถ้าว่าผู้ใดยกได้ ท้าวจะให้องค์นางโฉมศรี
บรรดากษัตริย์ทั้งธาตรี บัดนี้มาอยู่พร้อมกัน
สองเจ้าเป็นวงศ์เทเวศร์ ทรงเดชดั่งองค์พระสุริย์ฉัน
เขาจะแข่งฤทธิ์เอารางวัล หลานขวัญมาไปกับตา
ว่าแล้วทรงสไบคากรอง ครองเครื่องสำหรับชีป่า
พาสองสุริย์วงศ์กุมารา ออกจากศาลารีบไป ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด

๏ ข้ามธารผ่านทุ่งวุ้งเขา ตามลำเนามรรคาป่าใหญ่
ถึงมิถิลากรุงไกร ก็ตรงเข้าในทวารา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระหริวงศ์องค์นารายณ์นาถา
พิศดูนัคเรศมิถิลา สนุกดั่งเมืองฟ้าดุษฎี
ตึกกว้านร้านเรียบแถวถนน ประชาชนหญิงชายอึงมี่
โรงรถคชาพาชี มีสนามประลองคชไกร
อันแถวธงทิวริ้วฉัตร ดั่งจะดัดคันค้อมน้อมไสว
เหมือนจะเชิญเสด็จให้รีบไป พระองค์จะได้นางสีดา
ยิ่งพิศก็ยิ่งพิศวง งวยงงพระทัยกังขา
เดินพลางพลางทอดทัศนา เห็นปราสาทดั่งมหาเวไชยันต์
ห้ายอดล้วนแก้วแกมทอง หน้าบันลำยองฉายฉัน
สี่ทิศมีรูปสุบรรณ ยืนยันเหยียบยุดนาคา
พระชมแกลแก้วสุวรรณรัตน์ งามจำรัสดั่งเทพเลขา
พระเนตรสบเนตรนางสีดา เสน่หารุมรึงตรึงใจ ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสีดาเยาวยอดพิสมัย
แอบมองตามช่องบัญชรชัย นัยน์เนตรสบเนตรพระสี่กร
ความรักกลัดกลุ้มรุมสวาท ด้วยเคยรองบาทแต่ชาติก่อน
แสนสุดเสน่หาอาวรณ์ บังอรเพียงสิ้นสมประดี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระรามทรงสวัสดิ์รัศมี
แสนพิศวาสนางเทวี ดั่งหนึ่งอัคคีมาจ่อใจ
แต่หยุดเพ่งพิศเป็นครู่ หาทันรู้พระองค์ก็หาไม่
ต่อพระลักษมณ์นั้นทูลเตือนไป จึ่งได้สติคืนมา
เดินพลางทางเหลือบดูบัญชร อาวรณ์ด้วยความเสน่หา
ขืนใจไปตามพระสิทธา จนมาถึงโรงพิธี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางสีดามารศรี
พิศวงในองค์พระจักรี เทวีมิได้วางตา
แต่ชม้ายชายดูจนลับเนตร ยิ่งอาดูรพูนเทวษโหยหา
ไม่เห็นดำเนินกลับมา กัลยาสลดระทดใจ
ครั้นจะสืบถามใครให้รู้ ก็อดสูไม่ออกปากได้
แสนคะนึงถึงองค์ภูวไนย อาลัยเป็นพ้นพันทวี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายองค์หัสนัยน์เรืองศรี
แจ้งว่าท้าวชนกธิบดี จะให้พระลักษมีโสภา
มีคู่สู่สมภิรมย์รัก โดยศักดิ์สุริย์วงศ์นาถา
ตั้งพิธีเสี่ยงศรพระอิศรา จะเลือกหาภัสดาอันเรืองยศ
บัดนี้พระนารายณ์จะยกศิลป์ กษัตริย์ทั้งสิ้นก็มาหมด
หมายใจจะได้นางไปร่วมรส ประชุมในชนบทมิถิลา
จำกูจะไปเป็นประธาน ห้ามการที่จะเกิดเข่นฆ่า
คิดแล้วพาหมู่เทวา เหาะมาด้วยกำลังฤทธี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ โคมเวียน

๏ ครั้นถึงจึ่งขึ้นมณฑปแก้ว อันเพริศแพร้วจำรัสรัศมี
สถิตเหนือแท่นรัตนมณี ตามที่อัครราชเทวัญ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น ท้าวชนกจักรวรรดิรังสรรค์
ครั้นนักสิทธ์เทวามาพร้อมกัน ทรงธรรม์สระสรงคงคา
ทรงเครื่องประดับสำหรับองค์ อลงกตด้วยทิพย์ภูษา
พร้อมหมู่แสนสุรเสนา เสด็จมาโรงราชพิธี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งนั่งเหนืออาสน์ ยอกรอภิวาทน์โกสีย์
ทั้งคณะพระมหาโยคี ภูมีทอดทัศนาไป
เห็นกรุงกษัตริย์ทุกพารา เกลื่อนกล่นกันมาไม่นับได้
ล้วนแต่งองค์ทรงเครื่องอำไพ ดั่งเทวาที่ในโสฬส
เหลือบเห็นพระลักษมณ์พระราม งามกว่ากษัตริย์ทั้งปวงหมด
นั่งอยู่เบื้องหลังพระนักพรต ทรงยศจึ่งตรัสถามไป
อันสานุศิษย์พระอาจารย์ ถิ่นฐานบ้านเมืองอยู่ไหน
สุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ผู้ใด นามกรชื่อไรพระมุนี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทั้งสองพระมหาฤๅษี
จึ่งบอกท้าวชนกธิบดี รูปนี้อยู่แดนอยุธยา
อันสองเยาวราชกุมาร หลานท้าวอัชบาลนาถา
องค์นี้ทรงนามพระรามา อนุชานั้นชื่อว่าเจ้าลักษมณ์
หน่อท้าวทศรถสุริย์วงศ์ ดำรงอยุธยาอาณาจักร
บัญชาให้สองลูกรัก มาสำนักเล่าเรียนศิลป์ชัย
แจ้งว่าพระองค์ตั้งพิธี ยกศิลป์ครั้งนี้เป็นการใหญ่
จึ่งพามาดูเล่นสำราญใจ ด้วยไม่พบเห็นแต่ก่อนมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวชนกจักรวรรดินาถา
ได้ฟังพระมหาสิทธา ผ่านฟ้าตะลึงทั้งอินทรีย์
นิ่งนึกตรึกไปเป็นครู่ แล้วพิศดูพี่น้องสองศรี
งามดั่งดวงแก้วมณี รัศมีพรรณรายคล้ายกัน
อันเชษฐาซึ่งชื่อว่าราเมศ งามดั่งเทเวศร์ในสรวงสวรรค์
แม้นคู่กับสีดาวิลาวัณย์ ดั่งพระจันทร์เคียงดวงสุริยา
ไม่รู้ว่าพระวงศ์เทวราช ภูวนาถมีโอรสา
หาไม่จะให้พระธิดา เป็นบาทบริจาพระกุมาร
บัดนี้กษัตริย์ก็พร้อมพักตร์ ต่างต่างจักแข่งกำแหงหาญ
มิรู้ที่จะคิดบิดการ เสียดายองค์นงคราญวิไลวรรณ
คิดแล้วจึงกล่าวสุนทร ดูกรพระรามรังสรรค์
อันพระบิตุเรศของเจ้านั้น ทรงธรรม์ค่อยอยู่สวัสดี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระหริวงศ์องค์นารายณ์เรืองศรี
ได้ฟังพระราชวาที ชุลีกรสนองพระโองการ
อันพระบิตุรงค์ทรงเดช ครอบครองนคเรศเกษมศานต์
ทั้งไพร่ฟ้าผาสุกสำราญ อันตรายภัยพาลไม่บีฑา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวชนกจักรวรรดินาถา
ได้ฟังสุรเสียงพระรามา ดั่งอมฤตฟ้ายาใจ
ปรีชาว่าขานแหลมหลัก ทั่วทั้งไตรจักรไม่เปรียบได้
ยิ่งแสนเสน่หาอาลัย ภูวไนยตั้งสัจจาวาที
เดชะข้าครองทศพิธ ทั้งทรมานจิตเป็นฤๅษี
ด้วยไร้โอรสแลบุตรี ได้เทวีมาเลี้ยงเป็นธิดา
บัดนี้จะให้สืบสุริย์วงศ์ ดำรงพิภพไปภายหน้า
แม้กษัตริย์กรุงใดบรรดามา วาสนาควรคู่ด้วยลูกรัก
จงยกธนูโมลี คันนี้ขึ้นได้อย่าให้หนัก
ครั้นเสร็จเสี่ยงคู่นงลักษณ์ ทรงศักดิ์ให้ลั่นฆ้องชัย ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ สาธุการ

๏ เมื่อนั้น บรรดากรุงกษัตริย์น้อยใหญ่
ล้วนมีกำลังฤทธิไกร หมายใจจะชิงพระธิดา
ครั้นได้ยินฆ้องสำคัญตี ก็ลุกขึ้นทันทีพร้อมหน้า
เบียดเสียดเยียดยัดเข้ามา ฉุดคร่าวัดเหวี่ยงเถียงกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด เจรจา

๏ เมื่อนั้น หัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงศ์สวรรค์
เห็นกษัตริย์สุริย์วงศ์ทั้งนั้น ดึงดันถุ้งเถียงกันวุ่นไป
จึ่งมีเทวราชสุนทร ดูกรท้าวพญาน้อยใหญ่
อันซึ่งจะยกศิลป์ชัย ขององค์เจ้าไตรโลกา
มิใช่จะได้โดยง่าย อย่าวุ่นวายจงฟังเราว่า
ต่อผู้ใดใครมีฤทธา วาสนาคู่ควรเยาวมาลย์
จึ่งจะยกขึ้นได้ไม่หนัก ใช่จะหักเอาด้วยกำลังหาญ
ตัวเรามาอยู่เป็นประธาน อย่าลนลานจงผลัดกันมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายกรุงกษัตริย์ถ้วนหน้า
ได้ฟังเทวราชบัญชา ก็ปรีดาภิรมย์ประนมกร
นั่งเรียงเคียงกันเป็นอันดับ ตาจับอยู่ที่ธนูศร
ก็ทำโดยเทวสุนทร ต่างองค์ผลัดผ่อนกันเข้าไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ กรุงกษัตริย์เข้ายกทุกธานี แต่จะไหวจากที่ก็หาไม่
สิ้นฤทธิ์สิ้นกำลังสิ้นอาลัย อ่อนใจหน้าซีดสลดลง
แล้วคิดเสียดายสีดานัก ผ่องพักตร์แน่งน้อยนวลหง
ทอดถอนใจใหญ่อยู่ทุกองค์ ดั่งจะไม่ดำรงกายา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวชนกจักรวรรดินาถา
เห็นกษัตริย์ยกศิลป์ไม่เคลื่อนคลา ผ่านฟ้าเกษมเปรมปรีดิ์
จึ่งมีพระราชโองการ ดูกรกุมารทั้งสองศรี
ผู้วงศ์จักรพรรดิธิบดี บัดนี้สิ้นกษัตริย์ทุกพารา
เชิญเจ้าเข้ายกศรทรง ขององค์พระอิศวรนาถา
อย่าให้เสียทีที่ได้มา ดั้นดัดลัดป่าพนาวัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระรามสุริย์วงศ์รังสรรค์
รับสั่งแล้วถวายบังคมคัล จึ่งผันพักตร์มากล่าววาที
ดูกรองค์พระอนุชา แก้วตาผู้ร่วมชีวิตพี่
จงลองยกธนูโมลี ดูทีจะหนักสักเพียงใด ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ผู้มีอัชฌาสัย
บังคมก้มเกล้าแล้วออกไป ตามในพระราชบัญชา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งยื่นพระกร จับศรพระศุลีนาถา
แต่เขยื้อนก็แจ้งในวิญญาณ์ กลับมาเฝ้าองค์พระจักรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระรามทรงสวัสดิ์รัศมี
เห็นพระลักษมณ์กลับมาอัญชุลี รู้ทีอนุชาวิลาวัณย์
มีความชื่นชมโสมนัส ดั่งได้สมบัติสรวงสวรรค์
ก็เสด็จย่างเยื้องจรจรัล จากอาสน์สุวรรณอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งยื่นพระหัตถ์ขวา อันมีจักรลักขณาประภัสสร
งามดังงวงเทวกุญชร พระสี่กรจับคันศิลป์ชัย
อันมหาธนูสิทธิศักดิ์ จะหนักพระหัตถ์ก็หาไม่
ยกขึ้นได้คล่องว่องไว ภูวไนยกวัดแกว่งสำแดงฤทธิ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ หน่วงน้าวดีดสายประลองศิลป์ ฟ้าดินหวั่นไหวถึงดุสิต
เบื้องใต้ตลอดอโณทิศ เสียงสนั่นครรชิตอึงอล
เป็นพายุพัดก้องกัมปนาท อากาศมืดฟ้ามัวฝน
โพยมพยับอับแสงสุริยน แล้วสว่างทั่วสกลโลกา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงศา
เห็นพระหริรักษ์จักรา ยกมหาธนูว่องไว
ก็เป่าวิชัยยุทธ์มหาสังข์ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
โหรเฒ่าก็ลั่นฆ้องชัย โดยในมงคลสวัสดี
ชาวประโคมก็ประโคมฆ้องกลอง กาหลกึกก้องอึงมี่
เสนาไพร่ฟ้าประชาชี ยินดีอำนวยอวยพร
จงเป็นจรรโลงโลเกศ กับองค์อัคเรศดวงสมร
เฉลิมศรีสุริย์วงศ์สถาวร ขจรยศชั่วกัลปาไป ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายกรุงกษัตริย์น้อยใหญ่
เห็นพระหริวงศ์ทรงชัย ยกศิลป์ขึ้นได้ด้วยฤทธา
ทั้งรักทั้งอายเสียดายนาง ต่างต่างเศร้าโทมนัสสา
จะชิงชัยก็เกรงศักดา หน้าตาไม่เป็นสมประดี
จึ่งลาท้าวชนกจักรวรรดิ ทั้งองค์หัสนัยน์เรืองศรี
ก็เลิกพหลโยธี ออกจากบุรีแยกไป ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระจอมเมรุมาศเขาใหญ่
กับฝูงเทวาสุราลัย ชีไพรนักสิทธ์วิทยา
ต่างลาท้าวชนกจอมกษัตริย์ กับพระจักรรัตน์นาถา
บ้างเหาะบ้างเดินพสุธา ตรงมาที่อยู่พร้อมกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวชนกรังสรรค์
เสด็จส่งนักสิทธ์เทวัญ จึ่งบัญชาแก่สองพระมุนี
พระองค์ผู้ทรงตบะญาณ พาสองกุมารเรืองศรี
ดั้นดัดลัดป่าพนาลี ครั้งนี้เป็นบุญนำมา
อันซึ่งพระรามสุริย์วงศ์ กับองค์นางสีดาเสน่หา
ควรคู่สู่สมภิรมยา ใต้ฟ้าไม่มีใครเทียมทัน
ข้าจะให้ราชสารศรี ไปทวารวดีเขตขัณฑ์
เชิญองค์พระพงศ์เทวัญ ให้ทรงธรรม์มาทำวิวาห์การ
ตรัสแล้วจึ่งมีพจนารถ ให้อาลักษณ์ผู้ฉลาดแต่งสาร
กับเสนีที่ปรีชาชาญ ไปยังสถานอยุธยา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อาลักษณ์ผู้มียศถา
รับสั่งพระองค์ทรงศักดา ก็แต่งสาราทันที
จารึกลงในแผ่นทอง ใส่กล่องนพรัตน์จำรัสศรี
เสร็จแล้วส่งให้เสนี โดยมีบัญชาพระทรงธรรม์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งมหาเสนาคนขยัน
รับเอากล่องแก้วแพร้วพรรณ ก็พาพวกพลขันธ์รีบไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นมาถึงราชธานี ทวารวดีกรุงใหญ่
ไปยังศาลาลูกขุนใน ส่งสารนั้นให้แก่เสนา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุมันตันผู้มียศถา
รับสารพระผู้ผ่านมิถิลา พากันขึ้นเฝ้าพระจักรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ น้อมเศียรประณตบทบาท พระพงศ์เทวราชเรืองศรี
ทูลว่าท้าวชนกธิบดี ให้เสนีนำราชสารา
มาถวายใต้เบื้องบาทบงสุ์ พระผู้พงศ์จักรพรรดินาถา
ทูลแล้วเปิดกล่องรัตนา คลี่สาราออกอ่านถวายไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

ช้า

๏ ราชสารพระผู้ผ่านนคเรศ มงกุฎเกศมิถิลากรุงใหญ่
ทรงนามท้าวชนกฤทธิไกร อวยชัยโดยราชไมตรี
มายังพระองค์ทรงเดช ปิ่นเกศอยุธยาบุรีศรี
ดั่งฉัตรแก้วกั้นโมลี เป็นที่พำนักทั้งโลกา
ข้ามีบุตรีวิไลลักษณ์ ผิวพักตร์เพียงเทพเลขา
จึ่งประชุมกษัตริย์ทุกพารา ให้ยกมหาธนูชัย
ขององค์สมเด็จพระศุลี บัดนี้พระรามยกได้
ต่อหน้าอินทราสุราลัย ฤๅษีชีไพรพร้อมกัน
ขอเชิญพระองค์เสด็จมา ทำการวิวาห์เฉลิมขวัญ
จะได้สืบสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ ไว้เป็นจรรโลงธาตรี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถเรืองศรี
แจ้งสารสำราญอินทรีย์ ดั่งวารีทิพย์มาเจือใจ
จึ่งมีพระราชบัญชา ตรัสแก่ทูตาผู้ใหญ่
พระสิทธาพาลูกเราไป ชิงชัยกากนาอสุรินทร์
สำเนียงเสียงสนั่นลั่นมา ไม่รู้ว่าจะพาไปยกศิลป์
สองกรุงจะร่วมแผ่นดิน ไปสิ้นกัลปาช้านาน
ตรัสแล้วมีราชวาที สั่งขุนพาชีใจหาญ
จงไปหาสองราชกุมาร ยังสถานไกยเกษบุรีมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายขุนมโนมัยใจกล้า
รับสั่งถวายบังคมลา ขึ้นอาชาได้ก็รีบจร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงไกยเกษกรุงไกร มีใจชื่นชมสโมสร
ก็ลงจากหลังอัสดร บทจรเข้าพระโรงรูจี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ น้อมเศียรทูลสนองพระกุมาร โดยราชโองการถ้วนถี่
ว่าพระบิตุรงค์ทรงธรณี ให้ข้านี้มาเชิญเสด็จไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองกุมารผู้มีอัชฌาสัย
ได้แจ้งรับสั่งก็ดีใจ พากันไปเฝ้าพระอัยกา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ ครั้นถึงน้อมเศียรบังคมบาท ทูลไทธิราชนาถา
หลานรักขอถวายบังคมลา ไปยังอยุธยาพระนคร
ด้วยพระองค์มงกุฎสุธาธาร จะทำการวิวาห์พระทรงศร
กับองค์สีดาบังอร ที่ในนครมิถิลา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวไกยเกษนาถา
ได้ฟังพระราชนัดดา ผ่านฟ้าจึ่งกล่าววาที
เจ้าจงไปตามพระบรรหาร ให้ทันการวิวาห์เฉลิมศรี
แล้วทูลองค์พระทรงธรณี ว่าตานี้อำนวยอวยพร
มาถึงพระจอมจักรพรรดิ กับพระจักรรัตน์ทรงศร
ให้จำเริญสวัสดิ์สถาวร จงขจรยศทั่วโลกา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทั้งสองน้องนารายณ์นาถา
ก้มเกล้าดุษฎีชุลีลา กลับมายังที่ปราสาทชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึ่งมีพจนารถ ตรัสสั่งอำมาตย์ผู้ใหญ่
จงเตรียมพหลพลไกร เราจะไปอยุธยาธานี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งมหาเสนาทั้งสี่
รับสั่งพระองค์ทรงฤทธี ถวายอัญชุลีแล้วออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ จัดเป็นกระบวนพยุหบาตร เกลื่อนกลาดตามซ้ายฝ่ายขวา
ตั้งไว้สองข้างมรคา คอยองค์อนุชาพระสี่กร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระพรตพระสัตรุดชาญสมร
สระสรงทรงเครื่องอาภรณ์ บทจรมาขึ้นรถชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ให้เลิกจัตุรงค์พยุหบาตร ฆ้องกลองกัมปนาทหวาดไหว
ออกจากไกยเกษกรุงไกร ตรงไปอยุธยาธานี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งขึ้นไปเฝ้า พระปิ่นเกล้าบังเกิดเกศี
ถวายบังคมคัลอัญชุลี คอยฟังภูมีจะบัญชา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพงศ์จักรพรรดินาถา
ครั้นสองโอรสเสด็จมา จึ่งสั่งเสนาสุมันตัน
จงเตรียมคชาม้ารถ ทั้งทศโยธาแข็งขัน
แต่งตัวประกวดอวดกัน เลือกสรรนุ่งห่มโอฬาร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุมันตันผู้ปรีชาหาญ
ก้มเกล้ารับราชโองการ คลานออกมาจากพระโรงชัย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ยานี

๏ ให้องค์พระพรตเป็นทัพหน้า โยธาเพียบพื้นแผ่นดินไหว
อันพระสัตรุดวุฒิไกร ให้เป็นทัพหลังป้องกัน
ทัพหลวงทั้งสี่จัตุรงค์ โยธาอาจองแข็งขัน
นายช้างขี่ช้างซับมัน กุมขอหยัดยันกรีดกราย
ขุนม้าขี่ม้าดาวทอง ถือทวนพู่กรองเฉิดฉาย
ขุนรถขี่รถสุพรรณพราย ถือเกาทัณฑ์หมายปัจจามิตร
ขุนพลตรวจเตรียมพลไกร บ้างถือปืนไฟกระบี่กริช
เทียมทั้งรถทรงพระทรงฤทธิ์ รถประเทียบชวลิตรูจี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถเรืองศรี
ไสยาสน์ในราษราตรี เหนือที่แท่นแก้วอลงกรณ์
พระตรึกไปโดยในราชสาร จะทำการวิวาห์พระทรงศร
จนดาวเดือนเลื่อนลับคิรินทร แสงทองอ่อนอ่อนอำไพ
สนั่นเสียงคชาพาชี อึงมี่เพียงพื้นแผ่นดินไหว
แตรสังข์พิณพาทย์ฆ้องชัย พลไกรตื่นตาหากัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ก็เสด็จจากแท่นไสยาสน์ งามวิลาสดั่งเทพในสวรรค์
ชวนห้ากษัตริย์วิลาวัณย์ จรจรัลมาสรงชลธาร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ชำระสระสนานสำราญองค์ ทรงสุคนธ์กลิ่นกลบหอมหวาน
บิตุเรศเรืองเดชชัยชาญ กับสองพระกุมารโอรส
ทรงสนับเพลาพลอยทับทิมพราย ภูษาล้วนลายเครือขด
พระวรนาฏยอดอนงค์ทรงยศ ทรงพื้นทองหมดทั้งสามองค์
บิตุเรศโอรสทรงชายแครง ชายไหวลายแทงกระหนกหงส์
สามพระมเหสีสุริย์วงศ์ ทรงสไบตาดทองกรองชาย
ต่างทรงตาบทิศทับทรวง สังวาลแก้วชิงดวงสามสาย
สะอิ้งองค์กุดั่นสุพรรณพราย ประดับถันเพชรรายอร่ามเรือง
ทองกรพาหุรัดประดับบุษย์ ธำมรงค์เรือนครุฑทรงเครื่อง
มงกุฎแก้วนพรัตน์ค่าเมือง กรรเจียกจรเพชรเหลืองอลงการ์
พระบิตุเรศทรงพระขรรค์ฤทธิรอน พระโอรสจับศรงามสง่า
หกกษัตริย์เสาวภาคย์เพียงเทวา ตามกันเสด็จมาขึ้นรถ ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลง

โทน

๏ รถเอยราชรถแก้ว กงเลื่อมกำแล้วด้วยมรกต
ทรงงามสามงอนอ่อนชด แก้วบดกาบบังบัลลังก์ลอย
สี่มุขแสงมาศจำรัสรัตน์ บันสะบัดบุษบกกระหนกห้อย
ม่านทิศมาศทาบกระหนาบพลอย สามยอดสุกย้อยดั่งดวงจันทร์
เทียมสินธพสี่สีกุมุท ขุนรถขับรุดดั่งจักรผัน
เครื่องสูงครบสิ่งสลับกัน ธงฉัตรถัดชั้นธงทอง
เสียงฆ้องซ้องขานประสานสังข์ กลองดังกลางดงกึกก้อง
รถประเทียบเรียบท้ายรถทอง ต่างกองตามกันเป็นหลั่นมา
ช้างนำชั้นนอกเคียงแข่ง เดินแซงโดยซ้ายฝ่ายขวา
ขับรถเร่งรีบโยธา ไปตามมรรคาพนาลัย ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ ข้ามธารผ่านเนินสิงขร ประทับร้อนแรมมาในป่าใหญ่
จึ่งชวนสามสุดายาใจ ชมพรรณนกไม้ในไพรวัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ กระเหว่าจับกิ่งกระวานร้อง กระทุงทองจับไม้กะทั่งหัน
กระลุมพูจู่จับแสลงพัน เขาจับข่อยขันเคียงนาง
สาลิกาบินจับกิ่งแก้ว แซงแซวจับโศกไซ้หาง
คณายูงพาฝูงมาจับยาง นกลางจับเลียบเรียงรัน
อีลุ้มจับโลดโบยบิน กระทาจับไม้กระถินขัน
โนรีจับรักพลอดกัน เบญจวรรณจับหว้ารายเรียง
กางเขนจับแคแล้วร่อนร้อง ช่างทองจับกระทุ่มส่งเสียง
โคกม้าจับโมกมองเมียง นกเอี้ยงจับเอื้องเยื้องกราย
กระตั้วจับกิ่งตะเคียนเต้น นกกระเต็นจับตอต้นขลาย
กุลาโห่จับเหียงเรียงราย หว้าจับกอหวายแล้วบินไป ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ เดินทางตามหว่างพนาเวศ เข้าเขตมิถิลากรุงใหญ่
จึ่งให้หยุดพลสกลไกร โดยกระบวนพิชัยยาตรา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น ทั้งสามเสนีมียศถา
ก้มเกล้าถวายบังคมลา ก็รีบเข้ามาพระนคร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ ทูลองค์ท้าวชนกชาญสมร
ว่าข้านำสารพระภูธร ไปยังนครอยุธยา
พระองค์ผู้วงศ์เทเวศร์ แจ้งเหตุแสนโสมนัสสา
บัดนี้ยกพยุหโยธา มาหยุดอยู่นอกพระบุรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวชนกจักรวรรดิเรืองศรี
ได้แจ้งแห่งคำเสนี ภูมีชื่นชมด้วยสมคิด
ผินพักตร์มาข้างพระอวตาร แล้วมีโองการประกาศิต
เจ้าทั้งสององค์ผู้ทรงฤทธิ์ พระบิตุเรศเสด็จมา
พ่อจงไปเฝ้าบทรัตน์ พระจอมจักรพรรดินาถา
กับองค์พระราชมารดา เชิญเสด็จเข้ามายังธานี
ตรัสแล้วจึ่งมีพจนารถ สั่งเสนามาตย์ทั้งสี่
จงจัดพหลโยธี โดยเสด็จสองศรีพระกุมาร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาทั้งสี่ใจหาญ
ก้มเกล้ารับราชโองการ ก็คลานออกมาทันที ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจัดหมู่พลไกร ใส่เสื้ออำไพต่างสี
สองหมื่นพื้นรูปทรงดี ถือปทุมมาลีเป็นคู่กัน
ขุนม้าล้วนใส่เสื้อกรอง โพกแสดขลิบทองฉายฉัน
เจียระบาดคาดเอวทั้งห้าพ้น มือนั้นถือหางยูงกราย
มหาดเล็กล้วนลูกเสนา นุ่งห่มโอ่อ่าเฉิดฉาย
เตรียมทั้งรถแก้วแพรวพราย ไพร่นายคอยเสด็จบทจร ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระรามสุริย์วงศ์ทรงศร
กับองค์พระลักษมณ์ฤทธิรอน ชุลีกรท้าวชนกธิบดี
แล้วจึ่งเสด็จยุรยาตร งามดั่งเทวราชทั้งสองศรี
กรายกรย่างเยื้องจรลี มาขึ้นรถมณีพรายพรรณ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

๏ สารถีขี่ขับอัสดร เคลื่อนพวกนิกรพลขันธ์
ปี่ฆ้องกลองแห่นี่นัน เร่งกันไปตามมรคา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงให้หยุดรถทรง สององค์ลงจากรัถา
กรายกรนวยนาดยาตรา เข้ามาเฝ้าองค์พระภูธร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ น้อมเศียรประณตบทบาท พระบิตุรงค์ธิราชชาญสมร
กับสามสมเด็จพระมารดร ชุลีกรทูลความแต่ต้นมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถนาถา
ฟังลูกรักแจ้งกิจจา ปรีดาดั่งได้โสฬส
จึ่งมีพระราชวาที แก่หมู่เสนีทั้งหมด
จงเตรียมโยธาม้ารถ กำหนดให้พร้อมเพรียงกัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งมหาเสนาคนขยัน
รับสั่งพระองค์ทรงสุบรรณ ถวายบังคมคัลแล้วออกมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งเตรียมกระบวนพยุหบาตร เกลื่อนกลาดโดยซ้ายฝ่ายขวา
เป็นถ้องแถวตามแนวมรคา คอยท่าเสด็จจรจรัล ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศรถรังสรรค์
กับเจ็ดกษัตราวิลาวัณย์ ครั้นสุริยันส่องฟ้าธาตรี
ก็เข้าที่สระสรงทรงเครื่อง อร่ามเรืองจำรัสรัศมี
กรายกรย่างเยื้องจรลี มาขึ้นรถมณีอลงการ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

๏ เสด็จเหนือบัลลังก์รถทรง งามสง่าดั่งองค์พระสุริย์ฉาน
ให้เคลื่อนโยธีบริวาร เข้ายังราชฐานมิถิลา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น หญิงชายชาวเมืองถ้วนหน้า
แก่เฒ่าสาวหนุ่มกลุ้มมา แต่งตัวโอ่อ่าประกวดกัน
เยียดยัดอัดอึงแถวถนน เพียงธรณีดลจะหล่มลั่น
เห็นกระบวนทวนธนูเกาทัณฑ์ หลายหลั่นเรียบริ้วทิวธง
เห็นโฉมพระลักษมณ์พระจักรกฤษณ์ ต่างตะลึงเพ่งพิศพิศวง
ถึงกองหลวงพวงเพชรจัตุรงค์ เห็นพระองค์ทรงภพอยุธยา
เสด็จเหนือที่นั่งบัลลังก์รถ งามยศงามทรงงามสง่า
ดั่งบรมพรหเมศศักดา เสด็จมาสู่พื้นดินดอน
พระพรตพระสัตรุดสุดท้าย งามคล้ายกับองค์พระทรงศร
ต่างตนนบนิ้วประนมกร ถวายพรแซ่ซ้องทั้งบุรี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ชมตลาด

๏ เมื่อนั้น พระพงศ์เทเวศร์เรืองศรี
ขับรถเข้าราชธานี ภูมีชมเมืองมิถิลา
ดูพื้นเขื่อนเพชรกำแพงมาศ ถนนลาดศีลาลายดั่งเลขา
เชิงป้อมรายปืนจินดา ทวาราหอรบอร่ามเรือง
นางเรียงงามเรียบระเบียบรัตน์ ธงชายคั่นฉัตรขนัดเนื่อง
ปราสาทแลงามลอยเฉลิมเมือง แสงประเทืองเรืองเทียมประทีปราย
บุษบกหน้าบันสุบรรณพลิ้ว เหนี่ยวหางนาคหิ้วเผ่นผาย
พักตร์พรหมผ่องพริ้มดั่งยิ้มพราย แก้วปลายยอดปลีกระจ่างฟ้า
ท้องสนามแสนสนุกจนสุดเนตร ประลองเดชหัสดินสำแดงกล้า
ชมพลางทางเพลินจำเริญตา จนประทับเกยชลาอลงกรณ์ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ท้าวชนกจักรวรรดิชาญสมร
กับองค์อัครราชบังอร บทจรรับเสด็จภูมี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งตรัสปราศรัยคำรพ ขอเชิญพระจอมภพเรืองศรี
ขึ้นยังปราสาทแก้วมณี เป็นที่สำราญกายา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวทศรถนาถา
ได้ฟังสุนทรวาจา ดั่งอมฤตฟ้ายาใจ
จึ่งเสด็จจากราชรถทอง พักตร์ผ่องดั่งดวงแขไข
ท้าวชนกก็นำตามเสด็จไป เข้าในปราสาทแก้วแพรวพรรณ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ งามดั่งเทวราชในสรวงสวรรค์
ท่ามกลางสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ บังคมคัลเกลื่อนกลาดดาษดา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวชนกจักรวรรดินาถา
จึ่งมีสุนทรวาจา ปราศรัยโดยราชไมตรี
ครั้งนี้ทั้งสองพระนคร จะถาวรเป็นสุขเกษมศรี
ดั่งฉัตรแก้วกั้นโมลี ข้านี้จะฝากชีวัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์เทเวศร์รังสรรค์
ฟังท้าวชนกรำพัน พระทรงธรรม์จึ่งตอบสนองไป
ตัวเราได้แจ้งสารสวัสดิ์ โสมนัสไม่มีที่เปรียบได้
จึ่งยกรี้พลสกลไกร รอนแรมมาในหิมวา
หวังจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน ร่วมชีพชีวันไปวันหน้า
กว่าจะม้วยดินสิ้นฟ้า เป็นมหามงคลสวัสดี
สองกษัตริย์สนทนาปราศรัย จนอุทัยลับเหลี่ยมคีรีศรี
ต่างองค์ต่างเสด็จจรลี เข้าที่สิริศรีไสยา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ