เดือน ๘๘ จุลศักราช ๑๒๕๒

วันที่รัชกาล ๗๙๑๙ วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๑๗ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้นจากประชุมปฤกษาราชการข้างใน แล้วเสด็จออกขุนนางตามเคย พระยาศรีนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๗ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกพระยามหาอำมาตย์ข้าหลวงเมืองนครจำปาศักดิ์ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๑๐๙ ส่งเรื่องราวหลวงประมูลราชทรัพย์ ฉบับ ๑ ว่า ภาษีฝิ่นปี ๑๐๘ ได้ประมูลไว้ ๓๒ ชั่ง รวมทั้งเงินเดิมเปนเงิน ๔๔ ชั่ง ได้จำหน่ายฝิ่นหามีกำไรไม่ ปี ๑๐๙ ขอรับทำตามเดิมอีกจำนวน ๑ เจ้านครจำปาศักดิ์ได้ออกตราตั้งไปแล้ว

ฉบับ ๒ ว่า พระศรีพิทักษ์ข้าหลวงเมืองกุขันธ ตีโทรเลขมายังพระยามหาอำมาตย์ว่า อย่าให้มองซิเออเดอไมรี ซึ่งตั้งตัวเปนเจ้าแผ่นดินเซแดง เดินทางล่วงลัดเข้ามาในอาณาเขตรได้พระยามหาอำมาตย์ได้มีหนังสือกำชับสั่งไปถึงนายร้อยโทร้อยตรีทหาร แลเจ้าเมืองเชียงแตง เมืองอัตปือ } เมืองสาลวัน เมืองแสนปาง } แล้ว

ฉบับ ๓ ว่า พระยาราชเสนาข้าหลวงเมืองอุบลราชธานี ส่งเรื่องราวเจ้าเมืองเสลภูมกล่าวโทษเมืองยโสธรว่าถอนหลักเขตรแดนแลตั้งชำระความในเขตรแขวงเมืองเสลภูม ได้หาตัวเจ้าเมืองทั้งสองมาพร้อมกัน ได้ความว่ามีตราโปรดออกไปให้ปันเขตรเมืองยโสธรตามลำห้วยแก้วตกน้ำ เปนแขวงเมืองเสลภูม ได้ตัดสินตามท้องตราแล้ว

ฉบับ ๔ พระยาราชเสนามีหนังสือมาว่า หลวงคำนวนคัคณานต์ข้าหลวงทำแผนที่ จะไปบันจบกับหลวงสากลกิจประมวณที่หนองฟ้ายศ ต่อแดนญวน เขมร } พร้อมด้วยข้าหลวงฝรั่งเสศ ในวันที่ ๒๕ มีนาคม ๑๐๘ ให้พระยามหาอำมาตย์บังคับให้เจ้าเมืองกรมกาาจัดเสบียงอาหารออกไปส่ง

ฉบับ ๕ มีตราออกไปว่า ให้เอาเงินส่วยจัดซื้อม้า ๑๒ ม้า มอบให้ออฟฟิซเซอร์ทหารไว้ใช้ราชการ ม้าพระยามหาอำมาตย์ ๓ ม้า ม้าเจ้านครจำปาศักดิ์ ๕ ม้า รวม ๑๒ ม้า ยกถวายเปนของหลวงไม่ต้องซื้อ

ฉบับ ๖ ส่งต้นหนังสือนายร้อยโทนายพุ่ม ซึ่งรักษาราชการเมืองทองคำใหญ่ เมืองสาลวัน } อ้ายสองข่าขัดบ้านชีแจง คุมพวกเพื่อนประมาณ ๒๐ คนเศษ เข้าปล้นราษฎรเมืองสพาด ฆ่าราษฎรตาย ๒ คน ป่วย ๒ คน จับไปได้ ชาย ๒ หญิง ๑ } รวม ๓ คน พระยามหาอำมาตย์ได้มีหนังสือกำชับสั่งไปถึงนายร้อยโท แลท้าวเพี้ยกรมการแล้ว

ฉบับ ๗ บอกพระอินทราธิบาลข้าหลวงเมืองนครนายก ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๑๐๙ ว่าได้สืบจับผู้ร้ายได้ตัว อ้ายเปี่ยม อ้ายผูก } มาถามให้การรับเป็นสัตย์ว่าได้คุมพวกเพื่อน ๒๐ คน ปล้นเรือนจีนเล็กอำแดงจัน นายเทศ อำแดงจ้อย แลอำแดงเอี่ยม ได้ทรัพย์สิ่งของไปแบ่งปันกันในวัดโบถเมืองนครนายก ข้าหลวงได้แต่งให้กรมการออกสืบจับพวกเพื่อนต่อไป

พระสุรินทรามาตย์นำบอกในกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ ในบอกพระยาศรีสรราชภักดี พระนราธิราชภักดี ข้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๑๐๙ ว่า พระอนุรักษ์ได้ตั้งให้หลวงจิโยชนารักษ์ เป็นหัวน่าตระลาการแล้วกดขี่ราษฎร ราษฎรมาร้องต่อพระยาศรีสรราชภักดีเป็นเนื้อความหลายข้อ หลวงจิโยชนารู้ความแล้วหนีไป พระเทพธนพัฒนาเมืองกระบี่จับได้จำส่งมา หลวงจิโยชนาร้องว่าเปนคนอยู่สัปเยกต์อังกฤษจึ่งเอาประทวนตราตั้ง แลหนังสือเข้าสัปเยกต์มาตรวจดู ในประทวนตราตั้งแก่วันกว่าเข้าสัปเยกต์ ๒๕๕ วัน ข้าหลวงจึ่งให้หาคนมารับประกันตัวออก สอบสวนบาญชีต่อไป

จึ่งดำรัสด้วยกรมหลวงเทวะวงษ์วโรประการเสนาบดีว่าการต่างประเทศ ว่าพระยาศรีสรราชภักดีเข้าใจว่าหนังสือเดินทางเปนหนังสือเข้าสัปเยกต์เสียแล้ว ทำไมจึ่งจะรู้กันได้ เหมือนคนต่างประเทศมาอยู่เมืองเรา ไปไหนก็จะต้องขอหนังสือเดินทางของเราไปเท่านั้น พระยาศรีสรราชสงไสยผิด แล้วในหนังสือของเขาก็อ่อนกว่าตราตั้งของเรา ควรจะเอาตัวจำตรวนเร่งเอาตามอำนาจของเราได้

แล้วดำรัสกับเจ้าพระยาพลเทพที่สมุหพระกระลาโหมว่า พระอนุรักษ์โยธาทำเหลวไหลมาก ให้พระยาศรีสรราชภักดี เกาะเอาตัวมาเร่งเอาบาญชี เจ้าภาษีนายอากรที่เงินค้างให้ได้

เจ้าพระยาพลเทพจึ่งกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมว่า การที่พระอนุรักษ์โยธาตัวเจ้าภาษีนายอากร แลมีเงินหลวงค้างอยู่นั้น ถ้าเห็นว่าเจ้าภาษีนายอากรคนนั้นมีหลักถานมั่นคง ก็ควรข้าหลวงคนใหม่พอจะยอมรับเอากับเจ้าภาษีนายอากรได้ ถ้าเห็นว่าเจ้าภาษีนายอากรที่เงินหลวงค้างนั้นไม่แขงแรงก็ควรจะต้องเร่งเอากับพระอนุรักโยธา เพราะตัวเป็นข้าหลวง ตั้งคนไม่มีหลักถาน ทำให้พระราชทรัพย์ของหลวงตกค้าง

แล้วพระราชวรานุกูล นำเจ้าพระยาพลเทพที่สมุหพระกระลาโหม หลวงเทพราชแสนยา กราบถวายบังคมลาขึ้นไปจัดราชการเมืองนครเชียงใหม่ แล้วนำเจ้าบุรีรัตน์เมืองนครเชียงใหม่กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาราชการเมืองเชียงใหม่พร้อมกับเจ้าพระยาพลเทพ

จึ่งมีพระราชดำรัสอวยพรกับเจ้าพระยาพลเทพว่า ซึ่งจะขึ้นไปจัดราชการครั้งนี้ ขอให้สำเร็จดังพระราชประสงค์แลปราศจากทุกโศกโรคไภยซึ่งจะเบียดเบียน แล้วดำรัสสั่งกรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ อธิบดีในกรมพระอาลักษณ์ ให้เอาตรามหาวราภรณ์มงกุฎสยามชั้นที่ ๑ มาพระราชทานกับเจ้าพระยาพลเทพ (พุ่ม) ที่สมุหพระกระลาโหม แล้วดำรัสกับเจ้าพระยาพลเทพว่า จะได้เป็นเกียรติยศเสมอกับพระเจ้านครเชียงใหม่ จึงมีพระราชปฏิสัณฐารกับเจ้าบุรีรัตน์ตามสมควร แล้วดำรัสด้วยเจ้าพระยาพลเทพว่า การตำแหน่งกรมพระกระลาโหมว่างอยู่ขอให้สั่งพระยามนตรีสุริยวงษ์ให้รับการกรมพระกระลาโหมแทนไป จึ่งดำรัสต่อไปว่าการแต่ก่อนก็เคยมี ถ้าผู้ใหญ่ไม่อยู่ผู้น้อยในตำแหน่งนั้นต้องรับการแทนไปก่อน

แล้วดำรัสสั่งกรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ ให้เขียนสัญญาบัตรให้พระอัษฎงคตทิศรักษาผู้ว่าราชการเมืองกระบุรี เปนพระยา ๑ ผู้ว่าราชการเมืองตรัง

เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๙๒๐ วัน ๖ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๑๘ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

ไม่เสด็จออกขุนนาง มีแต่การประชุมปฤกษาราชการข้างใน.

วันที่รัชกาล ๗๙๒๑ วัน ๗ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๑๙ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

ไม่เสด็จออกขุนนาง มีแต่การประชุมปฤกษาราชการข้างใน เวลา ๒ ยามเศษ ทรงเครื่องใหญ่.

วันที่รัชกาล ๗๙๒๒ วัน ๑ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๒๐ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินออกทางประตูพรหมโสภา แล้วเสด็จมาทรงรถพระที่นั่งแต่หาได้มีกระบวนแห่นำตามเสด็จไม่ มีแต่รถพระที่นั่งทรงแลรถพระที่นั่งรองสองรถเท่านั้น ออกประตูพิมานไชยศรีวิเศษไชยศรี เลี้ยวป้อมเผด็จดัษกรประทับยุทธนาธิการ แล้วเสด็จกลับรถพระที่นั่งมาลงถนนข้างหอพระสุรัศวดี ข้ามตะพานวัดบุญศิริไปตามถนนวัดบวรนิเวศน์ อ้อมรอบพระนครชั้นใน แล้วลงทางถนนสีลมขึ้นถนนเจริญกรุง เวลาย่ำค่ำแล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

เวลายามเศษ เสด็จขึ้นจากประชุมปฤกษาราชการข้างใน แล้วเสด็จออกพระทวารกลางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท จึ่งพระยาวุฒิการบดีกรมพระธรรมการ นำพระคุณวงษ์วัดปรมัยยิกาวาศ ถวายงาช้างจำหลักเป็นรูปเทวดาอย่างลาว ๒ กิ่ง ประทับทอดพระเนตรแลรับสั่งถามตามสมควร แล้วเสด็จมาประทับที่ออกขุนนางตามเคย

จึ่งหลวงจินดารักษ์ นำบอกในกรมมหาดไทย ขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๖ ฉบับๆ หนึ่งบอกพระยามหาอำมาตย์ข้าหลวงเมืองนครจำปาศักดิ์ ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๑๐๘ ว่า เมืองสุวรรณภูม เก็บเงินส่วยจากตัวไพร่ ได้ ๑๕๒ ชั่ง มอบให้พระยามหาอำมาตย์ไว้ ถ้าพระยามหาอำมาตย์กลับเข้ามากรุงเทพฯ จึ่งกลับคุมลงมาส่ง

ฉบับ ๒ บอกเมืองสุวรรณภูม ลงวันที่ ๑ มิถุนายน ๑๐๙ ว่า เก็บเงินแทนผลเร่วกับตัวไพร่ได้ ๑๐๐ ชั่ง มอบให้ราชบุตรท้าวเพี้ยคุมมาส่ง

ฉบับ ๓ บอกขอหลวงศรีวรวงษ์ เปนที่ราชบุตรเมืองสุวรรณภูม

ฉบับ ๔ ว่า ได้รับหีบศิลาน่าเพลิง ของพระราชทานผ้าขาว ๒ พับ ร่ม ๒๐ คัน รองเท้า ๒๐ คู่ ขึ้นไปเผาศพเจ้าเมืองพยัคฆภูมพิไสย วันที่ ๑ เมษายน ได้ทำการเผาศพเสร็จแล้ว ขอถวายพระราชกุศล

ฉบับ ๕ ว่า มีตราโปรดเกล้า ฯ ออกไปให้ทำบาญชีตัวเลขเมืองสุวรรณภูมแลเมืองขึ้นให้สิ้นจำนวนคน บัดนี้เมืองสุวรรณภูมต้องแบ่งเขตรแดนให้ตามท้องตรา คือเมืองเกษตรวิไสย พนมไพร พยัคฆภูม } เมืองมหาสาละคามก็แบ่งเอาไปตั้งเป็นเมืองวาปีประทุมขึ้นใหม่เมืองหนึ่ง เมืองสุรินทร์ก็แบ่งเอาไปตั้งเป็นเมืองจุมพลบุรีขึ้นใหม่เมืองหนึ่ง เมืองศีศะเกษก็เอาไปตั้งเป็นเมืองราษีไสลขึ้นใหม่เมืองหนึ่ง แล้วเมืองเหล่านี้ก็หาบอกบาญชีตัวเลขให้ไม่

ฉบับ ๖ ว่า มีตราโปรดเกล้า ฯ ออกไป ให้เอาเงินส่วยจัดซื้อช้างไปส่งพระยาสุรเดชข้าหลวงเมืองหนองคาย ได้ซื้อช้างหลายตัวหนึ่งราคา ๑๑ ชั่ง ช้างพังตัวหนึ่งราคา ๖ ชั่ง ๗ ตำลึง มอบให้ท้าวเพี้ยคุมไปส่งแล้ว

จึ่งดำรัสให้พระยาศรีมีตราออกไป ถึงพระยามหาอำมาตย์แลพระพิศณุเทพเมืองนครจำปาศักดิ์ถึงพระยาราชเสนาเมืองอุบลราชธานี ความต้องกันว่าให้ข้าหลวงทั้งสองหัวเมือง มาวัดเขตรแดนที่เจ้าเมืองวิวาทกันพร้อมด้วยเจ้าเมืองทั้งสอง แล้วให้พระยาราชเสนาทำแผนที่ส่งเข้ามายังกรุงเทพ ถ้าเมืองหนึ่งเมืองใดที่ขอตั้งเมืองขึ้นใหม่ไม่ใช่เขตรแขวงของตัว ไปลักเอาเขตรแขวงของเมืองอื่นมาตั้งเป็นเมืองขึ้นของตัว ก็จะให้ยกเมืองนั้นเลิกถอนเสีย

พระสุรินทรามาตย์นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๑ ฉบับ บอกเมืองกาญจนบุรี ลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๑๐๙ ว่า ได้ส่งเงินแทนทองคำส่วย ปีชวดสัมฤทธิศก เลข ๓๙ คน ๆ ละ ๓ สลึง ทองคำหนัก๕ ตำลึงบาท คิดบาทละ ๑๖ เป็นเงิน ๔ ชั่ง ๔ ตำลึง พระราชทานสิบชักสอง คงส่ง ๓ ชั่ง ๙ ตำลึงเสร็จแล้ว

จึ่งพระยาศรีนำหลวงศรีวรวงษ์ ผู้จะเปนที่ราชบุตรเมืองสุวรรณภูมิ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ถวายผ้าไหมสีต่าง ๆ ๗ ผืน

เวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๙๒๓ วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๒๑ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกแล้วมาทรงรถพระที่นั่งอย่างไปรเวตตามเคย ประพาศถนนรอบพระนครชั้นใน เวลาย่ำค่ำแล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

เวลายามเศษขึ้นจากประชุมปฤกษาราชการข้างในแล้วเสด็จออกขุนนางตามเคย

หลวงจินดารักษ์นำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ ฉบับ ๑ บอกเมืองลพบุรี ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๑๐๙ ขอถวายพระราชกุศลในการผูกพัทธสิมาวัดโคกตลุง

ฉบับ ๒ ว่า เจ้าอธิการปั้นวัดโพสี กับราษฎรขอที่ผูกพัทธสิมาวัดโพสี กว้าง ๗ วา ยาว ๑๐ วา แขวงเมืองลพบุรี

ฉบับ ๓ บอกเมืองเพชรบูรณ์ ลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๑๐๘ ว่า ได้จัดเครื่องราชบรรณาการจำนวนปีชวดสัมฤทธิศก ขอนดอก ๒ ท่อน แหม่ง ๑๐๐ ชลอม เนียม ๑๐๐ ชลอม เสื่อลวด ๑๔ เสื่อ ขี้ผึ้งหนัก ๒๐ ชั่ง เงินแทนต้นไม้ทองเงิน } ๑๓ ตำลึง มอบให้กรมการคุมลงมาส่ง

ฉบับ ๔ บอกพระพิเรนทรเทพข้าหลวงเมืองนครราชสีห์มา ลงวันที่ ๕ มิถุนายน ๑๐๙ ว่า พระภักดีนุชิตผู้ช่วยราชการแลเป็นข้าหลวงเสนาด้วย ป่วยเป็นไข้จับถึงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๑๐๙ ถึงแก่กรรม

พระสุรินทรามาตย์นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๑ ฉบับ บอกเมืองเพ็ชรบุรี ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๑๐๙ ถวายพระราชกุศลในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนา ในวันที่ ๓๐ เมษายน ๑๐๙ แล้ว

จึ่งดำรัสด้วยพระยามนตรีสุริยวงษ์ว่า ให้ทำการกรมพระกระลาโหมแทนเจ้าพระยาพลเทพไปก่อนให้ใส่ชื่อในหนังสือท้องตราว่าพระยามนตรีสุริยวงษ์เท่านั้น แล้วให้ใช้ตราจุลคชสีห์มุรธาธร แล้วดำรัสสั่งให้พระยามนตรีมาเฝ้าในที่ประชุมปฤกษาราชการข้างในด้วย

แล้วดำรัสต่อไปว่าพระศรีโลหะเมืองระนองก็รับราชการมานานแล้ว จนน้องก็ได้เปนพระยาบ้างแล้ว ควรจะเลื่อนให้พระศรีโลหะเป็นพระยาเสียบ้าง

แล้วพระยาศรีนำอุปฮาด ๑ ราชบุตร ๑ เมืองทองคำใหญ่ พระอินทรศรีวิไชยเจ้าเมืองสหาด ๑ รวม ๓ นายกราบถวายบังคมลากลับออกไปรักษาราชการบ้านเมือง โปรดเกล้า ฯ ให้พระราชทานเครื่องยศตามสมควร

แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้พระอัศฎงคตทิศรักษาผู้ว่าราชการเมืองกระบุรี เปนพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ผู้ว่าราชการเมืองตรัง คงถือศักดินา ๓๐๐๐

ให้จีนจุ้ย เป็นหมื่นคฤสโตปะการ อำเภอจีนเข้ารีดแชวงเมืองนครเขื่อนขันธ์ สำหรับรับธุระว่ากล่าวฝ่ายจีน ที่ถือสาศนาโรมันกาทอลิก บันดาอยู่ในเขตรแขวงของตัวทั้งสิ้น ถือศักดินา ๒๐๐

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๙๒๔ วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๒๒ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จทรงรถพระที่นั่งอย่างไปรเวตตามเคย ไปตามถนนบำรุงเมืองออกประตูสามยอดถึงถนนตก เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับถึงพระบรมมหาราชวัง

วันนี้ไม่เสด็จออกขุนนาง.

วันที่รัชกาล ๗๙๒๕ วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๒๓ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จทรงรถพระที่นั่งอย่างไปรเวตตามเคย ไปตามถนนบำรุงเมือง เลี้ยวสี่แยกไปตามน่าวัดมหรรณ์ แล้วเลี้ยวลงน่าวัดบุญศิริ ไปตามถนนข้างหอพระสุรัศวดี แล้วอ้อมรอบทุ่งพระเมรุ แล้วเลี้ยวไปตามถนนน่าประตูวิเศษไชยศรีประทับทอดพระเนตรที่ท่าช้าง เวลาทุ่มเศษ เสด็จกลับถึงพระบรมมหาราชวัง

วันนี้ไม่เสด็จออกขุนนาง.

วันที่รัชกาล ๗๙๒๖ วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๒๔ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จทรงรถพระที่นั่งแต่เป็นกระบวนข้างในอย่างไปรเวตตามเคย เสด็จประพาศทางถนนใหม่ออกประตูสามยอดถึงถนนตกบางรัก เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับถึงพระบรมมหาราชวัง วันนี้ตั้งการสวดมนต์ที่หอธรรมสังเวช เปนการบันจบร้อยวันพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงโกมลเสาวมาลที่สิ้นพระชนม์ แต่วันที่ ๑๙ เมษายน ๑๐๙ เวลา ๒ ทุ่มเศษ โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพรเสด็จไปจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ ๑๕ รูปเจริญพระพุทธมนต์ ของหลวงกันท์ของหลวง จบแล้วถวายไตรย์แลเครื่องบริกขารตามสมควร.

วันนี้ไม่เสด็จออกขุนนาง.

วันที่รัชกาล ๗๙๒๗ วัน ๖ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๒๕ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาเช้าโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าชายอาภากรเกียรติวงษ์ เสด็จไปเลี้ยงพระที่หอธรรมสังเวชเสร็จแล้ว มีสดับปกรณ์ของหลวง พระสงฆ์วัดสุทัศน์เทพวราราม ๑๐๐ รูป ของเจ้าภาพ – พระสงฆ์วัดมหรรณพาราม ๕๐ รูป

เวลาบ่ายหม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา เทศนาอนัตลักขณสูตรกัณฑ์หนึ่ง เป็นกัณฑ์ของเจ้าภาพ

เวลาทุ่มเศษเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย ในการพิธีเวียนเทียนสมโภชทรงผนวชเณร คือพระองค์เจ้าพิพัฒน์พิสิฐพงษ์ ในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมีกรมพระจักรพรรดิพงษ์ หม่อมเจ้านพมาศ ในพระบวรวงษ์เธอ กรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ์ เวียนเทียนสมโภชเสร็จแล้ว ทรงเจิม เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

เวลายามเศษโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าชายอาภากรเกียรติวงษ์ เสด็จไปจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ ๑๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์ที่หอธรรมสังเวช ของหลวง ๑๐ รูป ของเจ้าภาพ ๕ รูป รวม ๑๕ รูป มีสมเด็จพระพุฒาจาริย์เปนประธานสงฆ์จบลงแล้ว พระพรหมมุนีถวายเทศนาอนัตลักขณสูตรกัณฑ์หนึ่งเปนกัณฑ์ของหลวงทรงถวายไตรแลเครื่องบริขารตามสมควร

วันที่รัชกาล ๗๙๒๘ วัน ๗ ๑๐ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๒๖ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาเช้าโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมติวงษ์วโรทัย เสด็จไปเลี้ยงพระที่หอธรรมสังเวชเสร็จแล้ว พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ถวายเทศนาอาทิตตปริยายสูตรกัณฑ์หนึ่งเป็นกัณฑ์ของหลวงจบแล้วทรงถวายไตรแลเครื่องบริขารตามสมควร มีสดับปกรณ์ของหลวงวัดอรุณราชวราราม ๑๐๐ ของเจ้าภาพวัดรังษีสุธาวาศ ๕๐

เวลาบ่ายพระญาณรักขิตถวายเทศนากัณฑ์หนึ่ง ของเจ้าภาพ

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมติวงษ์วโรทัยเสด็จไปวัดพระศรีรัตนสาศดารามประทานไตรทรงผนวช พระองค์เจ้านิพัฒนพิสิฐพงษ์ หม่อมเจ้านพมาศ ทั้งสองพระองค์นี้ทรงผนวชเณรแต่หม่อมเจ้าอำพร ในพระบวรวงษ์เธอ กรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ์ ทรงผนวชเณรอยู่วัดโสมนัศวิหารแล้ว มาทรงผนวชพระในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนสาศดารามด้วย

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จโดยพระราชยาน ไปประทับวัดพระศรีรัตนสาศดาราม ทรงถวายเครื่องบริขาร พระองค์เจ้าเณร ๑ หม่อมเจ้าพระ ๑ หม่อมเจ้าเณร ๑ ทั้งสามพระองค์เสร็จแล้วพระสงฆ์ก็ถวายอดิเรกพระพรลากลับ แล้วเสด็จพระราชดำเนินจากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนสาศดารามมาทรงรถพระที่นั่ง ที่ประตูเกยหลังพระอุโบสถอย่างไปรเวศตามเคย ไปตามถนนบำรุงเมืองอ้อมขึ้นถนนเจริญกรุง เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับถึงพระบรมมหาราชวัง

เวลายามเศษโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงษ์เสด็จไปจุดเทียนเครื่องนมัสการที่หอธรรมสังเวช พระสงฆ์ ๑๕ รูปเจริญพระพุทธมนต์ ของหลวง ๑๐ รูป ของเจ้าภาพ ๕ รูป รวมพระสงฆ์ ๑๕ รูป มีหม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรตเปนประธานสงฆ์จบแล้ว พระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร ถวายเทศนาอาทิตปริยายสูตรกัณฑ์หนึ่ง เปนกัณฑ์ของหลวงทรงถวายผ้าไตรแลเครื่องบริขารตามสมควร

วันที่รัชกาล ๗๙๒๙ วัน ๑ ๑๑ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๒๗ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาเช้าโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงษ์ เสด็จไปเลี้ยงพระที่หอธรรมสังเวชเสร็จแล้ว มีสดับปกรณ์ ของหลวงวัดมหาธาตุ ๑๐๐ วัดเทพธิดา ๕๐ ของเจ้าภาพ แล้วพระพินิจพินัยถวายเทศนาสารานิยกรกัณฑ์หนึ่งของเจ้าภาพ

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกทรงรถพระที่นั่งอย่างไปรเวศตามเคย ไปตามถนนเจริญกรุง ประทับรถพระที่นั่งที่ประตูเชิงตะพานหัน เสด็จพระราชดำเนินไปตามถนนท้องสามเพ็งไปออกทางตลาดน้อยถนนเจริญกรุง เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับถึงพระบรมมหาราชวัง

แล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท เสด็จไปประทับองค์ด้านบุรพทิศตวันออก โปรดเกล้า ฯ ให้นิมนต์พระสงฆราชาคณะ พระครูถานานุกรมอับดับที่จะได้รับของขึ้นกุฎใหม่มาถวายเครื่องบริขาร โดยลำดับ มีพระสังวรวิมล ๑ พระอันดับ ๕ รวม ๖ รูป วัดราชโอรสาราม พระครูศีลขันธ์สุนทร ๑ อันดับ ๔ รวม ๕ รูป วัดนางชี พระครูสังวรศิลวัตร ๑ ถานา ๑ อันดับ ๒ รวม ๔ รูป วัดวงษ์มูลวิหาร

พระครูสังฆวิสุทธิคุณ ๑ ถานา ๒ อันดับ ๘ รวม ๑๑ รูป วัดนวนนรดิฐ

พระครูอุดมศิลคุณ ๑ ถานา ๒ อันดับ ๕ รวม ๘ รูป วัดศรีสุริยวงษ์ราชบุรี รวมพระราชาคณะ ๑ พระครู ๓ ถานานุกรม ๕ อันดับ ๒๔ มีพระสุเมธาจาริย์นำเปนประธานสงฆ์ ๑ รวมพระสงฆ์ ๓๔ รูป เข้ามานั่งตามลำดับเสร็จแล้ว ทรงถวายไตรผ้าสลับแพรแลเครื่องบริจารพร้อมแก่พระราชาคณะ ๑ ทรงถวายไตรผ้าเนื้อดีบริขารพร้อมแก่พระครูทั้ง ๓ รูป

แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศิริธัชสังกาศ กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ พระองค์เจ้าไชยันต์มงคลทั้ง ๔ พระองค์ ถวายผ้าไตรเกณฑ์ใช้แก่พระถานานุกรมแลถวายสบงจีวรกราบพระแก่พระสงฆ์อันดับทั่วกัน ถานานุกรมแลอันดับมีบริขารเหมือนกันตามสมควร พระสงฆ์รับบริขารแล้ว ถวายอนุโมทนากลับ

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น วันนี้ไม่เสด็จออกขุนนาง มีแต่การประชุมปฤกษาราชการข้างใน,

วันที่รัชกาล ๗๙๓๐ วัน ๒ ๑๒ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๒๘ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

วันนี้เปนวันบรรจบวันสิ้นพระชนม์ กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ เจ้าพนักงานจัดการที่พระพุทธมณเฑียรตามเคย

เวลาเช้าโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสมมติวงษ์วโรทัยเสด็จไปเลี้ยงพระสงฆ์ ๑๐ รูป คือวัดเทพศิรินทราวาศ ๙ รูป วัดราชบพิธ ๑ รูป รวมพระสงฆ์ ๑๐ รูป มีหม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรตเปนประธาน สงฆ์ฉันเสร็จแล้ว ทรงทอดผ้าไตรสดับปกรณ์ พระสงฆ์ ๑๐ รูปที่รับพระราชทานฉันแล้วถวายอนุโมทนากลับ มีสดับปกรณ์รายร้อยวัดราชบุรณอีก ๑๐๐

เวลาทุ่มเศษโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จไปจุดเทียนเครื่องนมัสการที่ทระพุทธมณเฑียร พระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานฉันเช้าแล้ว ได้มาเจริญพระพุทธมนต์จบแล้ว พระอริยมุนีกวายเทศนาอัปมาทธรรมกัณฑ์หนึ่งจบแล้ว ทรงถวายไตรแลเครื่องบริขารตามสมควร

วันนี้ไม่เสด็จออกขุนนาง มีแต่การประชุมปฤกษาราชการข้างใน.

วันที่รัชกาล ๗๙๓๑ วัน ๓ ๑๓ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๒๙ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่งอย่างไปรเวตตามเคย ไปประทับรถพระที่นั่งที่ยุทธนาธิการ แล้วเสด็จพระราชดำเนินตามถนนไปตะพานศีศะเข้ แล้วเสด็จทรงรถพระที่นั่งกลับพระบรมมหาราชวังเวลาทุ่มเศษ

วันนี้ เจ้าพนักงานจัดการที่พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย พระสงฆ์ ๒๐ รูปจะได้เจริญพระพุทธมนต์ในการพระราชพิธีฉลองเทียนประจำพรรษา มีหม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์ธรรมเจดีย์เปนประธาน เสร็จแล้วเวลายามเศษโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงษ์ เสด็จไปจุดเทียนเครื่องนมัสการที่พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย พระสงฆ์ ๒๐ รูปเจริญพระพุทธมนต์

วันนี้ไม่เสด็จออกขุนนาง มีแต่การประชุมปฤกษาราชการข้างใน.

วันที่รัชกาล ๗๙๓๒ วัน ๔ ๑๔ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๓๐ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาเช้าโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จไปเลี้ยงพระสงฆ์ ๒๐ รูปที่พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัยเสร็จแล้ว ทรงถวายเครื่องบริขารตามสมควร

วันนี้เจ้าพนักงานจัดทอดพระโธรณที่ประทับออกแขกเมืองที่น่าห้องไปรเวศ พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทด้านบุรพทิศตวันออกเสร็จแล้ว

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับพระโธรนแล้ว จึ่งพระยามนตรีสุริยวงษ์ ผู้รับการแทนเจ้าพระยาหลเทพที่สมุหพระกระลาโหม พระยานรินทร์ราชเสนี พระสุรินทรามาตย์ นำพระโยธีประดียุทธ ฯ รายามุดา ๑ พระรัษฎาธิบดีบุตรบุรุษพิเศษ ผู้ช่วยราชการ ๑ ตนกูมุดากะจิ บุตรพระยากลันตัน ๑ ดาโต๊ะลักษมานา ดาโต๊ะบันดารา } ศรีตวันกรมการ ๒ รวม ๕ นายเมืองกลันตันเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท

แล้วบาญชีสิ่งของเครื่องราชบรรณาการพระยาพิพิธภักดี ๑ พระยากลันตัน ๑ พระโยธีประดียุทธ ๑ รายามุดา ๑ พระรัษฎาธิบดีบุตร บุรุษพิเศษ ผู้ช่วยราชการ ๑ คือถาดทองคำเท้าปุ่ม ๑ ตลับทองคำอย่างแขก ๔ ตลับ ตลับขี้ผึ้งทองคำ ๑ ตลับแปดเหลี่ยมทองคำ ๒ ตลับ ซองพลูทองคำ ๑ กรรไกรทองคำ ๑ ทองคำลิ่มหนัก ๑๐ ตำลึงแขก รวมทั้งสิ้นเปนทองคำหนัก ๓๐ ตำลึงแขก กับผ้าสะโหร่งไหม ๒๐ ผืน ขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวาย

จึ่งมีพระราชปฏิสัณฐารไต่ถามโดยสมควร แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระยามนตรีสุริยวงษ์ นำพระโยธีประดียุทธ พระรัษฎาบุตรบุรุษพิเศษ ตนกูมุดากะจิเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในห้องไปรเวต ประทับอยู่จนเวลาย่ำค่ำแล้วเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๙๓๓ วัน ๕ ๑๕ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๓๑ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาเช้าโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงษ์ เสด็จไปเลี้ยงพระสงฆ์ ๓๐ รูปที่วัดพระศรีรัตนสาศดาราม มีพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เปนประธานสงฆ์เสร็จแล้ว

เวลาเที่ยงแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จโดยพระราชยานแต่เกยน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทไปประทับวัดพระศรีรัตนสาศดาราม เสด็จพระราชดำเนินเข้าในพระอุโบสถทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการจำพรรษาแล้ว ทรงถวายพุ่มกับพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แลพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส แล้วโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ แลพระเจ้าลูกเธอ ถวายต่อไป พระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานพุ่มทั่วกันแล้ว ถวายอนุโมทนากลับ เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จกลับ

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่ง เปนกระบวนข้างในอย่างไปรเวตตามเคย ออกประตูวิเศษไชยศรี เลี้ยวป้อมเผด็จดัษกรไปตามถนนน่าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ ประทับรถพระที่นั่งที่ห้างหลวงปฏิบัติราชประสงค์ปากคลองตลาด แล้วเสด็จกลับรถพระที่นั่งมาตามถนนบำรุงเมือง เลี้ยวไปตามถนนประทับวัดบวรนิเวศน์ แล้วเสด็จพระราชดำเนินเข้าในพระอุโบสถทรงจุดเทียนจำพรรษาพระชิณศรี เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับถึงพระบรมมหาราชวัง

เวลาค่ำมีพระสงฆ์ ๓๐ รูป จะได้เจริญพระพุทธมนต์เวร ที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ มีพระกิติสารมุนีเปนประธานสงฆ์

เวลาทุ่มเศษโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงษ์ เสด็จไปจุดเทียนเครื่องนมัสการ

วันนี้เป็นวันพระ

วันที่รัชกาล ๗๙๓๔ วัน ๖ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๑ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาเช้าเจ้าพนักงานจัดการที่พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย พระสงฆ์ ๓๕ รูป ที่ได้เจริญพระพุทธมนต์ในพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ มาคอยรับพระราชทานฉันแลสดับปกรณ์กาลานุกาลตามเคย เวลาเช้า ๕ โมงเศษ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จไปเลี้ยงพระเสร็จแล้ว ทรงทอดผ้าฉลากสดับปกรณ์พระบรมอัฐิแลพระอัฐิซึ่งประดิษฐานเหนือพระที่นั่งเสวตรฉัตรแลโต๊ะจีนรวม ๓๐ พระโกษฐ์ ผ้าฉลากสดับปกรณ์พระสงฆ์ ๓๐ รูป มีพระกิติสารมุนีเปนประธานสงฆ์ แล้วมีสดับปกรณ์รายร้อยอีก ๕๐๐ รูป แลสดับปกรณ์ที่พระราชวังบวรอีก ๕ รูป

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จทรงรถพระที่นั่งประพาศถนนตามเคย ไปประทับน่าพระอุโบสถวัดราชบุรณ จะเสด็จพระราชดำเนินเข้าไปจุดเทียนเครื่องนมัสการในพระอุโบสถ ทราบว่าพระสงฆ์ลงพระอุโบสถจำพรรษาแล้ว จึ่งเสด็จรถพระที่นั่งไปตามถนนรอบพระนครชั้นในแล้วเลี้ยวลงตามถนนบำรุงเมือง ประทับรถพระที่นั่งที่น่าพระอุโบสถวัดสุทัศน์เทพวราราม ทราบว่าพระสงฆ์เข้าจำพรรษาแล้ว จึ่งเสด็จรถพระที่นั่งมาตามถนน เลี้ยวสี่แยกถนนเฟื่องนครประทับรถพระที่นั่งที่น่าบ้านขุนตระเวนถนนบ้านญวน จึ่งเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรตามถนนทั่วแล้ว เสด็จโดยรถพระที่นั่งกลับมาประทับที่น่าพระอุโบสถวัดราชบพิธ เสด็จเข้าไปจุดเทียนเครื่องนมัสการในพระอุโบสถพระสงฆ์เข้าจำพรรษา เวลาทุ่มเศษ เสด็จกลับถึงพระบรมมหาราชวัง

วันนี้เปลื้องเครื่องพระพุทธรัตนปฏิมากรณ์ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนสาศดาราม เปลี่ยนเครื่องฤดูร้อน เปลี่ยนเครื่องฤดูฝน โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าไชยานุชิต เสด็จไปเปลี่ยนเครื่องตามธรรมเนียม

วันที่รัชกาล ๗๙๓๕ วัน ๗ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๒ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาบ่าย ๕ โมง เสด็จพระที่นั่งประพาศถนนแลประทับถวายพุ่มด้วย คือ วัดบวรนิเวศน์ ที่ ๑ ถวายแก่พระบรมวงษ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ที่ ๒ มาประทับวัดราชประดิษฐ์ ถวายแก่สมเด็จพระพุทธโฆษาจาริย์ ที่ ๓ มาประทับวัดราชบพิธ ถวายพุ่มแก่พระวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จกลับถึงพระบรมมหาราชวัง.

วันที่รัชกาล ๗๙๓๖ วัน ๑ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๓ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาป่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย เจ้าพนักงานกรมวังแลพระยามนตรีสุริยวงษ์ พระยานรินทรราชเสนี นำพระโยธีประดิยุทธ รายามุดา ๑ พระรัษฎาธิบดี บุตรบุรุษย์พิเศษผู้ช่วยราชการ ๑ ตนกูมุดากะจิ บุตรพระยากลันตัน ๑ รวม ๓ นาย เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท

พระยานรินทรราชเสนีนำบอกเมืองกลันตัน ขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ ฉบับ ๑ ว่าได้รับของพระราชทานในการสพ พระยาเดชานุชิต เงินสลึง ๑๐ ชั่ง เนื้อไม้หนัก ๒ ชั่ง ของสมเด็จพระนางเจ้า เงินสลึง ๒ ชั่ง ซึ่งพระวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงษ์นำมาพระราชทาน

ฉบับ ๒ ว่าเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปกลันตัน โปรดเกล้า ฯ ให้หลวงปฏิพากย์พจนกร นำหีบเงินกาไหล่ทอง ๑ หีบ ดุม ๒ หีบ เงิน ๒๐๐ เหรียญ มาพระราชทานพระยากลันตันหาลงมาเฝ้าได้ไม่ จึ่งจัดให้รายามุดา พระรัษฎาตนกูมุดากะจิ ลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในเรือพระที่นั่ง

จึ่งมีพระราชปฏิสัณฐารว่า ซึ่งพระยาเดชานุชิต ผู้กำกับราชการถึงแก่กรรม มีความทรงพระอาไลยมาก แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนพระยาพิพิธภักดี, พระยากลันตันให้มีอิศริยยศใหญ่ยิ่งขึ้นไป เปนพระยาเดชานุชิต เปนผู้กำกับดูแลผิดแลชอบในราชการเมืองกลันตัน แต่ตัวรักษาราชการบ้านเมืองอยู่ไม่ได้เข้ามาเฝ้า จึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้พระยามนตรีสุริยวงษ์ รับส่งไปพระราชทาน

ให้เลื่อนพระโยธีประดียุทธ เปนพระยาพิพิธภักดีเจ้าเมืองกลันตัน, ให้พระรัษฎาธิบดี บุตรบุรุษย์พิเศษผู้ช่วยราชการ เปนพระโยธีประดียุทธ รายามุดา

ให้ตนกูมุดากะจิ บุตรพระยากลันตัน เปนพระรัษฎาธิบดี บุตรบุรุษย์พิเศษ ผู้ช่วยราชการ

แล้วมีพระบรมราชโองการ แลพระราชทานพระบรมราโชวาท แลพระราชทานพรโดยสมควร แล้วเสด็จขึ้น

เวลาย่ำค่ำเสศ เสด็จพระราชดำเนินออกทางประตูพรหมโสภา แล้วเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร น่าโรงหมอ น่าพระคลังเงิน ทอง } แล้วเสด็จมาตามน่าโรงกระสาปน์ เลี้ยวไปน่าอัฏฏวิจารณ์ศาลาออกประตูศรีสุนทรไปตามถนนข้างในกำแพงค่ามตะภานอุโมงค์ เสด็จขึ้นบนป้อมสัตบรรพตทอดพระเนตรทั่วแล้ว เสด็จกลับมาตามเชิงเทินกำแพง ประทับทอดพระเนตรป้อมโสฬศศิลา แล้วเสด็จลงตามบันไดนาคกลับมาถนนริมกำแพง เสด็จเข้าไปทอดพระเนตรในโรงทานทั่วแล้ว เสด็จไปตามถนนประทับทอดพระเนตรคลังเชือกแล้วเสด็จเข้าในประตูรัตนพิศาลเสด็จขึ้นบนออฟฟิศกรมท่าทอดพระเนตรทั่วแล้ว เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จกลับ วันนี้มีประชุมด้วย

วันที่รัชกาล ๗๙๓๗ วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๔ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่งประพาศถนนตามเคย ไปตามถนนบำรุงเมืองประทับวังพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศิริธัชสังกาศ แล้วเสด็จรถพระที่นั่งประทับวังพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ ประตูสามยอด เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับถึงพระบรมมหาราชวัง

เวลายามเศษเสด็จขึ้นจากประชุมปฤกษาราชการข้างใน แล้วเสด็จออกขุนนางตามเคย

พระยาศรีนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเมืองอุทัยธานี ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๑๐๙ ว่าได้เรี่ยไรกรมการได้เงิน ๒ ชั่ง ๗ ตำลึง ช่วยในโรงพยาบาลกรุงเทพ ฯ ขอถวายพระราชกุศล

ฉบับ ๒ บอกเมืองลพบุรี ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม ๑๐๙ ขอนายพุ่มมหาดเล็กเวรศักดิ์ เปนหลวงรามสิทธิศรยกรบัตร

ฉบับ ๓ ว่าได้เลขข้อมือขาวซึ่งมาต้องคดีอยู่ในศาลเมืองลพบุรี ๒๘ คน ขอสักท้องมือไว้รักษาสายโทรเลข

ฉบับ ๔ บอกผู้รักษากรุงเก่า ลงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๑๐๙ ว่าน้ำท่าในราษีเมถุนปี ๑๐๙ มากกว่าปี ๑๐๘ สองศอก ๓ นิ้ว นาราษฎรทำแล้วประมาณสองส่วน ราคาเข้าเปลือกตวงด้วยสัด ๓๐ ทนาน เกวียนละ ๖ ตำลึง ๓ บาท

พระสุรินทรามาตย์ นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอก เมืองเพ็ชรบุรีว่าได้เก็บเงินค่าเช่าตึกของหลวงปี ๑๐๘ ได้เงิน ๓๖ ชั่ง ๗ ตำลึง บาทสลึง ได้ซ่อมแซมพระที่นั่งเพชรภูมไพโรจ เงิน ๗ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ๓ บาทสลึง เหลือส่ง ๑๘ ชั่ง ๑๒ ตำลึงกึ่ง

ฉบับ ๒ ว่านาหลวงน่าเขาเทพนม ปี ๑๐๘ ได้ให้ขุนหมื่นกรมการปักดำเก็บเกี่ยวได้เข้าเปลือกร้อยยี่สิบเกวียนกับยี่สิบถังได้ขนขึ้นฉางหลวงแล้ว

ฉบับ ๓ ขอเบิกกระเบื้องปูพื้นซ่อมแซมพระที่นั่งไพโรจชำรุด

ฉบับ ๔ ว่า พระราชทานเบี้ยหวัดจำนวนปีชวด เงิน ๔๓ ชั่ง ๑๒ ตำลึง ออกไปพระราชทานพระหลวงขุนหมื่นกรมการได้รับไปแล้ว

จึงดำรัสถามพระยามนตรีสุริยวงษ์ว่า กระเบื้องปูพื้นนั้นในกรมพระกระลาโหมมีฤๅเปล่า พระยามนตรีกราบบังคมทูลว่ามี

แล้วดำรัสด้วยกรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์ว่า วันนี้เสด็จไปประทับวังกรมหมื่นศิริธัชสังกาศ เห็นพวกเช่าตึกทำหอนกขึ้นหลังตึกหลังคามุงด้วยจาก ฝาทำด้วยไม้ชำฉา เปนรังกาสำหรับเปนเชื้อเพลิง กรมหมื่นศิริได้กราบบังคมทูลว่าเกิดเพลิงไหม้ขึ้นสองครั้งแล้ว คนในวังต้องพากันดับให้ บัดนี้ ขอให้กรมหมื่นนราจัดการเสียใหม่ คงจะมีหลายแห่งด้วยกัน ถ้าผู้ใดจะทำให้ทำด้วยหลังคาสังกะสีฤๅจะกระเบื้องก็ได้ ฤๅจะให้เจ้าพนักงานทำก็ได้ คิดค่าเช่าเติมขึ้น

แล้วพระยาราชวรานุกูล นำพระยาพิบูลย์สงครามผู้ว่าราชการเมืองนครนายก แลเจ้าบุรีรัตนเมืองน่าน กราบถวายบังคมลาขึ้นไปรักษาราชการบ้านเมือง

โปรดเกล้า ฯ ให้พระราชทานถาดหมากคนโททองคำลูกประคำทองคำผ้าพรรณนุ่งห่ม แก่พระยานครนายก ถาดหมากคนโทเงิน ผ้าพรรณนุ่งห่มแก่เจ้าบุรีรัตนเมืองน่าน

แล้วมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพรไปถึงเจ้านครเมืองน่านด้วย

แล้วดำรัสถามพระยาศรีว่าแคร่ที่จะพระราชทานเจ้านครเมืองน่านนั้นได้มอบให้เจ้าบุรีแล้วฤๅยัง พระยาศรีกราบบังคมทูลว่าได้มอบแล้ว

แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรกับข้าราชการ ๒๓ นาย

ให้ขุนประมาณสถลมารค เป็นหลวงภูวสฐานพินิจในกรมแผนที่ ถือศักดินา ๖๐๐

ให้นายบัญชาภูมีสฐานนายเวร เปนหลวงเทศาจิตรวิจารณ์ในกรมแผนที่ ถือศักดินา ๖๐๐

ให้นายแถลงการวิตถกิจนายเวร เปนขุนประมาณสถลมารคในกรมแผนที่ ถือศักดินา ๕๐๐

ให้สมิงสุรินทรศักดิ์ เปนพระยาพระรามเจ้ากรมดั้งทองขวา ถือศักดินา ๑๖๐๐

ให้พระยาสีหจักร เปนพระยาภักดีสงครามเจ้ากรมอาทมาตซ้าย ถือศักดินา ๑๐๐๐

ให้นายจวง เปนหลวงจัตุรงควิไชยปลัดกรมอาษาใหญ่ซ้าย ถือศักดินา ๘๐๐

ให้ขุนไชยพิทักษ์ เปนหลวงอาวุธสิขิกรพนักงานปืนใหญ่สัญญา ฝ่ายพระราชวังบวร ฯ ถือศักดินา ๔๐๐

ให้หมื่นฤทธิณรงค์ เปนหลวงวิเศษรณยุทธในกรมพระกระลาโหมฝ่ายพระราชวังบวรฯ ถือศักดินา ๓๐๐

ให้ขุนแผ้วสงครามนายงาน เปนหลวงลบบาดาลปลัดกรมเขนทองซ้าย ฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดินา ๓๐๐

ให้ขุนวิเศษอักษรสมุหบาญชี เปนหลวงจงใจพบ ปลัดกรมเขนทองขวา ฝ่ายพระราชวังบวรฯ ถือศักดินา ๔๐๐

ให้หลวงประสิทธิศรจักษ์ เปนพระประสิทธิศรจักษ์เจ้ากรมทหารปืนใหญ่หลัง ฝ่ายพระราชวังบวร ฯ ถือศักดินา ๔๐๐

ให้หมื่นรักษาภักดี เปนขุนรามเดชะปลัดกรมเกณฑ์หัดอย่างฝรั่งขวาฝ่ายพระราชวังบวร ฯ ถือศักดินา ๓๐๐

ให้ขุนทยานพิฆาฏ เปนหลวงผลาญสะเทื้อนเจ้ากรมทหารปืนใหญ่น่าซ้าย ฝ่ายพระราชวังบวรฯ ถือศักดินา ๔๐๐

ให้นายคลิ้ม เปนขุนทยานพิฆาฏปลัดกรมทหารปืนใหญ่หลัง ฝ่ายพระราชวังบวร ฯ ถือศักดินา ๒๐๐

ให้นายตื๋อ เปนขุนอำนาจราวีปลัดกรมทหารปืนใหญ่น่าขวา ฝ่ายพระราชวังบวรฯ ถือศักดินา ๒๐๐

ให้นายหยัด เปนขุนแผลงศรพิศม์ปลัดกรมทหารปืนใหญ่หลัง ฝ่ายพระราชวังบวร ฯ ถือศักดินา ๒๐๐

ให้นายสวาศ เปนขุนสิทธิ์สังหารปลัดกรมทหารปืนใหญ่น่าขวา ฝ่ายพระราชวังบวรฯ ถือศักดินา ๒๐๐

ให้นายเควี่อง เปนขุนธรณินทร์สท้าน ปลัดกรมทหารปืนใหญ่น่าซ้าย ฝ่ายพระราชวังบวรฯ ถือศักดินา ๒๐๐

ให้นายซือ เปนขุนสำแดงเรืองเดช ปลัดกรมทหารปืนใหญ่น่าซ้าย ฝ่ายพระราชวังบวร ฯ ถือศักดินา ๒๐๐

ให้เลื่อนหลวงเทพนรินทร์อินทรราชเสนามาตย์มหาดไทย เปนพระเทพนรินทรอินทรราชเสนามาตย์มหาดไทย เมืองสวรรคโลกย์ ถือศักดินา ๑๐๐๐

ให้หลวงณรงค์สงคราม เมืองศรีโสภณเปนหลวงสกลกำแหงยกรบัตร เมืองศรีโสภณ ถือศักดินา ๕๐๐

ให้นายต่วนกรมการ เมืองศรีโสภณ เปนหลวงอนุรักษ์อักษรผู้ช่วยราชการเมืองศรีโสภณ ถือศักดินา ๕๐๐

ให้หลวงศรีวรวงษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองสุวรรณภูม เปนราชบุตรเมืองสุรรณภูม

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น.

วันที่รัชกาล ๗๙๓๘ วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๕ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย พระยามนตรีสุริยวงษ์นำแขกเมืองเข้าเฝ้าพระยานรินทรราชเสนีทูลเบิกพระยาพิพิธภักดี ๑ พระยากลันตัน ๑ พระโยธีประดียุทธรายามุดา ๑ พระรัษฎาบุตรบุรุษย์พิเศษผู้ช่วยราชการ ๑ ดาโต๊ะลักษมานา ๑ เฝ้าทูลลองธุลีพระบาทกราบถวายบังคมลากลับออกไปรักษาราชการบ้านเมือง

แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้ดาโต๊ะลักษมานา เปนหลวงราชานุมัติบริบาล รับราชการเมืองกลันตัน

แล้วพระยานรินทรนำพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี ผู้ว่าราชการเมืองตรังกราบถวายบังคมลาออกไปรักษาราชการบ้านเมือง แลจ่าห้าวยุทธการกรมพระตำรวจในขวากราบกรายบังคมลาเปนข้าหลวงออกไปเร่งเงินภาษี อากร } หัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก หลวงอาวุธอัคนีกรมพระกระลาโหมกราบถวายบังคมลาเปนข้าหลวงออกไปชำระความฎีกาอำแดงเอมกล่าวโทษพระยาชุมพร หลวงยกรบัตรณเมืองชุมพร

จึงมีพระราชดำรัสปฏิสันฐารด้วยพระยากลันตันตามสมควร แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระราชทานผ้านุ่งห่มกับผู้ที่ไปรักษาราชการบ้านเมืองทั่วกัน แลพระราชทานพานทองคำเครื่องในพร้อมส่งไปให้พระยาเดชานุชิต ๑ ผู้กำกับดูแลผิดแลชอบราชการเมืองกลันตัน ๑ พระราชทานพานคนโทถมตะทอง แก่หลวงราชานุมัติบริบาล นอกจากนี้จะได้ออกไปเปลี่ยนเครื่องยศสำหรับตำแหน่งเดิม ซึ่งเลื่อนกันโดยลำดับ

แลพระราชทานถาดหมากคนโททองคำลูกประคำทองคำผ้านุ่งห่ม แก่พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ฯ ผู้ว่าราชการเมืองตรัง

เวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น

เวลาย่ำค่ำเสศเสด็จออกทรงรถพระที่นั่งประพาศถนนตามเคย ไปตามถนนบำรุงเมืองเลี้ยวถนนตีทอง ประทับรถพระที่นั่งที่ประตูวัดสุทัศน์เทพวราราม ดำรัสสั่งให้รถพระที่นั่งไปคอยรับเสด็จที่น่าคุกใหม่ปากตรอกดำ แล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นบนกุฎีพระธรรมวโรดม แล้วเสด็จกลับมาจากกุฎีพระธรรมวโรดมไปตามถนนค่ามตะพานวัตสุทัศน์ไปตามตรอก เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับถึงพระบรมมหาราชวัง

วันที่รัชกาล ๗๙๓๙ วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๖ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาเช้าโมงเศษเสด็จโดยพระราชยานแต่เกยน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทไปประทับพระราชยานที่เกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย รับสั่งด้วยพระบรมวงษานุวงษ์แลข้าราชการโดยสมควร แล้วเสด็จพระราชดำเนินลงเรือพระที่นั่งอุบลบุรทิศเปนพระที่นั่งทรง เรือไรซิงซันเปนพระที่นั่งรองเสด็จประพาศเกาะบางปอินแลประพาศช้างเผือกที่บ่อโพงกรุงเก่า ออกเรือพระที่นั่งอุบลบุรทิศจากตำหนักแพ เวลาเช้าโมง ๑ กับ ๑๕ มินิต พระองค์เจ้าขจรจรัสวงษ์บังคับการกำกับให้นายสมต้นหนเดินเรือ ๓ โมงเช้าเข้าปากเกล็ดแล้วเดินเรือต่อไป ถึงพระราชวังบางปอินเวลาบ่ายโมง ๑ เรือพระที่นั่งเทียบท่าที่ตพานเสด็จ เสด็จขึ้นประทับแรมพระที่นั่งเวหาศจำรูญ.

วันที่รัชกาล ๗๙๔๐ วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๗ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

วันนี้ไม่เสด็จออก.

วันที่รัชกาล ๗๙๔๑ วัน ๖ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๘ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาเช้าโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นดำรงราชานุภาพไปเลี้ยงพระที่วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ ฉันในพระอุโบสถ ๑๐ รูป การปเรียญ ๑๑ รูป ศาลา ๓๒ รูป รวมพระสงฆ์ ๕๓ รูป เปนจำนวนพระราชาคณะพระครูถานานุกรมปเรียญในวัดแขวงกรุงเก่าทั้งสิ้น กับอันดับวัดนิเวศน์ธรรมประวัติด้วย

เวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จพระราชดำเนินด้วยเรือพระที่นั่งเก๋งไปประทับในพระอุโบสถถวายพุ่มพระสงฆ์ทั่วแล้ว เสด็จไปนมัสการพระคันธารราษฎ์พระศรีมหาโพธิ นาคปรก พระพุทธรูปในการปเรียญ แลพระปริยัติธรรม แลทอดพระเนตรศาลานักเรียนๆ หนังสือ ข้างในเสด็จถวายพุ่มพร้อมกับเวลาเสด็จด้วย แต่เปนคนละกระบวน เสด็จกลับค่ำ.

วันที่รัชกาล ๗๙๔๒ วัน ๗ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๙ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

วันนี้ไม่ได้เสด็จออก.

วันที่รัชกาล ๗๙๔๓ วัน ๑ ๑๐ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๑๐ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

วันนี้ไม่ได้เสด็จออก.

วันที่รัชกาล ๗๙๔๔ วัน ๒ ๑๑ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๑๑ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

วันนี้ไม่ได้เสด็จออก.

วันที่รัชกาล ๗๙๔๕ วัน ๓ ๑๒ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๑๒ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาย่ำค่ำเสด็จออกทรงเรือพระที่นั่งคอนโดเลอ ๔ แจวประพาศตามลำน้ำอ้อมเกาะไปประทับวัดกำแพงแล้วเสด็จมาประทับเยี่ยมท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภรรยาพระยาภาสกรวงษ์ที่เรือไรซิงซัน เสด็จกลับแล้วประกับพระที่นั่งวโรภาศพิมาน เจ้านายแลข้าราชการเฝ้า เสด็จขึ้น ๒ ทุ่ม.

วันที่รัชกาล ๗๙๔๖ วัน ๔ ๑๓ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๑๓ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

ไม่ได้เสด็จออก วันนี้สมเด็จพระนางเจ้าพระอรรคชายาเธอ เสด็จไปเยี่ยมท่านผู้หญิงเปลี่ยน ที่เรือไรซิงซัน พร้อมด้วยเจ้าจอมพิศบุตรของท่านผู้หญิงเปลี่ยนด้วย.

วันที่รัชกาล ๗๙๔๗ วัน ๕ ๑๔ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๑๔ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาบ่ายโมง ๑ เสด็จออกทรงเรือพระที่นั่งโสภณภควคีลำใหม่ ออกจากพระราชวังบางปอินขึ้นไปกรุงเก่าเลี้ยวหัวลอน่าวังจันทร์เกษมเข้าลำน้ำแควป่าสัก บ่าย ๔ โมงถึงบ่อโพงที่โรงช้างสำคัญ เสด็จขึ้นประทับในโรงช้างที่นี่ มีงานฉลองสวดมนต์ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มา ๓ วัน วันนี้มีงานมหรสพไม้ลอยญวนหกแลลครสมโภช พอเสด็จถึง ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้วทรงประเคนไทยธรรมแก่พระสงฆ์ ๑๐ รูป มีพระธรรมราชานุวัติเปนต้น แล้วพระสงฆ์อนุโมทนา ทอดพระเนตรช้างสำคัญที่ในโรงแล้วเสด็จออกประทับที่พลับพลาน่าโรงช้าง พระยาศรีสิงหเทพนำบอกเมืองนครจำปาศักดิ์กราบทูลว่าได้รับท้องตราพระราชสีห์ โปรดเกล้าฯ ขึ้นไปให้แต่งเจ้านายท้าวพระยาลาวคุมช้างพลายสำคัญลงมากรุงเทพฯ ในเทศการแล้ง รัตนโกสินทร์๒๒ศก ๑๐๘ แล้ว

ครั้นวันที่ ๒ มินาคม พระยามหาอำมาตยาธิบดีแลเจ้านครจำปาศักดิ์จึ่งได้แต่งให้เจ้าสุทธิสารผู้ว่าที่ราชวงษ์ เจ้าโพธิสารผู้ว่าที่ราชบุตร ท้าวพระยานายไพร่รวม ๘๕ คน คุมช้างพลายสำคัญสูงศอกคืบ กับนายแก้วหมอนายสีดาควาญ แลเชื่อกบาศคล้องช้างสำคัญนี้หนึ่งเส้นอากาศ ช้างพลายสำคัญหนึ่งเข้ามาขอพระราชทานถวาย แล้วนำเจ้าสุทธิสารว่าที่ราชวงษ์ เจ้าโพธิสารว่าที่ราชบุตรเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท รับสั่งถามศุขทุกข์ตามสมควรแล้วโปรดเกล้า ฯ ให้กรมช้างนำช้างสำคัญมายืนถวายทอดพระเนตรน่าพลับพลา โปรดเกล้า ฯ ให้พระวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงษ์ รดน้ำพระพุทธมนต์ช้างสำคัญด้วยหม้อเงินหม้อทอง เพราะเปนเชื้อสายหมอเถ้า (คือกรมสมเด็จพระบำราบปรปักษ์) ช้างสำคัญนี้เปนช้างพลายสูง ๓ ศอกเศษหูหางสรรพสีตัวขนาดเผือกโท ตางามมากขนเล็บประมาณหางมิสู้งาม เทียบขนาดทระเสวตรวรสรรพางค์ งามกว่าพระเสวตรวรลักษณ์ สู้พระเสวตรสกลวโรภาศแลพระเสวตรรุจิราภาพรรณ์ไม่ได้ ทอดพระเนตรช้างแล้วเสด็จกลับลงเรือพระที่นั่งโสภณภควดีล่องลงมาถึงพระราชวังบางปอิน เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๗๙๔๘ วัน ๖ ๑๕ ๘ ค่ำ ปีขานโท๒๓ศก ๑๒๕๒

วันที่ ๑๕ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓)

เวลาย่ำค่ำเสด็จออกประทับพระที่นั่งวโรภาศพิมาน เจ้านายข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ไม่มีราชการอไร ประทับอยู่ประมาณชั่วทุ่มหนึ่งเสด็จขึ้น.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ