ตอนที่ ๑๗ พราหมณ์เกสรพบนายพราน ครั้นทราบข่าวลักษณวงศ์ จึงขอให้มาเข้าถวายตัว

๏ จะกล่าวถึงเกสรสมรน้อย แสนละห้อยโหยไห้ในไพรสัณฑ์
กลับเป็นพราหมณ์ตามองค์พระทรงธรรม์ เจ้าทรงครรภ์โอรสกำหนดนาน
รูปนิมิตปิดป้องไม่มองเห็น จึ่งดูเป็นชายชาติอันอาจหาญ
ระทมทนเวทนามาช้านาน แสนกันดารดั้นดงมาองค์เดียว
ยังมีนายพรานไพรไล่มฤค ดูพิลึกคลาไคลในไพรเขียว
นายพรานเห็นพราหมณ์ด้นมาคนเดียว คิดเฉลียวหว่าหวาดประหลาดใจ
แฝงพฤกษาเพ่งพิศพินิจนิ่ง ดูเพริศพริ้งนวลละอองงามผ่องใส
เอี่ยมสะอาดอ้อนแอ้นอ่อนละไม แลวิไลกิริยาเหมือนนารี
รูปจริตเป็นหญิงทุกสิ่งสม เว้นแต่นมมิได้เหมือนนารีศรี
นะแน่งน้อยนวลหน้าจะปรานี ไฉนนี่จึ่งมาเที่ยวคนเดียวเดิน
แล้วทักถามว่าเจ้าพราหมณ์จะไปไหน เจ้าตกใจงงงวยให้ขวยเขิน
ทรุดพระองค์ลงแอบอยู่แนบเนิน พรานก็เดินเข้าไปให้ใกล้พราหมณ์
อย่าตกใจนะเจ้าอย่าเศร้าสร้อย เจ้าหนุ่มน้อยรูปหล่อพี่ขอถาม
จะไปไหนจงแจ้งแสดงความ ได้เดินตามทางเถื่อนเป็นเพื่อนกัน ฯ
๏ เจ้าพราหมณ์กลัวแก้ตัวไปตามขัด น้องนี้พลัดพวกเพื่อนในไพรสัณฑ์
มาเที่ยวชมแนวป่าพนาวัน ก็พลัดกันมีกรรมให้จำเป็น
จะคืนเข้าธานีบุรีราช ก็แคล้วคลาดหาทางไม่พบเห็น
ก็หมายตนว่าตายไม่หมายเป็น ทุกเช้าเย็นอกชํ้าระกำกาย
มาพบพี่ดีใจเห็นไม่ม้วย เอ็นดูด้วยพาไปเหมือนใจหมาย
จะไปไหนก็จะไปเป็นเพื่อนตาย ยังมากมายหรืออยู่ทางจะถึงเมือง
พรานสดับสุนทรอันอ่อนหวาน ให้สงสารที่เจ้าแจ้งแสดงเรื่อง
อนิจจาเคราะห์กรรมให้จำเคือง มาไปเมืองเถิดนะเจ้าลำเพาพาล
อันยุบลนคราเป็นผาสุก แสนสนุกปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
อันพระจอมขัตติยาสุธาธาร เธอพึ่งผ่านพาราได้ห้าวัน
พี่พรานเจ้าเล่าไปอย่างไรพี่ เจ้าธานีพึ่งเสวยมไหศวรรย์
ทรงพระนามชื่อไรพระใจธรรม์ พระชนม์นั้นหนุ่มแก่สักเพียงไร
เจ้าเพื่อนรักทรงศักดิ์เป็นหนุ่มน้อย ดูแช่มช้อยชูชิดพิสมัย
ชื่อพระลักษณวงศ์ผู้ทรงชัย ภูวไนยเสด็จมากับพาชี
ในคำข่าวว่าท้าวเธอแสนเทวษ เที่ยวตามองค์อัคเรศมเหสี
มาหลงรักพระธิดาเจ้าธานี เกิดโกลีรณรงค์กับทรงภพ
ท้าวชนะทรงฤทธิ์บิตุเรศ ก็เกรงเดชภูธรขจรจบ
จึ่งได้นางครองเมืองเรืองพิภพ พระเลิศลบเห็นจะลืมสุดาเดิม
ละเลิงจิตพิศวงหลงสวาท ด้วยนุชนาฏนงรามงามเฉลิม
น่าสงสารกัลยาสุดาเดิม จะคลั่งเคลิ้มเที่ยวหลงพะวงตาม ฯ
๏ พราหมณ์สดับพจมานสารแถลง ดั่งศรแผลงทรวงปลาบให้วาบหวาม
ก็รู้ว่าผัวรักประจักษ์ความ ทรวงเจ้าพราหมณ์เพียงจะพังกำลังแค้น
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงผอยผอย ทำชม้อยดูมือที่ถือแหวน
นายพรานว่าน้องน้อยอย่าพลอยแค้น เป็นทุกข์แทนมเหสีกระษัตรา
นางนั้นเป็นพี่น้องหรือร้องไห้ ชำเลืองไปดูแหวนที่หัตถา
หรือธำมรงค์ขององค์นางกัลยา เจ้าโศกาถึงเจ้าของหรือน้องรัก
พราหมณ์แถลงแกล้งกล่าวเป็นราวเรื่อง อันขวัญเมืองโฉมตรูไม่รู้จัก
ได้ฟังเรื่องนุชนาฏนิราศรัก วิตกนักถึงเมียที่อยู่เมือง
เจ้าอยู่หลังสาวน้อยจะคอยหา จะโศกากำสรดไม่ปลดเปลื้อง
นิราศร้างไกลนางมาห่างเมือง เหมือนหนึ่งเรื่องสองกระษัตริย์ที่พลัดกัน
อันแหวนนี้ทรามเชยเจ้าเคยถือ เอาติดมือมาใส่ในไพรสัณฑ์
ยิ่งเห็นแหวนแสนสะอื้นทุกคืนวัน สุดจะกลั้นกลืนโศกจึ่งโศกี
เจ้าลวงพรานมิให้แคลงกินแหนงจิต ยิ่งคิดคิดก็ยิ่งแค้นพระโฉมศรี
โอ้โอ๋อนิจจาพระสามี ไม่เห็นทีที่จะขาดสวาทเชย
เสียแรงน้องติดตามด้วยความยาก หวังจะฝากชีวานิจจาเอ๋ย
ชะน้อยหรือนํ้าพระทัยกระไรเลย เมื่อยามเชยมิให้ชํ้าด้วยคำคม
แต่ล้วนว่าถึงจะตายไม่วายรัก ทั้งไตรจักรพี่ไม่ปองเป็นสองสม
มิทันไรได้คู่ไว้ชูชม เกสรเอ๋ยอกจะกรมจะกรอมตาย
รู้กระนี้ก็จะอยู่ในคูหา ถึงวอนว่าก็ไม่รักอย่าพักหมาย
เพราะหลงลมจึ่งต้องยากลำบากกาย แสนเสียดายพิสวาสจะขาดกัน
เสียแรงมาจะให้พบประสบพักตร์ จะสิ้นรักหรืออย่างไรไฉนนั่น
เข้าถวายตัวอยู่ได้รู้กัน เมื่อทรงธรรม์ลืมแล้วจะลาตาย
เจ้าน้อยจิตคิดแค้นแสนเทวษ ชลนานองเนตรไม่ขาดสาย
กันแสงโศกสะอื้นไห้มิใคร่คลาย ข้างฝ่ายนายพรานป่าก็ปรานี
จึงร้องห้ามว่าเจ้าพราหมณ์อย่าร้องไห้ ตัดอาลัยเสียเถิดพ่อไม่พอที่
จะเป็นทุกข์ตรมใจไปไยมี อันนารีตามตลาดดาษดา
ถึงแม้นเสียเมียเก่าหาเอาใหม่ คงจะได้สมมาดปรารถนา
รูปเจ้าพราหมณ์งามเพลินจำเริญตา กลัวแต่ว่าสาวสาวจะใส่ใจ
ว่าแล้วนายพรานก็ชวนพราหมณ์ พากันข้ามโขดเขินเนินไศล
ละเลาะลัดตัดทางมากลางไพร มาถึงชานเวียงไชยอันใหญ่ยง
นายพรานชี้ตรงนี้แล้วยอดปรางค์ แลสล้างสุกอร่ามงามระหง
ปราสาทนี้ของพระลักษณวงศ์ ปราสาทนั้นบิตุรงค์ของนงนุช
เจ้าพราหมณ์เห็นปรางค์ไชยมไหศวรรย์ เกษมสันต์ยินดีเป็นที่สุด
ดังหนึ่งได้เห็นองค์พระทรงภุช ก็ยั้งหยุดยืนนิ่งอยู่กลางทาง
พรานเตือนว่าอย่าหยุดเข้าฉุดหัตถ์ พราหมณ์สะบัดมิให้ต้องกลัวหมองหมาง
เจ้าขวยเขินเดินไปตามใจนาง พูดกันพลางชวนเดินดำเนินมา ฯ
๏ ครั้นถึงบ้านพรานเชิญเจ้าพราหมณ์น้อง สำรวลร้องเรียกขึ้นบนเคหา
แล้วบอกลูกสาวสรรค์กัลยา นี่น้องข้าเพื่อนยากกันกลางไพร
เจ้าเป็นคนหลงทางมากลางเถื่อน มาพบกันเป็นเพื่อนได้ปราศรัย
เจ้าก็เป็นคนซื่ออย่าถือใจ เอาฟืนไฟหมากพลูบุหรี่มา
ลูกสาวพรานเห็นพราหมณ์ช่างงามพริ้ง ก็เวียนวิ่งออกมามองตามช่องฝา
เสียงแกรกแกรกแหวกลอดแล้วสอดตา จัดแจงหาหมากพลูบุหรี่พวง
เจ้าพราหมณ์ค่อยปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ อาศัยพรานทำสุภาพไม่จาบจ้วง
ที่ล้าเลื่อยเหนื่อยกายค่อยคลายทรวง อยู่เสบยเลยล่วงมาหลายวัน
แล้วรำจวนหวนจิตคิดถวิล ถึงพระปิ่นจักรพงศ์ผู้ผัวขวัญ
อยู่อย่างนี้ที่ไหนจะพบกัน จำจะผันผ่อนเข้าถวายตัว
จึ่งอ้อนวอนพรานไพรปราศรัยสนอง พี่พาน้องไปถวายพระอยู่หัว
เมื่อพระองค์ทรงโปรดได้ตั้งตัว ค่อยยังชั่วแล้วไม่ลืมพระคุณเลย ฯ
๏ นายพรานฟังเห็นชอบตอบสนอง ดีแล้วน้องคิดงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
เข้าเป็นข้าท้าวไทเสียให้เคย ได้เสบยพี่ชายสบายใจ
พรุ่งนี้รุ่งสุริยาจะพาเจ้า เข้าไปเฝ้าจอมภพจบสมัย
เจ้าพราหมณ์ฟังชื่นชอบให้ขอบใจ ยิ้มละไมแย้มพรายกับนายพราน
ครั้นรุ่งแจ้งแสงสว่างกระจ่างฉาย ทั้งสองนายปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
แล้วแต่งตัวนุ่งห่มให้สมการ เจ้าพราหมณ์พรานชวนกันรีบครรไล
ทั้งหญิงชายเห็นพราหมณ์งามเฉิดฉัน สะกิดกันว่าคนนี้อยู่ที่ไหน
นางสาวสาวแลดูให้ชูใจ กระแอมไอพอให้เหลียวแล้วเลี้ยวบัง
ทั้งสองนายมาถึงท้ายสนม ชวนกันชมสินค้าตามหน้าถัง
มีร้านรายขายผ้าจนหน้าวัง เจ้าแขกนั่งอยู่กับเมียฝีปากนาง
เห็นเจ้าพราหมณ์ร้องเรียกออกเพรียกแซ่ มาดูแพรข้าขายลายสล้าง
ถึงไม่ซื้อก็มานั่งกินหมากพลาง ผ้าลายอย่างถ้าเจ้านุ่งก็สมตัว
เจ้าพราหมณ์อายชายเนตรชำเลืองค้อน ข้างโน้นวอนข้างนี้ว่าก็น่าหัว
บ้างขายของซื้อกันออกพันพัว ปะตะกั่วทองแดงทะเลาะกัน
นายพรานพราหมณ์ตามกันด้วยหรรษา ก็รีบมาเข้าวังนรังสรรค์
มนตรีเตรียมอัดแออยู่แจจัน เจ้าพราหมณ์พรั่นไม่เคยเข้าในวัง
พวกอำมาตย์หนุ่มหนุ่มเข้ารุมล้อ ไม่ตอบต่อเดินไปดั่งใจหวัง
ถึงทวารท้องพระโรงลับแลบัง สองนายนั่งคอยเสด็จภูวไนย
พราหมณ์คะนึงถึงแหวนแสนวิเศษ ที่เทเวศหิมพานต์ประทานให้
ถ้าคนเห็นอยู่ฉะนี้จะมีภัย จะแก้ไขบังตาประชาชน
จึ่งยอกรขึ้นวางเหนือหว่างเกศ ขอเทเวศเทพไทในไพรสณฑ์
ช่วยป้องปิดนัยนาประชาชน อย่าให้คนเห็นแหวนอันอำไพ
ด้วยเดชะนุชนาฏเจ้าปรารถนา เทพดาก็บันดาลกำบังให้
ประสิทธิ์สมที่ประสงค์จำนงใจ ไม่มีใครเห็นธำมรงค์เรือง ฯ
๏ ปางพระลักษณวงศ์ผู้ทรงศรี เข้าสู่ที่สระสรงแล้วทรงเครื่อง
เสด็จออกยังท้องพระโรงเรือง ขุนนางเนืองหมอบก้มประนมกร
ทั้งสองนายก้มกรานคลานเข้าเฝ้า แล้วน้อมเกล้าบังคมพระทรงศร
เจ้าพราหมณ์พรั่นในอุราให้อาวรณ์ ชำเลืองดูภูธรไม่วางตา
ประจักษ์แจ้งว่าทูลกระหม่อมผัว ค่อยคลายกลัวกลับคิดเสน่หา
รำลึกถึงความสวาทนิราศมา เจ้าก้มหน้าชลเนตรละลุ่มลง
พระทรงเดชทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์น้อย ช่างแช่มช้อยชูจิตพิศวง
ตะลึงแลเพ่งพิศพินิจทรง เหมือนอนงค์งามพริ้งทุกสิ่งอัน
ละม้ายเหมือนเกสรสมรมาศ คิดประหลาดแต่ที่ไม่มีถัน
เหตุไฉนเข้ามาแล้วจาบัลย์ อัศจรรย์อั้นอึ้งตะลึงไป ฯ
๏ นายพรานไพรพรั่นจิตให้คิดขาม กระซิบห้ามพราหมณ์น้องอย่าร้องไห้
ศิโรราบกราบทูลขึ้นทันใด ขอเดชะทรงชัยเฉลิมวงศ์
เจ้าพราหมณ์นี้เป็นน้องกระหม่อมฉัน เจ้าหมายมั่นภักดีโดยประสงค์
ขอถวายตัวเป็นทาสบาทบงสุ์ พระผู้ทรงธรณีจงโปรดปราน
พระทรงฟังเอื้อนอรรถแล้วตรัสถาม ดูราพราหมณ์วงศามหาศาล
ไฉนเป็นเชื้อวงศ์กับพงศ์พราน ดูอาการแปลกกันนี่ฉันใด
ขอเดชะพระจอมกระหม่อมโลก เจ้าพราหมณ์น้อยนี้วิโยคละห้อยไห้
ผู้เดียวเดินหลงทางมากลางไพร หม่อมฉันได้พามาถึงธานี ฯ
๏ จักรพงศ์ทรงฟังให้สังเวช คะนึงเหตุหวนหามเหสี
ความก็แม้นรูปก็เหมาะเหมือนเทวี พระจักรีหวั่นหวาดประหลาดใจ
ร้องเรียกพราหมณ์งามเพรามาเฝ้าชิด นิ่งพินิจพิศวงให้สงสัย
พระชม้อยพราหมณ์น้อยชม้ายไป ประสานสองต้องนัยนากัน
จึ่งตรัสถามว่าเจ้าพราหมณ์นี้ชื่อไร เหตุไฉนเข้ามาแล้วจึ่งโศกศัลย์
เจ้าพราหมณ์ก้มพักตร์แล้วจาบัลย์ ให้อัดอั้นอยู่ในอกไม่อาจทูล
คิดจะใคร่แจ้งความเสียตามสัตย์ ให้เคืองขัดคั่งแค้นไม่เสื่อมสูญ
ทั้งเจียมตัวเอกายิ่งอาดูร ไร้ประยูรวงศ์ญาติจะพาดพิง
มาตกอยู่ธานีบุรีเขา เหมือนโคเข้าฝูงราชสีห์สิงห์
ถึงพระจอมภูวนาถสวาทจริง อันเมียมิ่งมันจะทำให้รำคาญ
แต่หวนหวนป่วนจิตให้คิดขาม ครั้นซํ้าถามก็มิใคร่จะทูลสาร
จึ่งกลั่นแกล้งแต่งรสพจมาน กระหม่อมฉานนามกรเกสรพราหมณ์
คิดถึงเพื่อนพิศวาสนิราศจาก เมื่อยามยากเห็นหน้าในป่าหนาม
ไม่แจ้งจิตเมียรักประจักษ์ความ จะติดตามหรือว่าไม่อาลัย
ข้างหนึ่งมีปรีดาให้ผาสุก ข้างหนึ่งทุกข์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
ระทดถึงความหลังให้คลั่งใจ จึ่งร้องไห้ถึงเรื่องนิราศมา ฯ
๏ พระนรินทร์ยินนามพราหมณ์เกสร เหมือนชื่อสมรมิ่งมิตรขนิษฐา
ดังหนึ่งแสงอัคนิรุทจุดอุรา พระหัทยาไหวหวาดประหลาดนัก
แข็งพระทัยตรัสว่านิจจาเจ้า เหมือนตัวเราที่วิตกเพียงอกหัก
ด้วยนิราศมเหสีเป็นที่รัก เยาวลักษณ์เจ้าจะอยู่ในแดนใด
เจ้าพราหมณ์พลัดซัดมาในป่ากว้าง เจ้าปะบ้างพบเห็นเป็นไฉน
อันชื่อเจ้าก็เหมือนนามนางทรามวัย โอ้ปางใดจะได้พบประสบกัน
หม่อมฉันไม่เห็นใครในไพรสาณฑ์ พบแต่พรานคลาไคลในไพรสัณฑ์
ได้รอดมาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ขอชีวันอยู่ใต้บาทบงสุ์ ฯ
๏ จอมกษัตริย์ฟังความพราหมณ์สนอง ให้หม่นหมองนิ่งคิดพิศวง
อันคำพร้องต้องตามเนื้อความตรง หรือโฉมยงติดตามเป็นพราหมณ์มา
ดูรูปโฉมคล้ายคล้ายละม้ายเหมาะ เสียงเสนาะมิได้ผิดขนิษฐา
ถ้ามีถันแล้วไม่ผิดวนิดา ทั้งพักตรามิได้ผิดพระเทพี
รักเจ้าพราหมณ์เหมือนหนึ่งนุชสุดสวาท ภูวนาถคล้ายเคลิ้มว่าโฉมศรี
โปรดประทานสไบบางที่อย่างดี ร้องเรียกพราหมณ์จรลีเข้าข้างใน
แล้วตรัสบอกนางยี่สุ่นมเหสี เจ้าพราหมณ์นี้โสภาจะหาไหน
เจ้าเป็นคนหลงทางมากลางไพร พรานเขาได้มาถวายเป็นขวัญตา
ยื่นพระขรรค์เรืองงามให้พราหมณ์เชิญ ดูจำเริญน่ารักเปนหนักหนา
ส่วนพระยอดสมรมิตรพระธิดา ก็ตรัสว่างามทัด[๑]กระษัตรี
เจ้าพราหมณ์แค้นแสนเคืองชำเลืองค้อน อุระร้อนหวงหึงมเหสี
แล้วชำเลืองแลดูพระภูมี แสนทวีทรวงช้ำระกำใจ
เมื่อนางยิ้มสัพยอกก็จำแย้ม กลแกมมิได้ขัดอัชฌาสัย
เจ้าชอบชิดแสนสนิททั้งวังใน ให้ปลื้มใจล้วนว่าแต่น่าเชย
เขาเย้าหยอกหยิบดอกจำปาทิ้ง ก็สู้นิ่งทำเมินสะเทิ้นเฉย
เขาพูดแอบแยบเยื้องไม่เคืองเลย ทุกคนเคยร้องเรียกว่าพ่อพราหมณ์ ฯ
๏ จักรพงศ์ทรงภุชสุดสวาท ยามประภาษเย้าหยอกไม่หยาบหยาม
เสวยแล้วโปรดปรานประทานพราหมณ์ ให้นางห้ามเลื่อนเทียบใส่เตียบทอง
ยามบรรทมบนบรมแท่นรัตน์ เจ้าพราหมณ์พัดบำเรอเสนอสนอง
พอใจตรัสชมโฉมประโลมลอง สองต่อสองแย้มสรวลสำรวลกัน
เจ้าพราหมณ์ทูลเลียงเลียบประเทียบเรื่อง หม่อมฉันมาอยู่เมืองเกษมสันต์
พึ่งละอองบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ ลืมกระสันถึงนิราศสวาทมิตร
พระองค์ครองราไชยมไหศวรรย์ สารพันยศศักดิ์อัคนิษฐ์[๒]
มีพระมิ่งมเหสีสมรมิตร ประไพพิศเพียงเทพกัลยา
เสวยสุขดังศักดิ์จักรพรรดิ ยอดกระษัตริย์ในทศทิศา
เห็นจะลืมสาวสวรรค์กัลยา ที่นิราเริศร้างไปห่างไกล ฯ
๏ พระจอมเมืองฟังเรื่องเจ้าพราหมณ์ถาม จึ่งตรัสความตามตรงไม่สงสัย
เวลาเพลินก็ให้เพลินจำเริญใจ ลืมอาลัยนุชนางแต่ลางวัน
รำลึกถึงเพื่อนยากนั้นมากนัก ใช่ว่าจักหลงใหลมไหศวรรย์
แต่หวนหวนจะไปหาสุดาจันทร์ แล้วผ่อนผันคอยข่าวให้แน่ใจ
เจ้าพราหมณ์ฟังพจนาว่าลืมหลัง ให้แค้นคั่งพ่างเพียงเลือดตาไหล
เจ้าน้อยจิตคิดกริ่งแล้วนิ่งไว้ ถอนใจใหญ่หมอบพัดกระษัตรา
พระฟังสารทราบเสียวเฉลียวจิต เออพี่ผิดแล้วแม่ยอดเสน่หา
โฉมเจ้าพราหมณ์ทำทีจะโศกา ดูกิริยาเห็นประหลาดอนาถนัก
พระเสแสร้งแกล้งเรียกแม่เกสร เจ้าพราหมณ์ค้อนตอบองค์พระทรงศักดิ์
กระหม่อมฉันใช่องค์นางนงลักษณ์ พระเบือนพักตร์แย้มพรายละอายใจ
จึงตรัสว่าเจ้าพราหมณ์นี่งามนัก เราก็รักเหมือนหนึ่งมิตรพิสมัย
ถ้าแม้นเป็นสตรีจะดีใจ เราจะให้เป็นจอมกระหม่อมนาง ฯ
๏ เจ้าพราหมณ์ตอบมธุรสพจนารถ พระจอมราชทรงตรัสเห็นขัดขวาง
อันชาติชายหรือจะกลายไปเป็นนาง ไม่มีอย่างพระอย่าเย้ยให้ยวนใจ
แม้นเป็นได้ถึงจะเป็นก็เห็นเปล่า พระผ่านเกล้าจะเลี้ยงสักเพียงไหน
ชะน้อยหรือเจ้าพราหมณ์ไม่เชื่อใจ เจ้าเป็นได้ก็เป็นให้เห็นจริง
ได้ฟังความพราหมณ์น้อยก็ยิ้มยิ้ม ประไพพริ้มมิได้ตอบแล้วหมอบนิ่ง
จักรพงศ์ทรงฤทธิ์คิดประวิง ให้กริ่งกริ่งตรึกตรองจะลองพราหมณ์
อันพระแสงนี้สุดบุรุษรัก สำหรับจักกลับกลอกออกสนาม
ถ้าเป็นหญิงรักใคร่จะได้งาม ก็เห็นความแต่เพียงแหวนนี้แสนรัก
จะให้เลือกหยิบของทั้งสองสิ่ง เป็นชายหญิงจะได้ดูรู้ประจักษ์
คิดแล้วหยิบธำมรงค์วางตรงพักตร์ กับพระขรรค์ยอดรักไว้เคียงกัน
จึ่งตรัสว่าอันของทั้งสองสิ่ง เป็นที่รักหนักยิ่งกว่าสิ่งสรรพ์
แต่รักเจ้ายิ่งกว่าของทั้งสองนั้น เราหมายมั่นว่าจะให้ดั่งใจจง
เจ้าพราหมณ์น้อยชอบใจสิ่งไรเจ้า จงเลือกเอาสิ่งเดียวโดยประสงค์
เจ้าพราหมณ์น้อยอภิวาทบาทบงสุ์ แล้วหยิบเอาธำมรงค์อันรูจี
พระจอมราชสุริยวงศ์ทรงพระยศ เห็นปรากฏตามลองยิ่งหมองศรี
อาดูรดิ้นจินดาให้ราคี โอ้เจ้าพี่หรือมาแกล้งจำแลงกาย
เป็นแต่เงาไหวไหวในกระจก สุดจะยกออกชมให้สมหมาย
จะว่านุชนิ่มเนื้อหรือเชื้อชาย ดูคล้ายคล้ายเคลือบแคลงระแวงใจ
พระปิ่นปักจักรพงศ์ดำรงโลก กระสันโศกพิศวงให้สงสัย
ดูเจ้าพราหมณ์เหมือนนางค่อยสร่างใจ ลืมอาลัยห้ามแหนแสนอนงค์
ลืมภิรมย์สมสนิทพิศวาส พระนุชนาฏยี่สุ่นดรุณหง
ไม่วายพิศวาสพราหมณ์อันงามทรง ละเลิงหลงมิได้ลืมอาลัยลาน
ปางพระองค์ไสยาสน์บนอาสน์แก้ว ให้ผ่องแผ้วปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
เจ้าพราหมณ์น้อยเคียงแท่นแสนสำราญ คอยรับรสพจมานโองการเธอ
ปางเสวยพระกระยาวรารส พราหมณ์ประณตน้อมนอบหมอบเสนอ
ถวายพัชนีวีบำเรอ ภูธรเธอทัศนาเป็นอาจิณ
ปางเสด็จจรลีเข้าที่สรง พราหมณ์สีบาทบงสุ์พระทรงศิลป์
บิดภูษาผ้าทรงองค์นรินทร์ พราหมณ์ยุพินเสน่หาพระสามี
ปางพระองค์ทรงแต่งเรื่องอิเหนา พราหมณ์ก็เข้าเคียงเขียนอักษรศรี
เมื่อท้าวติดพราหมณ์ก็ต่อได้พอดี ท้าวเธอมีพิศวาสประภาษชม
เจ้าพราหมณ์น้อยปราโมทย์ยิ่งโปรดนัก ยิ่งกว่าองค์นงลักษณ์นักสนม
จนห้ามแหนแสนเคืองทุกคนตรม อกระทมไปทุกคนด้วยจนใจ ฯ


[๑] งามทัด แปลว่า งามเท่าเทียมกัน

[๒] อัคนิษฐ์ = อกนิษฐ์

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ